|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,การตั้งถิ่นฐาน,การใช้ประโยชน์ที่ดิน,เชียงราย |
Author |
สมเกียรติ จำลอง |
Title |
การตั้งชุมชนถาวรของชาวเขา กรณีศึกษา : เย้าบ้านผาเดื่อ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
33 |
Year |
2529 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
Abstract |
ผู้เขียนได้กล่าวถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับการตั้งถิ่นฐานถาวรของเย้าบ้านผาเดื่ออยู่ 3 ด้าน คือ
1)ปัจจัยด้านการเมืองที่มีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ต่างเอื้อซึ่งประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างรัฐและชุมชน มีการเปิดโอกาสและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ชาวเย้าดำเนินชีวิตภายใต้ระบอบการปกครองของประเทศได้อย่างราบรื่น
2)ปัจจัยด้านเศรษฐกิจซึ่งมีการเปลี่ยนพืชจากฝิ่นมาเป็นถั่วเหลืองและพืชอื่นๆ โดยยังดำรงไว้ซึ่งโครงสร้างเศรษฐกิจตามจารีตประเพณีแบบกึ่งยังชีพกึ่งเศรษฐกิจได้ต่อไป
3)ปัจจัยด้านสังคม เย้าบ้านผาเดื่อมีวิถีทางวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อแตกต่างจากชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ก็สามารถดำเนินชีวิตไปตามวิถีของตนเองได้โดยไม่เกิดปัญหาซึ่งรัฐได้เข้าไปพัฒนาชุมชนให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ชุมชนเย้าบ้านผาเดื่อจึงเป็นชุมชนที่สงบและมั่นคง (หน้า 32-33) |
|
Focus |
ปัจจัยที่ทำให้ชาวเขาเผ่าเย้าบ้านผาเดื่อตั้งชุมชนอย่างถาวร |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
เย้า นักภาษาศาสตร์ยังมีความเห็นไม่ค่อยตรงกัน ในการจัดกลุ่มตระกูลภาษาของบางกลุ่มมีความเห็นว่า ภาษาเย้าอยู่ในตระกูลภาษาจีน-ธิเบต สาขา แม้ว-เย้า บางกลุ่มจัดภาษาเย้าอยู่ในตระกูลภาษา Austro-Thai สาขาแม้ว-เย้า เย้าไม่มีภาษาเขียนเป็นของตนเองแต่ได้รับเอารูปแบบตัวอักษรจีนมาดัดแปลงใช้ โดยอ่านออกเสียงและแปลแบบเย้า เรียกว่า ถู่สูจื้อ หรือตัวหนังสือสามัญท้องถิ่นทำให้เย้ามีตัวหนังสือเขียนที่สามารถใช้จดบันทึกเรื่องราวต่างๆ (หน้า 4) |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามตลอดปีงบประมาณ 2529 (คำประกาศกิติคุณ) |
|
History of the Group and Community |
เย้าได้อพยพมาจากประเทศจีนและกระจายตัวในประเทศจีน ไทย ลาว พม่า และเวียดนาม ส่วนเย้าบ้านผาเดื่อได้อพยพมาจากบ้านห้วยลานและบ้านหนองเต่า เขตเมืองมืง แขวงเมืองห้วยทราย ประเทศลาว เมื่อปี พ.ศ. 2488 และตั้งชุมชนของตนเองอยู่ที่บ้านผาเดื่อ ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย สาเหตุของการอพยพคือต้องการแสวงหาพื้นที่เพาะปลูกใหม่และต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารฝรั่งเศสและขบวนการลาวกู้ชาติขณะนั้น พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำโขงเข้าสู่ประเทศพม่าแล้วข้ามแม่น้ำแม่สายเข้าสู่เชียงรายโดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายอำเภอและได้ดำเนินวิถีชีวิตโดยมีการเกษตรเป็นหัวใจสำคัญ (หน้า 11-13) จากชุมชนเล็กๆ ขนาด 10 ครัวเรือน เมื่อปี พ.ศ.2488 ที่สามารถดำเนินวิถีชีวิตตามลักษณะสังคมของตนเองได้อย่างอิสระเสรี มีพื้นที่ทำกินที่กว้างขวางและอุดมสมบูรณ์จึงทำให้ครัวเรือนเย้าจากชุมชนอื่นอพยพเข้ามาอยู่ร่วมชุมชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นชุมชนขนาด 23 ครัวเรือนประชากร 206 คนในปี พ.ศ. 2505 (หน้า 14) |
|
Settlement Pattern |
หมู่บ้านผาเดื่อตั้งอยู่บนสันดินรูปสี่เหลี่ยมคางหมูของจมูกภูเขาด้านทิศตะวันออกมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร ด้านขวามือจนถึงด้านใต้ของหมู่บ้านประมาณ 2-3 กิโลเมตรมีทิวเขาสูงๆ ต่ำๆ แผ่รัศมีอยู่รอบเกือบเป็นครึ่งวงกลม มีลำห้วยใหญ่ไหลลงมาจากด้านทิศตะวันตกผ่านบริเวณนี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านหลังหมู่บ้านเป็นสันเขาสูงที่โค้งโอบหมู่บ้านไว้ตรงกลาง แล้วหักมุมเป็นสันพุ่งยาวไปทางทิศตะวันตกและเป็นแหล่งกำเนิดของลำธารเล็กๆ สี่สายที่ไหลไปลงลำห้วยใหญ่เบื้องหน้า ด้านเหนือและตะวันออกซ้ายมือเป็นหย่อมภูเขาถี่ๆ ที่ไม่สูงมากนัก ส่วนบริเวณรัศมีโดยรอบชุมชนทั้งสี่ด้านระยะห่างตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมงเดิน มีชุมชนเย้าและเผ่าอื่นๆ ตลอดจนชุมชนชาวพื้นเมืองตั้งอยู่โดยรอบ ชุมชนเย้าผาเดื่ออยู่ห่างจากศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเชียงรายไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร (หน้า 9) |
|
Demography |
สมาชิกชุมชนเย้าบ้านผาเดื่อเป็นเย้าทั้งหมดมี 84 ครัวเรือน 87 ครอบครัว ประชากร 704 คน แยกตามช่วงอายุได้ดังนี้ อายุ 0-14 ปี ชาย 134 คน หญิง 179 คน รวม 313 คน หรือร้อยละ 44.46 ช่วงอายุ 15-45 ปี ชาย 140 คน หญิง 162 คน รวม 302 คน หรือร้อยละ 42.89 ช่วงอายุ 46-65 ปี ชาย 30 คน หญิง 39 คน รวม 69 คน หรือร้อยละ 9.80 อายุ 65 ปี ขึ้นไป ชาย 9 คน หญิง 11 คน รวม 20 คน หรือร้อยละ 2.84 อัตราเพิ่มประชากรอย่างหยาบๆ ประมาณร้อยละ 3.9 ต่อปี สถานภาพของประชากรได้รับการจัดทำทะเบียนบ้านตามแบบ ทร.14 แล้ว จำนวน 43 หลังคาเรือน 45 ครอบครัว รวม 183 คน (หน้า 9) |
|
Economy |
โดยทั่วไปเย้าประกอบอาชีพทางเกษตรเป็นหลัก พืชสำคัญที่ปลูกคือ ข้าวไร่ ข้าวโพด และฝิ่น ต่อมาฝิ่นถูกประกาศเป็นพืชที่ผิดกฎหมายเย้าจึงยุติการปลูกฝิ่นและหันมาทำการเกษตรในลักษณะถาวรมากขึ้น พืชที่สำคัญคือ ข้าวและพืชไร่ต่างๆ รวมถึงการทำสวนผลไม้ พืชรายได้ที่สำคัญคือ ถั่วเหลือง และมีจำนวนไม่น้อยที่หารายได้โดยการค้าขาย หรือรับจ้างทำของ เช่น ตีโลหะเงินเป็นเครื่องประดับต่างๆ การขายของให้แก่นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเยี่ยมชมหมู่บ้านเป็นกิจกรรมที่ทำตลอดปี ในรอบปี พ.ศ.2528 รายได้รวมไม่น้อยกว่า 250,000 300,000 บาท จัดว่าชุมชนเย้าบ้านผาเดื่อเป็นชุมชนชาวเขาที่มีรายได้ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับชุมชนชาวเขาอื่นๆ ในเขตจังหวัดเชียงราย เฉลี่ยรายได้ต่อครอบครัว/ปี 30,620.75 บาท และเฉลี่ยรายได้ต่อคน/ปี 3,683.60 บาท (หน้า 6-11) |
|
Social Organization |
ลักษณะองค์กรทางสังคมของเย้าบ้านผาเดื่ออยู่เป็นครัวเรือนใหญ่ ประกอบด้วยหลายครอบครัวรวมกันในลักษณะ ที่เรียกว่าครอบครัวขยาย (Extened Family) สมาชิกในครัวเรือนมีไม่น้อยกว่า 3 รุ่นอายุ แต่มีบางครัวเรือนมีเพียง ครอบครัวเดียวตามลักษณะครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) ปัจจุบันจากผลการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ครัวเรือนเย้ามีแนวโน้มเป็นครัวเรือนขนาดเล็ก หรือเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น และในครัวเรือนขยายก็มี การแยกกันทางเศรษฐกิจอย่างค่อนข้างเด็ดขาดในแต่ละครอบครัว (หน้า 6) เย้าบ้านผาเดื่อมีวัฒนธรรมประเพณีที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองเช่นเดียวกับเย้าโดยทั่วไป หน่วยทางสังคมมีความเป็นอิสระและเป็นหน่วยที่ใหญ่ที่สุดของชุมชนระดับหมู่บ้านของเย้าในประเทศไทย (หน้า 13) |
|
Political Organization |
ในระดับครัวเรือนจะเป็นหน้าที่ของชายโดยยึดถือระบบอาวุโส ผู้อาวุโสสูงสุดในครัวเรือนคือผู้ที่มีอำนาจปกครองและเป็นผู้รวบรวมทรัพย์สินที่สมาชิกในครัวเรือนหามาได้ พร้อมกับควบคุมการใช้จ่าย ของครัวเรือน (หน้า 6) การบริหารชุมชนตามประเพณีประกอบด้วยบทบาทของ 3 ฝ่ายที่เป็นแกนหลักของชุมชน คือ หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ช่วยหัวหน้าหมู่บ้าน และหมอผี หัวหน้าครัวเรือนในชุมชนจะร่วมกันเลือกสมาชิกในชุมชน 1 คน ให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าที่ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชนละตัดสินคดีข้อพิพาทที่เกิดขึ้นรวมทั้งติดต่อกับคนภายนอก (โดยเฉพาะบุคคลต่างเผ่า) ในเรื่องเกี่ยวข้องกับชุมชน หัวหน้าหมู่บ้านจะเลือกบุคคลในชุมชนจำนวน 1-2 คนเป็นอย่างน้อย ให้เป็นผู้ช่วยปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ส่วนบทบาทของหมอผีคือประกอบพิธีกรรมตามลัทธิความเชื่อให้แก่สมาชิกในชุมชนและเป็นผู้นำทางด้านลัทธิประเพณีประจำเผ่าพันธุ์ (หน้า 13) หัวหน้าหมู่บ้านนั้นมีชื่อเรียกแบบบรรดาศักดิ์เป็น แสนพิทักษ์คีรีเขตต์ แต่งตั้งโดยปลัดอำเภอ (หน้า 15) |
|
Belief System |
คติความเชื่อหรือศาสนาของเย้าเป็นสิ่งที่รวมตัวมาจากความเชื่อหลายกระแสใต้กรอบความคิดพื้นฐานที่ยอมรับเรื่องอำนาจของผีและวิญญาณเป็นหลัก คือ เย้ามีความเชื่อว่ามนุษย์ทั้งโลกอยู่ภายใต้การปกครองของโลกเทพยดา ผู้มีอำนาจสูงสุดในจักรวาล มีเทพยดาหลายองค์ทำหน้าที่ต่างๆ ในการปกครองโลกมนุษย์ อีกความเชื่อหนึ่งคือ เย้าเชื่อว่าธรรมชาติและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ล้วนมีผีและวิญญาณของสิ่งนั้นสิงสถิตย์อยู่ จากความเชื่อหลายด้านเกี่ยวกับเรื่องของผี ทำให้เย้ามีทัศนะว่า ความมั่นคงและปลอดภัยของชีวิตมนุษย์ทั้งขณะดำรงอยู่และหลังตาย คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับผี การสร้างความสัมพันธ์กับผีตามความเชื่อนี้ทำได้โดยผ่านทางพิธีกรรมเท่านั้น ผีที่เย้านับถือแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ผีเทพยดา ผีบรรพบุรุษ และผีทั่วไป (หน้า 5 ) |
|
Education and Socialization |
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ที่หน่วยงานของกรมประชาสงเคราะห์เข้าไปจัดการศึกษาให้แก่ชุมชนเย้าก็ได้มีการพัฒนาการศึกษามาเป็นลำดับขั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนได้มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาไทยเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน การศึกษานี้ได้ส่งผลกระทบต่อประเพณีการเลือกผู้ปกครองชุมชนเพราะผู้นำชุมชนหรือหัวหน้าหมู่บ้านในระยะหลังมักเป็นคนหนุ่มที่อ่านออกเขียนได้มาแทนผู้อาวุโส (หน้า 23-25) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชุมชนเย้าเรียกตัวเองว่า เมี่ยน หรือ อิวเมี่ยน (Mien or Iumien) ซึ่งในภาษาเย้ามีความหมายว่าคนที่มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในประเทศจีน เย้าถูกเรียกว่า อูหลิงมาน ม่อหมาน ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ประมาณระหว่าง พ.ศ. 808-1131 และในสมัยราชวงศ์ซ่งจึงถูกเรียกว่า เย้า เฉยๆ (หน้า 3) |
|
Social Cultural and Identity Change |
เมื่อเย้าบ้านผาเดื่อได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยก็ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี ทั้งทางด้านการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม โดยเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะของการประนีประนอม ได้รับความพอใจทั้งทางรัฐและชาวบ้าน เย้าต้องการความมั่นคงซึ่งทางราชการได้ผลักดันกฎหมายที่ให้เย้าได้เป็นพลเมืองไทยที่ถูกต้องตามกฎหมายและยังมีโอกาสได้เลือกผู้ปกครองชุมชนที่เป็นเผ่าเดียวกันได้เองด้วย ลักษณะครอบครัวของเย้ามีความเปลี่ยนแปลงจากครอบครัวขยายมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น สตรีขึ้นมามีบทบาทในการจัดการเรื่องของครอบครัวโดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจครอบครัวมากขึ้น (หน้า 15-25) |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้ใช้แผนที่แสดงเส้นทางการอพยพของชาวเย้าบ้านผาเดื่อปี พ.ศ. 2488 หน้า ง |
|
|