สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มอญ,เกาะเกร็ด,นิเวศวิทยาวัฒนธรรม,การตั้งถิ่นฐาน,นนทบุรี
Author สมศรี ศิริขวัญชัย
Title การวิเคราะห์เชิงนิเวศวิทยาวัฒนธรรมเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ : กรณีศึกษาชุมชนมอญเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 121 Year 2541
Source หลักสูตรปริญญาสังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

การศึกษาความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในการตั้งถิ่นฐานและการปรับตัวของวัฒนธรรมชนชาติมอญในบริบทสังคมไทยองค์ประกอบสำคัญในการตั้งถิ่นฐานของชุมชนมอญเกาะเกร็ดมี 3 ประการ คือ ประเพณี เทคโนโลยีและความเชื่อ องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์พึ่งพาซึ่งกันและกันและเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของชุมชนมอญเกาะเกร็ด อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบต่างๆดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางด้านนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางนิเวศวิทยาและการแพร่กระจายของวัฒนธรรมไทย ในกรณีชุมชนมอญเกาะเกร็ด อิทธิพลจากการแพร่กระจายของวัฒนธรรมไทย ทำให้วัฒนธรรมด้านประเพณีลดความเข้มข้นลง อิทธิพลจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ระบบการผลิตแบบยังชีพในอดีตซึ่งใช้แรงงานคน สัตว์และทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลักกลายเป็นการผลิตเพื่อการค้าในปัจจุบัน ขณะที่ความเชื่อที่ให้ความเคารพแก่ผู้อาวุโสและบรรพบุรุษยังคงหลงเหลืออยู่ เพราะชุมชนมอญเกาะเกร็ดยังคงสืบทอดความสัมพันธ์ในครอบครัวและการจัดระเบียบทางสังคมที่ให้ความเคารพแก่ผู้อาวุโสและบรรพบุรุษอย่างเหนียวแน่น ทำให้ชุมชนมอญเกาะเกร็ดยังคงปรับตัวสืบทอดวัฒนธรรมของตนไว้ได้ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางสังคม(หน้า 111-117)

Focus

ศึกษาความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในการตั้งถิ่นฐานและการปรับตัวทางวัฒนธรรมของชุมชนมอญในบริบทสังคมไทย (หน้าบทคัดย่อ)

Theoretical Issues

ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

มอญ

Language and Linguistic Affiliations

มอญเป็นชนชาติหนึ่ง ซึ่งมีภาษาพูดอยู่ในตระกูลมอญ-เขมร (หน้า 4)

Study Period (Data Collection)

ไม่มีข้อมูล

History of the Group and Community

มอญเป็นชนชาติหนึ่งที่มีอารยธรรมเก่าแก่ยาวนาน และมีบทบาทเป็นต้นแบบทางการเมืองการปกครองและตัวอักษรแก่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากสั่งสมอารยธรรมความเจริญต่างๆไว้มากมาย ทั้งด้านวัฒนธรรม ศาสนาและการค้า แต่ด้วยเหตุที่มอญขาดความทะเยอทะยานในการสร้างชาติ ขาดความสามัคคี ขาดกำลังคน ขาดผู้นำที่เข้มแข็งและขาดเสถียรภาพทางการปกครอง ในที่สุดจึงต้องสูญเสียอาณาจักรทั้งหมดแก่พม่า มอญจึงไม่มีประเทศของตนเองและต้องอพยพหนี ภัยสงครามไปตั้งหลักแหล่งในที่ต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย สำหรับชุมชนมอญเกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดลำน้ำ เจ้าพระยาที่เป็นแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นชุมชนที่เจริญมาตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยา เดิมเรียกเกาะนี้ ว่า ”เกาะศาลากุน” เนื่องจากวัดที่สร้างไว้บนเกาะชื่อวัดศาลากุน ต่อมา เมื่อได้ตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้น เกาะศาลากุนจึงมีฐานะ เป็นตำบลและเรียกว่าตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงชื่อว่า “เกาะเกร็ด” ทั้งนี้มอญได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเกาะเกร็ด 2 ครั้ง ครั้งแรก ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช มอญที่เข้ามาอยู่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวทหารที่เข้ามาช่วยทำสงครามขับไล่พม่าร่วมกับทหารมอญเก่าและทหารไทยครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่สอง ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นมอญอพยพหนีภัยพม่าเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรีและทางด้านแม่ละเมา แม่สอด จังหวัดตาก มอญที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะเกร็ดส่วนใหญ่เป็นขุนนาง ทหารและพระสงฆ์ผู้ใหญ่ ได้เข้ารับราชการเป็นขุนนางจำนวนมาก มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในขั้นดี (หน้า 48-50)

Settlement Pattern

รูปแบบการตั้งถิ่นฐานหรือลักษณะการตั้งบ้านเรือนของชุมชนมอญเกาะเกร็ดสัมพันธ์สอดรับกับการดำรงชีวิตประจำวันที่ผูกพันอาศัยน้ำเป็นปัจจัยหลัก การตั้งบ้านเรือนบริเวณเกาะเกร็ดแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรก เป็นการตั้งบ้านเรือนแบบเกาะกลุ่มกันตามริมน้ำและริมทางเท้าสาธารณะรอบเกาะ ที่อยู่อาศัยมักเกาะกลุ่มรวมกันใกล้สถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัด โรงเรียน โรงงานเครื่องปั้นดินเผา เป็นชุมชนเล็กๆภายในมีร้านค้าขายอาหาร ของชำ ลักษณะที่สอง เป็นการตั้งบ้านเรือนแบบกระจายตามพื้นที่ทำกิน เพราะอาชีพส่วนใหญ่ คือ อาชีพเกษตรกรรม จึงตั้งบ้านเรือนกระจายไปตามพื้นที่สวนของตนเพื่อสะดวกในการดูแลผลผลิตและบำรุงรักษาสวนผลไม้ ลักษณะบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนริมน้ำ มีเสาสูง 2-3 เมตร ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนโล่ง มีบันไดขึ้นไปบนตัวบ้านที่แยกเป็นสัดส่วน เป็นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นและมักมีนอกชานยื่นออกมาตามริมแม่น้ำ เพื่อใช้นั่งเล่นพักผ่อนหรือรับแขก ส่วนบันไดที่ยื่นลงไปในแม่น้ำใช้เป็นที่อาบน้ำ ซักล้างหรือตักน้ำขึ้นมาใช้ในบ้าน บริเวณบ้านไม่กว้างขวางนัก เพราะมักปลูกติดกันจนหลังคาเกือบชนกันและส่วนใหญ่ไม่มีรั้วกั้น (หน้า 50-53)

Demography

ตำบลเกาะเกร็ดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 หมู่บ้าน คือ 1.บ้านลัดเกร็ด มีเนื้อที่ 380 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 174 ครัวเรือน 2.บ้านศาลากุน มีเนื้อที่ 280 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 153 ครัวเรือน 3.บ้านคลองศาลากุนมีเนื้อที่ 739 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 193 ครัวเรือน 4.บ้านคลองสระน้ำอ้อย มีเนื้อที่ 307 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 97 ครัวเรือน 5.บ้านท่าน้ำ มีเนื้อที่ 540 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 205 ครัวเรือน 6.บ้านเสาธงทอง มีเนื้อที่ 53 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 192 ครัวเรือน 7.บ้านโอ่งอ่าง มีเนื้อที่ 190 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ 75 ครัวเรือน รวมมีเนื้อที่ทั้งหมด 2,489 ไร่ มีประชากรอาศัยอยู่ทั้งหมด 989 ครัวเรือน ทั้งนี้ประกอบด้วยชุมชนหลัก 2 ชุมชน คือ ชุมชนไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่ 2 ,หมู่ 3 ,หมู่ 4 และหมู่ 5 ส่วนชุมชนมอญอาศัยอยู่ในหมู่ 1,หมู่ 6 และหมู่ 7 อัตราส่วนประชากรมอญเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 38.2 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด (หน้า 77)

Economy

มอญที่อาศัยในบริเวณเกาะเกร็ดส่วนใหญ่นั้นมักประกอบอาชีพตั้งแต่ 2 อาชีพขึ้นไปเป็นอาชีพหลักและอาชีพรอง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร รับจ้างและรับราชการ รวมทั้งอาชีพผลิตอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา อาชีพเกษตรกรรม แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ การทำสวนไม้ผลไม้ยืนต้น การทำสวนผัก การประมงและการเลี้ยงสัตว์ การทำสวนไม้ผลยืนต้นเป็นอาชีพดั้งเดิม ซึ่งมีเรือกสวนกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ยกเว้นหมู่ 6 และหมู่ 7 เพราะมีพื้นที่น้อย ลักษณะของสวนไม้ผลไม้ยืนต้นส่วนใหญ่เป็นสวนผสม คือ ปลูกพืชหลายชนิดไว้ด้วยกัน เช่น ส้มโอ กล้วย มะม่วง มะพร้าว ทุเรียน เป็นต้น ส่วนการทำสวนผัก ส่วนใหญ่จะขุดบ่อเพื่อทำบ่อผักกระเฉด ส่วนการทำประมงในเกาะเกร็ดจะทำเพื่อยังชีพ ได้แก่ การเลี้ยงปลาในบ่อภายในบริเวณบ้านหรือหัวไร่ปลายนาในที่ดินของตนเอง การปักกร่ำล่อปลาและการลอยข่ายดักปลาเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร ส่วนการเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่มักนิยมเลี้ยงสัตว์ปีกไว้เพื่อขาย เช่น เป็ด ไก่ (หน้า 70-74) อาชีพรับจ้าง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ แรงงานรับจ้างภายในพื้นที่เกาะเกร็ดและแรงงานออกไปรับจ้างนอกพื้นที่ แรงงานรับจ้างภายในพื้นที่เกาะเกร็ด แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ แรงงานรับจ้างด้านการเกษตร เช่น รับจ้างดูแลสวน เก็บผลผลิต ดายหญ้า ส่วนใหญ่เป็นแรงงานสูงอายุที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และแรงงานรับจ้างมีฝีมือ คือ ช่างซ่อมวิทยุโทรทัศน์ ช่างปั้นครกและกระถาง ส่วนใหญ่เป็นแรงงานเชื้อสายมอญเป็นคนดั้งเดิมภายในเกาะเกร็ดและเป็นแรงงานที่ทำในโรงงานเครื่องปั้นดินเผา ส่วนแรงงานรับจ้างนอกพื้นที่เกาะเกร็ด คือ แรงงานหนุ่มสาวมอญที่เดินทางออกไปทำงานตามโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆภายในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดปทุมธานีแบบไปเช้าเย็นกลับ (หน้า 74-75) อาชีพค้าขาย ส่วนใหญ่เป็นการค้าขายอาหารและของชำภายในบริเวณบ้านพักอาศัย โดยกระจายไปตามริมทางเท้าสาธารณะรอบเกาะ เป็นร้านค้าย่อยเล็กๆที่ขายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น เนื้อสัตว์ ผัก น้ำอัดลมและขนม (หน้า 75) อาชีพรับราชการ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับราชการในจังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร (หน้า 75) อาชีพผลิตอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา ภายในบริเวณเกาะเกร็ดมีโรงงานเครื่องปั้นดินเผาถึง 16 โรงงาน แต่ละโรงงานมีแรงงานไม่เกิน 5 คน เพราะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรืออุตสาหกรรมในครอบครัว ด้านการแลกเปลี่ยนและการบริโภค แบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ ระยะการผลิดแบบยังชีพและระยะการผลิตเพื่อการค้า ระยะการผลิตแบบยังชีพชุมชนมอญเกาะเกร็ดจะอาศัยเส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ซึ่งไม่สามารถผลิตขึ้นได้เองภายในบริเวณเกาะเกร็ด โดยช่างปั้นจะพายเรือไปตามลำคลองนำหม้อไหไปเร่ขายแลกข้าวสาร เครื่องนุ่งห่ม ผ้า อาหาร น้ำมันกับชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียง ส่วนระยะการผลิตเพื่อการค้า มอญจะนำรายได้ที่เกิดจากการขายสินค้าเครื่องปั้นดินเผาไปซื้อหาสิ่งของที่จำเป็นแทนการแลกเปลี่ยนสินค้า (หน้า 75-84)

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ตำบลเกาะเกร็ดอยู่ในการปกครองส่วนภูมิภาค ขึ้นอยู่กับอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้าน ลัดเกร็ด หมู่บ้านศาลากุนนอก หมู่บ้านคลองศาลากุน หมู่บ้านคลองสระน้ำอ้อย หมู่บ้านท่าน้ำ หมู่บ้านเสาธงทองและหมู่บ้านโอ่งอ่าง ตำบลเกาะเกร็ดประกอบด้วยชุมชนหลัก 2 ชุมชน คือ ชุมชนไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่ 2,หมู่ 3,หมู่ 4 และหมู่ 5 ชุมชนมอญ ซึ่งอาศัย อยู่ในหมู่ 1,หมู่ 6 และหมู่ 7 (หน้า 77)

Belief System

ความเชื่อของชุมชนมอญเกาะเกร็ดที่สำคัญ คือ ความเชื่อในการตั้งบ้านเรือน มอญมีความเชื่อในการตั้งบ้านเรือนสืบต่อมาว่าบริเวณบันไดหรือหน้าบ้านต้องอยู่ทางทิศเหนือ เพราะในสมัยโบราณมอญต้องอพยพมาจากถิ่นฐานทางทิศเหนือ จึงทำเพื่อ ระลึกถึงถิ่นฐานเดิมและมักตั้งบ้านเรือนริมแม่น้ำเพื่อสะดวกต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน ความเชื่อเรื่องการปลูกเรือน คนมอญจะดำเนินตามที่ระบุไว้ในตำราเก่าแก่ชื่อว่า “โลกสิทธิ” ตั้งแต่การเลือกเวลา ตำแหน่งที่จะปลูก การขุดและการตั้งเสา โดยเรือนของบุตรที่แต่งงานแยกครอบครัวออกมามักปลูกอยู่ใกล้เรือนบิดามารดาและถูกจัดวางให้เยื้องกับเรือนบิดามารดา เพื่อมิให้ปลายเท้าในเวลานอนตรงกับหัวนอนของบิดามารดา (หน้า 98-99) ความเชื่อเรื่องผี ที่สำคัญมี 2 ชนิด คือ ความเชื่อผีประจำหมู่บ้าน ซึ่งประดิษฐานไว้ในศาลที่ชายทุ่งและประกอบพิธีบูชาปีละครั้งโดยคนทรงเป็นผู้ประกอบพิธี ในพิธีจะมีการทำนายทายทักสภาพความเป็นไปและความอุดมสมบูรณ์ของอนาคต และความเชื่อผีบ้านหรือผีเรือน ซึ่งคนมอญเชื่อว่าทุกบ้านเรือนจะมีผีเรือนคอยคุ้มครองอยู่ ซึ่งจะนับญาติเฉพาะทางฝ่ายชายและจะตกทอดไปยังบุตรชายคนโตเรื่อยไป บ้านของบุตรชายคนโตเป็นที่ตั้งของผีบรรพบุรุษ บุตรชายคนโตต้องทำพิธีรับผี โดยต้องเก็บรักษาสมบัติประจำตัวผี ซึ่งประกอบด้วย แหวนผี 1 วง ผ้า 1 ผืน โสร่ง 1 ผืนและหม้อ 1 ใบเก็บรวมกันไว้ในตะกร้าแขวนไว้ที่เสาตรงหัวนอนและเมื่อถึงเดือนหกของแต่ละปีจะเป็นวันไหว้บรรพบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีพิธีรำผีเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของสมาชิกในกลุ่มเครือญาติที่นับถือผีบรรพบุรุษเดียวกันและพิธีคืนผี สำหรับบุตรสาวที่แต่งงานแล้วและแยกไปอยู่กับสามีของตน ซึ่งต้องทำพิธีบอกกล่าวผีบรรพบุรุษของตนว่าภายหลังแต่งงานตนต้องไปนับถือผีบรรพบุรุษของฝ่ายสามีแทน (หน้า 99-101) ประเพณีของมอญเกาะเกร็ดมีความคล้ายคลึงกับมอญที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ประเพณีสงกรานต์ หรือ “ปัจอะห์ต๊ะห์” ถือเป็นการขึ้นศักราชใหม่และบูชาพระรัตนตรัยและนางสงกรานต์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี มีการทำบุญ รักษาศีล เฉลิมฉลองอย่างมโหฬารทุกหมู่บ้าน มีกิจกรรมที่สำคัญคือ การแห่ข้าวแช่ แห่น้ำหวาน ปล่อยปลา แห้สงกรานต์ ทำบุญกลางบ้าน รำเจ้าประจำปี มอญเชื่อว่าการจัดงานจะทำให้ชีวิตมีความร่มเย็น เป็นสิริมงคล (หน้า 85) ประพณีการทำบุญออกพรรษา ก่อนออกพรรษาทุกบ้านจะเตรียมกวนขนมกระยาสารท หมักแป้งทำขนมจีน ตกแต่งบ้านเรือน วัด ให้สะอาดสวยงาม ผู้ที่ไปทำงานต่างถิ่นจะกลับบ้านเพื่อมาทำบุญ ร่วมงานรื่นเริง และพักผ่อนจากการทำงาน การทำบุญออกพรรษาจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำเดือน 11 ถึง วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยเฉพาะวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษาจะมีการถวายของแด่พระสงฆ์ เช่น ที่อำเภอปากเกร็ดจะถวายธูป หรือมอญเรียกว่า “ชวนธุป” ที่เกาะกร็ดถวายดอกไม้ (หน้า 85-86) การละเล่นเพลงเจ้าขาว เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ เพื่อชักชวนให้คนมาทำบุญร่วมกัน ในเทศกาลกฐิน เป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองสูงขึ้น จะมีการบอกบุญทางเรือชวนเชิญมาทำบุญร่วมกัน (หน้า 86) การรำมอญ หรือ “ปัว-หะเปิ้น” เป็นนาฏศิลป์ที่เก่าแก่ของมอญ แสดงทั้งงานมงคล งานฉลอง งานศพ มีท่ารำทั้งหมด 10 ท่า ใช้มือร่ายรำเป็นส่วนใหญ่ ลำตัวเคลื่อนไหวน้อย แต่ละท่ามีปี่พาทย์บรรเลงประกอบ มีตะโพนกำกับจังหวะ (หน้า 86) การรำเจ้า เป็นงานประจำปีที่ปฏิบัติมาตั้งแต่อยู่เมืองมอญมาจนถึงปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีสงกรานต์ โดยจะมีการรำเจ้าในวันทำบุญกลางบ้าน โดยจะมีศาลเจ้าประจำทุกหมู่บ้าน มีชื่อและฤทธานุภาพต่างกัน การรำเจ้าเป็นการทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจในการช้ชีวิตอย่าปกติสุข เตือนใจให้ละทิ้งความชั่ว รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลต่อชีวิต (หน้า 86) จากภาวะเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของประชากร ข้อจำกัดทางพื้นที่ ทรัพยากรในชุมชนหมดไปในปัจจุบัน ทำให้ประชากรต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่ และจากการแพร่กระจายของวัฒนธรรมอื่น ทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีเริ่มคลี่คลาย รายละเอียดต่างๆ ที่ถือปฏิบัติลดลง พิธีกรรมและความร่วมมือของชาวบ้านเปลี่ยนไปจากเดิม มุ่งเน้นส่งเสริมเพื่อการท่องเที่ยวโดยใช้วัฒนธรรมมอญเป็นจุดขายมากขึ้น ทำให้ประเพณีทั้งหลายลดความเคร่งครัดลง (หน้า 86-89)

Education and Socialization

การสืบสานภูมิปัญญาการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบเดิมของชุมชนเกาะเกร็ดขึ้นอยู่กับหัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้อาวุโสหรือในหมู่ผู้สูงอายุและในกลุ่มเยาวชนที่มีใจรักอย่างแท้จริง ปัจจุบันผู้สูงอายุที่ยังทำงานด้านนี้อยู่มีไม่เกิน 20 ครอบครัวและมีคนรุ่นใหม่สนใจประมาณไม่เกิน 10 คน เพราะการผลิตเครื่องปั้นดินเผาได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตตามระบบตลาด (หน้า 96-97)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การทำเครื่องปั้นดินเผาของชุมชนมอญเกาะเกร็ดจะแยกเป็น 2 แบบ คือ การทำโอ่ง อ่าง ครก จะผลิตในหมู่ 1 และการปั้นกระถางปลูกต้นไม้ คนโท(กุณโฑ)น้ำ จะผลิตในหมู่ 6 และหมู่ 7 ปัจจุบันชุมชนมอญเกาะเกร็ดเลิกผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดใหญ่แล้ว เช่น โอ่ง เหลือแต่ครก กระถางและของชิ้นเล็กๆที่ยังมีการทำกันอยู่ (หน้า 94)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ชุมชนมอญเกาะเกร็ดได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยและได้รับการคุ้มครองเท่าเทียมพลเมืองไทย มีฐานะเป็นไพร่หลวงมีหน้าที่เข้าเวรรับราชการและมีสิทธิได้รับพระราชทานตราภูมิคุ้มห้ามเพื่อลดหย่อนภาษีอากรเป็นสิ่งตอบแทนในการรับราชการ รวมทั้งการคุ้มครองทางศาลซึ่งเท่าเทียมคนไทย (หน้า 46) ส่วนการเรียกชื่อที่นัยยะของความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกัน พม่ามักเรียกมอญว่า “ตะเลง” ซึ่งมอญไม่ชอบชื่อนี้และมักเรียกตนเองว่ามอญมากกว่า (หน้า 35)

Social Cultural and Identity Change

ระบบความเชื่อและความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ให้ความเคารพยำเกรงต่อผู้อาวุโสและบรรพบุรุษลดลง เนื่องจากหนุ่มสาวเชื้อสายมอญในวัยทำงานมีแนวโน้มออกไปหางานทำนอกชุมชนมากขึ้น และแยกครอบครัวไปอยู่ภายนอกชุมชนเกาะเกร็ด (หน้า 102-104) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของชุมชนมอญเกาะเกร็ด ได้แก่ ปัจจัยด้านนโยบายของรัฐที่ต้องการให้เกาะเกร็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดการรณรงค์ฟื้นฟูประเพณีที่สำคัญ ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา ปัจจัยด้านนิเวศวิทยา โดยเฉพาะด้านกายภาพ สภาพเป็นเกาะ ไม่มีสะพานเชื่อมเกาะกับแผ่นดินใหญ่ ต้องอาศัยการคมนาคมด้วยเส้นทางน้ำ ไม่มีถนนหนทางที่สะดวกสบาย ทำให้ชุมชนมอญเกาะเกร็ดยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ได้ และปัจจัยด้านการแพร่กระจายวัฒนธรรมไทยเข้าสู่ชุมชนมอญ ด้วยการอาศัยอยู่ร่วมกันทำให้เกิดการกลืนกลายทางชนชาติด้วยการแต่งงานและการรับ ค่านิยมต่างๆของไทยผ่านระบบการศึกษา (หน้า 105-110)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

แผนที่ 1 : แผนที่ภาคกลางประเทศไทยแสดงที่ตั้ง จ.นนทบุรี (หน้า 129) แผนที่ 2 : แผนที่จังหวัดนนทบุรี แสดงเขตการปกครอง (หน้า 130) แผนที่ 3 : แผนที่แสดงที่ตั้งพื้นที่ศึกษา ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี (หน้า 131) ภาพที่ 1 : แบบจำลองการตั้งถิ่นฐานมนุษย์เชิงระบบนิเวศน์ (หน้า 19 ) ภาพที่ 2 : แสดงการแบ่งเขตหมู่บ้านทางการปกครองในตำบลเกาะเกร็ด (หน้า 52) ภาพที่ 3 : ลักษณะการตั้งบ้านเรือนริมน้ำ (หน้า 54) ภาพที่ 4 : ลักษณะบ้านเรือนในเกาะเกร็ด (หน้า 55) ภาพที่ 5 : ทางเดินเท้าภายในเกาะเกร็ด (หน้า 61) ภาพที่ 6 : ทางมะพร้าว เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ให้พลังงานในการผลิตงานปั้นและประกอบอาหาร (หน้า 80) ภาพที่ 7 : เตาเผาแบบจีนที่เห็นทั่วไปในเกาะเกร็ด (หน้า 90)

Text Analyst รัฐกานต์ ณ พัทลุง Date of Report 28 มิ.ย 2560
TAG มอญ, เกาะเกร็ด, นิเวศวิทยาวัฒนธรรม, การตั้งถิ่นฐาน, นนทบุรี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง