|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,ทัศนคติ,การเมือง,สังคม,พะเยา |
Author |
ประสาน สิทธิชุ่ม |
Title |
ทัศนคติและพฤติกรรมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าเย้า |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
154 |
Year |
2529 |
Source |
หลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
เนื้อหางานเขียนศึกษาถึงทัศคติต่อสังคมและการเมืองไทยของเย้ากลุ่มตัวอย่าง 157 คน ที่อยู่ใน 12 หมู่บ้านในตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ที่มีประสบการณ์เรื่องการรับข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองและสังคมไทย การติดต่อสัมพันธ์กับสังคมไทย การทำงานของข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับชาวเขา ซึ่งจากการศึกษาพบว่า เย้า 73.5 % มีทัศนคติที่ดีต่อสถาบันการเมืองการปกครองไทย เช่น การไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้แทนราษฎร 71.4 % มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัติร์ย์ 98.2 % นอกจากนี้ยังมีการเปิดรับข้อมูลข่าวสารการเมือง ส่วนในด้านสังคมเช่น 78.9 % ตกลงให้ลูกหลานแต่งงานกับคนไทยและ 86.4 %แต่งกายแบบคนไทย เป็นต้น |
|
Focus |
ศึกษาทัศนคติและท่าทีของชาวเขาต่อสังคม ต่อผู้นำไทย ระบบการเมืองการปกครองไทย และนโยบายของรัฐบาลไทย ในการพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาว่าเป็นไปในลักษณะใด จะต่อต้านหรือให้ความร่วมมือ พิจารณาตัวแปร สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมกับระยะความถี่ของการติดต่อสัมพันธ์กับสังคมไทยว่าจะมีผลต่อการเกิดทัศนคติของชาวเขาต่อสังคมและการเมืองไทยเช่นไร และเพื่อทราบถึงความรู้สึกผูกพันกับความเป็นคนไทยและ ความภักดี ต่อประเทศไทยของเย้าว่ามีมากน้อยเพียงใด และแนวโน้มของพฤติกรรมทางการเมืองของเย้าว่าเมื่อเกิด มีทัศนคติต่อสิ่งหนึ่งขึ้นแล้วจะมีผลต่อพฤติกรรมทางการเมืองอย่างไร (หน้า 10) |
|
Ethnic Group in the Focus |
เย้า โดยทั่วไป แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น แพนเย้า ( Pan Yao) คือกลุ่มที่ประกอบอาชีพแกะสลักไม้ กลุ่มฮุงเย้า (Hung Yao) คือกลุ่มที่ผ้าสีแดงพันศีรษะ กลุ่มนานติงเย้า (Nan Ting Yao) คือกลุ่มที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีน้ำเงิน ทั้งนี้ในประเทศไทยมีเย้าเพียงหนึ่งกลุ่มคือฮุงเย้า (หน้า 48) เย้ามีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปเช่นชาวยุโรปและอเมริกาเรียก Yao ส่วนเย้าจะเรียกตนเองว่า เมี่ยน (Mien) แปลว่า มนุษย์ ส่วนคนจีนจะเรียกว่า อยู่หลิงหมาน ช่วงราชวงศ์ฉิน และฮั่น เรียกเย้าว่า ม่อหมาน กระทั่งในสมัยเหนือใต้ถึงราชวงศ์ซ่งจึงเรียกว่า เย้า หมายถึง สุนัขหรือป่าเถื่อน (หน้า 48) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
บรรพบุรุษของเย้าที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ในเขตพื้นตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา เมื่อก่อนนี้เคยตั้งรกรากอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของเมืองสิงห์ เมืองหลวงน้ำทา ประเทศลาว ภายหลังได้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยที่บริเวณดอยหลวง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ครั้นมีเย้าอพยพเข้ามาอยู่เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ ขาดแคลนที่ดินเพาะปลูก ดังนั้นจึงอพยพไปอยู่ในหลายพื้นที่ในหลายจังหวัดเช่นจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำปาง เป็นต้น (หน้า 52) ส่วนอีกกลุ่มได้ย้ายมาอยู่บริเวณดอยภูลังกา ดอยผาลม ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ซึ่งมีเพี้ยงหลวง เป็นผู้นำเย้ากว่า 7,000 คน ที่ในเวลาต่อมาเจ้าเมืองน่านได้แต่งตั้งเพี้ยงหลวงเป็นพญาคีรี ศรีสมบัติ ให้เป็นผู้นำ เย้าทั้งหมดที่อยู่ในจังหวัดภาคเหนือ และในภายหลังลูกหลานของพญาคีรีทางการไทยได้แต่ตั้งให้เป็นกำนันและมีการสืบทอดตำแหน่งจนกระทั่งถึงรุ่นที่ 5 ในปัจจุบัน (หน้า 27,52) |
|
Settlement Pattern |
บ้านเย้า ส่วนใหญ่จะสร้างบ้านคลุมพื้นดิน มุงด้วยหญ้าคาและมีบ้านอีกหลายหลังที่สร้างแบบยกพื้น มุงสังกะสี หรือกระเบื้อง ในกลุ่มที่ร่ำรวยก็จะสร้างบ้านหลังใหญ่และทาสีอย่างงดงาม (หน้า 54) |
|
Demography |
ประชากรศึกษาเป็น เย้า 157 คน ที่อยู่ในเขตตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา (หน้า บทคัดย่อ,31) จากจำนวนประชากรทั้งหมด 2,573 คน บ้านเรือน 361 หลัง 417 ครอบครัว (หน้า 56) |
|
Economy |
เย้าที่เป็นประชากรศึกษาส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมเช่นทำไร่นา 124 คน รับจ้าง 2 คน ค้าขาย 3 คน และรับราชการ 6 คน (หน้า 31) |
|
Social Organization |
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างประมาณ 63.6 % มีทัศนคติต่อสถาบันทางสังคมไทย (หน้าบทคัดย่อ จ) ยอมรับสถาบันสังคมไทย ได้แก่ การแต่งกายแบบคนไทยคิดเป็น 86.4 % ตกลงให้บุตรหลานแต่งงานกับคนไทย 78.9 % นับถือสัญลักษณ์ของประเทศไทย ได้แก่ ธงชาติไทย รูปกษัตริย์ และอื่นๆ คิดเป็น 83.9 % (หน้าบทคัดย่อ จ) สำหรับทัศคติที่ไม่ดีคิดเป็น 65.7 % ได้แก่ ไม่เข้าร่วมพิธีของศาสนาพุทธ 92.5 % ไม่เข้าร่วมประเพณีต่างๆ ของไทย 86.1 % และอีก 81.6 % ไม่นับถือศาสนาพุทธ (หน้าบทคัดย่อ จ) ซึ่งในกลุ่มที่มีทัศนคติไม่ดีนี้ถือว่ามีจำนวนน้อย (หน้า 129) |
|
Political Organization |
จากการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 63.4 % มีประสบการณ์ทางตรงเกี่ยวกับระบบสังคมและการเมืองไทย โดยมีทัศนคติที่ดีต่อสังคมและการเมืองไทย 80 % และอีก 63.4 %มีพฤติกรรมทางการเมืองแบบสนับสนุนได้แก่ ใช้ชื่อไทย 34.7 % มีเพื่อนเป็นคนไทย 64.6 % เข้าร่วมประเพณีไทย 46.9 % ไปติดต่อหน่วยงานราชการหลายครั้ง 59.9 % (หน้าบทคัดย่อ จ) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขานั้นยังถือว่ามีน้อย (หน้า 127) นอกจากช่วงไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะชาวเขา นั้นยังมีฐานะยากจน ในแต่ละวันจะต้องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นจึงไม่มีเวลาติดตามข่าวการเมืองหรือติดต่อกับพรรคการเมือง รวมทั้งสถานที่ทางราชการ เพราะว่าหมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมือง เส้นทางคมนาคมยากลำบาก (หน้า 128) |
|
Belief System |
ในเรื่องความเชื่อและศาสนานั้น ผู้เขียนสามารถเก็บข้อมูลได้สมบูรณ์จำนวนทั้งหมด 147 คน หรือ 93.6% จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 157 คน โดยแบ่งตามจำนวนการนับถือศาสนาได้ดังนี้ (หน้า 31) นับถือศาสนาพุทธ 24 คน นับถือศาสนาคริสต์ 3 คน และนับถือผี 120 คน (หน้า 32) |
|
Education and Socialization |
ในจำนวนประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจเสร็จสมบูรณ์ 147 คน แบ่งเป็นระดับการศึกษาต่างๆ ดังนี้ จบการศึกษาไม่เกินระดับชั้น ป.4 จำนวน 114 คน ชั้น ป.5-ป.7 จำนวน 20 คน ชั้น ม.ศ.1-3 จำนวน 8 คน ชั้น ม.ศ.4-5 จำนวน 1 คน สูงกว่าระดับชั้น ม.ศ.5 จำนวน 4 คน (หน้า 31) สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลผาช้างน้อยประกอบด้วย โรงเรียนบ้านใหม่ปางค่า เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวนครู 5 คน โรงเรียนบ้านปรางพริก สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดนเขต 5 อำเภอเชียงคำ เปิดสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-4 จำนวนครู 3 คน โรงเรียนบ้านห้วยกอก ทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นปีที่ 1-6 จำนวนครู 4 คน โรงเรียนบ้านห้วยเฟือง เปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-4 โรงเรียนนี้มีครู จำนวน 2 คน (หน้า 57) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|