|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทใหญ่,การสื่อสารสุขภาพ,แรงงานต่างด้าว,เชียงใหม่ |
Author |
ขวัญชีวัน บัวแดง |
Title |
การศึกษาและพัฒนาการสื่อสารสุขภาพในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ : กรณีศึกษากลุ่มแรงงานไทใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
103 |
Year |
2549 |
Source |
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
เนื้อหางานกล่าวถึงการสื่อสารสุขภาพในกลุ่มแรงงานไทใหญ่ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวจากประเทศพม่าที่เข้ามาทำงานในอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ในกลุ่มแรงงานไทใหญ่กรณีศึกษา 1,147 คน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสื่อโทรทัศน์เข้าถึงแรงงานไทใหญ่มากที่สุดอันดับต่อมาคือสื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสารและสื่อแผ่นพับ โปสเตอร์ เป็นต้น แต่สื่อโทรทัศน์ที่เข้าถึงกลุ่มแรงงานไทใหญ่มากที่สุดนั้นมีอุปสรรคด้านการสื่อสารด้านสุขภาพคือเนื้อหาด้านสุขภาพไม่มาก ส่วนสื่อวิทยุมีเนื้อหาด้านสุขภาพมากกว่าโทรทัศน์เพราะมีหน่วยงานผลิตรายการด้านสุขภาพให้กับสถานีวิทยุต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนสื่อเช่นแผ่นพับแม้ว่าจะมีเนื้อหาด้านสุขภาพแต่ก็มีแรงงานที่ได้รับไม่มากเท่าที่ควร |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะและรูปแบบของเครือข่ายการสื่อสารสุขภาพและนักสื่อสารสุขภาพในการทำงานของภาครัฐ เอกชนและชุมชนในการส่งเสริม ป้องกันและรักษาสุขภาพในกลุ่มแรงงานไทใหญ่ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อค้นหาอุปสรรคและข้อจำกัดในการเข้าถึงและความต้องการในด้านสื่อสุขภาพ (หน้า 27) และความต้องการในการพัฒนาคุณภาพของนักสื่อสารสุขภาพที่ทำงานกับแรงงานข้ามชาติ เพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในด้านการพัฒนาเครือข่าย กลไก และสื่อสารสุขภาพที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมสุขภาพและสอดคล้องกับเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของแรงงานข้ามชาติ (หน้า 28) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทใหญ่ ที่เข้ามาเป็นแรงงานในจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 95) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในจำนวนแรงงานไทยใหญ่มีความสามารถในการพูดภาษาต่างๆ ดังนี้ สามารถพูดภาษาไทใหญ่ กับภาษาไทยหรือคำเมืองมีจำนวน 714 คน (62.25%) แรงงานที่พูดภาษาไทใหญ่ ภาษาไทยและภาษาพม่าได้ มี 276 คน (24.06 %) พูดภาษาไทใหญ่กับพม่า มี 22 คน (1.92 %) ภาษาไทใหญ่กับภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาอังกฤษมี 22 คนเช่นกัน (ตารางหน้า 64) (หน้า 63) (หน้า 96) |
|
Study Period (Data Collection) |
1 กุมภาพันธ์-30กันยายน 2549 (หน้าปก,หน้า ก,95) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
ไซท์ก่อสร้าง ในส่วนที่เป็นแรงงานก่อสร้าง แรงงานไทใหญ่จะอยู่รวมเป็นกลุ่ม ใกล้กับบริเวณที่ทำงานก่อสร้าง เช่น แรงงานที่มาสร้างตึกให้ อบต.สุเทพ เทศบาลเมืองเชียงใหม่ คนงานจะสร้างเพิงพักอยู่บริเวณฝั่งอ่างเก็บน้ำ ที่พักเป็นห้องแถวสร้างอยู่แบบชั่วคราว มุงสังกะสี บริเวณที่พักมีเนื้อที่กว้างขวางเหมาะสำหรับการออกกำลังกายตอนเลิกงาน (หน้า 10,ภาคผนวก) ส่วนแรงงานไทใหญ่ที่ก่อสร้างโรงแรมแชงกรีล่า ที่พักจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ทำงานก่อสร้าง ที่อยู่เป็นห้องแถวสร้างติดกันจำนวนหลายห้อง มุงด้วยสังกะสีเช่นกัน (หน้า 10) |
|
Demography |
ในการศึกษาได้สำรวจความคิดเห็นเรื่องการสื่อสารด้านสุขภาพจากสื่อต่างๆ จากแรงงานไทใหญ่ที่ทำงานในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 1,147 คน (หน้า 2,93,97) โดยแบ่งเป็นเพศชาย 639 คน (55.71 %) และเพศหญิง 508 คน หรือ 44.29 % (ตารางหน้า 62) ประชากรศึกษาอยู่อำเภอเมืองมากที่สุด 418 คน(36.44 %) อันดับสองอยู่อำเภอฝาง 195 คน(17 %) และแม่อาย 99 คนหรือ 8.63 % เป็นต้น(ตารางหน้า 30) ส่วน แรงงานไทใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตทำงาน (2549) มีจำนวนทั้งหมด 47,386 คน (หน้า ก, 95) |
|
Economy |
เศรษฐกิจ แรงงานไทใหญ่ที่เข้ามาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของแรงงานที่มาขึ้นทะเบียนขออนุญาตทำงานจนถึง พ.ศ.2549 มีจำนวน 47,386 คน โดยแบ่งตามอาชีพต่างๆ ดังนี้ ทำงานก่อสร้างจำนวน 34.55 % ทำงานด้านการเกษตร 30.59 % งานกรรมกร 20.62 % คนรับใช้ 10.96 % เป็นต้น (หน้า 8,95) ในพื้นที่อำเภอเมืองแรงงานไทใหญ่ได้ทำงานในร้านขายของ ร้านอาหารทำงานในโรงงาน และทำงานรับจ้างรายวัน และอื่นๆ (หน้า 11) ส่วนในอำเภออื่นๆ ไทใหญ่จะทำงานโรงงาน สถานประกอบการด้านหัตถกรรม และทำงานในฟาร์ม หากเป็นเขตอำเภอบริเวณชายแดนก็จะทำงานในสวนส้ม ฯลฯ (หน้า 28) |
|
Social Organization |
สังคมของแรงงานไทใหญ่ที่เข้ามาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ คนที่เข้ามาทำงานส่วนมากจะได้รับคำชักจูงจากญาติพี่น้อง ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยก่อน ดังนั้นเมื่อมาอยู่ในเมืองไทยก็จะมาอยู่แบบรวมกลุ่มกัน จากการศึกษาพบว่าแรงงานไทใหญ่ที่มาจากรัฐฉาน ประเทศพม่ามักมาจากหมู่บ้าน ชุมชนเดียวกัน เช่นบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่มีแรงงานไทใหญ่กว่าหนึ่งพันคน แรงงานเหล่านี้ส่วนมากมาจากเมืองลางเคอ ภาคใต้ของรัฐฉาน และคนงานก่อสร้างที่ทำงานไซท์ก่อสร้างบางแห่งคนงานส่วนมากมาจากเมืองแสนหวี ภาคเหนือของรัฐฉาน เป็นต้น (หน้า 12) ในตัวเมืองเชียงใหม่ได้เกิดการมาอยู่เป็นชุมชนไทใหญ่หลายแห่งเพราะต้องการพักอยู่ใกล้ที่ทำงานและห้องพักราคาไม่แพง เช่น ชุมชนวัดสันติธรรม ไทใหญ่ที่มาพักที่นี่ส่วนมากจะทำงานที่ตลาดธานินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง (หน้า 12) ส่วนที่ชุมชนซอยช่างเคี่ยน หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แรงงานไทยใหญ่ที่มาพักชุมชนนี้ส่วนมากจะทำงานที่โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของหลายแห่งที่ตั้งอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หน้า 13) ส่วนในการศึกษาพบว่า สามีภรรยาไทใหญ่ที่มาทำงานในเชียงใหม่จะอยู่ในที่ทำงานเดียวกันหรือชุมชนเดียวกันเป็นส่วนใหญ่หรือ 94.51 % ส่วนพ่อกับแม่ส่วนมากจะอยู่ในประเทศพม่า หรือ 73.56 %และ 70.32 % สำหรับพี่น้องจะอยู่ในประเทศพม่าคิดเป็น 36.88 % จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน 30.06 %และอยู่ในชุมชนเดียวกัน 22.18 % เป็นต้น (หน้า 67 ตารางหน้า 68) |
|
Political Organization |
นโยบายของรัฐในการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติ สำหรับกฎระเบียบของแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยนั้นที่ผ่านมาก่อน พ.ศ.2515 แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยไม่ต้องขออนุญาตในการเข้ามาทำงาน ต่อมาได้มีการเปลี่ยนเมื่อ พ.ศ. 2515 ทางการได้ระบุให้แรงงานต่างด้าวต้องขออนุญาตจากกรมแรงงานในการเข้ามาทำงานในประเทศไทย ในภายหลังได้มีการแก้ไขข้อกำหนดตามความเหมาะสมเช่น พ.ศ.2521 พรบ.การทำงานคนต่างด้าวได้ระบุอาชีพสงวน 36 อาชีพ และเมื่อ พ.ศ. 2522 พรบ.คนเข้าเมือง ได้อนุโลมให้คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ทำงานชั่วคราว กระทั่งใน พ.ศ.2539 ทางการไทยได้ผ่อนผันให้มีการผ่อนผันจดทะเบียนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ พม่า กัมพูชา และลาว โดยอนุญาตให้ทำงานใน 43 จังหวัด ในจำนวนงาน 36 ประเภท (หน้า 3 ) พ.ศ.2547-2548 ทางการได้กำหนดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวโดยให้จดทั้งตัวแรงงานครอบครัวและนายจ้าง (หน้า 4) ในภายหลังได้มีข้อกำหนดเรื่องการขออนุญาตทำงานหลายอย่างเช่นให้นายจ้างต้องเสียค่าประกันตัว 5 หมื่นบาทให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่มีบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือ ท.ว.38/1 ตลอดจนค่าธรรมเนียมอื่นๆ และประกันสุขภาพ ซึ่งจากการที่นายจ้างต้องเสียค่าประกันตัวแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมากนี้ ทำให้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย (หน้า 4-6) |
|
Belief System |
ศาสนาและความเชื่อ วัดเป็นศูนย์รวมของไทใหญ่ที่มาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะนัดพบปะและมาทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น ประเพณีบวชลูกแก้ว หรือปอยส่างลอง ไทใหญ่จะบวชลูกชายในระหว่างเดือนมีนาคมหรือเมษายน วัดหลักๆ ในเชียงใหม่เช่นที่อำเภอฝาง ไทใหญ่มักจะมาทำบุญที่วัดเฉลิมพระเกียรติ (วัดจองออก) ซึ่งเป็นวัดของไทใหญ่ที่อยู่ในประเทศไทย ในภายหลังไทใหญ่ที่เข้ามาทำงานก็มักมาทำบุญที่วัดแห่งนี้เช่นเดียวกับไทใหญ่ที่อยู่ในประเทศไทยมาแต่เดิม (หน้า 13) ในพื้นที่อำเภอเมือง ไทใหญ่จะมาทำบุญ ที่วัดป่าเป้าซึ่งพระในวัดส่วนมากเป็นพระไทใหญ่กับวัดกู่เต้าซึ่งเจ้าอาวาสเป็นชาวเมืองเชียงใหม่ที่ไทใหญ่ให้ความเคารพนับถือจึงพาลูกหลานมาบวชที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก (หน้า 14,67) |
|
Education and Socialization |
แรงงานไทยใหญ่ส่วนมากเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษา 651 คน (56.91 %) เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 141 คน (12.33 %) ระดับชั้นมัธยมปลาย 50 คน (4.37 %) เรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป 4 คน (0.35 %) ส่วนอีก 298 คน ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ (26.05 %) จากจำนวนแรงงานไทใหญ่ที่สำรวจ 1,144 คน (ตารางหน้า 63) |
|
Health and Medicine |
การสื่อสารสุขภาพในกลุ่มแรงงานไทใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ จากการศึกษาในกลุ่มแรงงานไทใหญ่กลุ่มตัวอย่างระบุว่า โทรทัศน์เป็นสื่อที่แรงงานไทใหญ่เข้าถึงมากกว่าสื่อประเภทอื่น อันดับต่อมาได้แก่ วิทยุ หนังสือพิมพ์/นิตยสาร/วารสาร และอันดับสุดท้าย ได้แก่ แผ่นพับ โปสเตอร์ เทปที่หน่วยงานของรัฐและเอกชนนำไปแจกจ่าย ซึ่งเฉลี่ยแล้วแรงงานไทใหญ่หนึ่งคนจะดูรายการโทรทัศน์ 1.57 รายการ(หนึ่งจุดห้าเจ็ดรายการ) ฟังวิทยุ .67 รายการ (จุดหกเจ็ดรายการ) อ่านหนังสือพิมพ์ .51 เล่ม (จุดห้าหนึ่งเล่ม) ได้รับสื่อ .41 รายการ (จุดสี่หนึ่งรายการ) ถึงแม้ว่าแรงงานไทใหญ่จะรับสื่อโทรทัศน์มากกว่าสื่อชนิดอื่นแต่สื่อโทรทัศน์ยังมีเนื้อหาด้านสุขภาพค่อนข้างน้อย ส่วนวิทยุมีเนื้อหาสุขภาพมากกว่าโทรทัศน์ เนื่องจากองค์แมพซึ่งทำงานด้านสุขภาพ ร่วมจัดรายการกับทางสถานี (หน้า 93) และผลิตสื่อให้กับทางรายการ สำหรับหนังสือพิมพ์ก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพค่อนข้างน้อยเช่นกัน (หน้า 94) ส่วนแผ่นพับ และเทปซึ่งเป็นสื่อเรื่องสุขภาพและการประกาศทางหอกระจายข่าวมีแรงงานได้รับจำนวนน้อย สำหรับสื่อบุคคลที่มีความสำคัญในด้านให้ข้อมูลสุขภาพ และคำปรึกษาพบว่า คนในครอบครัวจะเป็นคนให้ข้อมูลมากที่สุด อันดับสองคือคนในชุมชนและหมอ ในด้านสุขภาพพบว่าแรงงานไทใหญ่มีปัญหาสุขภาพที่พบมากได้แก่ โรคปวดหัวเวียนหัว (27.17 %) ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (20.04 %) โรคผิวหนัง (13.20 %) และอื่นๆ (หน้า 94,95) ประเภทของสื่อสุขภาพภาษาไทใหญ่ วิทยุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ประกอบด้วยสถานีวิทยุทั้งหมด 13 แห่งเป็นของรัฐ 2 แห่งคือ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.เชียงใหม่) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประจำอำเภอฝาง (สวท.ฝาง) กับวิทยุเอกชนและชุมชนซึ่งมีชื่อว่าจุดปฏิบัติการเตรียมความพร้อมวิทยุชุมชน (จวช.) 11 สถานี ในการออกอากาศภาคภาษาไทใหญ่ สว.เชียงใหม่จะออกอากาศทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง และออกอากาศอีกครั้งในเวลากลางคืน สำหรับ จวช.เวียงแหง สถานีนี้ก็ออกอากาศวันละ 1 ชั่วโมงเช่นกันสำหรับสถานีอื่นๆจะออกอากาศแล้วแต่ตารางของทางสถานีวันละ 1 ถึง 2 ชั่วโมง สำหรับรายชื่อสถานีวิทยุแห่งต่างๆ มีดังนี้ (หน้า 37 ตารางเวลาหน้า 38) 1)สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.เชียงใหม่) 2)สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประจำอำเภอฝาง (สวท.ฝาง) 3)จวช.เสียงเสริมสร้างพลังชุมชน 4)จวช.วัดอินทนิล 5)จวช.เวียงแหง 6)จวช.โอท๊อป 7)จวช.คนเมืองเหนือ 8)จวช.บ้านต้นผึ้ง 9)จวช.พุทธศาสนาคณะสงฆ์ 10)จวช.บ้านแม่แหลง 11)จวช.มัลลิกา 12)จวช.ลุ่มน้ำฝาง 13)จวช.คนหางดง เนื้อหาที่เผยแพร่เป็นภาษาไทใหญ่จะประกอบด้วยการรณรงค์ด้านสุขภาพ การป้องกันโรคต่างๆ รวมทั้งเผยแพร่ประเพณีวัฒนธรรมของไทใหญ่ ข้อมูลข่าวสารความรู้และบันเทิงฯลฯ (หน้า 37-46) สื่อสิ่งพิมพ์และเทปบันทึกเสียงและภาพ หน่วยงานที่ผลิตสื่อสุขภาพไทยใหญ่ได้แก่ มูลนิธิแมพ, มูลนิธิส่งเสริมโอกาสผู้หญิง, สื่อมวลชน, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จุดมุ่งหมายการทำงานก็เพื่อช่วยแรงงานไทใหญ่โดยการผลิตสื่อเช่นหนังสือ แผ่นพับ โปสเตอร์ใบปลิวและอื่นๆเพื่อให้ความรู้ด้านการทำงานของแรงงานไทใหญ่รวมทั้งความรู้ด้านสื่อสุขภาพและการป้องกันโรค การคุมกำเนิด การศึกษา เป็นต้น (หน้า 46-51) นักสื่อสารสุขภาพ(นสส.)ของกลุ่มแรงงานไทใหญ่ ประกอบด้วยบุคคลต่างๆ ดังนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ,อาสาสมัครต่างด้าว (อสต.) ผู้นำและสมาชิกชมรมไทใหญ่ ฝาง แม่อาย ไชยปราการ ,พระไทใหญ่,พ่อค้าเร่ ,นักสื่อสารมวลชน กลุ่มนี้เป็นอาสาสมัครที่ทำอาชีพอื่นและทำหน้าที่ด้านการเผยแพร่สุขภาพด้านสุขภาพให้แก่กลุ่มแรงงานไทใหญ่ (หน้า 51-58) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง จำนวนและการกระจายร้อยละของแรงงานข้ามชาติจำแนกตามกิจการที่จ้าง (หน้า 7) จำแนกแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าที่ได้รับอนุญาตทำงาน ปี 2547-2549 แยกตามประเภทงาน (หน้า 9) ค่ารักษาพยาบาลแรงงานที่ผิดกฎหมาย (หน้า 20) จำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามแยกตามอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 30) รายชื่อและข้อมูลอาสาสมัครของโครงการ (หน้า 32) การประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการพัฒนาการสื่อสารสุขภาพ (หน้า 33) สื่อสิ่งพิมพ์ไทใหญ่ที่ผลิตโดยมูลนิธิแมพ (หน้า 38) จำนวนร้อยละผู้ตอบแบบสอบถามแยกตามเพศ,อายุ ,สถานภาพการสมรส,ระนะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย (หน้า 62,63) จำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม แยกตามระดับการศึกษา(หน้า 63) แยกตามภาษาที่พูด,อ่านได้ (หน้า 64) แยกตามอาชีพ ,ระยะเวลาทำงานโดยเฉลี่ย (หน้า 65) แยกตามพื้นที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปทำงาน (หน้า 66) ลักษณะการกระจายตัวของผู้ตอบแบบสอบถามในเรื่องอาชีพตามเพศ (หน้า 66) แยกตามประเภทงานทางสังคมและวัฒนธรรมที่เคยเข้าร่วมในปีที่ผ่านมา (หน้า 67) จำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่สามี ภรรยา พ่อ แม่ พี่น้องและลูกอาศัยอยู่ที่ต่างๆ ,ที่มีคนในครอบครัวอาศัยอยู่ที่อื่นในเขตประเทศไทย แยกตามวิธีการติดต่อสื่อสาร (หน้า 68) ที่มีคนในครอบครัวอาศัยอยู่ที่อื่นในเขตประเทศพม่า แยกตามวิธีการติดต่อสื่อสาร (หน้า 69) ที่เป็นสมาชิกกลุ่มและชมรม,ที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ (หน้า 69) ในเรื่องโรคตามเพศ,ตามอายุ (หน้า 70) จำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่เลือกใช้วิธีการรักษาแบบต่างๆ,ที่มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบต่างๆ (หน้า 71) ผู้รับฟังรายการวิทยุในแต่ละช่วงเวลาในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา (หน้า 72) ผู้รับฟังรายการวิทยุจำแนกตามความถี่ของรายการรับฟังรายการวิทยุ (หน้า 73) ผู้ที่ดูรายการโทรทัศน์ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ,ช่วงเวลาที่ดู,จำแนกตามความถี่ของการดูรายการโทรทัศน์ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา (หน้า 73,74) จำนวนร้อยละของผู้ที่อ่านหนังสือพิมพ์/นิตยสาร/วารสารแยกตามประเภทในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา (หน้า 75) ผู้อ่านหนังสือพิมพ์จำแนกตามความถี่ของการอ่าน (หน้า 75) ผู้ที่ได้รับสื่อข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพแยกตามประเภทของสื่อ ,จำแนกตามบุคคลหรือหน่วยงานที่นำสื่อมาให้ (หน้า 76) ผู้ที่ให้ข้อมูลข่าวสารหรือคำปรึกษาด้านสุขภาพมากที่สุด (หน้า 77) จำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามที่ได้รับข่าวสารด้านสุขภาพจากสื่อประเภทต่างๆ ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา (หน้า 77) จำแนกตามสื่อที่ผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าให้ข้อมูลด้านสุขภาพได้ดีที่สุด,จำแนกตามความรู้ด้านสุขภาพที่อยากทราบมากที่สุด (หน้า 78) ลักษณะการกระจายตัวของผู้ตอบแบบสอบถามในเรื่องอาชีพปัจจุบันตามข้อมูลด้านสุขภาพ (หน้า 80) จำนวนร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามความรู้ด้านอื่นๆ (หน้า 81) จำแนกตามปัญหาที่หนักใจมากที่สุด,แนวทางการแก้ปัญหา (หน้า 82) ลักษณะการกระจายตัวของผู้ตอบแบบสอบถามอาชีพต่างๆ ตามโรคที่เป็น ,ตามช่วงเวลาที่ดูโทรทัศน์ ,ฟังวิทยุ,หนังสือพิมพ์ที่อ่าน (หน้า 86-89) การกระจายตัวของผู้ตอบแบบสอบถามอาชีพต่างๆ ตามสื่อบุคคลที่ให้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ,ตามแหล่งที่คิดว่าให้ข่าวสารด้านสุขภาพได้ดีที่สุด,กับปัญหาหนักใจมากที่สุด (หน้า 90-92) รูปภาพ ภาพที่ 1-2 ประชุมร่วมกับนักสื่อสารสุขภาพมูลนิธิแมพ ภาพที่ 3 ประชุมพระไทใหญ่ ภาพที่ 4 ประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมกับเจ้าหน้าที่แผนงานรสส. ภาพที่ 5 ประชุมผู้นำไทใหญ่ร่วมกับคณะกรรมการชมรมไทใหญ่ที่วัดจองออก อำเภอฝาง ภาพที่ 6 เยี่ยมวิทยุชุมชนโรงพยาบาลแม่อาย ภาพที่ 7 สภาพที่อยู่อาศัยของคนงานในสวนส้ม ภาพที่ 8-10 เรือนพักคนงานแปลงเกษตร เสาโทรทัศน์ จานดาวเทียมและโปสเตอร์ ภาพที่ 11 จัดรายการภาษาไทใหญ่ในจวช.เสียงเสริมสร้างพลังชุมชน ภาพที่ 12 สื่อภาษาไทใหญ่ที่ผลิตโดยมูลนิธิแมพ (หน้าภาคผนวก) |
|
|