สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,ประวัติศาสตร์,ความเชื่อ,สังคม,เชียงใหม่
Author อะภัย วาณิชประดิษฐ์
Title ถือติ : พลวัตของพิธีกรรมและประวัติศาสตร์วัฒนธรรมชุมชนม้ง
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร  Total Pages 143 Year 2548
Source สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
Abstract

กล่าวถึงความเป็นมาในการประกอบพิธีกรรมถือติซึ่งเกี่ยวกับความเชื่อของม้งบ้านแม่สาใหม่ หมู่ 6 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ –ปุย งานเขียนได้กล่าวถึงม้งในหมู่บ้านว่าเป็นกลุ่มที่เคยอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและย้ายไปอยู่พม่าก่อนที่จะกลับมาตั้งหมู่บ้านกับกลุ่มที่ยังอยู่ในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง สำหรับจุดมุ่งหมายของการทำพิธีถือติก็เพื่อขอให้เทพถือติหรือเทพที่เป็นเจ้าที่ผืนแผ่นดินให้ความคุ้มครองพืช สัตว์เลี้ยงและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติและมนุษย์ ทั้งนี้ความเชื่อเรื่องการประกอบพิธีกรรมถือติได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ม้งได้อาวุธปืนจากทหารญี่ปุ่น ทำให้ไม่กลัวอันตรายจากสัตว์ป่าเท่าเมื่อก่อน การเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ การปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น ฯลฯ ทำให้พิธีกรรมถือติลดบทบาทสำคัญลง ปัจจุบันม้งบ้านแม่สาใหม่ได้นำความเชื่อเรื่องพิธีกรรมถือติมาปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับยุคสมัยเพื่อใช้ในการอนุรักษ์ป่าเขาต้นน้ำลำธาร

Focus

ศึกษาเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ของการสืบทอดและบทบาทหน้าที่ของความเชื่อถือติในบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในแต่ละยุคสมัย (หน้า 19) ศึกษาเงื่อนไขการนำเสนอความเชื่อ บันทึกประวัติศาสตร์ความเชื่อเพื่อสืบทอดและเผยแพร่และพิธีถือติเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของกลุ่มเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้บริบทของการแย่งชิงทรัพยากรในปัจจุบัน (หน้า 20)

Theoretical Issues

แนวการศึกษาในงานเขียนประกอบด้วย 1) ประวัติศาสตร์มิติความเคลื่อนไหวของสังคม ที่ระบุว่า ภาพรวมความสัมพันธ์ของประวัติศาสตร์อยู่บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อันประกอบด้วยวัฒนธรรม ความคิด จิตใจและมีความสัมพันธ์กับสังคมอื่นที่มีผลต่อ ความสัมพันธ์ภายในกระทั่งทำให้เกิดการปฏิบัติการและความเคลื่อนไหวในรูปของความขัดแย้ง การต่อสู้ การครอบงำ และอื่นๆ (หน้า 20) 2) ประวัติศาสตร์มิติวัฒนธรรม ที่ระบุว่าวัฒนธรรมไม่ใช่ระบบปิดเสมอบางครั้งก็มีความซับซ้อนและขัดแย้งในตัวเอง โดยขึ้นอยู่กับบริบทในประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมนั้นได้ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวทางความคิด (หน้า 20) ที่สัมพันธ์กับการ ดำรงชีวิตบนพื้นฐานของอุดมการณ์และความสัมพันธ์เชิงอำนาจอันมีผลให้เกิดการครอบงำของอุดมการณ์หลักและการต่อต้านการ ครอบงำ เป็นต้น (หน้า 21)

Ethnic Group in the Focus

ม้ง บ้านแม่สาใหม่ หมู่ 6 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 23) โดยแยกเป็นกลุ่มย่อยอันประกอบด้วย ม้งจั๊วะ(Hmoob Ntsuab) คือ ม้งลายอันเป็นกลุ่มย่อยของม้งที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้คำว่า ”จั๊วะ” หมายความว่า “เขียว” เมื่อแปลตามภาษาม้งแปลว่า “ม้งเขียว” ในหมู่บ้านมีจำนวน 4 ตระกูล และม้งเดล๊อะ (Hmoob Dlawb) แปลว่า”ม้งขาว”เรียกตามคำว่า ”เดล๊อะ” ซึ่งมีความหมายว่า “ขาว” ในหมู่บ้านมี 1 ตระกูล (หน้า 32,150)

Language and Linguistic Affiliations

ภาษาม้ง ไม่มีภาษาเขียน (หน้า 20) ส่วนภาษาพูดนั้นในพิธีถือติจะพูดภาษาม้งเมื่อกล่าวคำอธิษฐาน แต่ตอนนำสิ่งของไปเซ่นไหว้และลงคาถาจะพูดภาษาจีน (หน้า 93)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน

History of the Group and Community

การอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยของม้ง บรรพบุรุษม้งอพยพจากลาวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยระหว่าง พ.ศ.2390-2420 โดยผ่านเส้นทางสำคัญ 2 เส้นทางคือ อพยพไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดพะเยาในดอยภูแวกับภูลังกา ต่อมาในกลุ่มนี้ ได้อพยพไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ดอยขุนสถานซึ่งอยู่ระหว่างพื้นที่ติดต่อระหว่างจังหวัดน่านกับจังหวัดแพร่ ดอยช้างจังหวัดเชียงราย ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ภูหินร่องกล้า เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ดอยลานสาง ดอยระแหง (หน้า 58) ภายหลังข้ามแม่น้ำโขงได้ขึ้นฝั่ง ผ่านพื้นที่เขาผาหม่น - ภูชี้ฟ้า บริเวณที่ราบช่วงระหว่างอำเภอเชียงของกับอำเภอเชียงแสน ต่อมาจึงย้ายที่อยู่ข้ามดอยยาวกับดอยช้างไปดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ในจำนวนนี้ม้งบางส่วนได้อพยพเข้าไปอยู่ในพม่าระหว่าง พ.ศ.2450-2470 กระทั่งได้อพยพเข้ามาอยู่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2470 (หน้า บทคัดย่อหน้า ค ,30,58) บ้านแม่สาใหม่ หมู่ 6 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชุมชนบ้านแม่สาใหม่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2509 โดยม้ง 3 กลุ่มหลัก (หน้า 103) ได้แก่กลุ่มม้งที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยในสองเส้นทาง คือกลุ่มม้งที่อพยพไปอยู่ประเทศพม่าแล้วย้ายกลับมาประเทศไทยอีกครั้งและม้งอีกกลุ่มที่ตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย แล้วย้ายมารวมกันเป็นหมู่บ้านแม่สาใหม่ในปัจจุบัน สำหรับม้งที่อพยพมาจากพม่าเป็น ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านแม่ขิหรือถ้ำงู อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ กับบ้านละอุบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และกลุ่มม้งที่ไม่ได้อพยพไปพม่าย้ายมาจากบ้านเกี่ยวคันนาและบ้านหนองหอยเก่า (หน้า 58,32-40)

Settlement Pattern

ไม่มี

Demography

ม้งบ้านแม่สาใหม่ มีประชากร 168 คน มีจำนวน 205 ครัวเรือน 316 ครอบครัว (ข้อมูล พฤศจิกายน 2547, หน้า 32)

Economy

การผลิต เมื่อก่อนม้งหมู่บ้านแม่สาใหม่ทำการเกษตรแบบยังชีพ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านในเวลานั้นยังมีความอุดมสมบูรณ์สิ่งของจะซื้อจากนอกชุมชนเฉพาะที่จำเป็น เช่น เกลือ สำหรับการประกอบพิธีกรรมถือติก็เพื่อขอให้เทพถือติคุ้มครองพืช สัตว์เลี้ยงและความปลอดภัยของชุมชนม้ง เพื่อไม่ให้เสือมากัดกินสัตว์เลี้ยงหรือโจรผู้ร้ายมาทำอันตรายปล้นจี้คนในหมู่บ้าน คุ้มครองไม่ให้เจ็บไข้ คุ้มครองป่าไม้ ฯลฯ (หน้า 79-81,60-78,111)

Social Organization

สังคมชุมชนบ้านแม่สาใหม่ ผู้ชายจะทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวและผู้นำชุมชนการสืบเชื้อสายและความเชื่อของบรรพบบุรุษจะยึดถือทางฝ่ายชาย เมื่อแต่งงานแล้วคนที่เป็นภรรยาจะต้องมาอยู่บ้านสามี ผู้ชายอาจมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน แต่ห้ามคนในตระกูลเดียวกันแต่งงานกัน (หน้า 31)

Political Organization

ในช่วง พ.ศ.2510-2530 เมื่อทางการได้ทำการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ รวมทั้งมีการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพิธีกรรมถือติ คือ คนที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีเปลี่ยนจากผู้นำชุมชนไปเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดังนั้น จึงทำให้บทบาทการควบคุมสังคมของพิธีกรรมถือติลดความสำคัญลง เนื่องจากการตัดสินคดีความต่างๆ ได้หันไปใช้กฎหมายของรัฐมากขึ้นกว่าในอดีต (หน้า 104,131)

Belief System

ศาสนาและความเชื่อ สาเหตุเรื่องการเปลี่ยนแปลงเรื่องการประกอบพิธีกรรมถือติในชุมชนบ้านแม่สาใหม่ มีด้วยกันหลายสาเหตุเช่นการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจ (หน้า 103) การเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาพุทธของคนในหมู่บ้านจึงทำให้บทบาทของพิธีกรรมถือติลดความสำคัญลง (หน้า 104) ในภายหลังจึงนำความเชื่อด้านการประกอบพิธีกรรมถือติมาปรับใช้ในการอนุรักษ์ป่าชุมชน (หน้า 105) สำหรับการนับถือศาสนาของม้งบ้านแม่สาใหม่นั้นสามารถแยกตามจำนวนการนับถือศาสนาได้ดังนี้ กลุ่มที่นับถือศาสนาคริสต์แยกการนับถือตามนิกายได้ดังนี้ นับถือ นิกายโปรแตสแตนท์ 60 ครัวเรือน นับถือนิกายสเว่นเดย์ 20 ครัวเรือน นับถือนิกายคาทอลิก 5 ครัวเรือน,นับถือบรรพบุรุษ 200 ครัวเรือน และนับถือศาสนาพุทธอีก 1 ครัวเรือน (หน้า 95) พิธีกรรมถือติ ตามความเชื่อของม้งจุดมุ่งหมายของการประกอบพิธีก็เพื่อขอให้เทพถือติ คุ้มครอง พืช สัตว์เลี้ยง และคนในชุมชนให้รอดพ้นจากการรังควาญของสัตว์ป่า ภัยจากธรรมชาติและมนุษย์ (บทคัดย่อ หน้า ค) ซึ่งตามความหมายแล้ว “ถือติ” (Thwv Tim) แปลว่า “ เทพที่เป็นเจ้าที่ผืนแผ่นดิน คำนี้มาจากคำว่า “ ถือ” (Thwv) ซึ่งเป็นภาษาจีนหมายถึง “ดิน” และคำว่า ”ติ” (Tim) หมายถึง ”ผืนแผ่น” ซึ่งเมื่อนำคำทั้งสองมารวมกันก็มีความหมายว่า “ผืนแผ่นดิน” นอกจากนี้ยังมีชื่อที่แตกต่างกันไปอีกหลายชื่อ เช่น (หน้า 151) ดงเซ้ง (Ntoo Xeeb) แปลว่า ”ต้นไม้ที่เกิดเอง” ซึ่งมาจากคำว่า ”ดง” หมายถึง”ต้นไม้” และคำว่า “เซ้ง”หมายถึง”เกิดเอง” โดยม้งนิยมใช้ต้นไม้บางต้นที่อยู่ในป่าใกล้กับชุมชนตั้งเป็นศาลเทพถือติ สำหรับต้นไม้ที่คนปลูกคือ “ดงจ่อ” (Ntoo cog) แต่ในชุมชนบางแห่งอาจจะเลือกใช้ก้อนหินก้อนโตๆ เพื่อเป็นที่อยู่ของเทพถือติซึ่งเรียกชื่อว่าถือติ ซ่างแซ่ง (Saab Seej) คือ “ศาลบูชาภูเขา” ในกรณีที่ตั้งศาลบนภูเขาสูง คำเรียกนี้มาจากคำว่า “ซ๋าง” (Saab / Xaab) เป็นภาษาจีนหมายถึง ”ภูเขา” และคำว่า “แซ่ง” (Seej / Xeem )หมายถึง “เครื่องหมายป้าย” และ “ที่เคารพ” (หน้า 52,53,151) ติจื๋อ (Tim Tswv) ความหมายคือ “เจ้าแผ่นดิน” ซึ่งมาจากคำยกย่องที่ยกให้เทพถือติยิ่งใหญ่กว่าเจ้าที่อื่นๆ คำว่า”ติจื๋อ “มาจากว่าว่า “ติ”(Tim) กับ “จื๋อ”(Tswv) หมายถึงเจ้าของ เมื่อเรียกรวมจึงแปลว่า เจ้าแผ่นดิน (หน้า 152) การประกอบพิธีเซ่นไหว้เทพถือติคนที่ประกอบพิธีคือผู้นำชุมชน (หน้า 53) การทำพิธีส่วนใหญ่มักทำพิธีช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อขอบคุณเทพถือติที่ให้ความคุ้มครอง พืช สัตว์เลี้ยงและความเป็นอยู่ของคนในชุมชน การทำพิธีสัตว์ที่นำมาเซ่นไหว้จะเป็นสัตว์ชนิดใดก็ได้ เมื่อหาสถานที่เพื่อตั้งศาลถือติในครั้งแรกหรือที่เรียกว่า “เต๋งถือติ” (teev Thwv Tim) ก็อาจใช้ไก่หนึ่งคู่,หมูหนึ่งคู่และอื่นๆ ส่วนอุปกรณ์จะประกอบด้วย ธูป กระดาษเงิน เทียน การเลือกต้นไม้ม้งในชุมชนจะเลือกต้นไม้หรือก้อนหินเหมือนที่ตั้งใจไว้ผู้นำพิธีและผู้ที่เข้าร่วมพิธีก็จะนำเครื่องเซ่นไหว้เพื่อไปประกอบพิธีเต๋งถือติ สำหรับต้นไม้ที่เลือกจะมีลักษณะโดดเด่น กิ่งก้านไม่หักหรือแห้งต้นแข็งแรงตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม อยู่สูงกว่าชุมชนอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อจะได้ปกป้องดูแลคนในชุมชน (หน้า 54)

Education and Socialization

ไม่มี

Health and Medicine

พิธีกรรมถือติเกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพอนามัยคือม้งจะทำพิธีเซ่นไหว้ถือติเพื่อให้คุ้มครองคน พืช สัตว์เลี้ยงและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนไม่ให้เจ็บป่วย กรณีที่มีการผิดจารีตประเพณี คนในชุมชนก็จะมีเคราะห์ได้รับความเดือดร้อน ตัวอย่างเช่น ผู้นำชุมชนซึ่งเป็นคนประกอบพิธีอาจป่วยไข้ขึ้นมาอย่างกระทันหันโดยไม่รู้ต้นตอว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ฯลฯ (หน้า 59)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มี

Folklore

ตำนานการเกิดโลกของม้ง นานมาแล้วขณะที่ยังไม่เกิดโลกกับดวงดาวในจักรวาล หลังจากที่พลังแห่งเจ้าพายุได้สร้างแม่พระเจ้ากับพ่อพระเจ้า เมื่อทั้งสองได้เกิดขึ้นมาก็ตกลงกันว่าจะสร้างโลก โดยแม่พระเจ้าทำหน้าที่เป็นผู้สร้างโลกและพ่อพระเจ้าเป็นผู้ปั้นท้องฟ้า ทั้งสองได้ใช้เวลาทำงาน 9 ปีจึงนำโลกและท้องฟ้ามาประกอบกัน แต่ผลงานยังไม่ลงตัวเพราะท้องฟ้ามีขนาดไม่กว้างพอ และโลกก็โตเกินไป ดังนั้นทั้งสองจึงช่วยกันฉุดพื้นโลกให้เข้าใกล้ท้องฟ้าจึงทำให้ผืนดินเกิดริ้วรอยเกิดเป็นภูเขาและลำห้วย ครั้นเกิดโลกแล้ว แม่พระเจ้าก็ให้กำเนิดลูกชาย 6 คนและแบ่งอาณาจักรต่างๆ ให้ปกครองดังนี้ (หน้า 41) แท่งจื๋อ หรือ ฟ้า (Theeb Tswv) เป็นผู้นำ หน้าที่คือควบคุมฟ้าดิน เซาะเหล่าหรือเจ้าพายุ (Xob Laug) ทำหน้าที่ควบคุมลมฟ้าอากาศ (หน้า 41) จื่ออยู่ (Ntxwg Nyug) หรือ ยมบาล มีหน้าที่สำคัญคือสร้างผี ควบคุมผีกับคน จ๋งฉีหยี่ หรือ หมอผี (Txoov Siv Yis) มีหน้าที่ทำสมุนไพรกับพิธีทรงเจ้ารักษาเวลาป่วย ย่าเหล่าหรือ พญานาค (Zaj Laug) มีหน้าที่สร้างนาค ควบคุมดูแลแหล่งน้ำและผืนดิน จี่เก่อ หรือ กบ (Cis Kaws) ทำหน้าที่สร้างดวงดาว ดูแลคน สัตว์และพืช (หน้า 42)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มี

Social Cultural and Identity Change

การเปลี่ยนแปลงเรื่องการประกอบพิธีกรรมถือติ เนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้ ม้งได้ปืนที่ขโมยมาจากทหารญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองจึงทำให้ม้งมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพไว้ป้องกันตนเองและครอบครัว การส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นของทางการ ตลอดจนการเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ ส่งผลให้พิธีกรรมถือติที่มีความสำคัญในอดีตลดบทบาทลงหรือถูกยกเลิกในบางหมู่บ้าน (บทคัดย่อ หน้า ค)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

คำสวดประกอบพิธีเส่งถือติ ตัวอย่างคำสวดประกอบพิธีของตระกูลต่างๆ ซึ่งเป็นภาษาม้ง และแปลเป็นภาษาไทยเนื้อหาส่วนใหญ่จะขอพรจากเทพถือติในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เพื่อให้คนในตระกูลอยู่ดีมีสุขมีชีวิตที่ดีเจริญก้าวหน้าทั้งในการทำงานต่างๆ การศึกษา การเดินทาง การเพาะปลูกให้ได้ผลดี ให้คนในครอบครัวสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายในชีวิต ฯลฯ (ภาคผนวก ข หน้า 158- 162)

Map/Illustration

แผนผัง การดำเนินการวิจัย (หน้า 22) ตาราง ผู้นำกลุ่มย่อยจำแนกตามกลุ่มตระกูลแซ่ (หน้า 32) ชุมชนหมู่บ้านสมาชิกเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง (ภาคผนวก ค) แผนที่ จุดที่เคยตั้งศาล ถือติของชุมชนม้งบ้านแม่สาใหญ่ (หน้า 33) เส้นทางอพยพและเส้นทางการค้าวัวต่างกับม้าต่างในอดีต (หน้า 71) ชุมชนเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง 32 หมู่บ้าน (หน้า 111) แผนภูมิ เครือญาติผู้ประกอบพิธีถือติ , เครือญาติของ Ntsaimtuam Xyooj ,เครือญาติของ Tsaavntxawg Xyooj (ภาคผนวก ก) กิจกรรมเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง (หน้า 167) ภาพ ผู้ประกอบพิธีถือติ,ศาลถือติของชุมชนม้งบ้านดงสามหมื่น,ม้งบ้านหนองหอยใหม่ บ้านแม่สาใหม่ บ้านแม่สาน้อยประกอบพิธีเส่งถือติ (ภาคผนวก ง 171-172)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 27 พ.ค. 2562
TAG ม้ง, ประวัติศาสตร์, ความเชื่อ, สังคม, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง