สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject เมี่ยน,ภาษาศาสตร์,วัฒนธรรม,ความเชื่อ,ป่าชุมชน,การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม,ลำปาง
Author กมลธรรม ชื่นพันธุ์
Title การศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับป่าชุมชน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชาวเมี่ยน
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity อิ้วเมี่ยน เมี่ยน, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 112 Year 2539
Source หลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาภาษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

เมี่ยนเป็นกลุ่มชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับป่าเขาอย่างแยกไม่ออกมาช้านาน วิถีชีวิตของเมี่ยนจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยป่า ทำมาหากินบนภูเขา ในเขตป่าและแหล่งน้ำ มีการล่าสัตว์และหาของป่า ทำการเกษตรตามฤดูกาลเพื่อให้ยังชีพอยู่ได้ เมื่อกระแสการอนุรักษ์ป่าเข้ามา เมี่ยนก็มักถูกเพ่งเล็งจากภาครัฐและเอกชนว่าเป็นกลุ่มคนที่ทำลายป่าไม้และแหล่งต้นน้ำลำธาร มีความพยายามหาทางเข้าไปจัดการควบคุมและผลักดันจากสังคมภายนอกเพื่อแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ภาพของเมี่ยนกลายเป็นภาพเชิงลบที่มีแต่การทำลายในสายตาคนทั่วไป เนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรคเรื่องความไม่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมอันเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่า ในขณะที่เมี่ยนก็ไม่มีโอกาสพูดแสดงความคิดเห็น บอกเล่าความเป็นไปและสะท้อนความเป็นจริงต่อโลกภายนอกมากนัก งานวิจัยชิ้นนี้ผู้วิจัยจึงได้พยายามสะท้อนความหมายของคำว่าป่าที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของเมี่ยนมาแต่อดีต “ป่าชุมชน” และป่าในความหมายของเมี่ยนจึงมิได้นิยามแค่ลักษณะทางกายภาพ ตามความเข้าใจของสังคมภายนอก แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ทั้งป่า ภูเขา น้ำ พืช สัตว์ ผีและคนซึ่งดำรงอยู่ร่วมกันแบบอาศัยพึ่งพิงตามธรรมชาติ โดยอาศัยกุศโลบายด้านความเชื่อ เป็นพื้นฐาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการจัดการดูแลรักษาป่าชุมชนและสิ่งแวดล้อมของเมี่ยนไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการทำลายความสมดุลตามธรรมชาติหรือทำลายทรัพยากรจนเกินความพอดี

Focus

เน้นศึกษาภาษาและวัฒนธรรมและความเชื่อของเมี่ยนที่เกี่ยวข้องกับป่าชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Theoretical Issues

ไม่ได้ระบุ

Ethnic Group in the Focus

เน้นศึกษาชาวเมี่ยน ในพื้นที่ ต. ปงเตา อ. งาว จ. ลำปาง ผู้วิจัยได้ให้คำจำกัดความเฉพาะว่า “เมี่ยน” หมายถึงกลุ่มชนที่คนไทยและคนจีนเรียกว่า “เย้า” แต่พวกเขาเรียกตนเองว่า “เมี่ยน” หรือ “อิวเมี่ยน” (หน้า 4)

Language and Linguistic Affiliations

ภาษาเมี่ยนอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษาม้ง-เย้า ใช้พูดกันในจังหวัดทางตอนใต้ของจีน เช่น กวางสี กวางตุ้ง ไกวเจา และยูนนาน รวมถึงตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ลาวและไทย ในงานวิจัยชิ้นนี้ ผู้วิจัยศึกษาลักษณะภาษาเมี่ยนในพื้นที่โดยศึกษาเรื่องระบบเสียง ทั้งเรื่องหน่วยเสียงพยัญชนะ 33 หน่วยเสียง หน่วยเสียงสระ 11 หน่วยเสียง(แบ่งเป็นสระเดี่ยว 9 หน่วยเสียง สระประสม 2 หน่วยเสียง) หน่วยเสียงวรรณยุกต์6 หน่วยเสียง รวมถึงเรื่องลักษณะพยางค์ โครงสร้างพยางค์ พยางค์เปิด พยางค์ปิดการเน้นพยางค์ ทำนองเสียง ลักษณะคำ โครงสร้างคำ ซึ่งคำส่วนใหญ่ในภาษาเมี่ยน จะเป็นคำพยางค์เดียวไม่มีการเติมหน่วยคำที่แสดงลักษณะทางไวยากรณ์ ส่วนลักษณะประโยคนั้นมีการเข้ารูปประโยคไม่ต่างจากรูปประโยคในภาษาไทย มีการสร้างประโยคเรียงประธาน กริยา กรรม มีทั้งรูปประโยคบอกเล่า รูปประโยคคำถาม รูปประโยคปฏิเสธ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้คำลงท้ายเพื่อเสริมความหมายให้ประโยคอีกด้วย (หน้า 30 – 44)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ความเป็นมาของป่าชุมชน เมื่อประมาณต้นทศวรรษที่ 1970 นักวิชาการป่าไม้โลกบางส่วนเห็นพ้องกันว่า ป่าไม้ของโลกโดยเฉพาะป่าเขตร้อนถูกทำลายลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศที่อำนาจการจัดการทรัพยากรอยู่ในมือผู้ปกครองกลุ่มเล็ก การใช้ป่าแบบรัฐเป็นเจ้าของป่า ก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศของประเทศและของโลก เกิดความไม่เป็นธรรมในการกระจายผลประโยชน์จากทรัพยากรของส่วนรวมจีนเสนอให้เปลี่ยนแปลงปรัชญาการจัดการป่าไม้เสียใหม่ โดยคำนึงถือการไม่ทำลาย การรักษาฟื้นฟูสภาพระบบนิเวศให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็หาทางให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าซึ่งเป็นผู้เสียเปรียบในสังคม ได้รับประโยชน์จากที่ดินในป่าและทรัพยากรจากป่าเพิ่มขึ้น นักวิชาการจึงได้นิยามแบบแผนดังกล่าวนี้โดยมีพวกเขาเป็นเจ้าของและเป็นผู้จัดการและผู้รับประโยชน์ว่า “ป่าชุมชน” ในประเทศไทย “ป่าชุมชน” เป็นที่กล่าวถึงหลังจากการจัดการป่าไม้ที่ห้ามไม่ให้ชาวบ้านหรือประชาชนในท้องถิ่น เข้าไปยุ่งกับป่าเกิดปัญหารุนแรงตามมามากมายและประสบความล้มเหลว จึงเริ่มหันมาใช้ วิธีให้ประชาชนในท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในการจัดการป่า โดยให้ชาวบ้านคอยดูแลป่าไว้ไม่ให้ใครเข้าไปทำลาย หรือมีกฎของชุมชนจัดระเบียบการใช้ประโยชน์(หน้า 44 – 45) สำหรับเมี่ยนแล้ว ป่าชุมชนจะมีรัศมีรอบหมู่บ้านประมาณ 2 - 3 กิโลเมตร เป็นที่เกิดของแหล่งน้ำทั้งยังเป็นแนวป้องกันไฟ เป็นที่อยู่และที่หากินของสัตว์ เป็นเขตเก็บไม้ไว้ใช้สอยในครัวเรือน และเป็นแหล่งอาหารและยา บริเวณดังกล่าวจะไม่มีการทำไร่ (หน้า 47)

Settlement Pattern

ลักษณะโครงสร้างของหมู่บ้านประกอบด้วย หมู่บ้าน ป่าชุมชน ไร่ แนวกันไฟและ ป่าต้นน้ำ โดยมีป่าชุมชนตั้งอยู่บริเวณภูเขาใหญ่ด้านหลังของหมู่บ้าน ป่าเป็นที่เกิด ของแหล่งน้ำทั้งยังเป็นแนวป้องกันไฟ เป็นเขตร่มรื่นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหารและยา (หน้า 2,4) การเลือกที่ตั้งบ้านโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เมี่ยนจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดตั้งบ้านเรือนอยู่ตามใจชอบ การตั้งบ้านเรือนไม่อนุญาตให้ตั้งอยู่เหนือต้นน้ำ รอบหมู่บ้านจะมีแนวกัน ไฟ ตำแหน่งและทิศทางของตัวบ้านจะเรียงรายกันไป เยื้องกันบ้างแต่จะไม่ให้สร้าง บ้านเหนือผู้อื่น ในกรณีที่มีการสร้างเพิ่มเติมทีหลัง (หน้า 87) นอกจากนี้เมี่ยนยังเชื่อว่า ควรเลือกทำเลที่ตั้งหมู่บ้านเป็นพื้นที่ (ภูเขา) ที่ไม่ลาดชันจนเกินไป บริเวณหมู่บ้านที่ดีจะต้องอยู่ตามเชิงเขา ที่ตั้งหมู่บ้านจะต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่ต่ำกว่าต้นน้ำ แวดล้อม ด้วยภูเขาต่าง ๆ มีพื้นที่พอสมควรกับจำนวนครัวเรือน ที่ทำกินและทำเลต้องมี “ดินดี” ซึ่งเชื่อว่าจะปลูกข้าวได้ผลดี และ “ดินดำ” ปลูกข้าวโพดได้ดี มี“กล้วยป่า” เชื่อว่ามี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ มี ” ไม้ไผ่” มีอุปกรณ์ เครื่องใช้ครบบริบูรณ์ ในการเลือกที่ตั้งบ้านมีความเชื่อเรื่อง “ธาตุ” และ “ทิศ” เข้ามาเป็นองค์ประกอบ เช่น ธาตุดิน – ทิศเหนือ ธาตุไฟ – ทิศตะวันออก การสร้างบ้านต้องไม่หันหน้าไปทาง “ทิศ” ที่ตรงกับ “ธาตุ” ของหัวหน้าครอบครัว และจะไม่สร้างบ้านอยู่เหนือบ้านผู้อื่น หากไปสร้างเพิ่มเติมทีหลัง (หน้า 98 – 99)

Demography

จากข้อมูลของกองพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาเมื่อปี 2535 พบประชากรเมี่ยนถึง 36,140 คน (หน้า บทนำ)

Economy

เมี่ยนดำรงชีพโดยพึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก นอกจากนี้ในอดีตเมี่ยนยังชำนาญใน การปลูกฝิ่น ทำให้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีเมื่อเทียบกับชาวเขาเผ่าอื่น พืชหลัก ๆ ที่ปลูก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ฝ้าย พริกและถั่ว ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีโครงการพัฒนาทางด้านเกษตร เข้าถึงก็อาจเปลี่ยนเป็นปลูกไม้เมืองหนาวและพืชเศรษฐกิจอื่นแทน สัตว์เลี้ยงที่เมี่ยน ถือว่าจำเป็น เช่น หมู ไก่และม้า หมู่และไก่ใช้เป็นเครื่องเซ่นบูชาผีในพิธีกรรมและใช้ เป็นอาหาร ส่วนม้าใช้เป็นพาหนะซึ่งมีอยู่ในบางพื้นที่ นอกจากนี้รายได้จากการเกษตร แล้วเมี่ยนยังมีฝีมือในการเย็บปัก การทำเครื่องเงินและเครื่องประดับ รวมถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ถือเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง (หน้า 27 – 28) นอกจากเมี่ยนมองบทบาทของ “ป่าชุมชน” ว่าเป็นแหล่งต้นน้ำแล้วยังเป็นแหล่งอาหาร ในทุกฤดูกาล และยังเป็นแหล่งยาสมุนไพรไว้ใช้สอย การใช้ประโยชน์จากป่าจึงเป็นสิ่ง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภูมิปัญญาในการจัดการต่อสิ่งที่ถือเป็นความอยู่รอดของชีวิตสะท้อน ได้จากวิธีจัดการแบบเกื้อกูลต่อธรรมชาติ การจัดการเรื่องการแบ่งเขตการใช้พื้นที่ เห็นได้จากการคำนึงถึงแบบแผนการเลือกทำเลที่ตั้งบ้านเรือน เขตหมู่บ้าน เขตป่า เขตทำไร่ แนวกันไฟ ทิศทางลม ความลาดชันของพื้นที่ตลอดจนแหล่งน้ำ สิ่งที่สะท้อนการจัดการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมได้ชัดเจนในบริเวณป่าชุมชน คือแป็นปราการด่านสำคัญในการป้องกันไฟป่าไม่ให้ลุกลามถึงหมู่บ้าน เป็นแหล่งต้นน้ำที่ต่อลงมาใช้ในหมู่บ้านได้ เป็นเขตให้ความร่มรื่นและที่อยู่อาศัยหากินของสัตว์เลี้ยงแบบปล่อย เป็น เขตเก็บและหาไม้ใช้สอยในครัวเรือน เป็นแหล่งอาหารและสมุนไพร (หน้า 86 – 87) สำหรับการจัดการที่สะท้อนถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับน้ำและการอนุรักษ์ป่า เมี่ยนจะทำความสะอาดแหล่งน้ำ หนองน้ำแม้จะเป็นบริเวณป่าก็ตาม รวมถึงการ ห้ามตัดฟันต้นไม้บริเวณแหล่งต้นน้ำเด็ดขาด มีการสำรวจ ซ่อมแซม ดูแลรางน้ำที่ต่อ เข้าหมู่บ้าน มีการกำหนดข้อห้ามในการล่าสัตว์ (หน้า 87- 88) นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ให้ความหมายของคำที่สะท้อนให้เห็นรูปแบบและวิธีการนำเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้โดยเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำขึ้นง่าย ๆ และไม่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนสิ่งที่ดำรง อยู่กับธรรมชาติ “เพื่อการยังชีพ “มากกว่า “เพื่อผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ” (หน้า 95)

Social Organization

ครอบครัวของเมี่ยนมีทั้งครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย เมื่อแต่งงานแล้วฝ่ายหญิงจะไปอยู่ที่บ้านฝ่ายชาย สืบสายสกุลโดยถือทางฝ่ายบิดาเป็นหลัก ชายมีสถานภาพสูงกว่าหญิง เพราะผู้ชายเป็นหลักในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัว หญิงเมี่ยน มักดูแลงานในบ้านและในไร่ เด็กชาวเมี่ยนอายุ 5-6 ขวบก็เป็นแรงงานให้ครอบครัวได้สังคมเมี่ยนให้อิสระในการเลือกคู่ครอง มีประเพณีการสู่ขอและการให้สินสอดทองหมั้นแก่ฝ่ายหญิง ชายและหญิงมักเลือกคู่ครองที่ขยันขันแข็งในการทำงาน การแต่งงานจะไม่แต่งงานกับคนแซ่เดียวกัน หรือในหมู่เครือญาติ การแต่งงานมี 2 แบบ คือ แต่งงานเล็กกระทำที่บ้านฝ่ายหญิง ใช้เวลาเพียงวันเดียว ส่วนแต่งงานใหญ่ใช้เวลากินเลี้ยง 3 วัน 3 คืน ทำที่บ้านฝ่ายชาย เมื่อแต่งงานแล้วฝ่ายหญิงจะถูกตัดขาดจากการ นับถือผีบรรพบุรุษ ออกไปอยู่กับฝ่ายสามีและนับถือผีข้างสามี (หน้า 23 - 24 )

Political Organization

ในปัจจุบัน สังคมเมี่ยนแม้จะไม่มีหัวหน้าเผ่าที่มีอำนาจสูงสุด ก็ยังมีการคัดเลือกผู้นำหมู่บ้าน บุคคลที่ได้รับการยอมรับมักเป็นบุคคลที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านก่อนผู้อื่น หรือเป็นหมอผีใหญ่ที่รอบรู้ระเบียบประเพณี พิธีกรรม มีฐานะดี รักความยุติธรรม และมีเมตตา ชอบทำมาหากิน ส่วนหมู่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมู่บ้านทางการมักมีการเลือกหรือแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านตามบรรทัดฐานของสังคมภายนอก ซึ่งอาจเกิดปัญหาเพราะไม่สอดคล้องกับจารีตประเพณี บุคคลที่มีอิทธิพลมากในสังคมเมี่ยนคือ หมอผี ซึ่งถือเป็นผู้นำทางศาสนา เมี่ยนถือว่าหมอผีเป็นผู้รอบรู้และมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนตั้งแต่เกิดจนตาย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้อาวุโสซึ่งมีอิทธิพลต่อการเมืองในหมู่บ้าน เมี่ยนจะเชื่อฟังความคิดเห็นและคำสั่งสอนตักเตือนของ ผู้อาวุโสเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต่างจากการถูกลงโทษตามจารีตหากเกิดการ “ผิดผี” กล่าวคือ มีกฎข้อบังคับตามจารีตเก่า และการปรับไหม ว่ากล่าวตักเตือนตามประเพณีของหมู่บ้าน (หน้า 28 -29)

Belief System

เมี่ยนยังมีคติความเชื่อในเรื่องผีและวิญญาณ ผีที่เมี่ยนนับถือแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ ผีเทพยดา ผีบรรบุรุษและผีทั่วไป โดยเชื่อว่าโลกมนุษย์อยู่ภายใต้การปกครองของ เทพยดา ซึ่งควบคุมความเป็นไปของธรรมชาติ มีหน้าที่คุ้มครองสอดส่องดูแลมนุษย์ เมื่อตายไปวิญญาณจะไปอยู่รวมกันในโลกที่มีสวรรค์เป็นแดนสูงสุด อีกความเชื่อหนึ่งเชื่อว่า ธรรมชาติและสรรพสิ่งที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนล้วนมีผีและวิญญาณสิงสถิตอยู่ใน ที่ต่าง ๆ เช่น ป่า ต้นไม้ ภูเขา บ้าน ลำธาร เหล่านี้จะมีวิญญาณที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ ดลบันดาลเหตุการณ์ให้ทั้งร้ายและดี นอกจากนี้ยังเชื่อเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองบุตรหลานที่ยังมีชีวิตบนโลกด้วย ความเชื่อเรื่องผีทำให้เมี่ยนรู้สึกมั่นคงปลอดภัย เมื่ออยู่ในความคุ้มครองของผี ปัจจุบันเมี่ยนยังได้รับอิทธิพลของศาสนา คริสต์และพุทธเพิ่มเข้ามาด้วย แต่ก็ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีตามความเชื่อเดิมอยู่ นอกจากนี้เมี่ยนยังเชื่อว่าตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีขวัญอยู่ 11 ขวัญคือที่ หัว ตา หู จมูก ปาก คอ บ่า แขน อก ท้องและเท้า เมื่อขวัญออกไปจากร่างกายอาจ ทำให้เจ็บป่วย ได้รับอันตราย ต้องใช้หมอผีรักษาโดยอัญเชิงผีบรรพบุรุษมาขับไล่ผีร้าย ให้ออกจากร่างกาย แล้วตามหาขวัญกลับมาสู่ร่างคนป่วย (หน้า 26 – 27) ประเพณีและข้อห้าม สำหรับประเพณีต่าง ๆ ของเมี่ยนมี ประเพณีวันขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันตรุษจีนซึ่งถือตามปฏิทินจีนเป็นหลัก เป็นช่วงหลังการขายผลผลิตการเกษตรเรียบร้อยแล้ว กำหนด 3 วัน มีการเลี้ยงผีวันแรก วันที่สองเป็นวันขึ้นต้นปีใหม่ มีการเก็บก้อนหิน ก้อนกรวดและ ดอกไม้ขาวเข้าบ้าน เปรียบเหมือนการเก็บเงินเก็บทองเข้าบ้าน ส่วนดอกไม้ขาวเป็นตัว แทนของเด็กน้อยที่จะเพิ่มขึ้นในครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีการแจกไข่ต้มย้อมเปลือก สีแดง เป็นวันกินวันเที่ยว ไม่มีการทำงานในไร่ ห้ามการทะเลาะวิวาท ห้ามกวาดบ้าน และเฆี่ยนตีเด็ก ประเพณีกินข้าวใหม่ ทุกครัวเรือนจะฆ่าไก่ฆ่าหมู และปลา หุงข้าว แล้วนำไปเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษก่อน จีงจะกินข้าวใหม่และอาหารได้ ประเพณี การทำขวัญข้าว นิยมทำในเดือน 4 ของจีน จะทำเฉพาะปีที่ปลูกพืชผลในไร่ในสวน ไม่ได้ผล อาจเป็น 3 – 4 ปีต่อครั้ง ใช้เวลาเพียงวันเดียวและไม่ต้องทำพร้อมกันทั้ง หมู่บ้าน หมอผีจะเป็นผู้ทำพิธี มีข้อห้ามคือผู้ทำพิธีนี้ห้ามไปไร่วันรุ่งขึ้น สำหรับข้อห้าม อื่น ๆ เช่น บ้านที่คลอดบุตรแล้วยังไม่ได้ทำพิธีเลี้ยงผี ห้ามผู้อื่นเข้าไปในบ้านเด็ดขาด จะมีการปักเฉลวหน้าประตู ห้ามขู่หรือหยอกล้อเมี่ยนด้วยของมีคม เป็นสิ่งที่เมี่ยนถือ มาก อาจถึงขั้นมีการปรับไหมกันเลย และห้ามเอ่ยปากหยอกล้อ ขอลูกเขาไปเลี้ยง (หน้า 24 – 26) ความเชื่อเรื่องภูเขา ภูเขาด้านหลังหมู่บ้าน มีการให้นิยามคำที่สะท้อนความเชื่อต่าง ๆอาทิ เมี่ยนเชื่อว่า ภูเขาจะทำให้อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิน มั่นคง ร่ำรวย เชื่อว่าจะ ทำให้หมู่บ้านมั่นคง ปลอดภัย เปรียบเหมือนนั่งเก้าอี้มีพนักพิง เชื่อว่าจะทำให้ฉลาด มีไหวพริบ เจริญรุ่งเรือง เป็นต้น ส่วนภูเขาด้านหน้าหมู่บ้านจะต้องมีขนาดเตี้ยกว่า ภูเขาด้านหลังหมู่บ้านจึงจะถือว่าดี เป็นมงคล ภูเขาด้านข้างหมู่บ้านเชื่อว่าเป็นตัวแทน ของ “เจ้าบ้าน” ด้านซ้ายเป็นตัวแทนของ “แขกเหรื่อ” การมีภูเขาที่เป็นตัวแทน “เจ้าบ้าน” สูงกว่า “แขกเหรื่อ” ถือว่าดีมาก แต่ถ้าเตี้ยกว่าต้องยาวกว่า เพราะเชื่อว่าเวลามีเรื่อง เจ้าบ้านจะชนะความ ภูเขาที่ดีตามความเชื่อของเมี่ยนต้องไม่คอดกิ่วเพราะจะมีแต่สิ่งอัปมงคลต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ (หน้า 99 -100) ความเชื่อเกี่ยวกับแหล่งน้ำ เมี่ยนเชื่อว่ามี “ผีประจำแหล่งน้ำ” เป็นผู้ดูแลอยู่ เมื่อน้ำ แห้งหรือไม่ไหลลงมาตามรางสู่หมู่บ้าน ต้องทำพิธี “ขอน้ำ” จะทำให้มีน้ำใช้ตลอด ฤดูกาล การขอน้ำจะถือเอาวันจึ้นปีใหม่ของเมี่ยน ทำการบอกกล่าวตีฆ้อง ตีกลอง เป่าปี่เดินทวนไปยังต้นน้ำ เอาเกลือที่ห่อด้วยใบตองเตรียมไปเสียบไว้ที่รางริน เพื่อบอกกล่าวขอน้ำจากเจ้าให้ปล่อยลงสู่หมู่บ้าน ให้มีน้ำใช้ตลอดปี (หน้า 101,103) ความเชื่อในการล่าสัตว์ เมี่ยนเชื่อว่าบุญขชองสัตว์ใหญ่ เช่น หมูป่า หมี กวาง มาก เท่า ๆ กับคน หากจะล่าก็ล่าได้เพียง 1 ตัวในแต่ละครั้ง ถ้าเกินกว่านี้จะมีเคราะห์ แต่ละ ปีพรานแต่ละคนจะล่าสัตว์ได้ไม่เกิน 5 ตัวต่อปี เพราะเชื่อว่าถ้าล่ามากจะมีอันเป็นไป ส่วนสัตว์ขนาดกลาง เช่น เม่น เห็น เก้ง จะมีผีเรือนทำหน้าที่เจรจาขอแบ่งสัตว์จาก ผู้ดูแล และมีผีผู้ติดตามรักษาสัตว์ ต้องมีพิธีกรรมขอบคุณผีเพื่อเป็นการขอบคุณและ ค่าตอบแทน (หน้า 101,103) ความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุ เมี่ยนมีความเชื่อว่าระหว่างการไปเลือกดูพื้นที่ทำไร่ หากได้ยินเสียงเก้งร้องหรืองูเลื้อยผ่านหน้า นกบินผ่านหรือไก่ตัวเมียขัน ถือเป็นลาง ไม่ดีจะยกเลิกการเลือกที่ทำไร่บริเวณนั้นเสีย ในการไปถางไร่ถ้าพบแมลงวันไข่ใน ห่อข้าวที่ห่อไปกิน จะเกิดสิ่งอัปมงคลขึ้น ในการตัดฟันกิ่งไม้ใบหญ้าถ้าตกลงไปใน หนองน้ำหรือแอ่งน้ำ หรือต้นไม้ล้มทับหนองน้ำ เชื่อว่าเป็นลางไม่ดี ผลผลิตไม่พอกิน หรือทำให้เจ็บป่วยถึงตายได้ (หน้า 101 – 102) เมี่ยนจะทำพิธี “บอกกล่าวผี” และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก่อนทำการใด ๆ เพื่อให้ผีมาบอกหรือเตือน หรือทำพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลให้ออกไป (หน้า 104)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกาย ผู้หญิงมักโพกศีรษะด้วยผ้าดำหรือน้ำเงินเข้ม ชายปักเป็นลวดลายสีสัน เครื่องแต่งกายเป็นเสื้อคลุมคอวีสีดำหรือน้ำเงินเข้ม ติดไหมพรมเป็นพวงกลมใหญ่สีแดง ผ่าหน้ายาว ถึงข้อเท้า ตัวเสื้อด้านข้างผ่าตั้งแต่เอวลงไป ชายเสื้อด้านหลังยาวคลุมกางเกง มีผ้าคาดเอวผืนยาวปักชายพันทับไว้แล้วผูกเงื่อนด้านหลัง หญิงนิยมสวมเครื่องประดับที่ทำจากเงิน เช่น กำไลคอ ข้อมือ แหวน สร้อยและต่างหู ผู้ชายนิยมนุ่งกางเกงลักษณะคล้ายกางเกงจีน มีสีดำหรือน้ำเงินเข้ม ขลิบขาด้วยด้ายถักแดง เสื้อผ่าหน้าแล้วป้ายด้ายข้าง ประดับด้วยกระดุมเงิน เสื้อผ้าของผู้ชายพิถีพิถันน้อยกว่าผู้หญิง ส่วนคนแก่นิยมโพก ผ้าแดงก่อนชั้นหนึ่งและเก็บผมมิดชิด ผู้ชายหันมาแต่งกายแบบคนพื้นราบในขณะที่ ผู้หญิงยังคงแต่ตัวตามแบบอยู่ บางหมู่บ้านแทบไม่มีผู้ชายที่แต่งกายประจำเผ่าอยู่ (หน้า 22 -23)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

เมี่ยนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนจีน รูปร่างสันทัด ลักษณะท่าทางกระฉับกระเฉง รัก ความสะอาด มีผิวสีขาวเหลือง หญิงเมี่ยนจัดว่าหน้าตาสวยงาม มีนิสัยรักความสงบ ยึดมั่นขนบธรรมเนียมของเผ่า โอบอ้อมอารี ขยันขันแข็งและอดทน มีนิสัยรักการค้าขาย มักสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่น จนได้สมญาว่าเป็น “พ่อค้าแห่งขุนเขา” (หน้า 22)

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

ภาพแผนที่จังหวัดลำปาง (หน้า 14) ภาพแผนที่อำเภองาว จ. ลำปาง (หน้า 15) ภาพ การกระจายตัวของชาวเขาเผ่าเมี่ยนในประเทศไทย (หน้า 19) ภาพแผนผังลักษณะ บ้านของชาวเมี่ยน (หน้า 21) ภาพการแต่งกายของชาย-หญิงเมี่ยน (หน้า 51) ภาพพิธี แต่งงานของชาวเมี่ยน (หน้า 52) การใช้ประโยชน์บริเวณสวนครัวใกล้บ้านของเมี่ยน (หน้า 53) พิธีเลี้ยงผีและเซ่นผี (หน้า 54) อุปกรณ์ในการสะเดาะเคราะห์และเรียก ขวัญ (หน้า 55) ป่าบริเวณภูเขาด้านหลังหมู่บ้านเป็นป่าชุมชนและป่ารอบ ๆหมู่บ้าน (หน้า 56) ป่าชุมชนและแหล่งน้ำ (หน้า 57) รางไม้ไผ่ใช้ต่อจากแหล่งต้นน้ำไปยัง หมู่บ้าน (หน้า 58) แผนผังแสดงตำแหน่งของภูเขา ทำเลที่ตั้งหมู่บ้าน (หน้า 67)

Text Analyst ศมณ ศรีทับทิม Date of Report 18 ส.ค. 2557
TAG เมี่ยน, ภาษาศาสตร์, วัฒนธรรม, ความเชื่อ, ป่าชุมชน, การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, ลำปาง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง