สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง กะเหรี่ยง ทัศนคติ การอนุรักษ์ป่าไม้ เชียงใหม่
Author สมเกียรติ ทองมี
Title การเปรียบเทียบทัศนคติของชาวเขาเผ่าม้งกับเผ่ากะเหรี่ยงต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในตำบลแม่แดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Total Pages 78 Year 2540
Source หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

          เนื้อหาของงานเขียนกล่าวถึงการเปรียบทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงต่อการอนุรักษ์ป่า จากประชากรกรณีศึกษา 104 คน อยู่ในหมู่บ้านต่างๆในตำบลแม่แดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่จากการศึกษาพบว่า ทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงมีความแตกต่างกันหลายอย่างเช่น จำนวนป่าไม้ในบริเวณหมู่บ้านที่ลดลงควรมีการอนุรักษ์,การเติบโตของต้นสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกก็ได้, การอนุรักษ์ป่า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำ ป่าไม้,การร่วมมือในกิจกรรมปลูกป่าในหน่วยงานป่าไม้เสียเวลาหากิน ฯลฯ สำหรับทัศนคติที่ไม่แตกต่างกันเช่น การบวชต้นไม้สวมควรให้มีในหมู่บ้านและสืบต่อกันไป การปลูกฝิ่นให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ดินไม่แพการปลูกป่า เป็นต้น

Focus

          ศึกษาระดับทัศนคติและเปรียบเทียบทัศนคติ,ปัญหาและความต้องการของม้งและกะเหรี่ยงที่มีค่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ (หน้า 3)

Theoretical Issues

          ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

          ประชากรกรณีศึกษาเป็นม้งและกะเหรี่ยง 104 คนโดยแบ่งเป็นม้ง 37 คน และกะเหรี่ยง 67 คน ที่อยู่ในตำบลแม่แดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ (บทคัดย่อ หน้า ง,6) กลุ่มตัวอย่างแบ่งตามอายุได้ดังนี้ ม้ง 48.5 % มีอายุ 21-40 ปี มีอายุน้อยที่สุด 21 ปี และอายุมากที่สุด 70 ปี อายุเฉลี่ย 43.86 ปี, กะเหรี่ยง46.3 % มีอายุ 41-60 ปี อายุน้อยที่สุด 26 ปี และมากที่สุด 68 ปี โดยมีอายุเฉลี่ย 44.85 ปี (หน้า 4,27,54)

Language and Linguistic Affiliations

          ไม่มี

Study Period (Data Collection)

          ธันวาคม 2539 - มกราคม 2540(หน้า 4)

History of the Group and Community

          ไม่มี

Settlement Pattern

          ไม่มี

Demography

          ประชากรศึกษา ม้งกับกะเหรี่ยง 5 หมู่บ้าน ตำบลแม่แดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยม้ง 149 ครัวเรือน และกะเหรี่ยง 264 ครัวเรือน รวมทั้งหมด 413 ครัวเรือน ได้แก่บ้านผาปู มีกะเหรี่ยง 56 ครัวเรือน บ้านขุนแม่ตะละเป็นม้ง 40 ครัวเรือน บ้านแม่ตะละเหนือ เป็นกะเหรี่ยง 110 ครัวเรือน บ้านดงสามหมื่นเป็นม้ง 109 ครัวเรือน และบ้านสบแม่แดดน้อย เป็นกะเหรี่ยง 98 ครัวเรือน สำหรับกลุ่มตัวอย่างจาก 104 ครัวเรือน เป็นม้ง 37 คน และกะเหรี่ยง 67 คน (หน้า 4,22) จำนวนสมาชิกในครัวเรือน พบว่า ม้ง 59.4 % มีสมาชิกในครัวเรือน 6-10 คน และ27.1% มีสมาชิกเฉลี่ย 8.65 คน กะเหรี่ยง 61.2 % มีสมาชิกในครัวเรือน 6-10 คนและ 37.3 % มีสมาชิกน้อยกว่า 5 คน และครัวเรือนที่มีสมาชิกมากกว่า 10 คนมี 1.5 % ทั้งนี้เมื่อรวมแล้วกะเหรี่ยงมีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 6.51 คน (หน้า 33)เมื่อรวมกันทั้งม้งและกะเหรี่ยงพบว่า 60% มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือน 6-10 คน 28.6 % มีสมาชิกน้อยกว่า 5 คน และ 10.4% มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 10 คน (หน้า 34)

Economy

          เศรษฐกิจ ม้ง ประกอบอาชีพปลูกกะหล่ำปลี และรับจ้าง มีรายได้เฉลี่ย 51,216 บาทต่อคนต่อปี มีแรงงานช่วยเหลือด้านการเกษตรเฉลี่ย 4.27 คน (บทคัดย่อ หน้า ง,จ,34,41,56) กะเหรี่ยง ส่วนใหญ่รับจ้างและเลี้ยงสัตว์ โดยมีรายได้เฉลี่ย 12,023.88 บาท ต่อคนต่อปี มีแรงงานเฉลี่ย 4.08 คน (บทคัดย่อ หน้า จ,35-37,41,57) ที่ดิน ม้ง มีที่ดินทำกินเฉลี่ย 25.65 ไร่ กะเหรี่ยงมีที่ดินทำกินเฉลี่ย 13.60 ไร่ (บทคัดย่อ หน้า จ,39) ทั้งม้งและกะเหรี่ยงพบว่า 35.6 %มีพื้นที่ถือครองเฉลี่ย 3 แปลง อันดับสอง 22.1 % มีพื้นที่ถือครอง2 แปลง (หน้า 38)

Social Organization

          การแต่งงาน ม้งกรณีศึกษาแต่งงานแล้ว 100 % ส่วนกะเหรี่ยงแต่งงานแล้ว 95.2% และเป็นโสด 7.5 % เมื่อพิจารณาสถานภาพสมรสทั้งม้งและกะเหรี่ยงมีผู้ที่แต่งงานแล้ว 95.2 % และเป็นโสด 4.8 % (หน้า 27)

Political Organization

          ไม่มี

Belief System

          ความเชื่อและศาสนา ม้งทั้งหมดนับถือผี กะเหรี่ยง นับถือศาสนาพุทธ 64.2 %และนับถือศาสนาคริสต์ 34.3 % และนับถือผี 1.5 % เมื่อรวมทั้งม้งและกะเหรี่ยงมีผู้นับถือศาสนาพุทธ 41.4 % และนับถือผี 36.5 % และนับถือศาสนาคริสต์ 22.1 %(หน้า 29,55 ตารางหน้า 30)

Education and Socialization

          ม้ง พบว่าไม่ได้เรียนหนังสือจำนวน 91.9 % และ 2.7 % จบการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่าประถมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนต้น (หน้า 28,54) กะเหรี่ยง มีคนไม่ได้เรียนหนังสือ 82 %และเรียนในระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้นมี 6 % และมีการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น 4.5 % และ1.5% เรียนต่ำกว่าระดับประถมศึกษาตอนต้น (หน้า 28) เมื่อรวมทั้งม้งและกะเหรี่ยงพบว่า 85.6 %ไม่ได้เรียนหนังสือและ 4.8 % มีการศึกษาในระดับประถมศึกษาตอนปลายและเท่ากับกลุ่มที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนต้น และ 2.9 % จบประถมศึกษาตอนต้น และ 1.9 % เรียนต่ำกว่าประถมศึกษาตอนต้น (หน้า 28) การอ่านหนังสือ ม้ง พบว่า 94.6 % อ่านหนังสือไม่ออก 5.4%สามารถอ่านหนังสือได้ดี (หน้า 29,55) กะเหรี่ยง พบว่า มีผู้อ่านหนังสือไม่ออก 83.5 % อ่านหนังสือได้ดีจำนวน 9% และอ่านหนังสือได้ปานกลาง 7.5 % (หน้า 29) เมื่อรวมทั้งม้งและกะเหรี่ยงพบว่า87.5 % อ่านหนังสือไม่ออกและ 7.7 % อ่านหนังสือได้ดีและ 4.8 % อ่านได้ปานกลาง (หน้า 29,55)

Health and Medicine

          ไม่มี

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          ไม่มี

Folklore

          ไม่มี

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ไม่มี

Social Cultural and Identity Change

          ไม่มี

Other Issues

          ข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ ม้ง ระบุว่า 83.8 %ไม่ได้เข้าร่วมฝึกอบรมกับเจ้าหน้าที่ และ 100 % บอกว่าได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ ผ่านสื่อโทรทัศน์ วีดิทัศน์และ 100 %ได้รับข่าวสารจากโปสเตอร์ เป็นต้น (หน้า 31) กะเหรี่ยง ระบุว่า 89.6 %ไม่ได้เข้าร่วมฝึกอบรมกับเจ้าหน้าที่ และ 77.6 % บอกว่าได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ ผ่านสื่อโทรทัศน์ วีดิทัศน์และ 100 %ได้รับข่าวสารจากโปสเตอร์ เป็นต้น (หน้า 31) ทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงที่มีต่อการอนุรักษ์ป่าไม้ จากการศึกษาพบว่าทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงมีความแตกต่างกันหลายอย่างเช่น จำนวนป่าไม้ในบริเวณหมู่บ้านที่ลดลงควรมีการอนุรักษ์ พบว่า ม้ง 81.1 % ไม่เห็นด้วย กะเหรี่ยง 98.5 % เห็นด้วย,การเติบโตของต้นไม้สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกก็ได้ พบว่าม้ง 91.9 %ไม่เห็นด้วย กะเหรี่ยง 76.1 % เห็นด้วย, การอนุรักษ์ป่า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำ ป่าไม้ พบว่าม้ง 97.3 %ไม่เห็นด้วยและกะเหรี่ยงเห็นด้วย 100% ,การร่วมมือในกิจกรรมปลูกป่าในหน่วยงานป่าไม้เสียเวลาหากิน พบว่า ม้ง 40.5 %เห็นด้วย กะเหรี่ยง 92.5 % ไม่เห็นด้วย ฯลฯ สำหรับทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงที่ไม่แตกต่างกันเช่น การบวชต้นไม้สวมควรให้มีในหมู่บ้านและสืบต่อกันไป การปลูกฝิ่นให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ดินไม่แพการปลูกป่า เป็นต้น (หน้า 42-47)

Map/Illustration

ตาราง

  • อายุ,สถานภาพ,ระดับการศึกษาของม้งและกะเหรี่ยง (หน้า 27,28)
  • ความสามารถในการอ่านหนังสือ (หน้า 29)
  • การนับถือศาสนา,การเรียนรู้,ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า (หน้า 30,32)
  • การติดต่อพบปะกับชาวเมือง (หน้า 33)
  • จำนวนสมาชิกในครัวเรือน (หน้า 34) 
  • อาชีพ (หน้า 36)
  • รายได้ (หน้า 37)
  • พื้นที่ถือครอง,พื้นที่ทำกิน (หน้า 38,40) 
  • แรงงานเกษตรในครัวเรือน (หน้า 41)
  • ทัศนคติของม้งและกะเหรี่ยงที่มีต่อการอนุรักษ์ป่าไม้ (หน้า 48) ปัญหาและความต้องการของม้งและกะเหรี่ยง (หน้า 53)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 22 ต.ค. 2563
TAG ม้ง กะเหรี่ยง ทัศนคติ การอนุรักษ์ป่าไม้ เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง