|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), พิธีผูกข้อมือขวัญ ประเพณี เชียงใหม่ |
Author |
กวีพันธุ์ ฟองคำ |
Title |
การสร้างหน่วยการเรียนรู้เรื่อง พิธีกรรมผูกข้อมือของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
(เอกสารฉบับ) |
Total Pages |
190 |
Year |
2547 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
งานเขียนกล่าวถึงการศึกษาโดยใช้หน่วยการเรียนรู้เรื่องพิธีกรรมผูกข้อมือของกะเหรี่ยงโดยทำการศึกษาผลของการใช้หน่วยการเรียนรู้ โดยศึกษาจากกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนบ้านผานัง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 12 คน โดยใช้หน่วยการเรียนรู้จำนวน 8 แผนเวลา 13 ชั่วโมง แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจจำนวน 30 ข้อและแบบสอบถามความคิดเห็น ซึ่งจากการศึกษาพบว่านักเรียนส่วนใหญ่ระบุว่าทำให้ได้ความรู้เรื่องพิธีกรรมผูกข้อมือของกะเหรี่ยงและมีความคิดเห็นที่ดีต่อการเรียนรู้ ผลการศึกษานักเรียนมีความรู้ความเข้าใจคิดเป็น 69.72 %จากที่ตั้งเกณฑ์เอาไว้ที่ 60 % (บทคัดย่อ หน้า ง) |
|
Focus |
เพื่อสร้างและศึกษาผลการใช้หน่วยการเรียนรู้เรื่องพิธีกรรมผูกข้อมือของกะเหรี่ยง (หน้า 3,37) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงสะกอ บ้านแม่แรก หมู่ที่ 1 ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 4) กะเหรี่ยงอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษาจีน-ธิเบต ในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อยได้แก่ 1 ) กะเหรี่ยงสะกอ ตั้งรกรากอยู่ทางตอนบนของประเทศกลุ่มนี้มีประชากรมากที่สุด 2 ) กะเหรี่ยงโป อยู่ทางตอนบนและด้านทิศตะวันตกของประเทศ 3 )กะเหรี่ยงบะเว (คะยา) และ4) กะเหรี่ยงตองสู สองกลุ่มนี้ตั้งที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 18) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติความเป็นมาของกะเหรี่ยง เมื่อก่อนนี้กะเหรี่ยงตั้งรกรากอยู่ภายในประเทศพม่า อพยพเข้ามาอยู่ในไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเกิดสงครามในสมัยพระเจ้าอลองพญากษัตริย์พม่ากับกลุ่มมอญ กะเหรี่ยงกลัวอันตรายจึงอพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย (หน้า 18) |
|
Demography |
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา ผู้ให้ข้อมูลพื้นฐานเรื่องพิธีกรรมผูกข้อมือของกะเหรี่ยงเป็นผู้นำชุมชน 22 คนได้แก่ผู้นำตามประเพณี 1 คน ผู้นำอย่างเป็นทางการ 1 คน ผู้อาวุโส(ชายหรือหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป) 10 คน ผู้หญิงที่อยู่ในครัวเรือนที่อยู่ในฐานะยายหรือยายทวด 10 คน สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกรณีศึกษามี 12 คน เป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนบ้านผาบัง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 24,25) |
|
Social Organization |
สังคม ครอบครัวกะเหรี่ยงจะเป็นแบบครอบครัวเดี่ยวและก็จะมีครอบครัวขยายบางส่วนมีการสืบเชื้อสายทางฝ่ายแม่ แต่ละสายตระกูลจะมีหญิงสูงอายุทำหน้าที่เป็นหัวหน้า (หน้า 18)การทำงานในครอบครัวงานในไร่นาทุกคนจะช่วยกันทำงาน ส่วนงานของผู้หญิงได้แก่ทอผ้าและทำพิธีกรรมเลี้ยงผีบรรพบุรุษ สำหรับผู้ชายจะทำงานหลายอย่างเช่น ล่าสัตว์ สร้างบ้าน จักสาน เลือกพื้นที่ทำไร่และอื่นๆ (หน้า 19) |
|
Political Organization |
การปกครอง ผู้นำหมู่บ้านของกะเหรี่ยงแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้แก่หัวหน้าหมู่บ้าน (ผู้นำตามประเพณีหรือ ฮีโข่ ) หัวหน้าหญิงแม่เรือน และผู้อาวุโส คนที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจะทำหน้าที่ตัดสินคดีความหากมีเรื่องทะเลาะเบาแว้งภายในหมู่บ้าน และเป็นหัวหน้าพิธีกรรมฝ่ายชาย ติดต่อสื่อสารกับผีบ้านเป็นผู้กำหนดวันทำพิธีผูกข้อมือปีใหม่วันเลี้ยงผีบ้าน เนื่องจากคนในหมู่บ้านเชื่อและถือหลักปฏิบัติตามจารีตประเพณี ผู้ใหญ่บ้านหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอย่างเป็นทางการนั้นจึงมีอำนาจด้านการปกครองน้อยกว่าหัวหน้าหมู่บ้านหรือกลุ่มผู้อาวุโส (หน้า 19,67) |
|
Belief System |
ศาสนาและความเชื่อ กะเหรี่ยงนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์และนับถือผี สำหรับกะเหรี่ยงสะกอจะนับถือผีบ้านคือผีที่ให้ความดูแลปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน แต่ถ้าคนในหมู่บ้านทำผิดจารีตประเพณีผีบ้านก็จะลงโทษให้ได้รับความเดือดร้อน และผีเรือนคือผีบรรพบุรุษทางฝ่ายแม่ที่ให้ความดูแลปกป้องลูกหลาน และควบคุมความประพฤติไม่ให้คนในตระกูลทำผิดต่อจารีตประเพณีเพราะถ้าหากทำผิดคนในตระกูลอาจจะเจ็บไข้ไม่สบายต้องทำพิธีเซ่นไหว้ขอขมาจึงจะหายจากเจ็บไข้ ส่วนผีอื่นๆ ได้แก่ผีไร่หรือผีนา ผีเหล่านี้จะทำหน้าที่ดูและผลผลิตที่ปลูกให้เติบโตและให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก ส่วนผีที่อันตรายคือผีป่าเป็นผีร้ายที่มุ่งหลอกหลอนและทำอันตรายคน (หน้า 19,56,59) ขวัญ กะเหรี่ยงเชื่อว่าในร่างกายมีขวัญอยู่ 33 ขวัญ โดยส่วนที่สำคัญจะอยู่ที่ศีรษะและใบหูทั้งสองข้างจะมีขวัญอยู่ข้างละแห่งและที่รกอีก 1 แห่ง ถ้าหากขวัญหนีไปคนที่เป็นเจ้าของร่างกายอาจจะตาย หากขวัญออกไปเที่ยวเตร่หรือถูกผีไม่ดีทำร้ายคนที่เป็นเจ้าของร่างกายก็จะเจ็บไข้ไม่สบาย การรักษาต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับคืนร่างถึงจะหายป่วยไข้ (หน้า 20,103,108) พิธีกรรมผูกข้อมือ จะมีผู้นำในการประกอบพิธีได้แก่ 1) ผู้นำตามประเพณี หรือ “ฮีโข่”เป็นผู้นำทำพิธีผูกข้อมือปีใหม่ 2) หมอเรียกขวัญหรือกะเหรี่ยงเรียกว่า “เซอะ หระ เก๊าะ เก่อ ลา“ เป็นผู้นำทำพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ 3) หมอคาถาหรือ “เซอะ หระ อู ต่า“ เป็นผู้นำทำพิธีผูกข้อมือวันอังคารกับผูกข้อมือเดือนดับ 4) พ่อ แม่ หรือ ตา ยาย ทำพิธีผูกข้อมือเลี้ยงผีเรือน (หน้า 66 -70) สำหรับรูปแบบพิธีกรรมแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1) พิธีผูกข้อมือปีใหม่ (ถือว่าเป็นพิธีกรรมผูกข้อมือระดับชุมชนซึ่งมีแบบเดียว)ตอนเช้าคนที่เข้าร่วมพิธีจะสวมชุดใหม่และข้าวของที่จะใช้ประกอบพิธีได้แก่ เสื้อผ้าใหม่ ผ้าห่ม หมอน เหล้า ด้าย ขนมและอื่นๆ ใส่ภาชนะแล้วนำไปวางที่หัวบันได ผู้ประกอบพิธีซึ่งเป็นคนในครอบครัว ก็จะอุ้มไก่ไปที่บันไดจากนั้นก็จะเคาะที่หัวบันไดด้วยไม้คนข้าวเพื่อเรียกขวัญสมาชิกในบ้านให้กลับและเรียกสิ่งที่เป็นศิริมงคล ขับไล่สิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกจากบ้านและใช้ไม้คนข้าวเคาะหัวไก่ จากนั้นก็จะนำสิ่งของที่ทำพิธีกลับเข้าบ้าน แล้วฆ่าไก่ 2 ตัวทำแกงข้าวเบือ(มีข้าวสารข้าวเหนียวผสม) (หน้า 70) ต่อมาก็จะเชิญ”ฮีโข่” มาผูกข้อมือ ก่อนที่จะผูกข้อมือฮีโข่ก็จะกินเนื้อไก่และข้าวสักเล็กน้อยพ่อให้เป็นพิธีการผูกจะผูกข้อมือตามอันดับอายุจากคนที่อายุมากที่สุดไปหาน้อย (หน้า 71) 2) พิธีผูกข้อมือตามประเพณี จะผูกข้อมือในรอบ 1 ปีแม้ว่าจะไม่เจ็บป่วย วันเวลาที่ผูกจะไม่กำหนดแน่นอนโดยจะให้คนในครอบครัวผูกข้อมือให้ การประกอบพิธีจะฆ่าไก่ทำกับข้าวใส่ขันโตกนำด้ายมาพาดที่ขันโตกผู้ที่ประกอบพิธีก็จะอวยพรให้มีความสุขจากนั้นก็จะชิมอาหารก่อนแล้วกินข้าวพร้อมกันทุกคน (หน้า 71,156) 3) พิธีผูกข้อมือธรรมดา จะผูกวันไหนก็ได้เมื่อเป็นไข้ไม่สบาย คนที่ผูกข้อมือจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องมีอายุมากกว่าคนที่จะถูกผูกข้อมือ การทำพิธีจะทำอาหารนำด้ายมาพาดที่ขันโตก คนทำพิธีจะเคาะขันโตกด้วยไม้คนข้าวเพื่อเรียกขวัญและเพื่อเรียกความเป็นศิริมงคล จากนั้นก็จะผูกข้อมือ และกินข้าวพร้อมกัน(หน้า 72,136) 4) พิธีผูกข้อมือเรียกขวัญ จะทำพิธีเมื่อเป็นไข้ไม่สบายและก็จะทำพิธีเสี่ยงทายว่าป่วยเป็นอะไรหากรู้ว่าขวัญออกจากร่างก็จะทำพิธีเรียกขวัญ การจัดพิธีจะเป็นหน้าที่ของหมอขวัญ การทำพิธีจะนำสิ่งของใส่ตะกร้าเอามาวางที่หัวบันไดจากนั้นก็จะให้คนอุ้มไก่เดินมาใช้ไม้คนข้าวเคาะหัวบันไดเพื่อเรียกขวัญ แล้วหมอขวัญก็จะเคาะหัวไก่ด้วยไม้คนข้าวแล้วให้นำไก่ไปทำกับข้าว ต่อมาก็จะวางเบี้ยไว้บนไข่ถ้าขวัญมาก็จะติดอยู่บนไข่ หากไม่มาก็จะไม่ติด ถ้าเบี้ยติดบนไข่หมอเรียกขวัญก็จะผูกข้อมือให้คนป่วยและคนในบ้านอีกหนึ่งคนเพื่อให้เป็นคู่กัน แล้วให้พร หากวางเบี้ย 3 ครั้ง ถ้าเบี้ยไม่ติดอีกเช่นเดิมก็จะมอบหน้าที่ให้หมอเรียกขวัญคนใหม่มาทำพิธีอีกครั้ง สำหรับอาหารหมอเรียกขวัญจะไม่กินแต่จะให้คนป่วยและคนที่เข้าร่วมพิธีกิน (หน้า 72-73,140) 5) พิธีผูกข้อมือเลี้ยงผีเจ้าที่เจ้าทาง กะเหรี่ยงสะกอเชื่อว่าคนป่วยเพราะผีเจ้าที่เจ้าทางจับขวัญไป จึงต้องมีการทำพิธีโดยให้ผู้ชายจำนวน 3 คนไปประกอบพิธีเซ่นไหว้ขอขมาผี สำหรับสิ่งของที่นำมาประกอบด้วยไก่หรือหมู กับเหล้า เมื่อจุดเทียนขอขมาผีหากเทียนดับก็ถือว่าผีอิ่ม ถ้าคนทำพิธีไม่กินอาหารนั้นก็ต้องทิ้งอาหารนั้น จะไม่นำกลับบ้านเพราะเชื่อว่าผีจะกลับไปรบกวนอีก เมื่อกลับถึงบ้านคนที่ประกอบพิธีทั้ง 3 คนก็จะนำด้ายมาผูกข้อมือให้กับคนป่วย เพื่อให้หายเจ็บไข้ (หน้า 73,144) 6) พิธีผูกข้อมือเลี้ยงผีเรือน หากคนในบ้านไม่สบายก็จะทำพิธีขอขมาผีเรือนคนทำพิธีจะคั่วเมล็ดพืชและบอกผีเรือนว่าถ้าถ้าอยากจะมากินของเซ่นไหว้อีกก็ให้ดูเมล็ดพืชที่คั่วถ้าเมล็ดนี้งอกก็ให้มาได้แต่ถ้าไม่งอกก็ไม่ต้องมารบกวน จากนั้นก็จะนำเมล็ดพืชห่อผ้าหรือใบตองมาให้คนป่วยเหยียบหรือถูที่ลำตัวคนป่วย ผูกข้อมือให้คนป่วยและกินอาหารร่วมกัน (หน้า 74) 7) พิธีผูกข้อมือวันอังคาร จะทำเพื่อเป็นการแก้เคล็ดไม่ให้ชีวิตมีอุปสรรคปัญหาการทำพิธีจะทำในวันอังคารเวลาประมาณ 11.30-12.30 น. หมอคาถาจะวางสะตวงหรือกระทงกาบกล้วย เชือดคอไก่ให้เลือดไหลรดมือคนป่วยที่อยู่ตรงสะตวงแล้วล้างมือลงสะตวง จากนั้นก็จะเอาไก่ไปทำอาหารเมื่อสุกหมอคาถาก็จะนำข้าว 1 คำและไก่ 1 ชิ้น วางไว้ที่มือคนป่วยแล้วให้ทิ้งข้าวและไก่ลงสะตวง ต่อมาก็จะนำข้าวและชิ้นไก่มาวางที่มือผู้ป่วยอีกครั้งแล้วรับประทาน จากนั้นหมอคาถาก็จะผูกข้อมือแล้วให้พรเพื่อให้มีโชคไม่ให้เจอเรื่องไม่ดี (หน้า 74,160) 8) พิธีผูกข้อมือเดือนดับ จะทำเมื่อมีคนเจ็บไข้ไม่สบายรักษาไม่หาย เวลาทำพิธีจะทำในตอนค่ำของวันแรม 15 ค่ำ หมอคาถาจะนำไก่ต้ม 1 ชิ้น และข้าว 1 คำพริก เกลือและหมากพลูใส่มือคนป่วย แล้วทิ้งลงในใบตอง จากนั้นก็จะนำไก่ต้มและข้าวสามืออีกครั้งแล้วให้กินต่อมาหมอคาถาก็จะผูกข้อมือและให้พรขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต จากนั้นก็จะกินข้าวด้วยกัน (หน้า 75,152) 9) พิธีผูกข้อมืองานแต่งงาน พิธีนี้จะทำหลังจากวันแต่งงานเรียบร้อยแล้วเป็นเวลา 1 วันเพื่อเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่แต่ถ้าลูกเขยเป็นคนหมู่บ้านอื่นก็จะจัดภายใน 3 วัน ขั้นตอนการจัดจะนำไก่มาทำกับข้าววางลงขันโตกแล้วก็จะผูกข้อมืออวยพรให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวมีแต่ความสุขความเจริญ (หน้า 75,164) 10) พิธีผูกข้อมืองานศพ พิธีจะจัดหลังจากที่จัดงานศพเรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวที่มีญาติพี่น้องเสียชีวิต การจัดพิธีจะนำไก่มาทำอาหารตั้งในขันโตกแล้วก็จะให้ญาติผู้ใหญ่ผูกข้อไม้ข้อมืออวยพระให้มีชีวิตเจริญก้าวหน้ามีสุขภาพแข็งแรง (หน้า 76,168) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
นิทานเกี่ยวกับชื่อขวัญที่เป็นสัตว์ชนิดต่างๆ กะเหรี่ยงมีนิทานที่เล่ามาเนิ่นนานว่า ขวัญจะมีชื่อเรียกเป็นสัตว์หลากหลายชนิดและขวัญก็จะมีลักษณะและการเคลื่อนไหวเหมือนสัตว์ชนิดนั้น เช่นครั้งหนึ่งมีผู้ชาย 2 คนเข้าไปล่าสัตว์ในป่าตอนกลางคืนจึงผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยามเพื่อความปลอดภัย ชายคนแรกนอนก่อนแล้วฝันว่ามีหนูวิ่งออกมาจากร่างกายแล้ววิ่งขึ้นต้นไม้เพื่อไปกินผลไม้แล้วก็วิ่งกลับมาเข้าร่างกายของเขาเช่นเดิมและคนที่เฝ้ายามอยู่นั้นก็เห็นว่ามีหนูวิ่งออกมาจากร่างกายชายคนแรกเช่นกัน เหตุการณ์แบบนั้นได้ดำเนินไปอยู่หลายคืนระหว่างไปค้างแรมล่าสัตว์ นอกจากนั้นกะเหรี่ยงยังเชื่อว่าขวัญที่มีชื่อตามชื่อเรียกของสัตว์ก็จะมีลักษณะเช่นนั้นด้วย เช่นขวัญช้างจะมีพละกำลังมหาศาล ขวัญหอยจะอืดอาดเชื่องช้า เป็นต้น (หน้า 62,63) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
ผลการศึกษา จากการศึกษาระบุว่า ผลการใช้หน่วยการเรียนรู้ คะแนนการทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจ มีคะแนนเฉลี่ยรวม 20.92 คะแนนหรือ 69.72 % โดยสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 60 % สำหรับหน่วยการเรียนรู้ในแต่ละด้านสรุปได้คือ (หน้า 39) 1 ) ด้านสาระการเรียนรู้ ส่วนใหญ่เห็นว่าสาระที่เรียนน่าสนใจ มีประโยชน์ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมผูกข้อมือ มากขึ้นประกอบกับสาระที่เรียนไม่ยากเกินไป 2 ) การจัดกระบวนการเรียนรู้และสื่อการเรียนรู้ พบว่านักเรียนทั้งหมดเห็นว่ากระบวนการจัดการเรียนรู้น่าสนใจ คือทำให้รู้เรื่องที่เรียนเป็นอย่างดี การจัดกิจกรรมกลุ่มทำให้รู้จักการทำงานร่วมกัน สื่อการเรียนรู้น่าสนใจ ส่วนการเรียนกับวิทยากรในชุมชนนั้นก็ทำให้ได้ความรู้ 3 ) ผลที่ได้รับจากการเรียน นักเรียนส่วนมากระบุว่ามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพิธีกรรมผูกข้อมมือมากขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้ประโยชน์และคุณค่าของภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่ซุกซ่อนอยู่ในพิธีกรรมและเป็นการช่วยอนุรักษ์ประเพณีอีกด้วย (หน้า 39) สำหรับความคิดเห็นและความรู้สึกพบว่านักเรียนเกือบทั้งหมดมีความคิดเห็นที่ดีและรู้สึกดีใจที่ได้เรียนเรื่องพิธีกรรมผูกข้อมือของกะเหรี่ยง เพราะทำให้ได้ความรู้และรู้วิธีการป้องกันอันตรายจากผี (หน้า 39) |
|
Map/Illustration |
ตาราง
-
การวิเคราะห์สาระ มาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ช่วงชั้นในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (หน้า 26)
-
เนื้อหาและเวลาที่ใช้สอน (หน้า 27)
-
คะแนนร้อยละและคะแนนเฉลี่ยของการทำแบบทดสอบ (หน้า 32)
-
ค่าร้อยละของนักเรียนที่แสดงความคิดเห็นจากการเรียนโดยใช้หน่วยการเรียนรู้ด้วยสาระการเรียนรู้ (หน้า 33)
-
ค่าร้อยละของนักเรียนที่แสดงความคิดเห็นจากการเรียนโดยใช้หน่วยการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้และสื่อการเรียนรู้ (หน้า 34)
-
ค่าร้อยละของนักเรียนที่แสดงความคิดเห็นจากการเรียนโดยใช้หน่วยการเรียนรู้ด้านผลที่ได้รับจากการเรียน (หน้า 35)
ภาพ
-
หอผีบ้าน บ้านผานัง ,บ้านแม่แรก,บ้านแม่ยางส้าน (หน้า 81,82)
-
พิธีเลี้ยงผีบ้านน้านแม่ยางส้าน (หน้า 82,83)
-
แพทย์และพยาบาลตรวจและรักษาผู้ป่วย (หน้า 116)
-
พิธีผูกข้อมือปีใหม่ บ้านแม่ยางส้าน,ผูกข้อมือเรียกขวัญ (หน้า 125)
-
พิธีผูกข้อมือวันอังคาร,ผูกข้อมือธรรมดา (หน้า 126)
|
|
|