|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ประชากร,การคุมกำเนิด,เชียงใหม่ |
Author |
นัยนันทร์ สุวรรณกนิษฐ์ |
Title |
การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการให้การบริการคุมกำเนิดสำหรับชาวม้ง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
106 |
Year |
2547 |
Source |
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
เนื่องจากคู่สมรสม้ง มีอัตราการคุมกำเนิดต่ำ ส่งผลให้อัตราการเพิ่มประชากรม้งสูงกว่าเป้าหมายของประเทศ การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การคุมกำเนิด รวมทั้งพัฒนาแนวทางปฏิบัติการให้บริการคุมกำเนิดสำหรับชาวม้ง การศึกษาเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กลุ่มประชากรที่ศึกษาเป็นคู่สมรสม้งบ้านห้วยน้ำจาง ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 71 คู่ ระหว่างเดือนมีนาคมกรกฎาคม พ.ศ. 2516 ผลการศึกษาพบว่า ผู้หญิงม้งแต่งงานและตั้งครรภ์อายุต่ำกว่า 20 ปี เริ่มคุมกำเนิดเมื่ออายุ 22 ปี มีบุตรโดยเฉลี่ย 4 คน ต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว และมีความคิดว่าการคุมกำเนิดเป็นความรับผิดชอบของผู้หญิง ผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่า เพื่อให้การบริการคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพ ผู้รับผิดชอบจะต้องจัดบริการคุมกำเนิดให้สอดคล้องกับบริบทสังคม วัฒนธรรม และความต้องการของผู้ใช้บริการ (บทคัดย่อ) |
|
Focus |
ศึกษาสถานการณ์การคุมกำเนิด และแนวทางในการปฏิบัติในการให้บริการคุมกำเนิดของม้ง |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษา นำวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มาศึกษาการคุมกำเนิดม้งบ้านห้วยน้ำจาง เพราะเห็นว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายภรรยาและสามีม้ง ผู้นำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ศึกษาเห็นว่าวิธีนี้จะสอดคล้องกับความเชื่อ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของม้ง เป็นการแก้ปัญหาถูกจุดตามมุมมองของชุมชน ไม่ใช่ตามมุมมองของบุคคลภายนอก (หน้า 5) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งบ้านห้วยน้ำจาง ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 5) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนมีนาคม 2546 ถึงเดือนกรกฎาคม 2546 |
|
History of the Group and Community |
ม้งมีถิ่นฐานเดิมที่ไม่แน่ชัด มีเพียงข้อมูลปรากฏว่าได้อพยพมาจากทางตอนใต้ของจีน กลุ่มหนึ่งได้ผสมผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีน และอีกส่วนหนึ่งอพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณคาบสมุทรอินโดจีน เข้าสู่เวียดนาม ลาว พม่า และไทย เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน ปัจจุบันม้งในประเทศไทย กระจายอยู่ใน 13 จังหวัด จังหวัดที่มีม้งมาก คือ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก และเพชรบูรณ์ (หน้า 20) |
|
Settlement Pattern |
ม้งปลูกบ้านเรือนบนที่ยอดเขาสูงประมาณ 3,000-5,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ถ้ามีพื้นที่ราบมากพอก็จะอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่ถ้ามีพื้นที่ราบไม่เพียงพอก็จะกระจายอยู่ตามไหล่เขา และนิยมตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ขนาดหมู่บ้านโดยเฉลี่ย 30-50 หลังคาเรือน นิยมตั้งบ้านอยู่ใกล้กัน ในกลุ่มเครือญาติเดียวกัน ลักษณะบ้านเป็นแบบคร่อมดิน หลังคามุงด้วยหญ้าคา ไม่มีหน้าต่าง ภายในมีฝากั้นแยกเป็นห้องสำหรับพื่อแม่และลูก และแบ่งพื้นที่เป็นที่จัดเก็บผลผลิตจากไร่ ที่ตั้งครกกระเดื่อง เตาไฟใหญ่ เตาไฟเล็ก หิ้งบูชาผีบรรพบุรุษ ปัจจุบันนำวัตถุอื่นๆ มาใช้ร่วมด้วยเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับตัวบ้าน เช่น สังกะสี กระเบื้องมุงหลังคา อิฐ ปูน เป็นต้น(หน้า 20) |
|
Demography |
ประชากรในพื้นที่บ้านห้วนน้ำจางเป็นม้งขาว มีประชากรทั้งหมด 476 คน เป็นเพศชาย 239 คน และเป็นเพศหญิง 237 คน จำนวนครัวเรือน 68 หลังคาเรือน ประกอบด้วย 100 ครอบครัว อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขยาย บางครอบครัวมีภรรยามากกว่า 1 คน (หน้า 41) |
|
Economy |
การเพาะปลูก ม้งบ้านห้วยน้ำจาง ปลูกพืชเมืองหนาวทั้ง ผักและไม้ผล เช่น ผักกาดแก้ว ผักสลัด พลัม พลับ สาลี่ ท้อ และลูกบ๊วย รายได้ต่อครัวเรือนประมาณ 35,000 บาทต่อปี ถ้ารายได้ไม่เพียงพอในการเลี้ยงดูครอบครัว สมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นจะต้องออกมาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ รับจ้างทั่วไป (หน้า 41) |
|
Social Organization |
ลักษณะครอบครัวม้งเป็นครอบครัวแบบขยาย สืบสายเลือดทางบิดา หลังแต่งงานภรรยาจะไม่อยู่บ้านพ่อแม่ ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ต้องได้รับการยินยอมจากภรรยาก่อน ม้งห้ามคนในตระกูล/แซ่เดียวกันแต่งงานกัน ผู้หญิงที่มีร่างกายแข็งแรง ขยันเป็นที่ต้องการมากกว่าผู้หญิงสวยแต่เกียจคร้าน ผู้หญิงมีอิสระในการเลือกคู่ การตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตรงกันข้ามกลับทำให้ค่าตัวสูงขึ้น เพราะทำให้มีแรงงานเพาะปลูกในครัวเรือนเพิ่มขึ้น ครัวเรือนมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดังนั้นม้งจึงนิยมมีบุตรหลายคน (หน้า 21-22) นอกจากนั้นการมีลูกมากยังส่งเสริมให้ตระกูลของตนเข้มแข็ง มั่นคง มีอำนาจในการต่อรองสูง เนื่องจากสังคมม้งยึดถือกลุ่มเครือญาติเป็นหลักในการจัดระเบียบสังคม (หน้า 71) ผู้ชายม้งมีสถานภาพสูงกว่าผู้หญิง เพราะเป็นผู้สืบทอดสายตระกูลของบิดา ต้องเลี้ยงดูบิดามารดา และทำพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ ดังนั้น ม้งจึงต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาว ผู้หญิงจำเป็นต้องตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตรชาย เพื่อไม่ให้สามีมีภรรยาน้อย (หน้า 72-73) |
|
Political Organization |
มีผู้ใหญ่บ้านที่ภาครัฐแต่งตั้งเป็นผู้นำชุมชน ทำหน้าที่ดูแลและจัดระเบียบชุมชนตามนโยบายของภาครัฐ และมีผู้นำตามจารีตซึ่งเป็นผู้อาวุโสในชุมชนช่วยดูแลควบคุมความประพฤติสมาชิกในหมู่บ้าน ช่วยตัดสินกรณีพิพาทต่างๆ ไกล่เกลี่ยและตัดสินความ และขณะที่ผู้ใหญ่บ้านจะเป็นผู้ตัดสินกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ (หน้า 41) |
|
Belief System |
การนับถือผี ม้งบ้านห้วยน้ำจาง ส่วนใหญ่นับถือผี ได้แก่ 1.สิ่งเหนือธรรมชาติในป่า เทพเจ้าแห่งแผ่นดิน ขุนเขา ป่าและน้ำ ทำพิธีเซ่นไหว้เพื่อให้คุ้มครองหมู่บ้านจากสิ่งชั่วร้าย 2. ผีบรรพบุรุษ ผีบ้านผีเรือน เพื่อให้คุ้มครองปกปักษ์รักษาคนในครอบครัว 3. เทพสูงสุด ซึ่งเป็นที่สถิตวิญญาณบรรพบุรุษ (หน้า 43) |
|
Education and Socialization |
หมู่บ้านมีโรงเรียนสังกัดสำนักงานประถมศึกษา อำเภอสะเมิง 1 โรง ชาวบ้านห้วยน้ำจาง ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ โดยเฉพาะผู้หญิงมีจำนวนน้อยที่อ่านและเขียนภาษาไทยได้ บางครอบรัวที่มีฐานะดีนิยมส่งบุตรไปเรียนในเมองเชียงใหม่ ส่วนครอบครัวที่ฐานะไม่ดีหรือมีบุตรมาก จะให้บุตรเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยน้ำจาง (หน้า 42) จากการเก็บข้อมูลคู่สมรส ม้งบ้านน้ำจาง 71 คู่ พบว่า ผู้หญิงร้อยละ 64.78 ไม่ได้รับการศึกษา ส่วนผู้หญิงได้รับการศึกษาพบว่า ร้อยละ 50 จบประถมศึกษาปีที่ 6 และร้อยละ 26.92 จบมัธยมศึกษาตอนต้น ขณะที่ผู้ชายร้อยละ 80.88 ได้เรียนหนังสือ (หน้า 56) |
|
Health and Medicine |
การรักษาความเจ็บปวด ม้งบ้านห้วยน้ำจาง มีบัตรประกันสุขภาพ สามารถใช้บริการได้ที่สถานีอนามัยบ่อแก้ว และโรงพยาบาล สะเมิง อย่างไรก็ตาม ม้งส่วนใหญ่รักษาอาการเจ็บป่วยด้วยสมุนไพรมากกว่า ถ้าอาการรุนแรงขึ้นก็จะทำพิธีเลี้ยงผี พิธี “ฮ้องขวัญ” เรียกขวัญกลับสู่ร่างกาย ถ้าการรักษาด้วยวิธีพื้นบ้านไม่ได้ผลจึงจะไปหาหมอ แต่ถ้าการเจ็บป่วยเกิดจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะไปหาหมอทันที (หน้า 43) การตั้งครรภ์ สตรีที่มีอาการแพ้ท้องจะมีการประกอบพิธีกรรมเพื่อทำนายและทรงเจ้าอัวเน้งเพื่อรักษาอาการป่วย และแบ่งชีวิตให้มารดาและทารกในครรภ์ให้มีชีวติแข็งแรงเท่ากัน ในระยะที่ตั้งครรภ์จะมีข้อห้ามต่างๆ เช่น ห้ามเดินผ่านสถานที่ต้องห้าม เช่น พื้นที่ที่มีการพังทลายของดิน แหล่งน้ำ เพราะเจ้าที่บริเวณดังกล่าวจะทำอันตรายเด็กในครรภ์ได้ ห้ามตัดของในห้องนอน ห้ามซ่อมบ้าน ห้ามคุ้ยขี้เถ้าทั้งเตาเล็กหรือใหญ่ เป็นต้น (หน้า 44-45) การคลอดบุตร สตรีม้งบางรายสามารถคลอดบุตรได้เอง โดยการนั่งคุกเข่าเพื่อคลอด ภายหลังคลอดจึงให้บุคคลอื่นมารับเด็ก ตัดสายสะดือ แต่ในกรณีที่คลอดยากต้องอาศัยหมอตำแยในการพยุงตัว อุ้ม นวดแผ่นหลัง และกลับท่าเด็ก ในสตรีที่มีอาการหน้ามืด ต้องใช้เปลือกกัญชาพันรอบริเวณศีรษะและร่ายคาถาควบคุม เมื่อคลอดจะทำการตัดสายสะดือแล้วนำรกไปฝังดิน โดยทารกเพศชายจะฝังบริเวณเสาเอกของบ้าน เพราะเมื่อโตจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อไป สำหรับเพศหญิงจะฝังใต้ห้องนอนที่เสาเตียง ถ้าต้องการบุตรต่อไปเป็นเพศชายจะต้องคว่ำรกเวลาฝัง หญิงที่คลอดบุตรจะต้องอยู่ไฟ (หน้า 45) การคุมกำเนิด ผู้หญิงม้งส่วนใหญ่แต่งงานอายุต่ำกว่า 20 ปี และมักตั้งครรภ์ทันทีไม่มีการคุมกำเนิด ทั้งนี้สังคมม้งถือว่าผู้หญิงอายุ 14-15 ปี มีความเป็นผู้หญิงสมบูรณ์ที่สุดเหมาะสมต่อการแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัว (หน้า 66) ม้งบ้านห้วยน้ำจาง ยังมีอัตราการคุมกำเนิดต่ำกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ 77) คือ มีอัตราการคุมกำเนิดเพียงร้อยละ 53.33 ผู้หญิงที่อายุน้อยจะใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ส่วนการคุมกำเนิดแบบถาวรจะพบในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เพราะม้งต้องการมีบุตรหลายคน และต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว (หน้า 63,89) ความเชื่อของผู้หญิงม้งที่ว่า การคุมกำเนิดจะขัดขวางการกลับมาเกิดใหม่เป็นผู้ชาย หรือการขัดขวางการตั้งครรภ์จะทำให้ต้องเกิดเป็นผู้หญิงใหม่อีกครั้งหนึ่ง (หน้า 74,95) ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราการคุมกำเนิดต่ำ ในหมู่ผู้หญิงม้ง สำหรับการคุมกำเนิดในกลุ่มผู้ชายม้ง พบว่า ผู้ชายไม่ยอมรับการคุมกำเนิด และเห็นว่าการทำหมันชายทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ทำงานหนักไม่ได้ รวมทั้งทำให้สมรรถภาพและความต้องการทางเพศลดลง (หน้า 61) อย่างไรก็ดี มังก็มีวิธีการคุมกำเนิดแบบพื้นบ้านของตน ได้แก่ การใช้สมุนไพร และข้อห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาต่างๆ เช่น ฤดูเพาะปลูก ทั้งหญิงและชายต้องทำงานหนัก การมีเพศสัมพันธ์อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรืองดการมีเพศสัมพันธ์ขณะร่างกายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและการเดินทาง (หน้า 61) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการให้บริการคุมกำเนิด การคุมกำเนิดให้ได้ประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความร่วมมือของสตรีม้งและสามีเพิ่มขึ้น และทำการปรับเปลี่ยนวิธีการให้บริการจากเดิมที่ให้ม้งบ้านน้ำจางเข้ารับบริการด้วยตนเองเปลี่ยนไปเป็นการให้บริการแบบเชิงรุก โดยการเข้าไปยังพื้นที่จะควบคุมจำนวนประชากร เพื่อทำการประเมินความต้องการ และจัดรูปแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะให้บริการ (หน้า 99) อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจ ยอมรับความแตกต่างทางด้านภาษา สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตของม้งมากขึ้น และสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาในกระบวนการให้บริการว่าจะเกิดประสิทธิภาพจริง ปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว และให้บริการที่เสมอภาพเท่าเทียมกับคนในพื้นราบ เพื่อลดปัญหาการลัดคิวที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และต้องเปิดโอกาสผู้ใช้บริการสามารถตัดสินใจเลือกวิธีคุมกำเนิดได้ด้วยตนเอง โดยได้รับข้อมูล การแนะนำต่างๆอย่างถูกวิธี ทั้งที่เป็นครอบครัวและคนหนุ่มสาว (หน้า 100,104) พร้อมทั้งต้องมีปริมาณของเวชภัณฑ์ที่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และยาเหล่านั้นจะต้องสอดคล้องกับรายได้ของม้งที่จะสามารถจ่ายได้ เนื่องจากการคุมกำเนิดในอดีตม้งบ้านน้ำจางจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเพื่อรับยาคุมกำเนิด และเพิ่มขีดความสามารถของสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าโครงการ 30 บาทให้สามารถครอบคลุมการให้บริการการคุมกำเนิดได้อีกด้วย (หน้า 101,102) |
|
Map/Illustration |
แผนที่ตั้งบ้านห้วยน้ำจาง ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ หน้า 39 แผนที่บ้านห้วยน้ำจาง หมู่ 6 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ หน้า 40 |
|
|