สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยมุสลิม,พัฒนา,อ่างทอง
Author สถาพร ชุมอุปการ
Title ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของชาวไทยมุสลิมในการพัฒนาชุมชน ในจังหวัดอ่างทอง
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text -
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 213 Year 2537
Source หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Abstract

การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของชาวไทยมุสลิม ตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พิจารณาจากการมีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชนทั้ง 4 ด้าน คือ งานสร้างเสริมรายได้ งานส่งเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต งานพัฒนาสิ่งแวดล้อม และงานพัฒนาจิตใจ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาดังกล่าว อยู่ในระดับปานกลาง งานที่ชาวมุสลิมร่วมมากคือ งานพัฒนาจิตใจ ส่วนงานพัฒนาสิ่งแวดล้อมและงานสร้างเสริมรายได้มีส่วนร่วมในระดับปานกลาง งานส่งเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นงานที่ไทยมุสลิมมีส่วนร่วมน้อย จากการศึกษาปัจจัยต่างๆ พบว่า เพศชายมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนมากว่าเพศหญิง อายุต่างกันมีผลต่อการมีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชนไม่แตกต่างกัน ด้านอาชีพ แบ่งออกเป็นอาชีพหลักและอาชีพรอง ด้านอาชีพหลักพบว่าผู้ประกอบอาชีพหลักเกษตรกรรมมีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชนสูงกว่าผู้ที่ประกอบอาชีพรับจ้าง ด้านอาชีพรองพบว่าผู้ที่มีอาชีพรองมีส่วนร่วม ในงานพัฒนาชุมชนมากกว่าผู้ที่ไม่มีอาชีพรอง ด้านการศึกษาแบ่งออกเป็นการศึกษาสายสามัญ และการศึกษาด้านศาสนาพบว่าการศึกษาสายสามัญที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในงานพัฒนาชุมชนที่แตกต่างกัน และผู้ที่ศึกษาด้านศาสนาสูงกว่า ป.4 (ฟัรดูอีน) ขึ้นไป มีส่วนร่วมในงานการพัฒนาชุมชนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ด้านความเคร่งครัดทางศาสนา โดยการพิจารณาจากการปฏิบัติศาสนกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน พบว่าผู้ที่เคร่งครัดมากมักมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนมากกว่า ปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการมีส่วนร่วมของชาวไทยมุสลิมในการพัฒนาชุมชนในจังหวัดอ่างทอง ได้แก่ ปัญหาด้านการมีภาระในการประกอบอาชีพ การขาดแคลนการประชาสัมพันธ์ ปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย และปัญหามีภาระครอบครัวไม่มีเวลาเข้าร่วมโครงการ (หน้า 203 – 206) จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของชาวไทยมุสลิม ในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองนั้น มีได้หลายปัจจัยด้วยกัน แตกต่างจากปัจจัยโดยทั่วไปเพราะลักษณะความต่างในการนับถือศาสนา การศึกษา วัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ซึ่งต่างจากกลุ่มของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ

Focus

ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลถึงการมีส่วนร่วมของชาวไทยมุสลิมในการพัฒนาชุมชน จังหวัดอ่างทอง และศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ต่อการมีส่วนร่วมดังกล่าว

Theoretical Issues

ไม่ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ชาวไทยมุสลิม หมายถึงคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จะตั้งถิ่นฐานอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย แต่ด้วยความแตกต่างกันในเรื่องของพื้นฐานความเป็นมาในประวัติศาสตร์ จึงทำให้ชาวไทยมุสลิมในภูมิภาคต่างๆ แตกต่างกันออกไป โดยในกรณีศึกษาจังหวัดอ่างทอง มีประวัติความเป็นมาแบ่งได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ พวกแรกเป็นพวกที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและธนบุรี ต่อมาคือพวกที่อพยพมาจากหัวเมืองประเทศราชทางภาคใต้ และพวกสุดท้ายคือพวกที่อยู่ในบังคับต่างชาติ (หน้า 9)

Language and Linguistic Affiliations

ชาวไทยมุสลิมบริเวณพื้นที่ศึกษา ในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ภาษาพูดใช้ภาษาไทยภาคกลางทั้งหมด (หน้า 11)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ศึกษา เป็นชาวไทยมุสลิมพวกแรกที่อพยพมาจากภาคใต้ มีประวัติความเป็นมาจากพ่อค้าชาวชวา ซึ่งตั้งถิ่นฐานในจังหวัดปัตตานีปัจจุบัน ได้มาค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยา 2 กลุ่ม กลุ่มแรกตั้งรกรากอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกกลุ่มโดยการนำของโต๊ะกีไว หรือโต๊ะกีสุเหร่า ได้มาค้าขายทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงอ่างทอง จึงได้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากินที่หมู่บ้านชะไว ซึ่งก็คือ ตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ในปัจจุบัน (หน้า 10)

Settlement Pattern

ไทยมุสลิมตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง มีการตั้งบ้านเรือนเป็นกลุ่มอย่างหนาแน่นติดกันบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และกระจายห่างกันในบริเวณห่างจากแม่น้ำ บ้านไทยมุสลิมตำบลชะไวมีรูปทรงสองแบบ คือ 1. บ้านไม้ทรงไทย ยกพื้น ชั้นล่างปล่อยโล่ง ชั้นบนกั้นห้อง 1-2 ห้อง นอกนั้นเป็นชานบ้านและห้องโถง หลังคาส่วนใหญ่เป็นสังกะสี 2. บ้านไม้เรือนไทย ทรงปันหยา ยกพื้นเช่นเดียวกับบ้านไทยพุทธ เรื่องจากป้องกันน้ำท่วมและเลี้ยงวัว ควายไว้ไต้ถุนบ้าน ทำให้เกิดน้ำขังเป็นจำนวนมาก (หน้า 11)

Demography

ปัจจุบันชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ศึกษา คือ ตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ในปัจจุบันมีจำนวนชาวไทยมุสลิมหนาแน่นที่สุดในจังหวัดอ่างทอง มีประชากร 456 ครัวเรือน จำนวน 2,900 คน เป็นชาย 1,416 คน หญิง 1,484 คน เป็นตำบลเดียวของจังหวัดอ่างทองที่มีชาวไทยมุสลิมอยู่พื้นที่ถึง 99.34% มีชาวไทยพุทธเพียง 3 ครัวเรือน (หน้า 1 0)

Economy

ชาวไทยมุสลิมในบริเวณพื้นที่ศึกษาประกอบทั้งอาชีพหลักและอาชีพรองควบคู่กันไป โดยอาชีพหลักที่ชาวไทยมุสลิมยึดถือ คือการค้าขาย เป็นอาชีพที่เชื่อมโยงจากประวัติศาสตร์ในอดีต โดยการนำของโต๊ะสุเหร่าที่ได้อพยพมาจากจังหวัดปัตตานีในปัจจุบัน เข้ามาอาศัยและค้าขายตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนมาตั้งรกรากที่บ้านชะไว จังหวัดอ่างทองในปัจจุบัน ทำให้ชาวมุสลิมยึดอาชีพค้าขายเป็นหลัก (หน้า10-11) อาชีพรองคือ รับจ้างชำแหละเนื้อสัตว์ และทำการเกษตร เช่น ทำนา ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ ตลอดจนประกอบอาชีพทั่วไป เช่น ข้าราชการ ลูกจ้าง/พนักงานบริษัท (หน้า 35)

Social Organization

ศาสนิกชนในแต่ละศาสนาย่อมมีแนวทางในการประพฤติ ปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไปตามความเชื่อในแต่ละศาสนา กลายเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ของตนที่สืบเนื่องต่อมาอย่างยาวนาน ปรากฏในรูปแบบของ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต จารีต และแนวทางปฏิบัติในศาสนกิจ สำหรับวัฒนธรรมอิสลามเรียกได้ว่า ศาสนาอิสลามเป็นระบบการดำเนินชีวิตของมุสลิมตั้งแต่เกิดจนตาย ดังที่ปรากฏใน อัล-กุรอาน โดยถือว่าอิสลามจะแทรกอยู่ในทุกขั้นทุกตอนทั้งทางโลกและทางธรรม เช่น สังคม การเมือง และกฎหมาย เป็นต้น โดยชาวไทยมุสลิมจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนเรียก กำปงหรือหมู่บ้าน มีมัสยิดไว้ประกอบศาสนกิจและศึกษาเล่าเรียนของเยาวชน โดยมีอิหม่ามที่ชาวบ้านเลือกขึ้นเป็นผู้นำในหมู่บ้านหรือชุมชน ( หน้า 4-9)

Political Organization

รูปแบบการปกครองของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่กรณีศึกษาคือ ในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองนั้น จัดระบบการปกครองคล้ายกับการปกครองในราชอาณาจักรไทยทั่วไป แบ่งการปกครองออกเป็น 3 หมู่บ้าน มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการสภาตำบล และคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นชาวไทยมุสลิมทั้งหมด จึงเสมือนว่าเป็นการปกครองโดยมุสลิมด้วยกันเอง โดยมีวัฒนธรรมอิสลามเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต (หน้า 10-11)

Belief System

เนื่องจากสังคมอิสลามเป็นสังคมที่มีรูปแบบเฉพาะดังนั้นวัฒนธรรมความเชื่อทางศาสนาของชาวไทยมุสลิม จึงมีความแตกต่างอย่างเด่นชัดกับความเชื่อของชาวไทยกลุ่มอื่น โดยมุสลิมเชื่อว่าครรลอง และวิถีแห่งชีวิตนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว และจะต้องปฏิบัติตาม ซึ่งได้ปรากฎในคัมภีร์อัล-กุรอาน และซุนนะห อันเป็นคำสอนของศาสดามุฮาหมัด ( ค็อล ฯ) ดังพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮ (ซุนห์ฯ) ได้ประทานโองการไว้ โดยหลักปฏิบัติตามความเชื่อจะอยู่ที่การนอบน้อมตนต่อพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงเพื่อความสันติสุขทั้งโลกนี้ และโลกหน้า และด้วยที่ศาสนาอิสลามไม่ได้แยกอาณาจักร ออกจากศาสนจักร อิสลามจึงไม่มีสถาบันนักบวช มุสลิมทุกคนจึงต้องมีทั้งหลักศรัทธาและการปฏิบัติ และมุสลิมยังถือว่ามุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกันทั่วโลก (หน้า 3-7)

Education and Socialization

สำหรับการศึกษาของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ ในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองนั้น จัดการศึกษาออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นการจัดการศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนทั้งในและนอกระบบ อีกส่วนเป็นการศึกษาในโรงเรียนสอนศาสนา โดยมุสลิมในพื้นที่ศึกษามักจะส่งบุตรหลานเรียนในโรงเรียนบ้านชะไว 1 แห่ง โรงเรียนมัธยมราชสถิตยวิทยาในบริเวณใกล้เคียง และโรงเรียนสอนศาสนาซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อีก 2 แห่ง (หน้า 11,14 )

Health and Medicine

ไม่ระบุ

Art and Crafts (including Clothing Costume)

เนื่องจากบ้านเรือนไทยมุสลิมในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองนั้น ตั้งอยู่กระจายบริเวณพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำทำให้รูปแบบบ้านของชาวไทยมุสลิมแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบแรกเป็นบ้านไม้ทรงไทยยกพื้น ชั้นล่างปล่อยโล่ง ชั้นบนกั้นห้อง 1-2 ห้องนอกนั้นเป็นชานบ้านและห้องโถง หลังคาเป็นสังกะสี แบบที่สองเป็นบ้านไม้เรือนไทยทรงปั้นหยา ยกพื้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม และยังมีมัสยิดที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สำหรับการแต่งการนั้นชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จะแต่งกายเหมือนชาวไทยพุทธทั่วไป แต่ในหมู่บ้านยังนิยมนุ่งโสร่งทั้งชายและหญิง ส่วนเสื้อมักใส่ทรงสากลทั่วไป หากมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็จะแต่งแบบชาวไทยมุสลิมทั่วไป (หน้า 11)

Folklore

ไม่ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

เนื่องด้วยลักษณะสังคมมุสลิมเป็นสังคมที่ถูกยึดเหนี่ยวกันไว้ด้วยระบบความสัมพันธ์แห่งความเป็นอุมมะฮ คือ ความเป็นประชาชาติเดียวกัน ใช้คัมภีร์ อัล-กุรอาน เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเช่นเดียวกัน และยังถือว่ามุสลิมเป็นพี่น้องกันทั่วโลก ดังนั้นหากเกิดความขัดแย้งขึ้นกับมุสลิมส่วนหนึ่งส่วนใดก็จะส่งผลถึงชาวมุสลิมทั่วไปด้วย โดยเฉพาะมุสลิมใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับชาวไทยพุทธที่มีเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งประเพณี ภาษา ศาสนา ความเชื่อ รวมถึงความสำนึกในประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเสี่ยงที่จะมีความขัดแย้งกันเสมอ ( หน้า 6-7)

Social Cultural and Identity Change

เนื่องด้วยชาวไทยมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ แต่สำหรับใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับเป็นคนส่วนใหญ่ของพื้นที่ และด้วยความแตกต่างใน เอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งประเพณี ภาษา ศาสนา ความเชื่อ รวมถึงความสำนึกในประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเสี่ยงที่จะมีความขัดแย้งกันเสมอ จึงก่อให้เกิดปัญหาในด้านความมั่นคงขึ้น เพราะมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยากที่จะถูกผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมต่างไปจากมุสลิมในภูมิภาคอื่นที่มักจะถูกผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมเสมอภายใต้เวลาที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็นับว่าน้อยมากหากเทียบกับชาติพันธุ์อื่นๆ (หน้า 6-9 )

Other Issues

การมีส่วนร่วมในการพัฒนา ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ศึกษา คือ ในตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทองนั้น แม้เป็นคนส่วนน้อยของประเทศแต่ก็เป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่สามารถดำรงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนไว้ในระดับค่อนข้างสูงก็ตาม แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิศาสตร์และท้องที่เช่นกัน (หน้า 3-5) ดังนั้นจึงก่อให้เกิดความมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่ต่างกันไปด้วย โดยนอกจากความเป็นอิสลามแล้วยังมีปัจจัยในด้านต่างๆ ที่ส่งผลกระทบเช่น เพศ อายุ และระดับการศึกษา ความเคร่งครัดในความเชื่อเป็นต้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าวก็ยังสามารถดำรงเอกลักษณ์ในชุมชนและสังคมของตนไว้ได้ ท่ามกลางวัฒนธรรมที่แตกต่างและกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป (หน้า 202-211) งานศึกษาชิ้นนี้เป็นการศึกษาถึงการมีส่วนร่วมในงานส่งเสริมการพัฒนาของไทยมุสลิมในด้านการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจ ของชุมชน โดยไทยมุสลิมในตำบลชะไวมีส่วนร่วมในการคิด วางแผน เสนอแนะ แก้ไขปัญหา และการตัดสินใจ แต่กลับมีส่วนร่วมในระดับการลงมือปฏิบัติที่น้อย (หน้า 39-46) ซึ่งสามารถจำแนกระดับการมีส่วนร่วมตามปัจจัยต่างๆ ได้ดังนี้ 1. เพศ การส่งเสริมรายได้ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจ เพศต่างกันการมีส่วนร่วมแตกต่างกัน โดยเพศชายมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนมากกว่าเพศหญิง แต่ในการสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต เพศต่างกันการมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกัน (หน้า 47-55) 2. อายุ อายุต่างกันการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนในการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจ ไม่แตกต่างกัน (หน้า 56-67) 3. การประกอบอาชีพ 3.1 อาชีพหลัก ต่างกันการมีผลต่อส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนด้านการส่งเสริมรายได้ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม แตกต่างกัน อาชีพเกษตรกรรมมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนมากกว่าอาชีพรับจ้างและค้าขาย แต่การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิตและการพัฒนาจิตใจ อาชีพหลักถึงจะแตกต่างกันแต่การมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกัน (หน้า 67-88) 3.2 ผู้มีอาชีพรอง การส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ผู้มีอาชีพรองมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนแตกต่างกับผู้ไม่มีอาชีพรอง โดยผู้มีอาชีพรองมีส่วนร่วมมากกว่าผู้ไม่มีอาชีพรอง แต่การพัฒนาจิตใจ ผู้มีอาชีพรองมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกับผู้ไม่มีอาชีพรอง (หน้า 89-97) 4. การศึกษาสายสามัญกับด้านศาสนา การศึกษาสายสามัญและการศึกษาด้านศาสนามีผลต่อส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนด้านการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต และการพัฒนาจิตใจที่ไม่แตกต่างกัน แต่การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การศึกษาสายสามัญและการศึกษาด้านศาสนามีส่วนร่วมแตกต่างกัน (หน้า 98-110) 5. ศาสนา การศึกษาด้านศาสนาต่างกันทำให้การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาจิตใจแตกต่างกัน โดยมุสลิมที่มีการศึกษาด้านศาสนาสูงกว่า ป.4 (ฟัรดูอีน) ขึ้นไป มีส่วนร่วมสูงกว่าไทยมุสลิมที่ไม่ได้รับการศึกษาด้านศาสนา (หน้า 111-135) 6. ผู้ที่มีความเคร่งครัดทางศาสนา 6.1 การปฏิบัติศาสนกิจ การปฏิบัติศาสนกิจแตกต่างกันทำให้การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมรายได้ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาจิตใจแตกต่างกัน โดยชาวไทยมุสลิมที่ปฏิบัติศาสนกิจเคร่งครัดมากมีส่วนร่วมมากกว่าผู้ที่เคร่งครัดน้อย แต่การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การปฏิบัติศาสนกิจแตกต่างกันไม่มีผลต่อการมีส่วนร่วมที่แตกต่างกัน (หน้า 135-159) 6.2 การดำเนินชีวิตประจำวัน การเคร่งครัดในการดำเนินชีวิตประจำวันแตกต่างกันทำให้การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมรายได้ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจแตกต่างกัน โดยชาวไทยมุสลิมที่เคร่งครัดในการดำเนินชีวิตประจำวันมากมีส่วนร่วมมากกว่าผู้ที่เคร่งครัดน้อย โดยการเคร่งครัดในการดำเนินชีวิตประจำวันแตกต่างกันทำให้การมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิตไม่แตกต่างกัน (หน้า 160-168) 7. ปัญหา อุปสรรค์ ในการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจ คือ ชาวไทยมุสลิมมีภาระในการประกอบอาชีพอยู่แล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการและการขาดการประชาสัมพันธ์จากผู้นำท้องถิ่นทำให้ไม่ทราบข่าวการดำเนินโครงการ ความสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับ และปัญหาด้านสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงเท่าที่ควรเนื่องจากปัจจัยด้านอายุแลผลจากการประกอบอาชีพ (หน้า 169-176) 8. แนวทางแก้ไข ในการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมรายได้ การสร้างเสริมการออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจิตใจ คือ ควรประชาสัมพันธ์ให้เห็นประโยชน์ของโครงการที่จะนำมาส่งเสริมอาชีพ ทำให้เกิดความเข้าใจก่อนการดำเนินการ ควรจัดให้มีเงินทุนในการส่งเสริมอาชีพ เพื่อสร้างรายได้หลังจากการดำเนินโครงการ ควรปรับปรุงออมทรัพย์ให้สมาชิกได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น ควรให้ราษฎรได้เข้าไปมีส่วนร่วม และรับฟังข้อเสนอแนะของราษฎรในการพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น (หน้า 169-176)

Map/Illustration

ผู้เขียนได้ใช้ตารางสถิติในการอธิบายข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้ในการประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเล่ม

Text Analyst วรพจน์ กันธาเดช Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG ไทยมุสลิม, พัฒนา, อ่างทอง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง