|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,เครือข่าย,อนุรักษ์วัฒนธรรม,ต่อต้านยาเสพติด,เชียงใหม่ |
Author |
จันทร์ศิริ วาทหงษ์ |
Title |
สถานการณ์และการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดบนพื้นที่สูง : กรณีศึกษาเครือข่ายชุมชนม้งอนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน) |
Total Pages |
41 |
Year |
2548 |
Source |
มูลนิธิโครงการหลวง |
Abstract |
ผู้เขียนศึกษาสถานการณ์และกิจกรรมการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดบนพื้นที่สูง3 ระยะ คือ ระยะที่1 ก่อนรัฐบาลประกาศนโยบายทำสงครามเอาชนะยาเสพติด ปี2539มียาบ้าแพร่ระบาดเข้ามาในเครือข่ายชุมชนม้งอนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด เป็นช่วงที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดชัดเจน การแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐยังดำเนินการไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และชุมชนยังไม่ไว้วางใจ ระยะที่ 2 ระหว่างรัฐบาลประกาศนโยบายทำสงครามเอาชนะยาเสพติด (เดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2546 ) ทำให้ภาครัฐเข้ามาดำเนินการในพื้นที่มากขึ้น ชาวบ้านให้ความร่วมมือมากขึ้นเพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทำงานจริงจัง ภาครัฐและองค์กรชุมชนเข้าพื้นที่ในการทำประชาคมหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดมีจำนวนลดลง ระยะที่3 ระยะหลังรัฐบาลประกาศชัยชนะในการทำสงครามเอาชนะยาเสพติด (หลังวันที่ 3 ธันวาคม 2546) ปัญหายาเสพติดในชุมชนลดลง บางชุมชนไม่มีทั้งผู้ค้าและผู้เสพ เพราะหายาเสพติดยากและเกรงกลัวอำนาจรัฐ ผู้ค้ารายใหญ่บางส่วนหนีออกจากชุมชนและหยุดการค้าระยะหนึ่ง แต่หลังจากประกาศชัยชนะนโยบายทำสงครามเอาชนะยาเสพติดได้ 4 เดือน มีข่าวว่ามีการขายยาเสพติดในชุมชนอีก |
|
Focus |
สถานการณ์และกิจกรรมการแก้ไขปัญหาผู้เสพติดบนพื้นที่สูง(หน้า1-3,14) ของเครือข่ายชุมชนม้งอนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง เมื่อกล่าวถึงกลุ่มคนในกรณีศึกษาจะใช้คำว่าม้ง แทนคำว่าแม้ว ซึ่งการเรียกม้งว่าแม้ว เป็นชื่อที่ชาวม้งไม่พอใจ เพราะเหมือนเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม (หน้า 12) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามในช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ. 2547 ( ผู้เขียน ) |
|
History of the Group and Community |
ม้งเข้ามาอยู่ในเมืองไทยด้วยการอพยพมาจากประเทศจีน ม้งมีการรวมตัวเครือข่ายชุมชนม้งอนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด ซึ่งรวมตัวกันขึ้นเพื่อร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดตั้งแต่ปี 2538 มีสมาชิก 11 หมู่บ้านใน 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ การร่วมมือกันนั้นมีสาเหตุมาจากมีการปลูกฝิ่น และกัญชา ทำให้มีผู้เสพยาเสพติดในชุมชน (หน้า17) รวมทั้งมีการแพร่ระบาดของเฮโรอีนเข้ามาในชุมชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในชุมชนแม่สาใหม่ และชุมชนบวกเต๋ย (หน้า21) ซึ่งชุมชนแม่สาใหม่ขอความช่วยเหลือจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อแก้ปัญหา โดยเริ่มโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการใช้สารเสพติดในชุมชน และมูลนิธิโครงการหลวงเข้ามาสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง |
|
Settlement Pattern |
ม้งนิยมตั้งบ้านเรือนบนภูเขาสูง 1,000 -1,500 เมตร โดยเลือกตั้งหมู่บ้านตามเนินเขาที่ลาดลงพอเหมาะ เพื่อให้มีที่กำบังลมและพายุฝนที่ปลายเนินมีลำน้ำไหลผ่านตลอดปี ภูมิประเทศแบบนี้จึงเหมาะกับการปลูกฝิ่น (หน้า12) ไม่นิยมอยู่ร่วมกับชนเผ่าอื่น ในปัจจุบันการเลือกทำเลที่ตั้งหมู่บ้านเปลี่ยนไปเพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายป่าไม้ หมู่บ้านของม้งจึงอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่ำและตั้งอยู่มั่นคงกว่าเดิม |
|
Demography |
ในประเทศไทยมีประชากรม้ง จำนวน 122,768 คน คิดเป็น 16% ของประชากรชาวเขา 20.5% ของประชากรม้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย 19.5% อยู่ในจังหวัดตาก 17% อยู่ในจังหวัดน่าน 15.5% อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 10%อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนประชากรในพื้นที่ศึกษามี 11 หมู่บ้าน จำนวนประชากร 8,621 คน (หน้า16) |
|
Economy |
ม้งทำไร่เป็นอาชีพหลัก พืชที่นิยมปลูกเป็นหลัก คือ ฝิ่น ข้าว ข้าวโพด ปัจจุบันลดการปลูกฝิ่นลง หันมาปลูกพืชเมืองหนาว และกะหล่ำปลีแทน(หน้า13) นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีผู้ค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำนวนมาก ทำให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน |
|
Social Organization |
ม้งมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากตระกูลแซ่ นิยมปลูกบ้านอยู่ใกล้ชิดกันในกลุ่มเครือญาติ มีเรือนใหญ่ของคนสำคัญอยู่ตรงกลาง (หน้า 12) ลักษณะครอบครัวเป็นระบบครอบครัวขยาย เพศชายเป็นใหญ่กว่าเพศหญิง การตั้งถิ่นฐานและสืบสกุลนับทางฝ่ายชาย ห้ามแต่งงานภายในแซ่สกุลเดียวกัน ชายผู้มีอาวุโสสูงสุด คือผู้มีอำนาจเต็มภายในครอบครัว ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกชายเป็นเรื่องสำคัญ (หน้า13) นอกจากนี้ชุมชนยังมีการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย เช่นเครือข่ายชุมชนม้งเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด โดยร่วมกับรัฐบาลซึ่งประกาศทำสงครามเอาชนะยาเสพติด โดยเน้นการทำความเข้าใจเพื่อให้เลิกการค้า การเสพยาเสพติด และการสนับสนุนการบำบัดรักษา (หน้า27) |
|
Political Organization |
ผู้นำชุมชนของม้ง มี 3 แบบได้แก่ หัวหน้าหมู่บ้าน ต้องเป็นผู้อาวุโสของแซ่สกุลที่มีจำนวนมากที่สุดในชุมชน เป็นผู้มีบทบาทต่อการตัดสินใจในกิจกรรมของชุมชน หมอผีอาวุโส เป็นผู้มีบทบาทด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มักเป็นผู้อาวุโสของแซ่สกุล และมีส่วนในการชี้นำชุมชน กลุ่มผู้อาวุโส เป็นผู้อาวุโสหัวหน้าของแต่ละแซ่สกุลในชุมชน ทำหน้าที่เสมือนคณะที่ปรึกษาของหัวหน้าหมู่บ้าน รวมทั้งมีคณะกรรมการหมู่บ้านที่คอยดูแลจัดการสถานการณ์ต่างๆในหมู่บ้าน สำหรับผู้นำของเครือข่ายชุมชนม้งอนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล |
|
Belief System |
ม้งมีความเชื่อในเรื่องของผี เห็นได้จากการที่มีทั้งหมอผีร่างทรงและหมอผีที่ใช้คาถาอาคม ซึ่งหมอผีมีบทบาทในด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งในแต่ละหมู่บ้านอาจมีหมอผีหลายคน แต่ในชุมชนจะให้ความนับถือเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้คนทรงยังมีอิทธิพลต่อการย้ายถิ่นที่อยู่ของหมู่บ้าน หากคนทรงทำนายว่าจะมีเหตุเภทภัย |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ม้งมีการนำพืชเสพติดที่ปลูกในชุมชน ได้แก่ ฝิ่น กัญชา โดยเฉพาะฝิ่นมาใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆและใช้ในประเพณีต่างๆ |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การร่วมมือตั้งเครือข่ายของชุมชนม้งเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด เกิดการร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการประสานงานระหว่างภาครัฐและชุมชน ทำให้ผู้ที่เคยค้ายาเสพติดในชุมชน กลับมาทำอาชีพการเกษตร ซึ่งหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นแทนฝิ่น และผู้เสพยาส่วนใหญ่สามารถเลิกยาได้ ทำให้ปัญหายาเสพติดในชุมชนลดลง |
|
Other Issues |
การประกาศนโยบายทำสงครามเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล ในพื้นที่เครือข่ายของชุมชนม้งเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด นั้นใช้กระบวนการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยองค์กรชุมชน โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการป้องกัน บำบัด ฟื้นฟู และปราบปราม ซึ่งมาตรการที่เข้มข้นที่สุดคือ การเฝ้าระวัง จากการที่ให้องค์กรชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ทำให้สถานการณ์ในชุมชนเบาบาง เช่นบ้านผานกกก แต่ไม่สามารถควบคุมปัญหาในชุมชนที่มีสถานการณ์รุนแรงได้ เช่นบ้านแม่สาใหม่ บ้านบวกเต๋ย ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชน และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนใช้ตาราง เพื่ออธิบายข้อมูลเชิงปริมาณให้เห็นภาพชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลการเปรียบเทียบจำนวนผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดในเครือข่ายชุมชนม้งเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและต่อต้านยาเสพติด รวมทั้งกิจกรรมและงบประมาณที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดในชุมชน |
|
|