|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พุทธ,อิสลาม,ผู้นำศาสนา,การปลูกฝังคุณธรรม,ชุมชน,อ่างทอง |
Author |
ไพศาล โอฬารวัฒน์ |
Title |
การศึกษาเปรียบเทียบบทบาทของพระสงฆ์กับผู้นำมุสลิมในการปลูกฝังคุณธรรมในชุมชน ศึกษาเฉพาะกรณีในอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
99 |
Year |
2538 |
Source |
หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาศาสนาเปรียบเทียบ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล |
Abstract |
ไม่ว่าศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลาม ต่างมุ่งเน้นที่จะสั่งสอน อบรมผู้คนให้เป็นคนดีของสังคม ทำเพื่อส่วนร่วมเป็นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน อีกทั้ง 2 ศาสนาต่างมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือทางด้านหลักธรรม คำสั่งสอน การทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน การส่งเสริมการศึกษา การสร้างความสัมพันธ์ในระดับเพื่อนบ้าน หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ร่วมกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาอื่นๆ ร่วมกัน (หน้า 92-95) |
|
Focus |
การศึกษาเน้น 2 ประเด็น ประเด็นแรก บทบาทของพระสงฆ์กับผู้นำมุสลิมในชุมชน ในการปลูกฝังคุณธรรม ประเด็นที่สอง การนำหลักคำสอนทางศาสนาการปรับใช้ในชุมชน |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
มีจำนวนประชากรทั้งหมด 23,133 คน เป็นชาย 11,174 คน หรือร้อยละ 48.3 และหญิง 11,599 คน หรือร้อยละ 51.69 (หน้า 25) ในพื้นที่ อำเภอไชโย มีผู้นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 21,218 คน และนับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 1,915 คน (งานทะเบียนราษฎร์ ที่ทำการปกครองอำเภอไชโย 2537) (หน้า 1,2) นอกจากนี้กลุ่มเป้าหมายที่ทำการสำรวจประกอบด้วย จำนวนเจ้าอาวาส 24 วัด โดยจะมีอายุอยู่ระหว่าง 51-60 ปี ซึ่งมีความอาวุโส ทำให้เป็นที่น่านับถือเคารพสักการะของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังจำพรรษาเป็นระยะเวลานาน ส่วนใหญ่จะจำพรรษานานกว่า 10 พรรษาขึ้นไปล้วนแล้วแต่บวชเป็นสามเณรจนกระทั่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยไม่สึกแทบทั้งสิ้น จำนวนผู้นำทางศาสนาอิสลามจำนวน 24 คน มีอายุที่แตกต่างกันทั้งในวัยรุ่น (21-30 ปี) วัยกลางคน (31-50 ปี)และสูงอายุ (50 ปีขึ้นไป) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถจะเป็นผู้เผยแพร่หลักทำให้กับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในชุมชนได้ทั้งสิ้น (หน้า 53) |
|
Economy |
ในตำบลชะโว อำเภอไชโย เป็นตำบลที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเพียงตำบลเดียว ประชาชนในพื้นที่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ค้าขาย รับจ้าง และรับราชการ (หน้า 51) |
|
Social Organization |
อยู่รวมกันเป็นชุมชน มีการปฏิสัมพันธ์ผ่านศาสนา โดยมีหลักคำสอนเป็นสื่อกลาง |
|
Belief System |
พุทธศาสนา มีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าสู่นิพานว่า เป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งการปฏิบัติในพุทธศาสนา (หน้า 6) ศีลและธรรม มีความสัมพันธ์กับเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา เพื่อควบคุมกาย วาจา ใจ เพื่อนำไปสู่การหลุดพ้นจากการเวียน ว่าย ตาย เกิด ดับทุกข์ได้ (หน้า 9) นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาจิตควบคู่การพัฒนาร่างกาย จิตเป็นตัววัดความดี-ชั่ว (หน้า 10,11) สัจธรรมหนึ่งที่พุทธศาสนาเน้นย้ำ คือ ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่างสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ต้องอาศัย พึ่งพาซึ่งกันและกัน เน้นการให้ การเสียสละ เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน (หน้า 12) สอนให้เชื่อใน “กรรม” (หน้า 13) ในการถ่ายทอดหลักธรรมคำสั่งสอนนั้นพระภิกษุสงฆ์ นิยมที่จะเทศน์ในวันสำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา โดยการเทศน์ในแต่ละครั้งจะทำการสอดแทรกพุทธพจน์ ซึ่งนำมาถ่ายทอดเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย หรือการหยิบยกปัญหาคุณธรรมที่พบเห็นในสถานการณ์ปัจจุบันมาอธิบายภายใต้กรอบคำสอนทางพระพุทธศาสนา โดยจะทำการอธิบายถึงสาเหตุและวิธีแก้ไข ตามหลักคำสอนทางพุทธศาสนา ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเองและผู้อื่นได้ (หน้า 30) ไม่เพียงเฉพาะในวันพระหรือวันสำคัญที่พระภิกษุจะทำการเทศน์สั่งสอน บางครั้งที่ได้แวะเยี่ยมชาวบ้านในหมู่บ้านพบเจอปัญหาก็จะช่วยเหลือแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาในแก่ชาวบ้านเหล่านั้น (หน้า 31) พระสงฆ์ยังสนับสนุนให้ประชาชนได้สืบทอดวัฒนธรรมที่ดีงาม อาทิ การทำบุญตักบาตร เพื่อนำมาโยงกับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เช่น การสมานทานศีล การกล่าวถวายทาน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนมีจิตใจที่ผ่องใส รักษาศีล ละการทำชั่ว คิดร้าย (หน้า 33,37) นอกจากความเชื่อในหลักคำสอนทางพุทธศาสนาแล้ว ชาวบ้านอำเภอไชโย มีความเชื่อในเรื่องโชคลางและความสำคัญของพระเครื่อง เครื่องรางของขลังอยู่มาก ทางวัดก็มีแจกหรือให้เช่าเพื่อให้คุ้มครองคนดี ประพฤติดี (หน้า 4,41 ) ทางด้านของศาสนาอิสลาม เชื่อว่าความประพฤติของมนุษย์ ทั้งทางด้านศาสนา สังคมหรือ การเมือง ส่วนหนึ่งกับหลักคำสอนของพระเจ้า (หน้า45-46) โดยทุกคนต้องปฏิบัติตาม และเชื่ออย่างที่สุดว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์” (หน้า 56) ทุกคนต้องปฏิบัติตามหลักศรัทธา และหลักอิสลาม ทุกสิ่งทกอย่างเริ่มต้นจากศรัทธา ปฏิบัติตนอยู่ในศีล เข้าใจความทุกข์ยากทรมานของผู้อื่น การบริจาคซะกาต บริจาคทาน พิตเราะห์ (การบริจาคเงิน) หรือการให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย (หน้า78-79) และสอนให้รู้จักแบ่งปันเพื่อนมนุษย์ (หน้า 46-47) ชาวอิสลามจะทำการสวดอ้วนวอนเทพเจ้า วันละ 5 ครั้ง มีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อ เช่น ตรุษฮีดุลพิตรี :งานรื่นเริงประจำปีหลังสิ้นการถือศีลอด เช่น ตรุษฮีดุลอัฏฮา : งานรื่นเริงเสร็จสิ้นเทศกาลฮัจญ์ เมาลิด : งานฉลองวันคล้ายวันประสูติศาสดามุฮัมมัด และงานตัมมัด : งานฉลองสำเร็จการศึกษาพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน และเชื่อในวันพิพากษา (หน้า 64) ผู้นำมุสลิมมีความเห็นเช่นเดียวกันกับพระสังฆาธิการ ที่จะช่วยลดปัญหาการเกิดอาชญากรรมในเขตอำเภอไชโย โดยมุ่งเน้นให้มุสลิมทุกคนปฏิบัติตามหลักคำสอนอย่างเคร่งครัด อาทิ เชื่อในเรื่องศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าเพียงองค์เดียว ให้ละอายต่อบาป เชื่อในวันสิ้นโลก เพื่อให้มุสลิมประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ไม่เบียดเบียน ทำร้ายผู้อื่น สอนให้เห็นใจผู้อื่น การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน การบริจาคทาน (หน้า 55,57, 63,73,77) นอกจากนี้ ผู้นำมุสลิมยังสอนและส่งเสริมให้ชาวมุสลิม ให้อภัย ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ดื่มสุราหรือของมึนเมา ทำให้มีสติ รู้ตัวเองอยู่เสมอ (หน้า 80) |
|
Education and Socialization |
ในอดีตวัดมีบทบาททางด้านการศึกษามาก วัดเป็นที่บวชเรียนของผู้ชายไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมา ตลอดจนมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นที่อบรม ขัดเกลาคนในสังคมในเป็นคนดี มีศัลธรรม จรรยา (หน้า 86-87) ในปัจจุบันพื้นที่อำเภอไชโย มีวัด 24 วัดและ มีโรงเรียนระดับประถมศึกษา จำนวน 19 โรง อีก 1 โรงตั้งติดกับมัสยิด นักเรียนเกือบทั้งหมดเป็นชาวพุทธ ยกเว้นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดกับมัสยิด เป็นมุสลิมทั้งหมด (หน้า 25) วัดให้การสนับสนุนทางด้านทุนการศึกษากับเด็กในพื้นที่ เช่น วัดจะเป็นผู้จัดหาการสนับสนุนช่วยเหลือจากชาวบ้าน หรือนำเงินกองทุนของวัดเอง ช่วยเหลือ (หน้า 42) ถ่ายทอดความรู้แก่คนในชุมชน |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในชุมชนอิสลามมีการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม เช่น ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว กระบี่กระบอง ดนตรีนาเสบ : เป็นดนตรีอาหรับที่คนไทยมุสลิมนำมาประยุกต์เป็นของไทย ใช้เล่นในงานต่างๆ ของตำบลชะไว ลำตัด การสานสุ่มไก่ สานเข่งปลาทู สานของใช้ด้วยก้านมะพร้าว เป็นต้น (หน้า 51) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
ชาวพุทธและชาวมุสลิมให้ความร่วมมือกันในหลายๆ ด้าน คือ -การใช้ศาสนสถานของวัดเป็นสถานที่ประชุม ตรวจเลือดทหาร อบรมอาสาสมัคร ซึ่งมีทั้งผู้ที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลามเข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอ (หน้า 88) -ความร่วมมือในสถานศึกษา โรงเรียนต่างๆ ทุกสังกัดในกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีทั้งครูพุทธและครูอิสลามและนักเรียนเรียนร่วมกัน (หน้า 89) -ความสัมพันธ์ส่วนตัว คนพุทธช่วยคนมุสลิมทำนา ซึ่งมีที่นาติดกัน หรือมีงานรื่นเริงต่างๆ ต่างสลับสับเปลี่ยนไปเป็นแขกรับเชิญรับประทานอาหารในงานต่างๆ ของทั้งสองฝ่าย (หน้า 89) -การเรียนรู้ถึงหลักคำสอนของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะผู้นำมุสลิมที่เรียนรู้หลักคำสอนของศาสนาพุทธด้วยเช่นเดียวกัน (หน้า 90) ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มบุคคลสองศาสนามีความเชื่อมโยงระหว่างเป็นอย่างดี และมีแนวโน้มที่จะรักษาความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าวสืบเนื่องต่อไป |
|
|