สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),ลเวือะ,กลุ่มชนบนพื้นที่สูง,ความเป็นอยู่,อาชีพ,การดำรงชีวิต,ประเพณีการเกิด,การตาย,การขึ้นปีใหม่,พิธีแต่งงาน,ศาสนา,ความเชื่อ,ผี,คริสต์ศาสนา,แม่ฮ่องสอน
Author สุทธารี ลิ่มโอภาสมณี
Title สภาวะเศรษฐกิจสังคมและการพัฒนาหมู่บ้าน สาธิตแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text -
Ethnic Identity ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า, ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 82 Year 2517
Source โครงการบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Abstract

ชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต ไม่มีความแตกต่างไปจากชาวเขาในพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักความเชื่อ การดำรงชีวิต การใช้ชีวิต ยังคงแบ่งเป็นกลุ่มเผ่าพันธุ์ของตนเอง แต่ไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน แต่ส่วนที่ได้รับผลกระทบบ้าง เช่นความเป็นอยู่อาชีพที่ปรับเปลี่ยนมีอาชีพเสริมเข้ามาร่วม การศึกษาที่ได้รับการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนรู้ที่จะใช้ภาษาไทย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการตรวจสุขภาพจากหมอคริสเตียน ซึ่งภาพรวมถือได้ว่าชาวเขากลุ่มดังกล่าวมีความเป็นอยู่ที่ดี

Focus

เพื่อศึกษาถึงการย้ายถิ่นฐานของชาวเขาที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณหมู่บ้านสาธิต รูปแบบความสัมพันธ์ การเปลี่ยนแปลง ปัญหา ความกลมกลืนทางด้านเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ที่มีผลกระทบต่ออาชีพ

Theoretical Issues

ไม่ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ชาวเขาในพื้นที่หมู่บ้านสาธิตแม่เหาะ

Language and Linguistic Affiliations

ในตัวบุคคลไม่ได้ระบุชัดเจนว่าข้อมูลที่นำเสนอเป็นของชาติพันธุ์กลุ่มใด แต่ในกลุ่มผู้ใหญ่รุ่นพ่อแม่ โดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนับถือผี อ่านหนังสือไม่ได้ แต่กลุ่มนับถือคริสต์ อ่านหนังสือไทยไม่ได้แต่สามารถอ่านหนังสือภาษากะเหรี่ยงซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในทางศาสนาคริสต์ที่มิชชันนารีสอน แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ แบบหลิวา ผู้ริเริ่มคือกลุ่มนับถือโปสแตสแตนส์ชาวอเมริกันที่เผยแพร่ศาสนาในพม่า ได้เอาพยัญชนะ สระ อักษรพม่า มาแก้ไขดัดแปลงเป็นภาษาชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงขึ้น พยัญชนะมี 25 ตัว สระแท้มี 9 ตัว ตัวควบกล้ำมี 5 ตัว วรรณยุกต์ 5 รูป 6 เสียง และแบบหลิโรเหม่หรืออักษรโรมัน ผู้ริเริ่มคือกลุ่มเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกใช้อักษรพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษมาเขียนแทนคำพูดภาษากะเหรี่ยง พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ มีจำนวนเท่ากับแบบหลิวา (หน้า 21)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุชัดเจน แต่ใช้เวลาเขียนรายงานรูปเล่มในช่วง 10 มีนาคม 2517 ถึง 25 เมษายน 2517

History of the Group and Community

ภูมิลำเนาเดิมของชาวเขาที่ย้ายมายังศูนย์ฯ มาจากที่ต่างๆ คือ บ้านกิ่วลม 1, บ้านกิ่วลม 2, บ้านแม่ตาจอย, บ้านแม่เหาะเหนือ, บ้านห้วยงาช้าง, บ้านห้วยกุ้ง, บ้านห้วยป่าหมาง,บ้านแม่ป๋า, บ้านแม่สาย, บ้านแม่โถน้อย,บ้านห้วยรากไม้ (หน้า 7)

Settlement Pattern

รูปแบบของหมูบ้านแบ่งแยกตามความเชื่อถือของชาวเขา โดยจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 2 ด้าน ด้านซ้ายเป็นที่ตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ มีอยู่ 12 ครัวเรือน และด้านขวาเป็นที่ตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้ที่นับถือ ผี มี 13 หลังคาเรือน โดยรูปแบบหมู่บ้านจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยให้ชาวเขาปลูกบ้านทั้ง 2 ซีก เป็นแถวขนานกัน และหันหน้าบ้านเข้าหากัน มีการกั้นแบ่งอาณาเขตบ้านอย่างชัดเจน ผู้มาใหม่จะสร้างบ้านต่อไปด้านหลังเรื่อยๆ กลางหมู่บ้าน เป็นที่ตั้งของศาลาประชาคม ไว้สำหรับเรียกประชุมในหมู่บ้าน โดยมีผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านที่ได้รับคัดเลือกจากทางราชการทำหน้าที่ดูแล และมีเจ้าหน้าที่ของศูนย์และครูใหญ่โรงเรียนสังวาลย์วิทยาเข้าร่วมประชุม เดือนละครั้ง และมีหอนาฬิกาเพื่อใช้บอกเวลา และกระจายเสียงตามบ้าน (หน้า 8) ลักษณะบ้านที่อยู่อาศัย เป็นบ้านยกพื้นสูงขึ้นจากดินประมาณเมตรครึ่ง ใต้ถุนบ้านเป็นที่เลี้ยงหมู ไก่ และเป็นที่อยู่ของควาย ด้านหน้าที่กระไดขึ้นบ้าน ชานหน้าบ้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกต่อกับกระไดหน้าบ้าน เป็นที่วางกระบอกน้ำ เป็นที่ล้างถ้วยชาม ชั้นที่สองยกสูงประมาณ 1 ฟุต ใช้สำหรับรับแขก รับประทานอาหาร เป็นที่นอนสำหรับลูกผู้ชาย และเป็นที่พักของแขกด้วย ภายในเป็นห้องโถงกว้าง มีเตาไฟห่างจากฝาบ้าน 1 ใน 3 ของห้อง โครงสร้างบ้านทำด้วยไม่ไผ่ และมุงหลังคาด้วยหญ้าคา (หน้า 9)

Demography

จากการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2517 มีจำนวนประชากร 156 คน เป็นชาย 79 คน และหญิง 77 คน จำนวนครอบครัว 34 ครอบครัว ถ้านับเป็นหลังคาเรือน 25 หลังคาเรือน (หน้า 9) อายุ1-15 มีอยู่ร้อยละ 50.8 และวัยเจริญพันธุ์ 16-45 มีจำนวน 53.8 และวัยชราร้อยละ 1.6 ครอบครัวที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในศูนย์ที่สมรสแล้ว และอยู่กินกับคู่สมรส 11 ราย ผู้สมรสแล้วเป็นหม้าย 5 ราย และที่เหลือเป็นประชากรโสด 89 ราย ส่วนจำนวนบุตรของแต่ละครอบครัวนั้น จากการสำรวจไม่มีบุตรนั้นเป็นครอบครัวที่พึ่งแต่งงาน ร้อยละ11.1 ซึ่งเป็นครอบครัวพุทธทั้งหมด มีจำนวนบุตรมากที่สุด 3 คน อยู่ร้อยละ 23.2 มีในกลุ่มนับถือคริสต์ ร้อยละ 31.3 ครอบครัวพุทธ ร้อยละ 5.6 คิดเฉลี่ยครอบครัวมีบุตร 4 คน (หน้า13-14)

Economy

อาชีพของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต คือ ทำนา ทำไร่ อาชีพรับจ้างรายวันในศูนย์เช่น รับจ้างพันหญ้า รดน้ำต้นไม้ หาของป่า เช่น เปลือกกอ เปลือกไม้แดง ดอกหญ้า และเผาถ่าน อาชีพเจียระไนพลอย อาชีพเลี้ยงวัว หมู ไก่ อาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน และปลูกพืชสวนครัวไว้เพื่อขาย เช่น พริก ละหุ่ง ต้นกระเทียม กล้วย ในแต่ละครอบครัวจะทำอาชีพรองควบคู่ไปกับอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว (หน้า 15-16)

Social Organization

การเลือกคู่ครองมักนิยมเลือกคู่ครองที่อยู่ในเผ่าเดียวกัน แต่ในเรื่องการนับถือศาสนาไม่ถือเป็นสำคัญชาวเขาโดยเฉพาะเผ่ากะเหรี่ยงมีกฎอยู่ว่าถ้าคู่สมรสนับถือต่างศาสนากัน เมื่อสมรสกันแล้วต้องนับถือตามฝ่ายหญิง ให้อำนาจฝ่ายหญิงมากกว่าฝ่ายชาย ในการเรียกชื่อก็ยังต้องเรียกชื่อฝ่ายหญิงก่อน (หน้า 13)

Political Organization

ไม่ระบุ

Belief System

ชาวเขาในพื้นที่มีความเชื่อในไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถาอาคม และวิญญาณของบรรพบุรุษ นับถือผี โดยเชื่อว่า ผีมีอำนาจสามารถดลบันดาลให้เขาเป็นอะไรๆ ก็ได้ถ้าผีไม่พอใจ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เจ็บไข้ได้ป่วย จึงต้องทำการเซ่นสังเวยผี โดยเฉพาะผีเรือน ปีละครั้ง โดยจะมีหมอผีทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางเชิญผี และทำพิธีต่างๆ ให้ ส่วนผู้ที่นับถือคริสต์จะเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากพระผู้เป็นเจ้าบันดาล และจะคอยปกป้องคุ้มครอง จากอำนาจผีต่างๆ โดยจะสวดนมัสการพระเจ้าทุกวัน โดยเฉพาะวันอาทิตย์จะมีการสวด 3 เวลา (เช้าเที่ยง กลางคืน) ในบ้านจะบูชาพระเยซู ไม้กางเขน และขวดใส่น้ำที่พ่อพระเสกไว้ เพื่อใช้รักษาโรค การประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น แต่งงาน การตาย จะคล้ายคลึงแบบฝรั่ง และคนเมือง(หน้า 27) ประเพณีการขึ้นปีใหม่ สำหรับพวกนับถือผี จะจัดปีใหม่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ละบ้านจะกำหนด เป็นการฉลองปีละครั้ง มีงานรื่นเริง ฆ่าไก่แกง ทำข้าวปุ้ก (ขนมที่ทำตอนปีใหม่ โดยใช้ข้าวเหนียวนึ่งให้สุกแล้วนำมาตำผสมกับงา แล้วปั้นเป็นก้อนๆ เวลาทานทานพร้อมกับน้ำตาลอ้อย) เมเต (ขนมที่เอาข้าวเหนียวใส่ห่อเป็นรูปกรวย แล้วเอาไปนึ่งให้สุก) เหล้า ในการฉลอง ส่วนพวกนับถือคริสต์ใช้วันที่ 25 ธันวาคม เพราะถือว่าเป็นวันประสูติของพระเยซู จะไปจัดงานที่ห้วยเดื่อ มีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และการเล่นเกมส์ต่างๆ (หน้า 28) ประเพณีการเกิด ใช้หมอตำแยในการทำคลอด สำหรับผู้นับถือผีมีพิธีมัดมือ โดยญาติผู้ใหญ่ เมื่อคลอดได้ 3 วัน เพื่อบอกว่าเด็กมีเจ้าของ ผีจะได้เอาไปไม่ได้ เอาเด็กใส่ตะกร้าเพื่อไม่ให้ผีเห็น ส่วนรกใส่กระบอกไม้ไผ่ผูกติดกับต้นไม้ใหญ่ บางคนที่มีอาถาอาคมจะไม่ขึ้นบ้านเพราะเชื่อว่าถ้าขึ้นบ้านที่มีเด็กเกิดใหม่ คาถาอาคมจะเสื่อม หลังจาดคลอดเสร็จ ญาติของคนที่คลอดจะทำพิธีดำหัวหมอตำแย โดยใช้ส้มปอยในการดำหัว ถ้าบ้านไหนมีฐานะดี จะให้ผ้าโทกหัว เป็นค่าตอบแทน ส่วนพวกคริสต์ไม่มีพิธีกรรมใดๆ (หน้า 29) พิธีการแต่งงาน พวกนับถือผี ฝ่ายหญิงจะไปขอฝ่ายชาย โดยเอาเหล้าไปตกลง ทำการตกลง วันแต่งงานเข้าพิธีไหว้ผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดื่มเหล้า ส่งตัวเข้าห้องหอ มีพิธีการดำหัวซึ่งกันและกัน ส่วนทางคริสต์ทำพิธีที่โบสถ์โดยเจ้าบ่ายเจ้าสาวและญาติรวมกันที่โบสถ์ โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธีให้ (หน้า 30-31) ประเพณีเกี่ยวกับการตาย ผู้นับถือผี เมื่อตาย จะมีพิธีอาบน้ำ ล้างหน้า แต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และเอาฝ้ายมัดมือไว้ เอาผ้าห่มห่ม ใส่เงินทอง มีพิธีการทำซอ คือการเดินวนรอบสิ่งของเครื่องใช้ของคนตาย ในวันที่เอาศพไปฝัง ผู้ส่งศพจะแบกศพไปฝัง ระหว่างทางจะต้องเอาไม้ที่แบกไปทิ้งก่อนแล้วนำศพไปฝัง ขณะที่ฝังศพคนที่เอาศพลงหลุมจะต้องมีเพื่อนคอยดึงเสื้อบอกให้กลับบ้าน เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ทำจะถูกนำไปอยู่กับคนตาย เมื่อฝังเสร็จจะต้องดำหัวด้วยน้ำส้มปอย ญาติพี่น้องจะต้องมานอนเป็นเพื่อนเจ้าของบ้านเพราะเชื่อว่า คืนที่ 1 ผีจะกลับบ้านมากินข้าวที่บ้าน คืนที่ 2 ผีจะกลับมาแต่ที่วางศพ คืนที่3 ผีจะกลับมาแต่ไม้ที่ทิ้งไว้ระหว่างทาง และคืนที่ 4 จะไม่กลับมาแล้ว ส่วนผู้ที่นับถือคริสต์ เมื่อมีคนตายเขาจะสวดตามพิธีทางศาสนาคริสต์และเก็บศพไว้ 1 คืน แล้วนำไปฝัง เอาไม้กางเขนปักบนหลุมฝังศพ เป็นเสร็จพิธี (หน้า 32-33)

Education and Socialization

การศึกษาของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิตมีผู้ไม่รู้หนังสือภาษาไทยกว่าร้อยละ 55.1 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่นับถือผีไม่ค่อยสนใจหรือเอาใจใส่จะศึกษาหาความรู้ แต่เมื่อโรงเรียนสังวาลย์วิทยาตั้งขึ้นทำให้เด็กๆ ที่ถึงวัยเข้าเรียนได้เรียนหนังสือมากขึ้น ครอบครัวที่นับถือคริสต์มักจะนิยมให้บุตรหลานเข้าเรียนมากกว่าครอบครัวที่นับถือผี (หน้า 24-25)

Health and Medicine

ในหมู่บ้านไม่มีสถานีอนามัย ถ้าเจ็บป่วยก็ขอยาที่บ้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ โดยบ้านเจ้าหน้าที่จะมียาสามัญประจำบ้านติดบ้านอยู่ ทุกเดือนจะมีหมอจากโรงพยาบาล คริสเตียนมารักษาให้ หรือถ้ามีโรคระบาดก็จะฉีดยาป้องกันให้ การบริการเด็กฟรี ผู้ใหญ่คิดค่ายา บางคนก็ใช้วิธีรักษาด้วยสมุนไพรตามแบบบรรพบุรุษ เช่น โรคดีซ่าน กินรากไม้ โรคพยาธิ กินน้ำที่เปลือกไม้ต้น ”คอละเธอ” โรคเมื่อย เอาลูกและเปลือกไม้แดงต้มกิน โรคนิ่ว เอาขนเม่นเผาเป็นถ่านให้กิน ด้านความสะอาดในหมู่บ้าน ไม่ค่อยมี การเลี้ยงสัตว์พวกควาย หมู ไก่ปล่อยให้หากินเอง มูลสัตว์จะกระจัดกระจาย เลอะเทอะ การสร้างบ้านไม่มีช่องระบายลม มีแต่ประตูทางเดิน และเตาไฟอยู่ในบ้าน หลังคาต่ำๆ เวลาหุงอาหารจะทำให้ควันตลบ ด้านบริการสุขาภิบาล ทางศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาได้สร้างส้อมให้แก่ชาวเขาในบ้านสาธิต แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ ยังคงเข้าป่าเหมือนเดิม (หน้า 27)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่ระบุ

Folklore

ไม่ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ระบุ

Social Cultural and Identity Change

ไม่ระบุ

Other Issues

มีกลุ่ม 2 กลุ่มที่เข้ามาช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้เกิดขึ้นกับชาวเขาหมู่บ้านสาธิตแม่เหาะ คือ โรงเรียนสังวาลย์วิทยา และศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาหมู่บ้านสาธิต โรงเรียนสังวาลย์วิทยา ได้ทำหน้าที่อบรมสั่งสอน ให้ความรู้ทั้งทางด้านภาษาไทย การจัดกิจกรรมให้เด็กได้มีพัฒนาการที่ดี การสอนร้องเพลง การออกกำลังกาย และปลูกฝังการละเล่นของไทย เช่น เล่นตี่ เก้าอี้ดนตรี อีมอญซ่อนผ้า ฯลฯ ด้านอนามัยความสะอาด ได้ทำการปลูกฝังการดูแลความสะอาดทั้งของตนเองและการดูแลที่บ้าน อีกทั้งสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครองนักเรียน รับฟังปัญหาและเสนอแนะทางแก้ไข โดยการเข้าถึงพื้นที่ครอบครัวแต่ละครอบครัว (หน้า 38-40) ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาหมู่บ้านสาธิต ได้ช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน อาทิ การจัดระเบียบที่อยู่อาศัยโดยจัดระเบียบพื้นที่อย่างชัดเจน มีการล้อมรั้วอาณาเขตของแต่ละครอบครัวอย่างชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับฟังและช่วยแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ จัดหาพันธุ์พืชต่างๆ ให้ สอนอาชีพ เช่น การเจียระไรพลอย หมอตำแย ทอผ้า และอำนวยความสะดวกให้กับชาวเขาในพื้นที่ เช่น ไฟฟ้า ประปา ติดต่อหมอเพื่อเข้ามาดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่ (หน้า 43-52)

Map/Illustration

แผนผังที่ตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน (หน้า 4) แบบอักษรหลิวาและหลิโรเหม่ (หน้า 22-23) ตัวอย่างบทซอเนื่องพิธีขึ้นปีใหม่ (หน้า 28) ตัวอย่างบทซอเนื่องในพิธีแต่งงาน (หน้า 30) บทซอเกี้ยวสาว (หน้า 31) ภาพที่ 1 บริเวณที่ตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา และหมู่บ้านสาธิต รวมทั้งโรงเรียนสังวาลวิทยา (หน้า 56) ภาพที่ 2 หนทางที่เดินไปสู่หมู่บ้านสาธิต (หน้า 56) ภาพที่ 3 ลักษณะตัวบ้านของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 57) ภาพที่ 4 ครอบครัวชาวเขา ถ่ายในบริเวณบ้าน ซึ่งทุกบ้านจะสร้างรั้วรอบอาณาเขตบ้าน (หน้า 57) ภาพที่ 5 บ้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ที่สร้างอยู่ในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 58) ภาพที่ 6 ครอบครัวเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ที่มีหน้าที่ดูแลหมู่บ้านสาธิต (หน้า 58) ภาพที่ 7 การประชุมของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 59) ภาพที่ 8 เจ้าหน้าที่ศูนย์ กำลังให้คำแนะนำแก่ชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 59) ภาพที่ 9 เครื่องแต่งกายของสตรีในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 61) ภาพที่ 10 เครื่องแต่งกายของสตรีที่มีครอบครัวแล้วในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 61) ภาพที่ 11 สตรีชาวเขากำลังทอผ้าแบบดั้งเดิม หลังจากว่างงานที่ไร่ (หน้า 62) ภาพที่ 12 ชาวเข้าผู้หนึ่งกำลังรับจ้างเจียระไนพลอย หลักจากที่ได้รับการฝึกอาชีพ (หน้า 62) ภาพที่ 13 คณะครูในโรงเรียนสังวาลย์วิทยา (หน้า 63) ภาพที่ 14 นักเรียนชั้น ป.1 ของโรงเรียนสังวาลวิทยา ซึ่งเป็นเด็กชาวเขาเผ่าต่างๆ และชาวพื้นเมืองเรียนร่วมกัน (หน้า 63) ภาพที่ 15 ขณะที่กำลังมีศพอยู่ในบ้าน ตามประเพณีต้องรื้อฝาด้านหน้าออกเพื่อสะดวกในการเดินซอ (สวดศพ) รอบศพ (หน้า 64) ภาพที่ 16 ประชาชนชาวเขากำลังเดินซอรอบสิ่งของ เช่น รองเท้า ตะเกียง เสื้อผ้า ฯลฯ ของผู้ตาย (หน้า 64)

Text Analyst เมธีรา ฤกษดายุทธ์ Date of Report 06 ม.ค. 2566
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), ลเวือะ, กลุ่มชนบนพื้นที่สูง, ความเป็นอยู่, อาชีพ, การดำรงชีวิต, ประเพณีการเกิด, การตาย, การขึ้นปีใหม่, พิธีแต่งงาน, ศาสนา, ความเชื่อ, ผี, คริสต์ศาสนา, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง