|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),ลเวือะ,กลุ่มชนบนพื้นที่สูง,ความเป็นอยู่,อาชีพ,การดำรงชีวิต,ประเพณีการเกิด,การตาย,การขึ้นปีใหม่,พิธีแต่งงาน,ศาสนา,ความเชื่อ,ผี,คริสต์ศาสนา,แม่ฮ่องสอน |
Author |
สุทธารี ลิ่มโอภาสมณี |
Title |
สภาวะเศรษฐกิจสังคมและการพัฒนาหมู่บ้าน สาธิตแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
82 |
Year |
2517 |
Source |
โครงการบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
ชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต ไม่มีความแตกต่างไปจากชาวเขาในพื้นที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักความเชื่อ การดำรงชีวิต การใช้ชีวิต ยังคงแบ่งเป็นกลุ่มเผ่าพันธุ์ของตนเอง แต่ไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน แต่ส่วนที่ได้รับผลกระทบบ้าง เช่นความเป็นอยู่อาชีพที่ปรับเปลี่ยนมีอาชีพเสริมเข้ามาร่วม การศึกษาที่ได้รับการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนรู้ที่จะใช้ภาษาไทย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการตรวจสุขภาพจากหมอคริสเตียน ซึ่งภาพรวมถือได้ว่าชาวเขากลุ่มดังกล่าวมีความเป็นอยู่ที่ดี |
|
Focus |
เพื่อศึกษาถึงการย้ายถิ่นฐานของชาวเขาที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณหมู่บ้านสาธิต รูปแบบความสัมพันธ์ การเปลี่ยนแปลง ปัญหา ความกลมกลืนทางด้านเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ที่มีผลกระทบต่ออาชีพ |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวเขาในพื้นที่หมู่บ้านสาธิตแม่เหาะ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในตัวบุคคลไม่ได้ระบุชัดเจนว่าข้อมูลที่นำเสนอเป็นของชาติพันธุ์กลุ่มใด แต่ในกลุ่มผู้ใหญ่รุ่นพ่อแม่ โดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนับถือผี อ่านหนังสือไม่ได้ แต่กลุ่มนับถือคริสต์ อ่านหนังสือไทยไม่ได้แต่สามารถอ่านหนังสือภาษากะเหรี่ยงซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในทางศาสนาคริสต์ที่มิชชันนารีสอน แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ แบบหลิวา ผู้ริเริ่มคือกลุ่มนับถือโปสแตสแตนส์ชาวอเมริกันที่เผยแพร่ศาสนาในพม่า ได้เอาพยัญชนะ สระ อักษรพม่า มาแก้ไขดัดแปลงเป็นภาษาชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงขึ้น พยัญชนะมี 25 ตัว สระแท้มี 9 ตัว ตัวควบกล้ำมี 5 ตัว วรรณยุกต์ 5 รูป 6 เสียง และแบบหลิโรเหม่หรืออักษรโรมัน ผู้ริเริ่มคือกลุ่มเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกใช้อักษรพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษมาเขียนแทนคำพูดภาษากะเหรี่ยง พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ มีจำนวนเท่ากับแบบหลิวา (หน้า 21) |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ระบุชัดเจน แต่ใช้เวลาเขียนรายงานรูปเล่มในช่วง 10 มีนาคม 2517 ถึง 25 เมษายน 2517 |
|
History of the Group and Community |
ภูมิลำเนาเดิมของชาวเขาที่ย้ายมายังศูนย์ฯ มาจากที่ต่างๆ คือ บ้านกิ่วลม 1, บ้านกิ่วลม 2, บ้านแม่ตาจอย, บ้านแม่เหาะเหนือ, บ้านห้วยงาช้าง, บ้านห้วยกุ้ง, บ้านห้วยป่าหมาง,บ้านแม่ป๋า, บ้านแม่สาย, บ้านแม่โถน้อย,บ้านห้วยรากไม้ (หน้า 7) |
|
Settlement Pattern |
รูปแบบของหมูบ้านแบ่งแยกตามความเชื่อถือของชาวเขา โดยจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 2 ด้าน ด้านซ้ายเป็นที่ตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ มีอยู่ 12 ครัวเรือน และด้านขวาเป็นที่ตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้ที่นับถือ ผี มี 13 หลังคาเรือน โดยรูปแบบหมู่บ้านจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยให้ชาวเขาปลูกบ้านทั้ง 2 ซีก เป็นแถวขนานกัน และหันหน้าบ้านเข้าหากัน มีการกั้นแบ่งอาณาเขตบ้านอย่างชัดเจน ผู้มาใหม่จะสร้างบ้านต่อไปด้านหลังเรื่อยๆ กลางหมู่บ้าน เป็นที่ตั้งของศาลาประชาคม ไว้สำหรับเรียกประชุมในหมู่บ้าน โดยมีผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านที่ได้รับคัดเลือกจากทางราชการทำหน้าที่ดูแล และมีเจ้าหน้าที่ของศูนย์และครูใหญ่โรงเรียนสังวาลย์วิทยาเข้าร่วมประชุม เดือนละครั้ง และมีหอนาฬิกาเพื่อใช้บอกเวลา และกระจายเสียงตามบ้าน (หน้า 8) ลักษณะบ้านที่อยู่อาศัย เป็นบ้านยกพื้นสูงขึ้นจากดินประมาณเมตรครึ่ง ใต้ถุนบ้านเป็นที่เลี้ยงหมู ไก่ และเป็นที่อยู่ของควาย ด้านหน้าที่กระไดขึ้นบ้าน ชานหน้าบ้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกต่อกับกระไดหน้าบ้าน เป็นที่วางกระบอกน้ำ เป็นที่ล้างถ้วยชาม ชั้นที่สองยกสูงประมาณ 1 ฟุต ใช้สำหรับรับแขก รับประทานอาหาร เป็นที่นอนสำหรับลูกผู้ชาย และเป็นที่พักของแขกด้วย ภายในเป็นห้องโถงกว้าง มีเตาไฟห่างจากฝาบ้าน 1 ใน 3 ของห้อง โครงสร้างบ้านทำด้วยไม่ไผ่ และมุงหลังคาด้วยหญ้าคา (หน้า 9) |
|
Demography |
จากการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2517 มีจำนวนประชากร 156 คน เป็นชาย 79 คน และหญิง 77 คน จำนวนครอบครัว 34 ครอบครัว ถ้านับเป็นหลังคาเรือน 25 หลังคาเรือน (หน้า 9) อายุ1-15 มีอยู่ร้อยละ 50.8 และวัยเจริญพันธุ์ 16-45 มีจำนวน 53.8 และวัยชราร้อยละ 1.6 ครอบครัวที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในศูนย์ที่สมรสแล้ว และอยู่กินกับคู่สมรส 11 ราย ผู้สมรสแล้วเป็นหม้าย 5 ราย และที่เหลือเป็นประชากรโสด 89 ราย ส่วนจำนวนบุตรของแต่ละครอบครัวนั้น จากการสำรวจไม่มีบุตรนั้นเป็นครอบครัวที่พึ่งแต่งงาน ร้อยละ11.1 ซึ่งเป็นครอบครัวพุทธทั้งหมด มีจำนวนบุตรมากที่สุด 3 คน อยู่ร้อยละ 23.2 มีในกลุ่มนับถือคริสต์ ร้อยละ 31.3 ครอบครัวพุทธ ร้อยละ 5.6 คิดเฉลี่ยครอบครัวมีบุตร 4 คน (หน้า13-14) |
|
Economy |
อาชีพของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต คือ ทำนา ทำไร่ อาชีพรับจ้างรายวันในศูนย์เช่น รับจ้างพันหญ้า รดน้ำต้นไม้ หาของป่า เช่น เปลือกกอ เปลือกไม้แดง ดอกหญ้า และเผาถ่าน อาชีพเจียระไนพลอย อาชีพเลี้ยงวัว หมู ไก่ อาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน และปลูกพืชสวนครัวไว้เพื่อขาย เช่น พริก ละหุ่ง ต้นกระเทียม กล้วย ในแต่ละครอบครัวจะทำอาชีพรองควบคู่ไปกับอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว (หน้า 15-16) |
|
Social Organization |
การเลือกคู่ครองมักนิยมเลือกคู่ครองที่อยู่ในเผ่าเดียวกัน แต่ในเรื่องการนับถือศาสนาไม่ถือเป็นสำคัญชาวเขาโดยเฉพาะเผ่ากะเหรี่ยงมีกฎอยู่ว่าถ้าคู่สมรสนับถือต่างศาสนากัน เมื่อสมรสกันแล้วต้องนับถือตามฝ่ายหญิง ให้อำนาจฝ่ายหญิงมากกว่าฝ่ายชาย ในการเรียกชื่อก็ยังต้องเรียกชื่อฝ่ายหญิงก่อน (หน้า 13) |
|
Belief System |
ชาวเขาในพื้นที่มีความเชื่อในไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถาอาคม และวิญญาณของบรรพบุรุษ นับถือผี โดยเชื่อว่า ผีมีอำนาจสามารถดลบันดาลให้เขาเป็นอะไรๆ ก็ได้ถ้าผีไม่พอใจ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เจ็บไข้ได้ป่วย จึงต้องทำการเซ่นสังเวยผี โดยเฉพาะผีเรือน ปีละครั้ง โดยจะมีหมอผีทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางเชิญผี และทำพิธีต่างๆ ให้ ส่วนผู้ที่นับถือคริสต์จะเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากพระผู้เป็นเจ้าบันดาล และจะคอยปกป้องคุ้มครอง จากอำนาจผีต่างๆ โดยจะสวดนมัสการพระเจ้าทุกวัน โดยเฉพาะวันอาทิตย์จะมีการสวด 3 เวลา (เช้าเที่ยง กลางคืน) ในบ้านจะบูชาพระเยซู ไม้กางเขน และขวดใส่น้ำที่พ่อพระเสกไว้ เพื่อใช้รักษาโรค การประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น แต่งงาน การตาย จะคล้ายคลึงแบบฝรั่ง และคนเมือง(หน้า 27) ประเพณีการขึ้นปีใหม่ สำหรับพวกนับถือผี จะจัดปีใหม่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ละบ้านจะกำหนด เป็นการฉลองปีละครั้ง มีงานรื่นเริง ฆ่าไก่แกง ทำข้าวปุ้ก (ขนมที่ทำตอนปีใหม่ โดยใช้ข้าวเหนียวนึ่งให้สุกแล้วนำมาตำผสมกับงา แล้วปั้นเป็นก้อนๆ เวลาทานทานพร้อมกับน้ำตาลอ้อย) เมเต (ขนมที่เอาข้าวเหนียวใส่ห่อเป็นรูปกรวย แล้วเอาไปนึ่งให้สุก) เหล้า ในการฉลอง ส่วนพวกนับถือคริสต์ใช้วันที่ 25 ธันวาคม เพราะถือว่าเป็นวันประสูติของพระเยซู จะไปจัดงานที่ห้วยเดื่อ มีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และการเล่นเกมส์ต่างๆ (หน้า 28) ประเพณีการเกิด ใช้หมอตำแยในการทำคลอด สำหรับผู้นับถือผีมีพิธีมัดมือ โดยญาติผู้ใหญ่ เมื่อคลอดได้ 3 วัน เพื่อบอกว่าเด็กมีเจ้าของ ผีจะได้เอาไปไม่ได้ เอาเด็กใส่ตะกร้าเพื่อไม่ให้ผีเห็น ส่วนรกใส่กระบอกไม้ไผ่ผูกติดกับต้นไม้ใหญ่ บางคนที่มีอาถาอาคมจะไม่ขึ้นบ้านเพราะเชื่อว่าถ้าขึ้นบ้านที่มีเด็กเกิดใหม่ คาถาอาคมจะเสื่อม หลังจาดคลอดเสร็จ ญาติของคนที่คลอดจะทำพิธีดำหัวหมอตำแย โดยใช้ส้มปอยในการดำหัว ถ้าบ้านไหนมีฐานะดี จะให้ผ้าโทกหัว เป็นค่าตอบแทน ส่วนพวกคริสต์ไม่มีพิธีกรรมใดๆ (หน้า 29) พิธีการแต่งงาน พวกนับถือผี ฝ่ายหญิงจะไปขอฝ่ายชาย โดยเอาเหล้าไปตกลง ทำการตกลง วันแต่งงานเข้าพิธีไหว้ผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดื่มเหล้า ส่งตัวเข้าห้องหอ มีพิธีการดำหัวซึ่งกันและกัน ส่วนทางคริสต์ทำพิธีที่โบสถ์โดยเจ้าบ่ายเจ้าสาวและญาติรวมกันที่โบสถ์ โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธีให้ (หน้า 30-31) ประเพณีเกี่ยวกับการตาย ผู้นับถือผี เมื่อตาย จะมีพิธีอาบน้ำ ล้างหน้า แต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และเอาฝ้ายมัดมือไว้ เอาผ้าห่มห่ม ใส่เงินทอง มีพิธีการทำซอ คือการเดินวนรอบสิ่งของเครื่องใช้ของคนตาย ในวันที่เอาศพไปฝัง ผู้ส่งศพจะแบกศพไปฝัง ระหว่างทางจะต้องเอาไม้ที่แบกไปทิ้งก่อนแล้วนำศพไปฝัง ขณะที่ฝังศพคนที่เอาศพลงหลุมจะต้องมีเพื่อนคอยดึงเสื้อบอกให้กลับบ้าน เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ทำจะถูกนำไปอยู่กับคนตาย เมื่อฝังเสร็จจะต้องดำหัวด้วยน้ำส้มปอย ญาติพี่น้องจะต้องมานอนเป็นเพื่อนเจ้าของบ้านเพราะเชื่อว่า คืนที่ 1 ผีจะกลับบ้านมากินข้าวที่บ้าน คืนที่ 2 ผีจะกลับมาแต่ที่วางศพ คืนที่3 ผีจะกลับมาแต่ไม้ที่ทิ้งไว้ระหว่างทาง และคืนที่ 4 จะไม่กลับมาแล้ว ส่วนผู้ที่นับถือคริสต์ เมื่อมีคนตายเขาจะสวดตามพิธีทางศาสนาคริสต์และเก็บศพไว้ 1 คืน แล้วนำไปฝัง เอาไม้กางเขนปักบนหลุมฝังศพ เป็นเสร็จพิธี (หน้า 32-33) |
|
Education and Socialization |
การศึกษาของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิตมีผู้ไม่รู้หนังสือภาษาไทยกว่าร้อยละ 55.1 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่นับถือผีไม่ค่อยสนใจหรือเอาใจใส่จะศึกษาหาความรู้ แต่เมื่อโรงเรียนสังวาลย์วิทยาตั้งขึ้นทำให้เด็กๆ ที่ถึงวัยเข้าเรียนได้เรียนหนังสือมากขึ้น ครอบครัวที่นับถือคริสต์มักจะนิยมให้บุตรหลานเข้าเรียนมากกว่าครอบครัวที่นับถือผี (หน้า 24-25) |
|
Health and Medicine |
ในหมู่บ้านไม่มีสถานีอนามัย ถ้าเจ็บป่วยก็ขอยาที่บ้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ โดยบ้านเจ้าหน้าที่จะมียาสามัญประจำบ้านติดบ้านอยู่ ทุกเดือนจะมีหมอจากโรงพยาบาล คริสเตียนมารักษาให้ หรือถ้ามีโรคระบาดก็จะฉีดยาป้องกันให้ การบริการเด็กฟรี ผู้ใหญ่คิดค่ายา บางคนก็ใช้วิธีรักษาด้วยสมุนไพรตามแบบบรรพบุรุษ เช่น โรคดีซ่าน กินรากไม้ โรคพยาธิ กินน้ำที่เปลือกไม้ต้น ”คอละเธอ” โรคเมื่อย เอาลูกและเปลือกไม้แดงต้มกิน โรคนิ่ว เอาขนเม่นเผาเป็นถ่านให้กิน ด้านความสะอาดในหมู่บ้าน ไม่ค่อยมี การเลี้ยงสัตว์พวกควาย หมู ไก่ปล่อยให้หากินเอง มูลสัตว์จะกระจัดกระจาย เลอะเทอะ การสร้างบ้านไม่มีช่องระบายลม มีแต่ประตูทางเดิน และเตาไฟอยู่ในบ้าน หลังคาต่ำๆ เวลาหุงอาหารจะทำให้ควันตลบ ด้านบริการสุขาภิบาล ทางศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาได้สร้างส้อมให้แก่ชาวเขาในบ้านสาธิต แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ ยังคงเข้าป่าเหมือนเดิม (หน้า 27) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
มีกลุ่ม 2 กลุ่มที่เข้ามาช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้เกิดขึ้นกับชาวเขาหมู่บ้านสาธิตแม่เหาะ คือ โรงเรียนสังวาลย์วิทยา และศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาหมู่บ้านสาธิต โรงเรียนสังวาลย์วิทยา ได้ทำหน้าที่อบรมสั่งสอน ให้ความรู้ทั้งทางด้านภาษาไทย การจัดกิจกรรมให้เด็กได้มีพัฒนาการที่ดี การสอนร้องเพลง การออกกำลังกาย และปลูกฝังการละเล่นของไทย เช่น เล่นตี่ เก้าอี้ดนตรี อีมอญซ่อนผ้า ฯลฯ ด้านอนามัยความสะอาด ได้ทำการปลูกฝังการดูแลความสะอาดทั้งของตนเองและการดูแลที่บ้าน อีกทั้งสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครองนักเรียน รับฟังปัญหาและเสนอแนะทางแก้ไข โดยการเข้าถึงพื้นที่ครอบครัวแต่ละครอบครัว (หน้า 38-40) ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาหมู่บ้านสาธิต ได้ช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน อาทิ การจัดระเบียบที่อยู่อาศัยโดยจัดระเบียบพื้นที่อย่างชัดเจน มีการล้อมรั้วอาณาเขตของแต่ละครอบครัวอย่างชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับฟังและช่วยแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ จัดหาพันธุ์พืชต่างๆ ให้ สอนอาชีพ เช่น การเจียระไรพลอย หมอตำแย ทอผ้า และอำนวยความสะดวกให้กับชาวเขาในพื้นที่ เช่น ไฟฟ้า ประปา ติดต่อหมอเพื่อเข้ามาดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่ (หน้า 43-52) |
|
Map/Illustration |
แผนผังที่ตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน (หน้า 4) แบบอักษรหลิวาและหลิโรเหม่ (หน้า 22-23) ตัวอย่างบทซอเนื่องพิธีขึ้นปีใหม่ (หน้า 28) ตัวอย่างบทซอเนื่องในพิธีแต่งงาน (หน้า 30) บทซอเกี้ยวสาว (หน้า 31) ภาพที่ 1 บริเวณที่ตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา และหมู่บ้านสาธิต รวมทั้งโรงเรียนสังวาลวิทยา (หน้า 56) ภาพที่ 2 หนทางที่เดินไปสู่หมู่บ้านสาธิต (หน้า 56) ภาพที่ 3 ลักษณะตัวบ้านของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 57) ภาพที่ 4 ครอบครัวชาวเขา ถ่ายในบริเวณบ้าน ซึ่งทุกบ้านจะสร้างรั้วรอบอาณาเขตบ้าน (หน้า 57) ภาพที่ 5 บ้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ที่สร้างอยู่ในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 58) ภาพที่ 6 ครอบครัวเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ที่มีหน้าที่ดูแลหมู่บ้านสาธิต (หน้า 58) ภาพที่ 7 การประชุมของชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 59) ภาพที่ 8 เจ้าหน้าที่ศูนย์ กำลังให้คำแนะนำแก่ชาวเขาในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 59) ภาพที่ 9 เครื่องแต่งกายของสตรีในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 61) ภาพที่ 10 เครื่องแต่งกายของสตรีที่มีครอบครัวแล้วในหมู่บ้านสาธิต (หน้า 61) ภาพที่ 11 สตรีชาวเขากำลังทอผ้าแบบดั้งเดิม หลังจากว่างงานที่ไร่ (หน้า 62) ภาพที่ 12 ชาวเข้าผู้หนึ่งกำลังรับจ้างเจียระไนพลอย หลักจากที่ได้รับการฝึกอาชีพ (หน้า 62) ภาพที่ 13 คณะครูในโรงเรียนสังวาลย์วิทยา (หน้า 63) ภาพที่ 14 นักเรียนชั้น ป.1 ของโรงเรียนสังวาลวิทยา ซึ่งเป็นเด็กชาวเขาเผ่าต่างๆ และชาวพื้นเมืองเรียนร่วมกัน (หน้า 63) ภาพที่ 15 ขณะที่กำลังมีศพอยู่ในบ้าน ตามประเพณีต้องรื้อฝาด้านหน้าออกเพื่อสะดวกในการเดินซอ (สวดศพ) รอบศพ (หน้า 64) ภาพที่ 16 ประชาชนชาวเขากำลังเดินซอรอบสิ่งของ เช่น รองเท้า ตะเกียง เสื้อผ้า ฯลฯ ของผู้ตาย (หน้า 64) |
|
Text Analyst |
เมธีรา ฤกษดายุทธ์ |
Date of Report |
06 ม.ค. 2566 |
TAG |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), ลเวือะ, กลุ่มชนบนพื้นที่สูง, ความเป็นอยู่, อาชีพ, การดำรงชีวิต, ประเพณีการเกิด, การตาย, การขึ้นปีใหม่, พิธีแต่งงาน, ศาสนา, ความเชื่อ, ผี, คริสต์ศาสนา, แม่ฮ่องสอน, |
Translator |
- |
|