สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,สตรี,บทบาทครอบครัว,สังคม,ประเพณี,เศรษฐกิจ,ระบบเครือญาติ,การแต่งงาน-การหย่าร้าง,การคลอด การเลี้ยงบุตร,การศึกษา,ความเชื่อ,เชียงใหม่
Author วิไลพร ชะมะผลิน
Title บทบาททางสังคมและเศรษฐกิจของสตรีชาวเขาเผ่าแม้ว
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 52 Year 2523
Source ศูนย์วิจัยชาวเขา กองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย
Abstract

บทบาทของสตรีแม้วจากอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งทางด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ยังคงยึดถือปฏิบัติตามบรรพบุรุษ แต่เมื่อสังคมภายนอกเปลี่ยนแปลงไป การเปิดเข้าสู่สังคมเมือง สตรีแม้ว ก็ปรับตัวในบางอย่างเพื่อให้ได้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้

Focus

ทำความเข้าใจบทบาททางสังคมและเศรษฐกิจตามสถานการณ์ต่างๆ ของสตรีม้งในครัวเรือนของตนเอง ในครัวเรือนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ และในสังคมทั่วไปของหมู่บ้านตามจารีตประเพณีเดิมและลักษณะที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

Theoretical Issues

ไม่ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ในตอนนี้ผู้เขียนใช้คำว่า “แม้ว” เรียก “ม้ง”

Language and Linguistic Affiliations

ทางด้านภาษา แม้วไม่มีภาษาเขียนเป็นของตนเอง มีแต่ภาษาพูด ตัวหนังสือที่ใช้เขียนกันเป็นภาษาที่ดัดแปลงมาจากภาษาอังกฤษของหมอสอนศาสนา ส่วนความรู้ทางด้านภาษาไทย ได้จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านการติดต่อค้าขาย จากการฟังวิทยุ หรือการพูดคุยกับผู้ชายแม้ว (หน้า 30)

Study Period (Data Collection)

ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2522 ถึง กันยายน 2523 เดือนละ 14 วัน

History of the Group and Community

แม้วอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณปี พ.ศ. 2400 กระจายตัวอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ระดับความสูงประมาณ 3,500 ฟุต แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ แม้วลาย หรือที่เรียกว่าแม้วน้ำเงิน หรือแม้วดำ แม้วขาว และแม้วกั่วม์บา (หน้า 1) ประมาณปี 2509 กลุ่มชาวเขาเผ่าแม้วกลุ่มหนึ่ง อพยพจากอำเภอแม่แจ่ม มาตั้งรกรากที่สันดอยแม่สา รวมกับญาติที่อยู่ก่อนแล้ว ตั้งบ้านเรือนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เรียกว่าบ้านแม่สาใหม่ ต่อมาหมู่บ้านได้ขยายตัว แม้วบ้านแม่สา (เก่า) จึงอพยพมาอยู่รวมกัน (หน้า 4-5)

Settlement Pattern

หมู่บ้านแม่สาใหม่ส่วนใหญ่เป็นแม้วลาย เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มีการตัดถนนเข้าออกหมู่บ้านได้สะดวก มีรถยนต์วิ่งเข้าออกหมู่บ้านถึง 11 คัน เพื่อทำการส่งผลผลิตการเกษตรออกจำหน่ายยังตลาด และติดต่อหาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคจากตัวเมืองขึ้นมาใช้ในหมู่บ้าน (หน้า 4) การสร้างบ้านเรือนสร้างอยู่บนไหลเขาติดๆ กัน ตัวบ้านสร้างเป็นโรงเรือนคลุมดิน ยกพื้นในส่วนที่เป็นห้องนอนตามจำนวนครอบครัวในครัวเรือนนั้นๆ กั้นเป็นห้องแคบๆ ติดกัน บ้างมีการผสมผสานวัสดุสมัยใหม่ เช่น อิฐบล็อก กระเบื้องมุงหลังคา (หน้า 9)

Demography

ครอบครัวเป็นแบบขยายที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว (Patriarchal family) การปฏิบัติตามจารีตประเพณีสตรีแม้วเมื่อแต่งงานแล้วต้องอยู่ร่วมในหลังคาเรือนเดียวกับบิดามารดาของสามี มีลักษณะครอบครัวขยาย 35 หลังคาเรือน และครอบครัวแบบเดี่ยว 7 หลังคาเรือน และนอกจากนี้ลักษณะครอบครัวแม้วจะเป็นแบบสามีเดียวภรรยาหลายคน (Polygamy) (หน้า 6) บ้านแม่สาใหม่มี 70 หลังคาเรือน (สำรวจปี 2522) เป็นแม้ว 67 หลังคาเรือน 681 คน นอกนั้นเป็นจีนฮ่อและคนไทยพื้นราบ (ตารางหน้า 7) จำนวนประชากรแม้วทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 6.98 ของจำนวนแม้วในจังหวัดเชียงใหม่ ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยเด็กอายุ 14 ปีลงมา จำนวน 348 คน คิดเป็นร้อยละ 51.10 ของจำนวนแม้วในหมู่บ้านทั้งหมด (ตาราง 3 หน้า 7)

Economy

แม้วแม่สาใหม่นิยมเลี้ยง ไก่ หมู ม้า วัว ควาย เพื่อช่วยในแง่เศรษฐกิจครัวเรือน เลี้ยงไว้เพื่อใช้งานและเซ่นสรวง บ้านแต่ละหลังจะมีคอกสัตว์เลี้ยงไว้ข้างๆบ้าน (หน้า 10) แม้วแม่สาใหม่ยังคงมีอาชีพคือทำการเกษตร ปลูกข้าวโพดเป็นอาหารสัตว์ ทำสุราและส่วนที่เหลือนำไปขายเป็นรายได้ อีกทั้งปลูกข้าวไร่ไว้บริโภค และอาจจะมีการปลูกฝิ่นในบางครอบครัว โดยแรงงานหลักจะเป็นสตรีชาวแม้ว นอกจากนี้ สตรีแม้วยังมีความคล่องแคล่วในด้านธุรกิจการค้าขายเป็นอย่างดี จะพบบ่อยครั้งที่จะเห็นสตรีแม้วลงมาติดต่อซื้อ-ขายสินค้าเพื่อนำไปใช้ในหมู่บ้านเป็นประจำ (หน้า 35)

Social Organization

สตรีแม้ว(มารดา) จะสอนให้บุตรสาวเรียนรู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเย็บปักถักร้อย งานบ้าน การเลี้ยงดูน้อง การทำงานในไร่ และการค้าขาย (หน้า 10,12,20) การอบรมเด็กหญิงเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก 2 ขวบ มารดาจะมัดผ้าเป็นก้อนกลมยาวเพื่อใช้แทนเด็กทารก และมัดบนหลังเด็กในลักษณะสะพานเด็ก เพื่อเป็นของเล่นเด็กและเพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการเลี้ยงดูเด็กและงานขนของโดยใช้ “ก๋วย” (ภาชนะใส่ของ) สะพานไว้ด้านหลังการฝึกหัดทำกันตั้งแต่เด็กๆ เพื่อเก็บฟืนหรือผลผลิตจากไร่กลับบ้าน (หน้า 20-21) สตรีแม้วจะเป็นผู้ตามสามี การติดต่อกับภายนอกจะยกให้ผู้ชายในครัวเรือน แต่สตรีแม้วจะช่วยอยู่เบื้องหลังเกี่ยวกับการตัดสินใจบางครั้ง ปกติแล้วสตรีแม้วมักมีนิสัย ไม่ชอบที่จะพูดกับคนภายนอกโดยไม่จำเป็น (หน้า 35)

Political Organization

ในด้านการปกครองและการเมือง สตรีแม้วยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ระบบเครือญาติ จะเป็นมีอิทธิพลในการปกครองของหมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้อาวุโสทั้งชายหญิงจะมีอิทธิพลมากกว่าผู้ใหญ่บ้าน เพราะการคัดเลือกผู้ใหญ่บ้านได้คนรุ่นหลัง ซึ่งมีความผูกพันกับสังคมและแนวความคิดสมัยมากกว่า สตรีแม้วที่อาวุโสมีบทบาทในการให้คำปรึกษา และแนวทางการปฏิบัติตามจารีตประเพณี (หน้า 50)

Belief System

แม้วมีความเชื่อในเรื่องผี อีกทั้งสตรีแม้ว มักจะปฏิบัติตามชายหัวหน้าครอบครัว การนับถือศาสนาใดๆ เป็นการคล้อยตามการตัดสินใจของหัวหน้าครอบครัว (หน้า 49) การแต่งงานของสตรีแม้ว เมื่อแต่งงานแล้วต้องทำการตัดผีกับครอบครัวเก่าและกลายเป็นคนของสามีโดยถาวรไม่สามารถที่จะกับไปอยู่กับครอบครัวเดิมได้อีก นอกจากการนับถือผีแล้วโดยมีพิธีกรรมเซ่นไหว้ผีฟ้า ผีเรือน ผีบรรพบุรุษแล้ว ยังเชื่อว่าการเจ็บป่วยของคนในครอบครัวต้องเชิญหมอผีมาทำการรักษา หากสมาชิกในครอบครัวป่วยเรื้อรังจะต้องทำการเซ่นไหว้บ่อยๆ (หน้า 29)

Education and Socialization

การศึกษามีการปลูกฝังขนบธรรมเนียมทั้งตามแบบบรรพบุรุษและการศึกษาจากรัฐ โดยทางด้านขนบธรรมเนียม เช่น เด็กหญิงจะได้การอบรมเรื่องการเย็บปักถักร้อย การเลี้ยงน้อง และการเลี้ยงสัตว์ บางครั้งมีสตรีแม้วจำนวนหนึ่ง เรียนรู้ที่จะเป็นหมอผี (หน้า 31) ส่วนทางการศึกษาจากรัฐ ภายในหมู่บ้านมีโรงเรียนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดทำการสอนในระดับประถมศึกษาในเวลากลางวัน และเปิดสอนผู้ใหญ่เวลากลางคืน มีอาศรมพระธรรมจาริกสำหรับเผยแพร่พระพุทธศาสนา อีกทั้งมีโรงสีข้าวด้วยน้ำ ตามโครงการพระราชดำริ ประปาหมู่บ้าน และมีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ จากทางราชการภายใต้โครงการหลวงภาคเหนือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กรมชลประทาน กรมสามัญศึกษา และกรมประชาสงเคราะห์ (หน้า 4)

Health and Medicine

ปัจจุบันแม้วมีการรักษาความสะอาดมากขึ้น มีการตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวนมากขึ้น ผลัดเปลี่ยนไม่ให้ซ้ำตัวเก่า รู้จักซักเสื้อผ้าให้สะอาดมากขึ้น โดยใช้ผงซักฟอกเหมือนคนพื้นราบ โดยเฉพาะสตรีแม้ววัยสาวจะรู้จักรักษาความสะอาด มีอาบน้ำทุกวัน สระผมบ่อยครั้งขึ้น และบางคนรู้จักแปรงฟันในเวลาเช้าหลังตื่นนอน (หน้า 34) การตั้งครรภ์ สตรีแม้วส่วนใหญ่จะให้ตั้งครรภ์โดยไม่มีการคุมกำเนิด เกิดตามธรรมชาติ แม้วไม่มีหมอตำแย อาศัยสตรีที่เคยผ่านการคลอดบุตรมาแล้วช่วยทำคลอด การคลอดภายในบ้านมีผู้ช่วยเหลือกันหลายคน ได้แก่ มารดา สะใภ้คนอื่นๆ ส่วนสามีและชายอื่นๆ จะคอยดูอยู่ห่างๆ คอยช่วยเหลือเมื่อการคลอดลำบาก การคลอดจะมีผู้ช่วย 2 คน การคลอดจะใช้วิธีการนั่งยองๆ มือจับผ้าหรือเชือกแขวนเพื่อเป็นที่ยึด เมื่อมดลูกบีบรัดตัว สตรีที่ช่วยเหลือหรือสามีที่อยู่ด้วย จะบีบหน้าท้องเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด เมื่อเด็กคลอดผู้ที่ช่วยเหลืออยู่เป็นผู้ตัดสายสะดือและดูแลเด็ก (หน้า 18-19) การคุมกำเนิด หมู่บ้านแม่สาใหม่ มีการคุมกำเนิด 25 ราย (ฉีดยา 17 ราย กินยาคุม 6 ราย) ผู้ชายทำหมัน 2 ราย การคุมกำเนิดทุกรายเกิดจากความไม่ต้องการที่จะมีบุตรอีกต่อไป เนื่องจากมีจำนวนบุตรที่เพียงพอแล้ว (หน้า 19) การดูแลรักษาความสะอาดภายในบ้านและของใช้ในครัวเรือน และการเลี้ยงดูบุตร ยังคงเหมือนในอดีต โดยเฉพาะการเลี้ยงดูบุตรยังคงให้บุตรกินนมข้นกระป๋องหากมารดาไม่มีน้ำนม ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของบุตร (หน้า 35)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกายนิยมสวมใส่ชุดประจำเผ่า เสื้อจะมีการปักลวดลายริมขอบเสื้อที่ผ่าด้านหน้า กระโปรงจีบพลีท เขียนลวดลายด้วยขี้ผึ้งและมีลวดลายปักไขว้เชิงกระโปรง เสื้อผู้หญิงมีปกเสื้อขนาดใหญ่ขนาดเท่าเสื้อปกทหารเรือ เป็นลายปักไขว้ ด้านหน้ากระโปรงเป็นผ้าสี่เหลี่ยมยาวลงไป บางครั้งมีการปักลวดลาย หรืออาจจะไม่ปักลวดลายก็ได้ แม้วขาวเมื่ออยู่บ้านหรือไปทำงานจะใส่กางเกงสีดำ แต่จะใช้กระโปรงพลีทสีขาวเมื่อมีงานพิธี ผู้ชายแม้วจะใส่กางเกงแบบของแม้วที่เป็นกางเกงเป้ากว้างๆ และมีผ้าปักลวดลายคาดทับด้านหน้าเป็นสามเหลี่ยม (หน้า 10-11) การตัดเย็บเสื้อผ้าชุดประจำเผ่าใช้ผ้าที่ทำมาจากต้นกัญชง มีการใช้ต้นครามในการทำให้เกิดสี (หน้า 16,17)

Folklore

ไม่ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

สตรีแม้วมีความสัมพันธ์กับจีนฮ่อ ในการติดต่อซื้อสินค้าที่จำเป็น โดยสตรีแม้วจะซื้อสินค้ากับจีนฮ่อที่ตั้งครัวเรือนขายของอยู่ในหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ

Social Cultural and Identity Change

การทำงานบ้าน การเลี้ยงดูบุตร เป็นหน้าที่หลักของสตรีแม้ว รวมหน้าที่การหุงหาอาหาร การทำความสะอาดบ้านเรือน การเลี้ยงสัตว์ การทำไร่ งานเย็บปักถักร้อย ถ้าเป็นครอบครัวเดียว แม่จะทำหน้าที่ตั้งแต่เช้า แต่ถ้ามีบุตรใช้แรงงานได้แล้วประมาณ 6 ปีขึ้นไป บุตรจะช่วยแม่ทำภารกิจประจำวันด้วย หากเป็นครอบครัวใหญ่ หรือครอบครัวขยาย สตรีแม้วในครัวเรือนจะช่วยเหลือกัน การที่แม้วมีสะใภ้หลายคน สะใภ้เล็กจะมีภาระในการทำงานที่หนักที่สุด (หน้า 12-15) รูปแบบการดำเนินชีวิต สตรีแม้วยังคงยึดถือปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้ชีวิตโดยการใช้วัสดุอุปกรณ์สมัยใหม่ที่อำนวยความสะดวก เพิ่มมากขึ้น เช่น มีการใช้รถยนต์ (หน้า 4) เพื่อเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน สตรีชาวแม้วที่เคยใช้ผ้าที่ผลิตจากต้นกัญชงก็เปลี่ยนมาใช้ผ้าทอจากโรงงาน และบางอย่างก็ใช้ผ้าลายของคนไทยเหนือ ผ้าที่เคยทำลวดลายด้วยขี้ผึ้งในการทำกระโปรงของแม้วลาย ก็หันมาใช้ผ้าพิมพ์แทน (หน้า 18) การเกี้ยวพาราสี สตรีแม้วไม่สามารถเป็นฝ่ายไปหาผู้ชายถึงบ้าน แต่ผู้ชายสามารถกระทำได้ แต่ไม่ปิดกั้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน การเกี้ยวพาราสีจะกระทำในตอนกลางคืน โดยหนุ่มสาวจะนัดพบกับแล้วพากันออกไปข้างนอก มารดาจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ลูกสาวออกไปกับหนุ่มหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการจะเรียกให้ลูกสาวกลับเข้าบ้าน (หน้า 21) การเลือกคู่ สามารถทำได้เองและจากการติดต่อโดยผู้ใหญ่ การติดต่อจากผู้ใหญ่ จะมีการจัดหาเฒ่าแก่ไปสู่ขอหญิงสาวให้กับบุตรชาย ส่วนใหญ่สตรีชาวแม้วจะเชื่อฟังพ่อแม่ (หน้า 22) การแต่งงาน เป็นการซื้อภรรยาจากแซ่สกุลเดิมของภรรยา เมื่อแต่งงานแล้วจะขาดผีจากสกุลเดิมมาอยู่การผีแซ่สกุลของสามี กรณีหญิงสาวอยู่กินการผู้ชายแต่ไม่ได้ผ่านพิธีแต่งงานแล้วเสียชีวิต ฝ่ายสามีจะถูกปรับไหม โดยเงื่อนไขการปรับจะขึ้นอยู่กับการตาย หากเป็นการตายด้วยเหตุจากความไม่สบายใจของฝ่ายหญิง ฝ่ายชายจะต้องชำระให้กับครอบครัวฝ่ายหญิงทันที แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุสามารถประวิงเวลาได้ กรณีที่ยังไม่แต่งานครอบครัวฝ่ายหญิงสามารถเรียนตัวผู้หญิงกับมาใช้แรงงานฝ่ายครอบครัวของตนได้ตลอดเวลา (หน้า 24-25) ค่าตัวของหญิงสาวเผ่าแม้วเป็นเงินรูปี ประมาณ 250-400 รูปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 41,250-68,000 บาท (1 รูปี = 165 บาท) แต่มีการประชุมลดลงราคาลงเหลือประมาณ 8,000 บาท ในระยะต่อมา การแต่งานจะเริ่มจากบ้านเจ้าสาว เพื่อบอกผีแซ่ในการย้ายสกุลไปอยู่กับแซ่สามี การแต่งงาน เมื่อเสร็จพิธี หญิงผู้นั้นจะขาดจากผีแซ่สกุลเดิมของตน การหย่าร้าง ไม่ค่อยปรากฏ เนื่องจากความเชื่อในเรื่องของผีแซ่ที่ผู้หญิงย้ายมาเป็นคนของสามีไม่สามารถกลับไปเป็นคนในครอบครัวเดิมของตนได้อีก แต่หากมีการหย่าร้างหญิงชาวแม้ว จะมีสิทธิการในเลี้ยงดูบุตร (หน้า 26) งานศพ สตรีแม้วในฐานะสะใภ้หรือบุตรสาวจะเป็นผู้นั่งหน้าศพคอยพัดวีไม่ให้แมลงวันมาตอมศพ เนื่องจากแม้วจะเก็บศพผู้ตายไว้หลายวัน เพื่อรวมญาติให้ครบ และต้องหมุนเวียนไปร้องไห้หน้าศพ แม้วมีประเพณีฆ่าวัวใช้เลี้ยงในงานศพ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงฐานะทางสังคม เศรษฐกิจที่ดีของครอบครัว ถ้าบิดาตายบุตรชายที่แยกครอบครัวออกไปต้องหาวัวมาฆ่าใช้ในงานพิธีคนละ 1 ตัว แต่บุตรสาวที่แต่งงานออกไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อว่าหากบุตรชายคนใดไม่ได้ให้แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวตกยากลำบาก แม้วจะปักใจเชื่อว่าเป็นสาเหตุจากการไม่มีส่วนร่วมในการเซ่นไหว้ในการงานศพบิดา สะใภ้ต้องต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นเดียวกัน (หน้า 27) ประเพณีปีใหม่ ในวันขึ้น 1 ค่ำ ทั้งชายและหญิงจะมีบทบาทในการช่วยจัดงาน คือ เตรียมหญ้าเลี้ยงม้า เตรียมผักเลี้ยงหมู ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และผลผลิตจากไร่จะถูกนำไปเก็บในยุ้งฉาง ก่อนวันงาน 4-5 วัน เมื่อถึงวันงาน จะฆ่าหมู และกินเลี้ยงกันไปทีละหลังจนครบทุกหลังในญาติพี่น้อง ก่อนงานปีใหม่ 1 วัน แม้วจะทำขนมเรียกว่า ข้าวปุก ซึ่งทำจากข้าวเหนียวหรือข้าวโพดที่สุกแล้วมาบดให้ละเอียดห่อด้วยใบตอง เพื่อใช้ในการแจกจ่ายแขกที่มาเยี่ยมเยียนบ้านของตน การละเล่นในวันงานจะมีการเล่นเกมส์โยนลูกข่าง เกมส์โยนลูกบอล โดยมาการพนันเล่นๆน้อยร่วมอยู่ด้วย การโยนลูกบอลจะกระทำได้เฉพาะสาวโสดเท่านั้น (หน้า 28)

Other Issues

ไม่ระบุ

Map/Illustration

ข้อมูลที่ถูกนำเสนอในเชิงปริมาณจะทำการแสดงข้อมูลอยู่ในรูปของตาราง และมีการอธิบายถึงสภาพบ้านของชาวแม้วลายและแม้วขาวเป็นรูปภาพ ตาราง 1 แหล่งที่มาและจำนวนหลังคาเรือนของแม้วอพยพที่มาอยู่ในหมู่บ้านแม่สาใหม่ ในปี พ.ศ. ต่างๆ (หน้า 5-6) ตาราง 2 จำนวนหลังคาเรือนและประชากรบ้านแม่สาใหม่แยกตามเผ่า (หน้า 7) ตาราง 3 ประชากรบ้านแม่สาใหม่จำนวนตามเพศและอายุ (หน้า 7) ตาราง 4 ประชากรบ้านแม่สาใหม่จำแนกตามสถานภาพสมรสและเพศ (หน้า 8) รูปภาพ บ้านแม้วลาย (หน้า 9) รูปภาพ บ้านแม้วขาว (หน้า 10) ตาราง 5 จำนวนบุตรที่มีชีวิตในครอบครัวแม้ว บ้านแม้สาใหม่ (หน้า 20) ตาราง 6 ความแตกต่างระหว่างวัยของคู่สมรสแม้วบ้านแม่สาใหม่ (หน้า 24) ตาราง 7 ความสามารถในการใช้ภาษาไทยของแม้วบ้านแม่สาใหม่อายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป (หน้า 30) ตาราง 8 จำนวนเด็กนักเรียนในโรงเรียนบ้านแม่สาใหม่ (หน้า 31) ตาราง 9 สถานภาพการศึกษาของเด็กในวัยเรียนอายุ 7-15 ปี (หน้า 33) ตาราง 10 สถานภาพการศึกษาของประชากรบ้าแม่สาใหม่ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป (หน้า 34) ตาราง 11 จำนวนครัวเรือนและประชากรบ้านแม่สาใหม่ แยกตามแซ่สกุล (หน้า 36) ตาราง 12 รายได้จากผลผลิตทางการเกษตรในปี พ.ศ. 2520 และ 2522 ของแม้ว บ้านแม่สาใหม่ (หน้า 41) ตาราง 13 จำนวนสัตว์เลี้ยงของแม้วบ้านแม่สาใหม่ (หน้า 45-46)

Text Analyst เมธีรา ฤกษดายุทธ์ Date of Report 04 ต.ค. 2567
TAG ม้ง, สตรี, บทบาทครอบครัว, สังคม, ประเพณี, เศรษฐกิจ, ระบบเครือญาติ, การแต่งงาน-การหย่าร้าง, การคลอด การเลี้ยงบุตร, การศึกษา, ความเชื่อ, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง