|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,ไทยมุสลิม,สตรี,โรงงานอุตสาหกรรม,ปัตตานี |
Author |
สุทัศน์ ศิลปวิศาล |
Title |
การยอมรับระบบทำงานสมัยใหม่ของสตรีไทยมุสลิม : กรณีศึกษาสตรีไทยมุสลิมที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดปัตตานี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
173 |
Year |
2538 |
Source |
หลักสูตรปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิต ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
จากการศึกษา โดยรวมพบว่าสตรีไทยมุสลิมที่เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีความเคร่งครัดในศาสนาแตกต่างกัน มีความสำนึกรับผิดชอบต่อการทำงานนอกบ้าน โดยรวมทุกเรื่องแตกต่างกันคือ สตรีไทยมุสลิมที่มีความเคร่งครัดในศาสนามาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.6578 ในขณะที่สตรีไทยมุสลิมที่มีความเคร่งครัดในศาสนาน้อย มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.8152 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากค่าเฉลี่ยที่ปรากฏ พบว่าสตรีไทยมุสลิมที่มีความเคร่งครัดในศาสนามาก มีความสำนึกรับผิดชอบต่อการทำงานนอกบ้านโดยรวมทุกด้านคือ ด้านการมาถึงที่ทำงานก่อนหรือทันเวลาเป็นประจำ ด้านการมาทำงานเป็นประจำ ด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโรงงาน ด้านการทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จทันเวลาที่กำหนด ด้านเมื่อสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในโรงงาน แล้วบอกให้หัวหน้าทราบน้อยกว่า สตรีไทยมุสลิมที่มีความเคร่งครัดในศาสนาน้อย ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่วางไว้ ซึ่งพบว่าคนไทยมุสลิมมีการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังพบว่า ชีวิตการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. คนงานส่วนมากจะแต่งชุดทำงานออกจากบ้าน แต่ไม่ใช่แต่งครบเครื่องกล่าวคือ ใส่กางเกง เสื้อประจำโรงงาน หมวกและรองเท้า แต่ก่อนเข้าโรงงานต้องแต่งให้ครบเครื่อง เพราะกฎของโรงงานมีว่าเมื่อถึงโรงงานพร้อมที่จะทำงานได้ทันที ส่วนสตรีไทยมุสลิมผู้อยู่ในสถานภาพของภรรยาต้องดูแลงานบ้านและครอบครัว การประกอบอาชีพไม่ใช่หน้าที่หลักของสตรีไทยมุสลิม ซึ่งในเชิงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัว และสตรีที่มีความเคร่งครัดในศาสนามากมีความหวาดหวั่นในการสูญเสียความบริสุทธิ์ทางศาสนา อันเนื่องมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมุสลิม ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา การพัฒนา และการศาสนา (หน้า140-141) |
|
Focus |
เพื่อศึกษาการยอมรับระบบทำงานสมัยใหม่ของสตรีไทยมุสลิมที่มีความเคร่งครัดในศาสนามากและน้อย โดยศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับสาเหตุของการเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ความสำนึกรับผิดชอบต่อการทำงานนอกบ้าน การประสบปัญหาในการทำงาน ทางออกของปัญหาของสตรีไทยมุสลิมที่เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี (หน้า 4-5) |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาได้นำแนวคิดของ แมกซ์ เวเบอร์ (Max Waber) มาเป็นแนวทางในการศึกษาตามทฤษฎีของ เวเบอร์ กล่าวว่า ศาสนามีอิทธิพลต่อการก่อตัวของระบบทุนนิยม และพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของบุคคล ฉะนั้น ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของอิทธิพลทางศาสนาที่มีต่อพฤติกรรมในกิจกรรมด้านต่างๆ เช่น จริยธรรม เศรษฐกิจ การเมือง หรือศิลปะ และเข้าใจความขัดแย้งที่อาจเกิดจากความหลากหลายของค่านิยม ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีฝ่ายอ้างถึงว่าจะรักษาค่านิยมหนึ่ง ๆ ของตนไว้ (หน้า 6) โดยอาศัยแนวคิดของ แมกซ์ เวเบอร์ ผู้วิจัยนำมาศึกษาเชื่อมโยง เพื่ออธิบายให้เห็นว่าศาสนามีอิทธิพลต่อการทำงานของคนในสังคม เอื้อต่อการพัฒนาทางด้านศาสนาเศรษฐกิจ ในแต่ละสังคมมีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น การทำงานในระบบสมัยใหม่ของสตรีไทยมุสลิมซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จะได้รับผลกระทบจากศาสนาด้วย (หน้า 11) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือสตรีไทยมุสลิมที่เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดปัตตานี จำนวน 400 คน (หน้า 24) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุเวลาในการศึกษาวิจัย แต่ผู้เขียนเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการใช้แบบสอบถาม ทั้งนี้ ใช้ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิตและค่า T-test ในการตรวจสอบสมมุติฐานและวิเคราะห์ข้อมูล (บทคัดย่อ, หน้า 25) |
|
History of the Group and Community |
แต่เดิมเมืองโบราณชายแดนภาคใต้ มี 8 หัวเมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี เมืองหนองจิก เมืองยะหริ่ง เมืองสายบุรี เมืองระแงะ เมืองรือมัง เมืองยาลอ และเมืองจะนะ ประชาชนแถบนี้นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ ตามหลักฐานประวัติศาสตร์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเมืองปัตตานีได้ตั้งขึ้นเมื่อไร แต่ทางจดหมายของชาวจีน ตอนที่ชาวจีนมีการติดต่อกับดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในคริสศตวรรษที่ 2 นั้น เมืองลังกาสุกะได้ตั้งขึ้นแล้ว จากจดหมายเหตุ นักเขียนชาวยุโรปหลายคนเชื่อว่าเมืองลังกาสุกะดังกล่าว เป็นเมืองเดิมของปัตตานี นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าชาวเมืองลังกาสุกะ นับถือศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ ภายใต้อิทธิพลของอารยธรรมอินเดีย ต่อมาอาณาจักรศรีวิชัยได้แผ่อาณาเขตครอบคลุมเมืองปัตตานี จึงได้รับอิทธิพลของพุทธศาสนาสำหรับศาสนาอิสลาม ได้เผยแพร่เข้าสู่เมืองปัตตานี โดยอิทธิพลของเมืองมะละกา สมัยมูซัฟฟาร์ ราว พ.ศ.2002 ประวัติเมืองปัตตานีฉบับภาษามลายูระบุว่า กษัตริย์เมืองปัตตานี ชื่อ ศรีอินทรา เป็นผู้เข้ารีตพระองค์แรก สอดคล้องกับประวัติเมืองมะละกา ปัตตานีตั้งขึ้นหลังจากเมืองลังกาสุกะสลายตัว ราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 อิทธิพลของไทยได้แผ่เข้าครอบคลุมแหลมมลายู ปัตตานีจึงเป็นส่วนหนึ่งของไทยจนถึงปัจจุบัน (หน้า 39-40) |
|
Demography |
จังหวัดปัตตานี แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ กับ 3 กิ่งอำเภอ มีประชากรทั้งสิ้น 550,896 คน มีผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน (อายุ 13 ปีขึ้นไป จำนวน 400,686 คน) (สำนักงานจังหวัดปัตตานี, 2536) (หน้า 37) |
|
Economy |
สำหรับโครงสร้างด้านเศรษฐกิจของจังหวัดปัตตานี สามารถดูได้จากโครงสร้างทางด้านภูมิศาสตรที่เหมาะแก่การประกอบการทางด้านภาคเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกหรือการประมง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกี่ยวกับการเกษตร รายได้จากผลผลิตภาคการเกษตรกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ อุตสาหกรรมที่สำคัญของจังหวัดปัตตานี ได้แก่ อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง อุตสาหกรรมห้องเย็น อุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง อุตสาหกรรมปลาป่น โรงน้ำแข็ง เป็นต้น (หน้า 44) จังหวัดปัตตานี มีความยาวชายฝั่งทะเล 116.40 กิโลเมตร การประมงทางทะเลจึงมีความโดดเด่นเช่นเดียวกับด้านเกษตรกรรม รองลงมาเป็นการเลี้ยงกุ้งลาดำ การเลี้ยงปลากระพงขาวในกระชัง สำหรับกิจการทางด้านประมง (สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี, 2536 : 8 ) ในปี พ.ศ.2532 จังหวัดปัตตานีมีผลิตภัณฑ์รวม 7,721 ล้านบาท คิดเป็น 5.36 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคใต้ และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวโดยเฉลี่ย 13,912 บาท การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดปัตตานี จากปี 2528 ถึงปี 2532 จะพบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด เพิ่มขึ้นจาก 5,007 ล้านบาท เป็น 7,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2532 ร้อยละ 6.1 ( หน้า39 ) |
|
Social Organization |
สภาพทางสังคม ประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดปัตตานี นับถือศาสนาอิสลาม คิดเป็นร้อยละ 72.62 ศาสนาพุทธ ร้อยละ 21.46 ศาสนาคริสต์ ร้อยละ 0.69 และศาสนาอื่นๆ ร้อยละ 0.57 มีมัสยิด 534 แห่ง วัด 77 วัด เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ความเชื่อความศรัทธา และค่านิยมของประชากรดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางและตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ขณะเดียวกันประชากรส่วนที่เหลือนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ก็จะมีลักษณะสังคมเหมือนชาวไทยภาคใต้จังหวัดอื่น ๆ คือ นิยมพูดภาษาสำเนียงไทยปักษ์ใต้ (หน้า 40) |
|
Belief System |
สตรีไทยมุสลิมที่เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามความเคร่งครัดในศาสนามาก และน้อย ความแตกต่างสามารถสังเกตได้จาก ความเข้าใจในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ซึ่งสตรีไทยมุสลิมที่เคร่งครัด ความเข้าใจในภาษา และจากความหมายที่แปลด้วย (หน้า 76-77) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|