สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาหู่,สังคม,วัฒนธรรม,เศรษฐกิจ,เชียงใหม่
Author สนิท วงศ์ประเสริฐ และคณะ
Title การเปลี่ยนแปลงทางสังคม-วัฒนธรรมของชาวเขาในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมบนที่สูง
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text -
Ethnic Identity ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 77 Year 2532
Source สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย
Abstract

เนื้อหาของงานเขียนเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อเป็นการประเมินผลของการยอมรับกิจกรรมด้านการพัฒนา และผลกระทบของการพัฒนา ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนชาวเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมบนที่สูงที่ดำเนินการระหว่าง พ.ศ.2523-2531 ในงานเขียนได้นำเสนอเฉพาะบ้านมูเซอ โละป่าไคร้ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 หมู่บ้านชุมชนชาวเขา ที่อยู่ใน 8 เขต ของ 5 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน

Focus

ประเมินผลการยอมรับในกิจกรรมพัฒนาของโครงการและศึกษาผลกระทบของการพัฒนาที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมของชุมชนชาวเขาในเขตพื้นที่โครงการ และติดตามศึกษาความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง โดยเฉพาะการเข้าร่วมใช้ประโยชน์ในกิจกรรมกองทุนหมุนเวียนหมู่บ้าน (หน้า 2)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กลุ่มชาติพันธุ์ที่กล่าวถึงในงานเขียนเป็นชาติพันธุ์มูเซอแดง อยู่ที่บ้านโล๊ะป่าไคร้ (หน้า 29)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มี

Study Period (Data Collection)

ทำวิจัยภาคสนามเป็นเวลา 100 วัน ระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน พ.ศ.2532 เขียนรายงานวิจัยในเดือนกันยายน (บทคัดย่อหน้า 1, หน้า 6, 7)

History of the Group and Community

ประวัติการตั้งหมู่บ้านโละป่าไคร้ มูเซอแดงบ้านโละป่าไคร้เป็นลูกหลานของมูเซออพยพมาจากประเทศพม่า เมื่อประมาณร้อยปีก่อน และเข้ามาอยู่ใกล้กับกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน กระทั่งก่อน พ.ศ.2509 ตัวแทน ”ปู่จองหลวง” ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาของมูเซอแดงที่อาศัยอยู่ในเขตพม่าใกล้ชายแดนไทยได้ขอให้กลุ่มมูเซอกลับประเทศพม่า เพื่อร่วมมือกันสร้างชาติมูเซอให้เป็นปึกแผ่น และกลุ่มชาติพันธุ์มูเซอได้มารวมตัวกันที่ที่พักชั่วคราวซึ่งอยู่บริเวณชายแดนที่เรียกว่า “ห้วยผักไผ่” ในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในเวลานั้นมีมูเซอจาก 5 หมู่บ้านเดินทางมารวมกันจำนวนถึง 750 คน แต่มีการเตรียมพื้นที่ไม่ดีพอจึงเกิดปัญหาด้านสุขาภิบาล เมื่อคนมาอยู่จำนวนมากๆ จึงทำให้เกิดโรคระบาดและมีคนตายแทบทุกวัน ในปีต่อมาอีก 4 หมู่บ้านจึงได้ย้ายออกจากบริเวณ “ห้วยผักไผ่” เพื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นโดยไม่กลับไปที่อยู่เดิม สำหรับหมู่บ้านที่เป็นหมู่บ้านกรณีศึกษาได้มาตั้งหมู่บ้านอยู่ที่พื้นที่ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “โละป่าไคร้” ในเวลานั้นมีจำนวน 25 ครัวเรือนและได้อยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้ (หน้า 30)

Settlement Pattern

ไม่มี

Demography

ประชากรชาวเขาซึ่งประกอบด้วยชาติพันธุ์ มูเซอ อีก้อ แม้ว เย้า กะเหรี่ยง ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมบนที่สูง ในจำนวน 9 หมู่บ้าน ใน 8 เขตที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน มีจำนวนประชากร ทั้งหมด 2,283 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 1,147 คน และเพศหญิงจำนวน 1,136 คน มีจำนวนครัวเรือน 383 ครัวเรือน (ข้อมูล พ.ศ.2531) (หน้า 5,12) ประชากรมูเซอแดงบ้านโละป่าไคร้ หมู่บ้านมีประชากรทั้งหมด 239 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 120 คน และเพศหญิง 119 คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 42 ครัวเรือน อัตราเฉลี่ยของแต่ละครอบครัวจะมีสมาชิก 5-7 คน ต่อครัวเรือน (ข้อมูล พ.ศ.2531) (หน้า 32 ตารางหน้า 33)

Economy

เศรษฐกิจ อาชีพหลักดั้งเดิมคือการเพาะปลูก เช่น พริกชี้ฟ้า งาขาว สำหรับการปลูกข้าวถ้าปลูกได้มากก็จะเก็บไว้กินและขาย ส่วนการปลูกพริกและงาขาวจะปลูกไว้ขาย ไม้อื่นที่ปลูก เช่น มะละกอ มะม่วง ขนุน ลิ้นจี่ ลำไย (หน้า 40,62) นอกจากนี้ยังเลี้ยงโค กระบือ ในหมู่บ้านมีโคและกระบือ จำนวน 84 ตัว (หน้า 45)

Social Organization

ในด้านสังคมของหมู่บ้านที่อยู่ในโครงการ 9 หมู่บ้าน 8 เขต ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนับตั้งแต่เริ่มมีการดำเนินโครงการเริ่มจากปี พ.ศ.2522-2531 แต่หมู่บ้านต่างๆ แม้ได้รับแผนแม่บทการพัฒนาจากส่วนกลางที่เหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีทั้งเหมือนกันและแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางสังคมของแต่ละชาติพันธุ์ ประชากรและการเลี้ยงชีพ การศึกษาและสุขภาพอนามัยและอื่นๆ (หน้า 29)

Political Organization

กล่าวถึงการปกครองหมู่บ้านว่ายังเป็นแบบดั้งเดิม ผู้นำหมู่บ้านไม่ค่อยเข้มแข็ง คณะกรรมการหมู่บ้านและคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนอื่นๆ ไม่ได้เรียนหนังสือ จึงทำหน้าที่ของตนเองได้ไม่อย่างเต็มที่ แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่เขตช่วยเหลือในการทำงานก็สามารถทำงานในด้านการพัฒนาได้ ส่วนคณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรมนั้นได้ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งงานเขียนได้ระบุว่าในด้านการพัฒนาจะต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำในการทำงาน แต่ในด้านจารีตประเพณีชาวเขายังคงรักษาประเพณีของตนไว้เป็นอย่างดี (หน้า 72)

Belief System

ศาสนาและความเชื่อ มูเซอนับถือศาสนาดั้งเดิมของตนเองและประกอบพิธีกรรมตามจารีตประเพณีของตนเอง มี ”ปู่จองหลวง” เป็นผู้นำศาสนา (หน้า 30) ซึ่งในงานเขียนได้ระบุว่าตามคำสอนของศาสนามูเซอ จะสั่งสอนให้คนประพฤติและปฏิบัติตามจารีตประเพณี ทำแต่ความดีให้เป็นคนดีของสังคม (หน้า 36)

Education and Socialization

กล่าวถึงการศึกษาของหัวหน้าครอบครัวชาวเขาในพื้นที่กรณีศึกษาว่า ในปี พ.ศ.2525 ในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมบนพื้นที่สูง พบว่า หัวหน้าครอบครัวจำนวน 81 % ไม่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียน และในปี พ.ศ.2531 พบว่ามีหัวหน้าครอบครัวที่ไม่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียนลดจำนวนลงอยู่ที่จำนวน 73% (หน้า 18) พ.ศ.2531 จากจำนวนหัวหน้าครอบครัว 84 คน ได้เรียนหนังสือในระดับประถมศึกษา จำนวน 69 คน หรือ 82% และเรียนสูงกว่าระดับประถมศึกษาจำนวน 15 คน หรือ 18 % ในจำนวนหัวหน้าครอบครัว 84 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 81 % และผู้หญิง 19 % (หน้า 19)

Health and Medicine

ธนาคารโลกได้สนับสนุนชาวเขาในเขตพื้นที่ ในปี พ.ศ. 2523 โดยให้ความช่วงเหลือด้านการพัฒนา เช่น ด้านการเกษตร การศึกษา และสุขภาพอนามัย ในพื้นที่ทำการศึกษาจะมีกองทุนหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาพัฒนาตนเอง สำหรับด้านสุขภาพจะมีกองทุนยาเวชภัณฑ์ คนในหมู่บ้านจะมาใช้บริการเมื่อเป็นไข้ไม่สบาย (หน้า 31, 69-71)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มี

Folklore

ไม่มี

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มี

Social Cultural and Identity Change

การเปลี่ยนแปลงเรื่องการแต่งกาย จากข้อมูล พ.ศ.2532 ระบุว่าหญิงสาวในหมู่บ้านโละป่าไคร้เริ่มจะชื่นชอบการแต่งตัวเหมือนคนไทยโดยทั่วไป (หน้า 32) การเปลี่ยนแปลงการปกครอง รายงานระบุว่าผลของการพัฒนา การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและกองทุนต่างๆ ที่เข้ามาในหมู่บ้าน ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม วัฒนธรรมด้านการปกครองของหมู่บ้าน ในอดีตจะมีผู้นำทำหน้าที่ปกครองหมู่บ้าน แต่หลังจากที่ทางการมีนโยบายด้านการพัฒนาเข้ามาในหมู่บ้าน ดังนั้นชาวบ้านจึงเลือกคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการทำหน้าที่รับผิดชอบกิจกรรมดังต่อไปนี้ กรรมการฝ่ายปกครอง หัวหน้าหมู่บ้านจะเป็นกรรมการและประธาน กรรมการฝ่ายกองทุนหมุนเวียน กรรมการฝ่ายส่งเสริมการเกษตร กรรมการฝ่ายการศึกษา กรรมการฝ่ายสาธารณสุข กรรมการฝ่ายพัฒนาสังคม กรรมการฝ่ายวัฒนธรรมประเพณี คณะกรรมการของแต่ละฝ่ายจะทำหน้าที่รับผิดชอบตามหน้าที่ของตน (หน้า 34-35) การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ รายงานระบุว่าจาการที่ชาวบ้านยอมรับวิธีการปลูกพืชสมัยใหม่นั้น ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเชื่อหรือทำให้การนับถือศาสนาของตนเองลดน้อยลงแต่อย่างใด เช่น ในหมู่บ้านจะมีผู้ทำหน้าที่เป็นปู่จองหรือผู้นำศาสนาซึ่งจะทำหน้าที่สอนศีลธรรมต่างๆ และประกอบกิจกรรมด้านศาสนา อันจะเป็นการช่วยให้สังคมดีขึ้น เช่นดื่มเหล้าน้อยลง ขยันทำงาน ไม่ฟุ่มเฟือย เป็นต้น (หน้า 36-38) การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เมื่อก่อนจะปลูกพืชเพื่อบริโภคในครัวเรือน เช่น ปลูกข้าวไร่ พริกชี้ฟ้า และงาขาว หากผลผลิตได้มากก็จะเหลือไว้ขาย เพื่อเป็นรายได้ ในภายหลังเมื่อการถางป่าเพื่อปลูกพืชได้ทำให้ดินเกิดความเสื่อมโทรมปลูกพืชไม่ได้ให้ผลผลิตมากเช่นเดิม จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการการเพาะปลูกคือได้เพาะปลูกโดยการพัฒนาระบบชลประทานและวิธีการเพาะปลูกด้วยวิธีการที่นำความรู้มาจากภายนอกหมู่บ้าน รวมทั้งทุนที่เกี่ยวกับการเพาะปลูก เช่น รถไถนาแบบเดินตาม ควาย และที่ดินทำกิน เป็นต้น (หน้า 40-56)

Other Issues

ผลการประเมิน จากการศึกษาพบว่าการการดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ด้านประชากร สัดส่วนที่ลดลงคือ กลุ่มวัยทารกและการย้ายที่อยู่ สำหรับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นได้แก่ อัตราส่วนเพศหญิง วัยแรงงานวัยสูงอายุ รวมทั้งด้านการอ่านการเขียน ครัวเรือนที่มีขนาดใหญ่และร่ำรวยจะมีรายได้จากการพัฒนาเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ครัวเรือนขนาดปานกลางจะมีรายได้ขนาดปานกลาง ครัวเรือนขนาดเล็กจะมีรายได้น้อย และกองทุนหมุนเวียนภายในหมู่บ้านจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อให้ชาวเขายอมรับการปลูกพืชเศรษฐกิจและเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการเพาะปลูก (หน้า 73-74)

Map/Illustration

ตาราง ขนาดครอบครัว (หน้า 13) หมู่บ้านและประชากร (หน้า 14) การใช้ที่ดิน (หน้า 17) การศึกษา (หน้า 19,20) รายได้เฉลี่ย (หน้า 21) การเปลี่ยนแปลงประชากร (หน้า 33) ทุนเพาะปลูก (หน้า 42) ข้าวนาดำ (หน้า 49) การผลิตข้าว (หน้า 55) ถั่วเหลือง ข้าวโพด (หน้า 58,61) ไม้ยืนต้น (หน้า 62) รายได้จากการปลูกพืช (หน้า 65) กลุ่มเลี้ยงสัตว์และปลูกข้าวไร่ (หน้า 68) กองทุนหมุนเวียนในหมู่บ้านโละป่าไคร้ (หน้า 69) แผนภูมิ ค่าลงทุนในการพัฒนา (หน้า 22) ทุนการผลิตของครัวเรือน (หน้า 54) พีรามิด ประชากร ปี 2525 (หน้า 11) ประชากร ปี2531 (หน้า 12) มูเซอโละป่าไคร้ (หน้า 32) แผนที่ 9 หมู่บ้านหลักที่เป็นตัวอย่างโครงการวิจัย (หน้า 26)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 10 ก.ย. 2561
TAG ลาหู่, สังคม, วัฒนธรรม, เศรษฐกิจ, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง