สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยมุสลิม,คติชนวิทยา,การอบรมเลี้ยงดูเด็ก,บ้านครัว,กรุงเทพมหานคร
Author พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ
Title คติชนวิทยากับการอบรมเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทยมุสลิม : ศึกษากรณีชุมชนบ้านครัวเหนือ กรุงเทพมหานคร
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเนเชี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 219 Year 2531
Source หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract

คติชนประเภทความเชื่อต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในชุมชนบ้านครัวเหนือในปัจจุบัน พบว่า มีปรากฏอยู่ไม่มากนัก แต่ก็พบว่าความเชื่อที่ยังคงอยู่นี้ มีบทบาทในแง่การอธิบายหรือชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ หรือเป็นเรื่องราวที่อธิบายถึงผลของการเกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิธีการอื่นที่ดีกว่าได้ ในส่วนที่นำมาถ่ายทอดให้ลูกหลานฟังสืบต่อกันมานั้น มีทั้งในส่วนที่ใช้การอบรมสั่งสอน การชี้แนะแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบเกณฑ์ของการเป็นมุสลิมที่ดี โดยการนำเอาความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์ทั้งด้านดีและด้านเลว และให้เห็นถึงผลของการกระทำที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กเกิดความศรัทธา และเข้าใจในหลักคำสอนทางศาสนาอิสลามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น (หน้า 199)

Focus

ศึกษาคติชนวิทยาที่นำมาใช้เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทยมุสลิม และการเปลี่ยนแปลงทางคติชนวิทยาเมื่อได้รับอิทธิพลจากการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม (หน้า 3-4)

Theoretical Issues

ผู้วิจัยได้ประยุกต์แนวคิด "สังคมประกิต" (Socialization) ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการอบรมทางวัฒนธรรม เช่น การเลี้ยงดูเด็กกับการสร้างบุคลิกภาพของปัจเจกบุคคล ของ Margaret Mead มาวิเคราะห์บทบาทของสถาบันครอบครัวในการถ่ายทอดค่านิยม ทัศนคติ และโลกทัศน์ ให้เด็กมุสลิมในชุมชนบ้านครัวเหนือ ผ่านความเชื่อทางศาสนา ตำนานนิทาน และสุภาษิต (หน้า 11-12) จากการวิเคราะห์ของผู้วิจัย ญาติผู้ใหญ่ เช่น ปู่ย่าตายายและพ่อแม่ของเด็ก ได้ถ่ายทอดความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา อิสลามที่ได้จากโรงเรียนสอนศาสนา หรืออิหม่ามไปสู่เด็ก เรื่องที่นำมาเล่าหรือสอนให้เด็กมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับให้ทำความดี และหลีกเลี่ยงความเชื่อ แต่ในงานนี้ผู้วิจัยไม่ได้วิเคราะห์ให้เห็นว่าการเลี้ยงดูเด็กในลักษณะดังกล่าวได้ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็กมุสลิมอย่างไรบ้าง (หน้า 139-172)

Ethnic Group in the Focus

ไทยมุสลิมในชุมชนบ้านครัวเหนือ ซอยพญานาค ถนนเพชรบุรี เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร โดยเน้นศึกษาจากครอบครัวกลุ่มตัวอย่างที่มีเด็กช่วงอายุไม่เกิน 15 ปี (หน้า 4)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ชุมชนบ้านครัวเหนือเป็นชุมชนมุสลิมที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณ 200 ปีเศษ เดิมเรียกว่าหมู่บ้านอาสาจาม เพราะว่าบรรพบุรุษของมุสลิมชุมชนนี้ได้อพยพจากประเทศเขมร มาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเลียบคลองมหานาคเขตพญาไท รวมด้วยกัน 4 กลุ่ม มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันคือ กลุ่มที่อยู่ด้านทิศตะวันออกเรียกว่า พุมมะเปรียง กลุ่มที่อยู่ด้านทิศตะวันตกเรียกว่าเปรมสล๊อก กลุ่มที่อยู่ตรงกลางเรียกว่า พุมมะปรางค์ และอีกกลุ่มหนึ่งข้ามลำคลองไปอยู่ฝั่งใต้เขตปทุมวันเรียกว่า พุมมะเปรย แต่ครั้งก่อนนั้นชุมชนดังกล่าวอยู่ในตำบลประแจจีน (ปัจจุบันเรียกว่า ตำบลถนนเพชรบุรี) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมีอาชีพทอผ้าไหมและมีความชำนาญในการเดินเรือ ช่างตีดาบ ย้อมผ้า ทอดแหจับปลา ย่างปลาต่าง ๆ รวมทั้งปลาร้า ปลาบูดู ในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ เกิดศึกสงครามพม่ายาตราทัพ แยกย้ายเข้าตีหัวเมืองต่าง ๆ ถึง 9 ทัพ ชาวชุมชนแห่งนี้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยาม จึงพร้อมใจกันอาสาสมัครเข้าร่วมรบ จนได้รับชัยชนะ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินนอกคูเมืองให้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ฝังศพไทยมุสลิม มาจนถึงทุกวันนี้ (หน้า 15)

Settlement Pattern

สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของชุมชนบ้านครัวเหนือ เป็นชุมชนค่อนข้างจะมีความแออัด อยู่เรียงรายริมคลองมหานาค (ภาพหน้า16) มีถนนเจริญผลตัดผ่านกลางชุมชนทิศตะวันตกของฝั่งถนน คือ ชุมชนพระยายังและชุมชนบ้านครัวใต้ ส่วนทางฝั่งตะวันออก คือชุมชนบ้านครัวเหนือ พื้นที่ทั้งหมดประมาน 50 ไร่ โดยชุมชนทั้งหมดสร้างบ้านโดยใช้ไม้เป็นหลัก มีทั้งบ้านไม้ 2 ชั้น บ้านไม้ชั้นเดียว แต่ยกพื้นสูงและบ้านไม้ชั้นเดียวไม่ยกพื้น เนื่องจากได้ปลูกสร้างมาเป็นเวลานานจึงมีสภาพทรุดโทรม ประชาชนได้รับความยากลำบาก และขาดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่าง ๆ ที่ถูกสุขลักษณะ จนกระทั่งการเคหะแห่งชาติได้เข้ามาปรับปรุงชุมชนแห่งนี้ การประกอบด้วย ทางเดินเท้าคอนกรีตเสริมเหล็ก ทางเท้าไม้ทั้งชุมชน การปรับปรุงระบบไฟฟ้า ระบบประปาทั่วชุมชน การจัดสร้างศูนย์ชุมชนในลักษณะของศูนย์อเนกประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้อยู่อาศัยในชุมชน และเป็นสถานที่ทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาชุมชน (หน้า 17-20)

Demography

ไม่ระบุจำนวนประชากรในชุมชน แต่ระบุสัดส่วนว่ามีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวน 65 % ศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ๆ ประมาณ 35 % (หน้า 20-21)

Economy

จากอดีตตั้งแต่เริ่มอาชีพของไทยมุสลิมในชุมชนบ้านครัวเหนือทำกันมากที่สุด คืออาชีพทอผ้าไหมซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชน ซึ่งยังมีบทบาททางด้านเศรษฐกิจของชุมชนนี้อยู่มาก แทบทุกครัวเรือนจะยังมีการทอผ้าไหมเพียงแต่ไม่มีจำนวนมากนักเหมือนในอดีต ส่วนอาชีพรองอื่นๆ ที่มีทำกันในอดีต คือ การประมง การเป็นลูกจ้างเรือเดินทะเล อาชีพค้าขายและบางส่วนก็เข้ารับราชการ ในปัจจุบันชุมชนบ้านครัวเหนือสวนใหญ่ นิยมให้บุตรหลานได้เล่าเรียนมีการศึกษาในระดับสูงขึ้นจากในอดีตที่ผ่านมา ฉะนั้นอาชีพของมุสลิมของชุมชนนี้ในปัจจุบันมีความหลากหลายออกไปจากอดีตมาก คือ ทั้งอาชีพรับราชการ การเป็นครู อาจารย์ ตำรวจ ทหารหรือทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เอกชนต่าง ๆ และบางส่วนก้ทำการค้าขาย ทั้งเป็นเจ้าของกิจการเองและเป็นลูกจ้าง (หน้า 36)

Social Organization

ในอดีตการเลือกคู่ครองของมุสลิมในชุมชนบ้านครัวเหนือมีพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นผู้กำหนดคู่ครองให้กับลูกหลาน แต่ในปัจจุบันลักษณะของการเลือกคู่ครองของไทยมุสลิม ชุมชนบ้านครัวเหนือได้เปลี่ยนไปจากอดีต หนุ่มสาวต่างก็มีโอกาสที่จะเลือกคู่ครองกันได้ตามความต้องการ แต่ต้องถือปฏิบัติตามบทบัญญัติของคัมภีร์อัล-กุรอาน คือ ต้องแต่งงานกับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น ปัจจุบันผู้ชายไทยมุสลิมชุมชนบ้านครัวเหนือส่วนใหญ่จะมีภรรยาเพียงคนเดียว (Monogamy) แม้ว่าในศาสนาอิสลามผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ถึง 4 คน ทั้งนี้เป็นเพราะสภาพปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และกฎหมายไทยระบุว่าผู้ชายสามารถมีภรรยาได้เพียงหนึ่งคน ส่วนหลังแต่งงานแล้วหนุ่มสาวส่วนมากจะแยกครอบครัวออกไประยะหนึ่งก่อน ลักษณะการตั้งครอบครัวเป็นแบบเลือกได้ทั้งสองฝ่าย (Bilocal) กล่าวคือ บ่าวสาวสามารถที่จะอยู่ร่วมกับครอบครัวของญาติทางฝ่ายชาย (Patrilacal) หรืออยู่กับครอบครัวของฝ่ายหญิง (Matrilocal) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน ระบบครอบครัว (Family) ของไทยมุสลิมชุมชนบ้านครัวเหนือในปัจจุบัน พบว่า ประกอบด้วยสมาชิกภายในครอบครัว 3 รุ่น (Generations) ซึ่งได้แก่ รุ่นปู่ย่าตายาย รุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูก ๆ โดยอาศัยอยู่ในบ้านเรือนเดียวกันในลักษณะครอบครัวรวม และมีระบบเศรษฐกิจร่วมกัน (The stem family) ดังนั้น ความสัมพันธ์กับเครือญาติโดยเฉพาะปู่ย่าตายาย หรือลุงป้าน้าอายังคงมีอยู่มากพอสมควร ซึ่งบางครอบครัวนอกจากจะอาศัยอยู่ร่วมกันแล้ว ยังประกอบอาชีพร่วมกันด้วย (หน้า 24-35)

Political Organization

การจัดองค์การทางสังคมและการปกครองของชุมชนบ้านครัวเหนือ แบ่งเป็นชุมชนย่อยชุมชนหนึ่งของชุมชนกิ่งเพชร ซึ่งประกอบด้วย 3 ชุมชนย่อย อันได้แก่ ชุมชนบ้านครัวเหนือ ชุมชนบ้านครัวใต้ และชุมชนพระยายัง ตั้งอยู่ในเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ในความควบคุมดูแลของที่ทำการเขตพญาไทย องค์กรทางสังคมของชุมชนบ้านครัวเหนือ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ คณะกรรมการชุมชน ซึ่งจะถูกเลือกขึ้นมาประสานงานเมื่อมีการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ด้านการบริหารชุมชน และโต๊ะอิหม่าม ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางด้านศาสนากิจของศาสนาอิสลาม โดยมีสุเหร่าหรือมัสยิดเป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจ(หน้า 21-24)

Belief System

ในการประพฤติปฏิบัติตนของเด็กในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เริ่มตื่นนอนในตอนเช้าจนกระทั่งถึงเวลานอนในยามค่ำคืนนั้น ศาสนาอิสลามได้เข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมของเด็กอย่างมาก เนื่องจากศาสนาอิสลาม มีทั้งบทบัญญัติทั้งที่เป็นหลักจริยธรรม หลักคำสอน และหลักปฏิบัติตนในการเป็นมุสลิมที่ดีไว้อย่างละเอียดครบถ้วน ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่พบว่าเนื้อหาสาระในคติชนประเภทต่าง ๆ ที่ปรากฏในการอบรมเลี้ยงดูเด็กไทยมุสลิม ชุมชนหมู่บ้านครัวเหนือ เช่น คติชนประเภทตำนาน นิทาน สุภาษิต คำพังเพย หรือคติสอนใจ และความเชื่อต่าง ๆ จึงมีเรื่องราวของศาสนาอิสลามเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังความศรัทธาและความเข้าใจในศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง เด็กในชุมชนบ้านครัวเหนือจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามทุกวันในเวลาเรียน เพื่อศึกษาเรื่องราวทุกอย่างของศาสนาอิสลามจากมัสยิดของชุมชน ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่า ชีวิตของเด็กไทยมุสลิมทุกคน มีความผูกพันกับศาสนาอิสลามอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากการศึกษาศาสนาจากโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามโดยตรง และจากการอบรมสั่งสอนและการถ่ายทอดเรื่องราวทางศาสนาอิสลามในรูปแบบต่าง ๆ โดยพ่อแม่ญาติพี่น้อง ดังนั้นศาสนาอิสลามจึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดและโลกทัศน์ของเด็ก บทบัญญัติทางศาสนาอิสลามเปรียบเสมือนเป็นแบบแผผน หรือแนวทางมาตรฐานสำหรับเด็กที่จะต้องประพฤติปฏิบัติตามนั้น (หน้า 46-48)

Education and Socialization

การศึกษาของไทยมุสลิมบ้านครัวเหนือแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ การศึกษาตามระบบการศึกษาของรัฐบาล ไทยมุสลิมชุมชนบ้านครัวเหนือทุกคนต้องผ่านการศึกษาในภาคบังคับ คือ ระดับประถมศึกษา และการศึกษาศาสนาและคัมภีร์อัล-กุลอาน ซึ่งเด็กทุกคนจะต้องเรียนศาสนาในช่วงเย็นของทุกวัน ที่โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม หรือที่มัสยิดของชุมชน หลังจากกลับจากโรงเรียนแล้ว (หน้า 44-48) การศึกษาศาสนาอิสลามในชุมชนบ้านครัวเหนือ แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นต้น ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับชั้นประถม 1-4 การศึกษาในชั้นนี้เป็นการศึกษาการอ่านคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ นอกจากนี้ ยังศึกษาถึงประวัติของศาสดาแต่ละองค์ และแนวทางปฏิบัติ จริยธรรมทางศาสนา เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตนให้เป็นมุสลิมที่ดี และอีกระดับคือ การศึกษาชั้นวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการศึกษาศาสนาในชั้นสูง การศึกษาในชั้นนี้ทางชุมชนบ้านครัวเหนือได้มีทุนสำหรับศึกษาต่อในต่างประเทศ เช่น ประเทศอียิปต์ (ไคโร) ลิเบียและซาอุดิอาระเบีย (หน้า 83-84)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

สำหรับเรื่องของการแต่งกายของผู้ชายนั้น มีข้อกำหนดว่าอย่าสวมใส่ ผ้าไหม และเสื้อผ้าที่ปักด้วยไหม เครื่องประดับต่าง ๆ เช่น เงิน ทอง และเสื้อผ้าไหมนั้นอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะผู้หญิงแต่ไม่อนุญาตสำหรับผู้ชาย ฉะนั้นสำหรับผู้ชายส่วนที่ไม่ควรเปิดเผย คือ ส่วนที่อยู่ระหว่างสะดือกับสะบ้า หัวเข่า ส่วนผ้าไหม ผ้าที่ปักด้วยไหมและเครื่องประดับจำพวกทองเป็นสิ่งที่ต้องห้ามสำหรับผู้ชายในการสวมเช่นกัน ความสำคัญของการแต่งกายอยู่ที่จะต้องสุภาพ ถูกต้อง และสะอาด ส่วนเวลาละหมาด ผู้ชายจะต้องไม่ปล่อยให้ผมตกลงมาปรกหน้าผาก มิฉะนั้นเวลาก้มกราบส่วนหน้าผากจะไม่สัมผัสกับพื้น ดังนั้นจึงมีการป้องกันผมปรกหน้าผากโดยการสวมหมวก สำหรับการแต่งกายของผู้หญิงมุสลิมนั้น ที่ถูกต้องจริง ๆ คือการเปิดเฉพาะใบหน้าและฝ่ามือ นอกนั้นจะต้องปกปิดให้มิดชิดจากสายตาผู้อื่น (หน้า 54)

Folklore

ในการวิจัย ผู้ศึกษาได้จัดประเภทของคติชนที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทยมุสลิม ชุมชนบ้านครัวเหนือดังนี้ 1. ตำนานความเชื่อต่างๆ ได้แก่ ตำนานบรรพบุรุษของชุมชน ตำนานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม ซึ่งมีทั้งในส่วนของประวัติ และการอธิบายเหตุผลของปรากฏการณ์ และข้อปฏิบัติตนบางประการของมุสลิม ตลอดจนตำนานความเชื่อในเรื่อง นรก สวรรค์และเรื่องบุญ บาป 2. นิทานคติธรรม ทั้งในส่วนที่เป็นวัฒนธรรมอิสลาม และนิทานคติธรรมที่ได้รับมาจากวัฒนธรรมไทยพุทธ 3. สุภาษิต คำพังเพย และคติสอนใจต่าง ๆ ทั้งในส่วนของวัฒนธรรมอิสลามและที่ได้รับจากวัฒนธรรมไทยพุทธ 4. เพลงกล่อมเด็ก ทั้งที่เป็นภาษาเขมรและในส่วนที่รับมาจากวัฒนธรรมไทยพุทธ 5. ความเชื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทยมุสลิม คติชนแต่ละประเภทที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน พบว่ามีจำนวนไม่มากนัก แต่คติชนเหล่านี้ได้มีการนำมาใช้ในการอบรมเลี้ยงดูเด็กในสังคมไทยมุสลิมชุมชนบ้านครัวเหนือเป็นอย่างแพร่หลาย คติชนได้สะท้อนให้เด็กได้เรียนรู้ถึงค่านิยม ทัศนคติ บรรทัดฐานทางสังคม ตลอดจนโลกทัศน์ที่มีต่อกลุ่มชนของตนในแง่มุมต่าง ๆ อันจะเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะในส่วนที่เก็บรวบรวมมานี้ เป็นส่วนที่มุสลิมในชุมชนรู้จักกันเป็นอย่างดี และมักจะนำมาถ่ายทอดให้กับลูกหลานตนอยู่เสมอ (หน้า 111)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

อิทธิพลจากการที่มีการติดต่อสัมพันธ์กับสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งจากการศึกษา และการประกอบอาชีพจึงส่งผลให้มีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นภายในชุมชนบ้านครัวเหนือ โดยเฉพาะวัฒนธรรมของไทยพุทธที่อยู่อาศัยในชุมชนและบริวเณใกล้เคืยง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคมและวัฒนธรรมภายในชุมชนบ้านครัวเหนือ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมตามความเหมาะสม สภาพการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของไทยมุสลิม ชุมชนบ้านครัวเหนือพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำเนินชีวิตไปจากอดีตในหลายด้าน เนื่องจากชุมชนมุสลิมแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอยู่ใจกลางสังคมเมือง ฉะนั้นจึงได้รับอิทธิพลจากการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะจากวัฒนธรรมของไทยพุทธ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของไทยมุสลิมเป็นอย่างยิ่ง เช่น รูปแบบการแต่งงานที่ปัจจุบันผู้ชายในชุมชนบ้านครัวเหนือสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียว จากบทบัญญัติของศาสนาอิสลามที่ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ถึง 4 คน ทั้งนี้ เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจและกฎหมายของไทยได้ระบุไว้อย่างนั้น เป็นต้น (หน้า 52-53)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพ สภาพแวดล้อมริมคลองมหานาค (หน้า 16)

Text Analyst วศิน เชี่ยวจินดากานต์ Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG ไทยมุสลิม, คติชนวิทยา, การอบรมเลี้ยงดูเด็ก, บ้านครัว, กรุงเทพมหานคร, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง