|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ม้งอพยพ,วัฒนธรรม,ดนตรี,อัตลักษณ์ชาติพันธุ์,ออสเตรเลีย |
Author |
Catherine Falk |
Title |
The Private and Public Lives of the Hmong Qeej and Miao Lusheng |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
30 |
Year |
2547 |
Source |
The Hmong of Australia: Culture and Diaspora. Edited by Nicholas Tapp and Gary Yia Lee. Canberra: Pandanus Books. |
Abstract |
บทความนี้กล่าวถึงการรับรู้และการเล่นเก้งของม้งในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งได้แก่ พิธีศพ และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งได้แก่ การเล่นในโอกาสอื่นนอกบ้าน เช่น จีบสาว การเล่นในพื้นที่ทั้งสองแห่งมีข้อกำหนดต่างกัน การเล่นเก้งม้ง ผู้เล่นต้องเป่าและเต้นไปพร้อมกัน ในพิธีศพผู้เล่นต้องเป่าและเคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกต้องตามเวลา เสียงแคนที่เป่าเป็นการสื่อสารบอกการเดินทางไปสู่โลกบรรพบุรุษให้แก่วิญญาณผู้ตาย ซึ่งคนมีชีวิตไม่สามารถเข้าใจได้ ซึ่งต่างจากการเล่นเพื่อความสนุกสนานผู้เล่นมีอิสระในการเป่าและเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่า โดยผู้เขียนเห็นว่า การเล่นเพลงแห่งความตายที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเป็นม้ง รวมทั้งแยกคนม้งออกจากคนอื่น |
|
Focus |
ศึกษาการเล่น “เก้ง” (qeej) ของม้งอพยพในออสเตรเลียว่าเกี่ยวกับความคิด/การสร้างอัตลักษณ์ของม้งในโอกาสสถานการณ์ต่างๆ ที่ม้งแสดงว่าได้รับรู้ว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มน้อยและชายขอบในออสเตรเลีย (หน้า 124) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนนำแนวคิดเรื่องพื้นที่มาใช้อธิบายการเล่น “เก้ง” ของม้ง โดยเสนอว่า “เก้ง”ครอบครองพื้นที่ 2 แห่ง พื้นที่แห่งแรกสำหรับหูและตาเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างพิธีศพภายในบ้าน เป็นพื้นที่ส่วนตัว ส่วนพื้นที่แห่งที่สองเป็นที่เปิดโล่งสาธารณะ นอกบ้าน (หน้า123) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงลักษณะภาษาโดยตรง แต่ใช้การศึกษาลักษณะภาษาม้งของ Jarkey มาสนับสนุนวัฒนธรรมการเล่น “เก้ง” ของม้งว่า ท่าทางการเคลื่อนไหวกับการเป่า “เก้ง”ไม่สามารถแยกจากกันได้ ผู้เขียนอธิบายว่า คำ ‘dhia tshov qeej’ หมายถึง การเต้นและเป่าเก้ง ซึ่งการกระทำ 2 อย่างจะถูกอธิบายโดยวางคำกริยา 2 คำไว้ติดกันในอนุประโยคเดียวกัน การกระทำนี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ที่ประกอบด้วยเรื่อง 2 เรื่อง Nws dhia tshov qeej 3sg dance blow bamboo pipes. ‘He dances (while) playing the pipes.’ จากประโยค แม้จะดูเหมือนมีการกระทำ 2 อย่างต่างกัน แต่สำหรับม้งแล้ว การกระทำทั้งสองนั้นไม่สามารถแยกจากกันได้ เมื่อใดก็ตามที่เล่นหรือเป่าแคน เท้าและร่างกายของผู้เล่นจะต้องเคลื่อนไหวโยกไปมา การเล่น/เป่าและการเต้นจึงไม่ใช่เหตุการณ์ 2 อย่าง แต่เป็นเหตุการณ์เดียว ทั้งนี้เห็นได้จากประโยคที่สามารถใช้คำกริยา dhia (dance) กับสถานการณ์นี้ได้โดยลำพัง Nws dhia qeej 3sg dance bamboo pipes. ‘He dances the pipe.’ (หน้า 127) |
|
Belief System |
“เก้ง” ในพิธีศพ ในงานศพ ม้งใช้เสียง “เก้ง” สั่งสอนเรื่องความตายและการเดินทางไปยังโลกบรรพบุรุษแก่วิญญาณผู้ตาย (หน้า 125) โดยจะบอกทางแก่วิญญาณผู้ตายด้วยภาษากวี คนเรียนรู้บทกวีแห่งความตายเหล่านี้ในฐานะที่มันเป็น “เพลงแห่งความคิด” (‘thought-songs’) ซึ่งถูกแปลงไปเป็นภาษาเก้งที่ใช้เสียงสูง-ต่ำสร้างรหัสเสียงวรรณยุกต์ในกระบวนการแทนที่คำพูด (a process of speech surrogacy) ในแง่นี้เสียงเก้งในพิธีศพจึงไม่ใช่ ”เพลง” (‘music’) แต่เป็นชุดของคำสอนหรือเพลงสอน (a didactic liturgy) เนื้อเพลงจะนำพาวิญญาณจากโลกนี้ไปยังโลกที่อยู่ของบรรพบุรุษซึ่งผูกพันคนรุ่นอดีต ปัจจุบันและอนาคตเข้าด้วยกัน การเล่นเพลงแห่งความตายที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเป็นม้ง(being Hmong)รวมทั้งแยกคนม้งออกจากคนอื่น (หน้า 128-129) คำสอนใน “เก้ง” มีเฉพาะผู้ที่อยู่ในโลกอื่นเท่านั้นที่เข้าใจ ส่วนคนมีชีวิตนั้น เสียงของเก้งเป็น “เสียงรบกวนหนวกหู” (‘noise’) ความหมายของข้อความถูกซ่อนเร้นเพื่อป้องกันมิให้ขวัญ/วิญญาณคนมีชีวิตติดตามการเดินทางแห่งความตายของวิญญาณผู้ตายโดยไม่ตั้งใจ ข้อความได้ถูกซ่อนเร้นจากคนเพื่อรักษาชีวิตของคนเป็นและซ่อนเร้นจากคนภายนอกหรือศัตรูเพื่อรักษาเอกภาพของอัตลักษณ์ม้ง เนื้อหาของเพลงงานศพทั้งการร้องและการเล่นยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นในทุกๆ แห่งที่มีคนม้งรวมทั้งในประเทศตะวันตก พิธีศพม้งจึงยังเป็นการรับรองความเป็นม้งที่มีพลังอยู่ (หน้า 129) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ลักษณะของเก้ง “เก้ง” ต่างจาก “แคน” ของจีนและชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาติอื่นๆ ส่วนที่เรียกว่า อก สำหรับเป่าทำจากไม้ (a wooden wind chest) ไม่ใช้น้ำเต้า (a gourd, wind chest) และขณะเป่า ตำแหน่งการวางลำตัวแคนจะทำมุมตั้งฉากกับตัวผู้เล่น ไม่ขนานกับผู้เล่น (หน้า 126) ลักษณะการเล่น ขณะเป่าเก้ง ผู้เป่าจะเต้น เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วย ท่าทางของผู้เล่นจะต่างกันตามโอกาสสถานการณ์ (หน้า 126) ในพิธีศพกับในที่สาธารณะผู้เล่นจะมีท่าทางเคลื่อนไหวร่างกายต่างกัน ในพิธีศพ ผู้เล่นต้องเต้นเคลื่อนไหวท่าทางในเวลาที่ถูกต้องแน่นอน ได้แก่ การคุกเข่าและการเดินใต้กลองที่แขวนไว้ ซึ่งท่าทางเหล่านี้มีความหมายเฉพาะ ต้องทำด้วยความเคารพ (หน้า 127) แต่ในงานรื่นเริงและในโอกาสอื่นๆ ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหว หมุนตัว หกคะเมน ตีลังกาและแสดงโลดโผนได้ (หน้า 126) ลักษณะของเพลงแห่งความตายเป็นเสียงผสมกันของเครื่องเป่ากับกลอง เสียงสูงต่ำเป็นลูกคู่ (semantically burdened pitches) เสียงสูงต่อเนื่อง (upper drone) การเล่นบทเพลงท่อนที่เรียกคนตายซ้ำๆ กัน และการเล่นทำนองเพลงที่เป็นประโยคเฉพาะพิธีศพ ลักษณะของเพลงเช่นนี้แยกเพลงเพื่อความตายออกจากเพลงที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน (qeej ua si) (หน้า 130) |
|
Folklore |
จากตำนาน ภาพและเอกสารแสดงให้เห็นว่า ในประเทศจีนมีเครื่องดนตรีประเภทเก้งที่ทำจากต้นอ้อต้นไผ่ (multiple-piped free reed instrument) มาหลายพันปีแล้ว แม้จะไม่มีข้อพิสูจน์อายุของเครื่องดนตรีม้ง แต่เรื่องเล่าม้งเกี่ยวกับที่มาของเก้งม้งก็กล่าวถึงหน้าที่ของเก้งในฐานะที่เป็นแหล่งความรู้และพลังอำนาจในการรวมเสียงของผู้คนที่สิ้นหวัง เรื่องเล่าเหล่านั้นยังบอกถึงการประดิษฐ์เครื่องดนตรีนี้ ณ จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ม้ง ส่วนมากในเรื่องเล่ากำเนิดม้งกล่าวว่า การสร้างเก้งตัวแรกเป็นพิธีเริ่มของแหล่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า คือ Suab หรือผู้ช่วยเทพเจ้า คือ มังกร แสดงวิธีการจัดพิธีแต่งงานและพิธีศพที่ใช้เก่งให้แก่คนม้ง เมื่อความรู้ในรูปของหนังสือและตัวอักษรได้สูญหายไปในช่วงเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ (หน้า 128) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เก้งกับอัตลักษณ์ม้ง ผู้เขียนเห็นว่า อาจนำบทบาทของเก้งมาใช้แบ่งกลุ่มม้งได้เป็น ‘raw’(sheng) กับ ‘cooked’(shu) ตามการแบ่งของจีน นั่นคือ การเล่นเก้งในพื้นที่ส่วนตัว(พื้นที่ผู้ฟังเป็นกลุ่มเฉพาะ)แสดงถึงการเป็น ‘raw’(sheng) หรือคนที่ไม่ถูกผสมกลมกลืน เป็นคนต่อสู้ ขณะที่การเล่นแคนในที่สาธารณะแสดงการเป็น ‘cooked’(shu) Miao เป็นคนที่ถูกสังคมที่มีอำนาจเหนือกว่าผสมกลมกลืน (หน้า 125-126) เก้งที่ปรากฏนอกบ้านทั้งสำหรับผู้ชมที่เป็นทั้งคนม้งและไม่ใช่คนม้งมีความหมายหลายอย่าง เช่น การเล่นเพื่อจีบสาว (a ‘girl-catcher’) แสดงความเป็นม้งร่วมกัน (an emblem of pan-Hmongness) เป็นสัญลักษณ์เชิงการตลาดและสินค้าที่แปลกของกลุ่มชาติพันธุ์(a marketable and commodifed symbol of ethnic exoticism) เป็นเครื่องมือแห่งการอยู่รอดทางวัฒนธรรมและการศึกษาในหมู่ม้งที่อยู่ในประเทศตะวันตก (หน้า 125) |
|
|