|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ผู้ลาว โซ่ง ไตดำ,วิถีชีวิต,ความเชื่อ,พิธีกรรม,ชุมชน,เพชรบุรี |
Author |
สุมิตร ปิติพัฒน์, บัณฑร อ่อนดำ, พูนสุข ธรรมาภิมุข |
Title |
ลาวโซ่ง : รายงานการวิจัย |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
88 |
Year |
2521 |
Source |
แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
รายงานการวิจัย "ลาวโซ่ง" ฉบับนี้ ศึกษาลาวโซ่งในแง่มุมต่างๆ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของลาวโซ่ง ชุมชนและสภาพเศรษฐกิจของลาวโซ่งที่บ้านดอนทราย พื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรม แบบแผนการดำเนินชีวิตและวัฏจักรชีวิตของลาวโซ่ง ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา โดยเลือกศึกษาชุมชน ลาวโซ่งในหมู่บ้านดอนทราย ต.ทับคาง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ผลการวิจัยพบว่า ลาวโซ่งเป็นกลุ่มไทโบราณกลุ่มหนึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย (ปัจจุบันคือเวียดนามเหนือตอนที่เชื่อมต่อกับลาวและจีนตอนใต้) ถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลาวโซ่งหมู่บ้านดอนทรายซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นนี้มีระบบเศรษฐกิจแบบชาวไร่ชาวนา (Peasant Community) มีอาชีพเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ พืชที่เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวเจ้าเกือบทั้งหมด พันธุ์ข้าวที่ใช้เกือบทั้งหมดเป็นพันธุ์พื้นบ้าน ผลผลิตข้าวต่อไร่ของชาวบ้านเฉลี่ยไร่ละ 28.7 ถัง ส่วนสัตว์เลี้ยง ชาวบ้านนิยมเลี้ยงเป็ด ไก่ เพื่อบริโภคในครัวเรือน เมื่อเหลือจึงนำออกขาย ส่วนอาชีพเสริมอื่นๆ ของชาวบ้านดอนทรายมีทั้งการเป็นแรงงานรับจ้าง ค้าขาย รับราชการ ทำไร่ ระบบสังคมของลาวโซ่งแบ่งชนชั้นออกเป็น 2 กลุ่ม คือ "พวกเจ้า" หรือ "ผู้ท้าว" และ "พวกคนธรรมดา" หรือ "ผู้น้อย" ดั้งเดิม แต่ปัจจุบันไม่มีความแตกต่างทางสังคม ระบบครอบครัวเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) คือ ลูกชายพาภรรยาไปตั้งบ้านเรือนใหม่ของตนเอง พ่อเป็นผู้มีอำนาจและเป็นผู้นำการสืบสกุลจะนับทางฝ่ายพ่อ (Patrilineal) แบบแผนชีวิตของลาวโซ่งล้วนมีพิธีกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะลาวโซ่งเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ในโลกอยู่ใต้อำนาจของผีและสิ่งเหนือธรรมชาติ ชีวิตคนจึงเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผีต่างๆ ทั้งผีดีและผีร้าย ดังนั้นลาวโซ่งจึงต้องบูชาเซ่นไหว้ผีอยู่เสมอ ปัจจุบันพิธีกรรมทางศาสนาหลายอย่างเริ่มห่างหายไปจากสังคมของลาวโซ่งตามสภาพสังคมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว |
|
Focus |
ศึกษาแบบแผนทางวัฒนธรรมของลาวโซ่ง โดยเฉพาะพิธีกรรมและความเชื่อทางศาสนา (หน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ศึกษาชุมชน "ลาวโซ่ง" ในหมู่บ้านดอนทราย ต.ทับคาง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ส่วนการศึกษาเกี่ยวกับระบบความเชื่อได้เก็บข้อมูลหมู่บ้านลาวโซ่งอื่นๆ ใน ต.หนองปรง และต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และหมู่บ้านลาวโซ่งบางหมู่บ้านใน จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครปฐม (หน้า ก, 1-2) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ลาวโซ่งมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเองคือ "ภาษาลาวโซ่ง" หรือภาษาไทดำ จัดอยู่ในตระกูลภาษาไท (Tai Family) สาขาตะวันตกเฉียงใต้ (Southwestern Branch) ลาวโซ่งจะใช้ภาษาตนเองสื่อสารกับลาวโซ่งด้วยกัน ส่วนภาษาไทยใช้ติดต่อกับคนภายนอก (หน้า 20) |
|
Study Period (Data Collection) |
ใช้เวลาเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 - 2520 (หน้า ก) |
|
History of the Group and Community |
ลาวโซ่งเป็นกลุ่มไทโบราณกลุ่มหนึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย (ปัจจุบันคือเวียดนามเหนือตอนที่เชื่อมต่อกับลาวและจีนตอนใต้) เดิมเรียกกันว่าไทยดำ หรือ "ผู้ไทยดำ" (Black Tai) ถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมไปถึงเมืองสิบสองจุไทยก็ตกเข้ามาอยู่ในอิทธิพลของอาณาจักรสยามด้วยเช่นกัน สาเหตุของการอพยพมาจากการทำสงครามในอดีตที่เมืองสิบสองจุไทยซึ่งอยู่ในความดูแลของเมืองหลวงพระบางแต่กลับแข็งข้อ จึงถูกยกทัพไปตีและกวาดต้อนผู้คนจากเมืองสิบสองจุไทยเพื่อควบคุมกำลังไว้ในอาณาจักรสยาม (หน้า 2-8) |
|
Settlement Pattern |
ลาวโซ่งตั้งถิ่นฐานเป็นหมู่บ้านกระจุกและกระจายตัวอยู่ในเขต จ.เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี (หน้า 1) ลาวโซ่งที่อพยพเข้ามาในไทยรุ่นแรกๆ ได้ตั้งบ้านเรือนที่หนองปรง (หรือหมู่บ้านหนองเลา) ส่วนกลุ่มที่อพยพเข้ามารุ่นหลังสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านท่าแร้ง อ.บ้านแหลม ต่อมาลาวโซ่งใน จ.เพชรบุรี อพยพไปหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินใหม่ในแถบ จ.ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม บางกลุ่มก็อพยพขึ้นไปทางเหนือ เช่น จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก กาญจนบุรี ลพบุรี และสระบุรี (หน้า 8-9) ลักษณะบ้านของลาวโซ่งเดิมเป็นบ้านทรงสูง ใช้เสาไม้ขนาดใหญ่รองรับ ไม่ใช้ตะปูหรือเครื่องยึดเหนี่ยว ใช้หญ้าคามุงหลังคา บนตัวบ้านจะไม่กั้นห้อง แต่กั้นตรงมุมห้องบริเวณเสาเอกของบ้านให้เป็น "กะล่อหอง" หรือห้องผีเรือน (หรือ "กวงเฮือน") ลักษณะของบ้านลาวโซ่งดั้งเดิมไม่มีประตูหน้าต่าง ใต้ถุนบ้านไว้ใช้เลี้ยงสัตว์ เช่น หมู ควาย ไก่ เก็บเครื่องใช้ในการทำนาและจับปลา เป็นต้น (หน้า 84-86) ส่วนลักษณะของหมู่บ้านดอนทรายเป็น "หมู่บ้านเป็นเส้นยาว" (Line Village) คือบ้านเรือนขนานไปกับความยาวของถนนทั้ง 2 ข้าง ส่วนพื้นที่ทำกินอยู่หลังหมู่บ้านออกไปทั้งสองด้าน การตั้งบ้านเรือนเป็นทั้งแบบห่างกันและติดกันการตั้งถิ่นฐานเป็นแบบถาวร (หน้า 10-11) |
|
Demography |
หมู่บ้านดอนทรายมีประมาณ 167 ครัวเรือน จำนวนประชากรประมาณ 1,336 คน (หน้า 11) |
|
Economy |
ชาวบ้านหมู่บ้านดอนทรายมีที่ดินเฉลี่ยครอบครัวละ 25 ไร่ มีระบบเศรษฐกิจแบบชาวไร่ชาวนา (Peasant Community) คือ มีอาชีพเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ พืชที่เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวเกือบทั้งหมด โดยสัดส่วนของข้าวเจ้ามีสูงถึง 90% ส่วนข้าวเหนียวมี 10% พันธุ์ข้าวที่ใช้เกือบทั้งหมดเป็นพันธุ์พื้นบ้าน ชาวบ้านใช้ปุ๋ยเพาะปลูกถึงร้อยละ 89 ในจำนวนของผู้ที่ใช้ปุ๋ยมีผู้ใช้ปุ๋ยคอกร้อยละ 69 และปุ๋ยเคมีร้อยละ 31 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของดินในหมู่บ้านไม่ดีนัก เครื่องมือทางการเกษตรของหมู่บ้านมีทั้งแบบเก่า (เคียว เสียม จอบ) และแบบใหม่ (เครื่องสูบน้ำ เครื่องนวดข้าว เครื่องสีข้าว) ชาวบ้านมีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องมือทางการเกษตรแบบใหม่มากขึ้นทั้งชนิดและปริมาณ ผลผลิตข้าวต่อไร่ของชาวบ้านเฉลี่ยไร่ละ 28.7 ถัง ส่วนสัตว์เลี้ยง ชาวบ้านนิยมเลี้ยงเป็ด ไก่ เพื่อบริโภคในครัวเรือน เมื่อเหลือจึงนำออกขาย ส่วนอาชีพเสริมอื่นๆ ของชาวบ้านดอนทรายมีทั้งการเป็นแรงงานรับจ้าง ค้าขาย รับราชการ ทำไร่ (หน้า 13-19) |
|
Social Organization |
เนื่องจากลาวโซ่งสืบเชื้อสายและวัฒนธรรมมาจากสังคมไทดำซึ่งจำแนกคนออกเป็น 2 ชนชั้นใหญ่ๆ คือ "ผู้ท้าว" หรือพวกที่เป็นเจ้านาย มีอำนาจในการปกครอง และ"ผู้น้อย" หรือผู้ที่ถูกปกครอง ลาวโซ่งจึงมีความคิดเรื่อง "ผู้ท้าว" และ "ผู้น้อย" อยู่ แม้ว่าในชีวิตจริงที่ในหมู่บ้านปัจจุบัน ผู้ท้าวและผู้น้อยไม่ได้แตกต่างดังแต่ก่อน (หน้า 21-22) เดิมระบบครอบครัวลาวโซ่งเป็นแบบครอบครัวขยาย (Extended Family) คือฝ่ายชายนำภรรยาไปอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ของตน หลังจากที่ได้ไปอาสาอยู่บ้านพ่อตาและแม่ยายแล้ว แต่ปัจจุบันระบบครอบครัวเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) คือ ลูกชายพาภรรยาไปตั้งบ้านเรือนใหม่ของตนเอง พ่อเป็นผู้มีอำนาจและเป็นผู้นำการตัดสินใจเรื่องต่างๆ การสืบสกุลจะนับทางฝ่ายพ่อ (Patrilineal) การแบ่งกลุ่มตระกูลคล้ายกับการใช้แซ่ของจีน (หน้า 20-22) ครอบครัวโซ่งให้ความสำคัญกับลูกชายและมากกว่าลูกสาวเพราะลูกชายต้องสืบผีต่อจากพ่อแม่ (หน้า 38, 46) การแต่งงาน โซ่งนิยมแต่งงานเดือน 6 และเดือนคู่ วันแต่งงานของโซ่งเรียกว่า "สง" ในอดีตหนุ่มสาวโซ่งแต่งงานกันเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป ก่อนเข้าพิธีแต่งงานต้องผ่านการเกี้ยวพาราสีกันก่อน โดยทำผ่านประเพณีการละเล่นที่เรียกว่า "การเล่นคอน" และ "การเล่นลูกช่วง" เป็นการเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวได้รู้จักกัน เมื่อถูกใจกันฝ่ายชายก็จะส่งผู้ใหญ่ของตนไปสู่ขอเรียกว่า "ไปส่อง" มีความหมายเท่ากับการหมั้น ฝ่ายชายต้องเตรียมของไปมอบให้กับฝ่ายหญิงสำหรับนำไปไหว้ผีเรือน โซ่งบางกลุ่มไม่นิยมหมั้นแต่จะสู่ขอแล้วทำพิธีแต่งงานเลย ในพิธีเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว ต้องสวม "เสื้อฮี" ในวันแต่งงานจะมีการเลี้ยงอาหารที่บ้านฝ่ายชายตอนเช้ารวมถึงเซ่นผีเรือน พิธีนี้ฝ่ายหญิงจะไม่เข้าไปร่วมพิธี เมื่อได้ฤกษ์ก็จะแห่ขันหมากมาที่บ้านฝ่ายหญิง จะมี "ล่าม" สอนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวว่าต้องปฏิบัติอย่างไรในการเซ่นไหว้ผีเรือนและการครองเรือน การไหว้ผีเรือนเป็นการแนะนำสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวให้ผีเรือนรู้จักเพื่อรับเจ้าบ่าวเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นมีการเลี้ยงอาหารและทำพิธี "กางมุ้ง" (คล้ายกับการปูที่นอนของไทยพุทธภาคกลาง) เป็นอันเสร็จพิธี (หน้า 40-46) |
|
Belief System |
เดิมลาวโซ่งนับถือผีและสิ่งเหนือธรรมชาติ เป็นความเชื่อแบบ Animism คือ เชื่อว่าสิ่งต่างๆ ในโลกอยู่ใต้อำนาจของผีและสิ่งเหนือธรรมชาติ ชีวิตคนจึงเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผีต่างๆ ทั้งผีดีและผีร้าย ผีตามความเชื่อของลาวโซ่งมีดังนี้ (1) "แถน" หรือ "ผีฟ้า" อยู่เมืองสวรรค์ มีอำนาจควบคุมชีวิตมนุษย์ตลอดจนดินฟ้าอากาศ ลาวโซ่งเชื่อว่ามนุษย์เป็นผลผลิตของแถน เมื่อเจ็บป่วยจึงต้องทำพิธีให้แถนช่วยเหลือ (2) "ผีบ้านและผีเมือง" ตามความเชื่อเดิมของลาวโซ่ง จะมีผีสิงสถิตในแต่ละเมืองเพื่อดูแลรักษาคนในเมืองให้มีความสุข เช่นเดียวกับในบ้านก็จะมีผีดูแลรักษาเช่นกัน จึงต้องมีพิธีเซ่นไหว้ผีบ้านผีเมืองทุกปี แต่ปัจจุบันพิธีนี้เริ่มหายไปแล้ว (3) "ผีป่า ผีเขา และผีอื่นๆ" ลาวโซ่งเชื่อว่าป่าไม้ ภูเขา ธรรมชาติต่างๆ มีผีสิงสถิตอยู่ หากละเมิดจะได้รับภัยจากผีเหล่านี้ (4) "ผีบรรพบุรุษ" บุตรหลานและภรรยาจะเชิญผีบรรพบุรุษมาอาศัยอยู่ในบ้านและจัดพิธีเซ่นไหว้เป็นประจำ ปัจจุบันความเชื่อของลาวโซ่งผสมผสานระหว่างความเชื่อแบบดั้งเดิมและหลักพุทธศาสนา (หน้า 22-24) หมู่บ้านดอนทรายมีวัด 2 แห่ง คือวัดดอนทรายที่สร้างมานานแล้ว และวัดเขาพระซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ (หน้า 11) พิธีกรรมต่างๆของลาวโซ่ง พิธีกรรมเกี่ยวกับการตาย "เขยกก" เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมนำผู้ตายที่เชื่อว่าจะกลับไปยังถิ่นที่เดิมของบรรพบุรุษตน เมื่อมีคนตายที่บ้าน ญาติต้องแจ้งให้เขยกกทราบเพื่อมาประกอบพิธี ผู้ตายที่สูงอายุจะจัดพิธีศพอย่างใหญ่โต ถ้าผู้ตายเป็นเด็กหรือศพผู้หญิงตายทั้งกลมหรือผีตายโหงก็จะทำพิธีศพอย่างรวบรัด (หน้า 50-57 และดูคุณสมบัติของ "เขยกก" ได้ที่หน้า 77) พิธีเสนเรือน เป็นพิธีที่ทำเพื่อรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่และบรรพบุรุษของตระกูล เพื่อให้ผีพ่อแม่บรรพบุรุษอยู่ดีกินดีในอีกโลกหนึ่ง เพื่อให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เดือดร้อน ทำมาหากินได้ผลดี ในพิธีมี "หมอเสน" เป็นผู้ทำพิธีเชิญผีเรือนของตระกูลมากินเครื่องเสน โดยใช้หมูตัวผู้เป็นเครื่องเซ่น (หน้า 58-63) พิธีปัดตง (หรือปาดตง) ทำเพื่อรำลึกถึงพ่อแม่และบรรพบุรุษที่ล่วงลับให้มีของกินเหมือนตอนที่มีชีวิตอยู่ พิธีกรรมนี้แบ่งเป็นการทำเป็นกิจวัตรทุกๆ 5-10 วัน และปฏิบัติเมื่อถึงเดือน 12 ข้างแรมซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวในนา เป็นการเก็บเกี่ยวข้าวใหม่มาให้ผีบรรพบุรุษกินเพื่อเป็นศิริมงคลให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากยิ่งขึ้น (หน้า 64-65) พิธีเสนอานปาง (หรือเสนกินปาง) เป็นพิธีกรรมเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษของ "มด" เป็นผู้ทำพิธีกรรมปัดรังควาน ต่ออายุ สะเดาะเคราะห์และรักษาโรค ผู้ที่เป็น "มด" จะมีหิ้งสำหรับบูชาครู เซ่นไหว้ได้เฉพาะผู้ที่เป็น "มด" เท่านั้น (หน้า 65-69) เสนเต็งหรือเสนผีน้อยจ้อย เซ่นสรวงผีแถนเพื่อไถ่ตัวพ่อแม่ที่ถูกจองจำอยู่บนฟ้า เพราะพ่อแม่ที่ตายไปแล้วทำผิดต่อผีแถน เมื่อต้องการให้ช่วยจึงมาเข้าฝันลูกหรือทำให้ลูกเจ็บป่วยเพื่อให้ลูกรู้ พิธีกรรมนี้จะทำโดยแม่มด (หน้า 73-75) |
|
Education and Socialization |
พ่อแม่ลาวโซ่งมักอบรมเลี้ยงดูเด็กด้วยความรักเท่าๆ กัน ไม่เฆี่ยนตีเด็ก ในอดีตเด็กจะเรียนหนังสือจากพ่อแม่และผู้สูงอายุในหมู่บ้าน เมื่อโซ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธก็พาลูกหลานไปเล่าเรียนกับพระสงฆ์ที่วัด ปัจจุบันเด็กโซ่งต้องเข้าเรียนภาคบังคับของกระทรวงศึกษาธิการจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 (ที่หมู่บ้านดอนทรายมีโรงเรียน 1 แห่ง เปิดสอนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7) หลังจากนั้นบางส่วนก็ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา การเรียนรู้และสืบทอดประเพณีของเด็กโซ่งมาจากการเฝ้าสังเกตหรือตามแต่ผู้ใหญ่เรียกใช้ ปัจจุบันเด็กโซ่งจึงมองพิธีกรรมเหล่านี้ล้าหลังและน่าเบื่อหน่าย (หน้า 11, 38-40) |
|
Health and Medicine |
ในอดีตลาวโซ่งรักษาโรคโดยใช้สมุนไพรควบคู่ไปกับคาถาอาคม ที่หมู่บ้านดอนทรายยังคงใช้การรักษาแบบเก่าอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นที่นิยมเท่าในอดีต เพราะคนที่เจ็บป่วยส่วนมากมักไปรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัด โซ่งเชื่อว่าการเจ็บป่วยเกิดจากถูกผีกระทำ ดังนั้นหมอที่รักษาด้วยคาถาควบคู่กับสมุนไพรจึงเรียกว่า "หมอปัดเป่า" หรือ "หมอเป่า" เพราะเชื่อว่าหมอจะเป่าให้โรคภัยหายไป หมอเป่ามักเป็นผู้ชายและสืบทอดความรู้จากหมอคนเดิม ค่ารักษาพยาบาลขึ้นอยู่กับว่าคนไข้จะให้เท่าไหร่ (เรียกว่า "หยาดหมอ") นอกจากหมอเป่าจะรักษาพยาบาลแล้วยังสามารถเสี่ยงทายว่าคนไข้อาการหนักว่าจะมีโอกาสรอดหรือไม่ หมอปัดเป่าจะรักษาคนไข้ตลอดเวลายกเว้นวันขึ้นหรือแรม 15 ค่ำ เพราะเชื่อว่าเป็นวันผีแรง รักษาไปก็ไม่ได้ผล (หน้า 47-49) การเกิด ในอดีตจะใช้หมอตำแยเป็นผู้ทำคลอด ต้องบอกผีเรือนก่อนทำคลอด สามีจะเข้ามาอยู่ด้วยระหว่างคลอดไม่ได้เพราะถือเป็นเรื่องสกปรก สามีต้องไปตัดฟืนเตรียมให้ภรรยาหลังคลอดและต้องหาหนามมาไว้รอบบ้านและใต้ถุนตรงกับที่ภรรยาจะอยู่ไฟเพื่อป้องกันผีไม่ให้มารบกวน รกของเด็กจะถูกตัดแล้วใส่กระบอกไม้ไผ่หรือหม้อดิน ใส่เกลือเอาใบตองปิดไปฝังนอกรั้วบ้านหรือใต้บันไดหรือแขวนตามกิ่งไม้ หลังจากนั้นอาบน้ำให้เด็กแล้วนำไปใส่กระด้งที่มีสิ่งของที่เป็นศิริมงคลกับเด็ก ถ้าเด็กอ่อนแอต้องนำสุ่มปลาครอบเด็กไว้จนกว่าเด็กจะแข็งแรงเพื่อเป็นเคล็ดไม่ให้เด็กถูกเอาชีวิตไป เมื่อเด็กอายุ 2-3 เดือน จะมีพิธีทำขวัญเด็กเพื่อไม่ให้ "แม่เกือด" หรือ "แม่ซื้อ" มารบกวนเด็ก พิธีกรรมที่เป็นการปกป้องเด็กมีอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเด็กโต (หน้า 36-38, 75-76) ลาวโซ่งมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการป่วยไข้ ดังนี้ (1) พิธีเสนผีขึ้นเสื้อหรือเสนแก้เคราะห์ เป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อแก้เคราะห์ต่ออายุให้กับผู้ป่วยที่ล้มป่วยมายาวนาน ไปรักษากับหมอแผนปัจจุบันก็ไม่หาย สัญลักษณ์สำคัญของพิธีกรรมนี้คือ "การต่อเงาหัว" ใหม่ให้กับผู้ป่วย (2) การตามขวัญผู้ป่วย เช่นเดียวกัน พิธีนี้ทำขึ้นเมื่อผู้ป่วยรักษาอย่างไรก็ไม่หาย โดยจะให้ "มด" เป็นผู้ตามขวัญให้ มดจะอธิษฐานขอให้ผีมดไปตามหาขวัญให้ จะตามหาพบหรือไม่จะรู้ในความฝันของมดหลังจากคืนที่ทำพิธี หากเกิน 3 คืนยังตามหาขวัญไม่พบ แสดงว่าผู้ป่วยคนนั้นต้องเสียชีวิต (3) เสนหับมด เป็นพิธีกรรมเพื่อรับผีมด เพราะผีมดมาอาศัยอยู่ด้วย เป็นสาเหตุให้เจ้าของบ้านเจ็บป่วย เมื่อทำพิธีนี้แล้วแสดงว่าผู้ป่วยคนนั้นมีสิทธิเป็นพ่อมด - แม่มด สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ (หน้า 69-73) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ลาวโซ่งนิยมใส่เสื้อสีดำล้วนจึงมีชื่อเรียกในอดีตว่าไทยดำหรือ "ผู้ไทยดำ" (Black Tai) (หน้า 2) เครื่องแต่งกายมีทั้งที่ใช้ในชีวิตประจำวันและใช้ในโอกาสพิเศษ ชุดที่ใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ชายเรียกว่า "เสื้อไท" เป็นผ้าฝ้ายสีดำผ่าหน้าตลอด ส่วนเสื้อของผู้หญิงเรียกว่า "เสื้อก้อม" ทำจากผ้าฝ้ายย้อมสีคราม สำหรับเสื้อที่ใช้ในโอกาสพิเศษ (งานแต่งงาน งานมงคล) เรียกว่า "เสื้อฮี" ทำจากผ้าฝ้ายมีทั้งแบบของผู้ชายและของผู้หญิง หญิงโซ่งนิยมสวมเครื่องประดับที่ทำจากโลหะมากกว่าเพชรพลอย ส่วนชายนิยมสักตัวตามแขนและขาเพื่อความสวยงาม (หน้า 27-30) ศิลปหัตถกรรมของลาวโซ่งใช้ในพิธีกรรมโดยส่วนใหญ่ทำด้วยหวายและไม้ไผ่ จักตอก บางชิ้นก็ทำด้วยไม้สักหรือใบตาลประกอบกันขึ้น ในหมู่บ้านดอนทรายพบเครื่องใช้ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและพิธีกรรมดังนี้ (1) กะเหล็บ เครื่องสานคล้ายตะกร้าแต่เรียวกว่าทำด้วยไม้ไผ่และหวาย สมัยก่อนใช้ในพิธีหมั้นโดยฝ่ายหญิงจะเรียกเอาเครื่องขันหมากโดยใช้กะเหล็บเป็นเครื่องต่อรอง (2) กะแอบ ภาชนะใส่ข้าวเหนียวที่หุงสุกแล้วสานด้วยไม้ไผ่จักตอกมีหูหิ้วและฝาปิด (3) ขมุก เป็นภาชนะใช้เก็บของและเสื้อผ้าที่ใช้ในโอกาสสำคัญรวมไปถึงของมีค่า (4) ปานเสน ทำด้วยหวายคล้ายเข่งปลาทูมีขาตั้งสูงประมาณ 2 นิ้ว เอาไว้ใช้ทำพิธีกรรมเซ่นผีเรือน ห้ามใช้ในชีวิตประจำวัน (5) ซ้าไก่ไถ่ ตะกร้าหวายขนาดใหญ่คล้ายเข่งสานด้วยหวายหรือไม้ไผ่หยาบๆ ใช้ใส่เครื่องเซ่นในพิธีเสนเป่าปี (6) ตาเหลว เครื่องสานหยาบๆ จากไม้ไผ่ไว้ใช้กันผีอื่นไม่ให้เข้ามาในบ้านขณะเซ่นผีบรรพบุรุษ (7) หมอเส้น เครื่องไม้แกะสลักเป็นรูปฝาขนมครกคว่ำลง ใช้นวดเพื่อแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย นอกจากเครื่องใช้ที่กล่าวมาข้างต้นยังมีเครื่องใช้ของแม่มดเพื่อนำไปใช้ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น "ไม้ทู" เป็นตะเกียบที่ใช้ในพิธีเสน "วี หรือ พัด" ที่แม่มดมีไว้ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ (หน้า 24-27) ระหว่างเดือน 5 และเดือน 6 เป็นฤดูกาลพักผ่อนของโซ่งจะมีการทำพิธีกรรมต่างๆ มากมาย นอกจากนั้นยังมีการละเล่นแบบต่างๆ เช่น การเล่นลูกช่วง เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนานของคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะ เพราะจะแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือชายและหญิงผลักกันเหวี่ยงผลัดกันรับ "ลูกช่วง" ถ้ารับไม่ได้ก็จะถูกทำโทษ การเล่นแคน เป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้เกี้ยวพาราสีกัน โดยฝ่ายชายจะเข้าแถวเป่าแคนเกี้ยวพาราสีกับฝ่ายหญิงที่นั่งกับพื้น เมื่อฝ่ายหญิงยินดีด้วยก็จะลุกออกไปเป่าแคนคุยกัน นอกจากนี้ยังมีการละเล่นอื่นๆ ที่เล่นกันในเดือน 5 และ 6 อีก เช่น การเล่นผีมดแดง การเล่นตระกร้อ การเล่นสะบ้า (หน้า 32-35, 41) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชื่อเดิมของลาวโซ่ง คือ ไทยดำ หรือ "ผู้ไทยดำ" (Black Tai) เมื่อถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยแล้วจึงถูกคนไทยภาคกลางเรียกว่า "ลาวทรงดำ" เพราะเข้าใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกับลาวอพยพกลุ่มอื่นๆ ต่อมาคำว่า "ดำ" หายไป จึงเหลือเรียกว่า "ลาวทรง" หรือ "ลาวโซ่ง" (หน้า 2) ในหมู่บ้านดอนทรายมีทั้ง "ลาวโซ่ง" และ "ไทย" อาศัยอยู่ด้วยกัน โดย "ลาวโซ่ง" มีจำนวนมากกว่า "ไทย" เพราะ "ลาวโซ่ง" เข้ามาตั้งถิ่นฐานก่อน ส่วน"ไทย" เพิ่งอพยพมาในหมู่บ้านระยะหลัง ส่วนคนจีนก็มีอยู่บ้าง แต่มีเพียงจำนวนไม่กี่ครอบครัว (หน้า 11) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ชีวิตความเป็นอยู่ของลาวโซ่งในปัจจุบันอยู่ในยุคของความเปลี่ยนแปลงที่มาจากสังคมใหญ่ภายนอก เป็นสภาวะที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับความเจริญทางเศรษฐกิจและวิทยาการสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามคนรุ่นเก่ายังคงรักษาพิธีกรรมและแบบแผนการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ (หน้า 1) สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น การแต่งกายที่คนหนุ่มสาวไม่นิยมใส่เสื้อผ้าแบบเดิมเพราะเห็นว่าล้าสมัย (หน้า 27) การละเล่นพื้นบ้านของโซ่งที่ทำกันในเดือน 5 และ 6 ก็หาดูได้เพียงชุมชนโซ่งบางแห่งเท่านั้น (หน้า 35) เด็กๆโซ่งมักมองพิธีกรรมเป็นเรื่องล้าหลังและน่าเบื่อหน่าย การแต่งงานก็ตัดพิธีกรรมดั้งเดิมบางอย่างออกไป (หน้า 40) |
|
Map/Illustration |
รายงานการวิจัยชิ้นนี้นำเสนอตาราง ภาพประกอบงานวิจัยที่ช่วยสร้างความเข้าใจในแง่มุมต่างๆ ของงานวิจัยให้มากยิ่งขึ้น เช่น ตารางแสดงผลผลิตข้าวต่อหนึ่งไร่ของชาวบ้านดอนทราย (ตารางที่ 2 หน้า 16) ตารางแสดงอาชีพเสริมของชาวบ้านดอนทราย (ตารางที่ 6 หน้า 19), ภาพแสดง "เสื้อฮี : แบบเครื่องแต่งกายในพิธีสำคัญของลาวโซ่ง" (หน้า 29) และภาพแสดงการทำพิธีเสนของแม่มด (หน้า 60) |
|
|