|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),อาหาร,ศาสนา,การเปลี่ยนแปลงของสังคม,ภาคเหนือ |
Author |
Hayami Yoko |
Title |
Meat-Consumption, Feasting and Commensality among Karen in the Context of Socio-Religious Changes in the Upland-Lowland Continuum |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
21 |
Year |
2546 |
Source |
Hayami Yoko and Thongsa Sayavongkhamdy (editors), Cultural Diversity and Conservation in the Making of Mainland Southeast Asia and Southwestern China Regional Dynamics in the Past and Present, pp.294-314. Kyoto: Center of Southeast Asian Studies, Kyoto University. |
Abstract |
ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นว่าอาหารและการแบ่งปันอาหาร รวมไปถึงการเซ่นไหว้ด้วยสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมของชาวกะเหรี่ยงโดยที่งานเลี้ยงและการแบ่งปันให้แก่คนในชุมชนรวมทั้งการเซ่นไหว้สะท้อนให้เห็นรูปแบบของการจัดระบบสังคมของชาวกะเหรี่ยง และการถอนตัวจากการบริโภคเนื้อและการเซ่นไหว้ในแบบกะเหรี่ยงของหมู่ผู้บำเพ็ญตบะ/พรตทางพุทธศาสนานำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของระเบียบสังคมของชาวกะเหรี่ยง (หน้า 294-295) |
|
Focus |
การทำความเข้าใจการบริโภคเนื้อ งานเลี้ยง การเซ่นไหว้ในบริบทการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและศาสนาในชุมชนกะเหรี่ยงที่อยู่ในระหว่างความสืบเนื่องของพื้นที่สูงและที่ราบในภาคเหนือของประเทศไทย (หน้า 295) |
|
Theoretical Issues |
บทความนี้ต้องการหาคำตอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคอาหารและกิจกรรมทางสังคมเกี่ยวกับงานเลี้ยงประจำปีทางศาสนา เครื่องเซ่นไหว้ และการแบ่งปันอาหารในแง่มุมที่สัมพันธ์กับการระเบียบสังคมของกะเหรี่ยงโดยเสนอว่าการรักษาระเบียบสังคมเป็นไปโดยแทรกแซงควบคุมในการเซ่นไหว้ในสังคมที่เปลี่ยนจากความเสมอภาคไปสู่ความไม่เสมอภาค ทางเลือกที่ปฏิเสธระเบียบสังคมที่มีอยู่ก็คือ การอ้างว่าได้อำนาจจากการบำเพ็ญตบะซึ่งในบริบทของกะเหรี่ยงคือ การเลิกกินเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นทางเลือกของการเป็นพุทธ ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือการเป็นคริสต์ไม่จำเป็นต้องเลิกบริโภคเนื้อสัตว์แต่เป็นการแยกตัวเองจากการเซ่นไหว้ แม้จะยังขาดความชัดเจนอยู่ (หน้า 313-314) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนได้ระบุว่าการวิจัยชุมชนในชั้นต้นทำในช่วง พ.ศ.2530-2532 (ค.ศ.1987-1989) (หน้า 297) ซึ่งบทความนี้ผู้เขียนได้ใช้ข้อมูลจากการวิจัยชั้นต้นประกอบกับกรอบความคิดว่าด้วยอำนาจและการให้พร ที่นักวิชาการซึ่งศึกษาประเด็นความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มคนบนที่สูงและพุทธศาสนาของคนพื้นราบในช่วง พ.ศ. 2532-2539 ได้ศึกษาไว้ (หน้า 295-296) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติความเป็นมาของชุมชนกะเหรี่ยงในบริเวณชายแดนไทย-พม่าที่ปรากฏในบทความได้มีการกล่าวถึงการงดเว้นการกินเนื้อในอดีตกว่า 200 ปี ของชาวกะเหรี่ยง โดยชี้ว่าครูบานักบุญในพุทธศาสนาและกะเหรี่ยงผู้ติดตามหรือบริพารของครูบาได้งดเว้นการกินเนื้อ ซึ่งมีนัยของการปฏิเสธสถานะทางสังคม-ศาสนาที่ตั้งอยู่บนพิธีกรรมการกินเนื้อและเป็นความพยายามในการจัด ระบบสังคม-ศาสนาขึ้นใหม่ (หน้า 306) ชุมชนกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่งได้ถูกก่อตั้งขึ้นรอบๆ วัดของครูบาโดยชาวกะเหรี่ยงผู้ติดตามครูบาและงดเว้นการกินเนื้อ (หน้า 307) |
|
Settlement Pattern |
บทความนี้แทบจะไม่กล่าวถึงรูปแบบการตั้งถิ่นฐานและลักษณะการตั้งบ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยง มีการกล่าวสั้นๆว่าชุมชนกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่งตั้งอยู่รอบๆ วัดของครูบา (หน้า 307) หรือที่กล่าวถึงสังคมบนที่สูงซึ่งเชื่อว่าธรรมชาติมีชีวิตจิตใจ (animistic) และสังคมพื้นราบที่นับถือพุทธศาสนา (หน้า 295-296) ทำให้เข้าใจได้ว่าชุมชนกะเหรี่ยงส่วนใหญ่คือสังคมบนที่สูง |
|
Demography |
ไม่ปรากฏข้อมูลประชากรกะเหรี่ยงในบทความ |
|
Economy |
การผลิตและการบริโภคของกะเหรี่ยงที่นับถือศาสนาคริสต์มีการผลิตข้าวเพื่อขายอยู่บ้างและมีการแลกเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงอย่างวัว ควาย หมู (livestock) กับเงินหรือข้าว รวมทั้งการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีลักษณะของกรรมสิทธิ์แบบปัจเจกโดยเด็กหนุ่มเด็กสาวสามารถเป็น(อ้างว่าเป็น) เจ้าของสัตว์บางตัวและการขายสัตว์เลี้ยงสามารถทำได้โดยเสรีในช่วงจังหวะที่มองว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินภายในครอบครัว (หน้า 308) มีร่องรอยที่ชี้ให้เห็นว่ากะเหรี่ยงมีการเลี้ยงสัตว์อย่างวัว ควาย หมู และไก่ ดังพบว่าคู่แต่งงานชาวกะเหรี่ยงจะเริ่มเลี้ยงสัตว์ของตนเองเพื่อใช้ในพิธีกรรมของครอบครัวไว้เซ่นไหว้ผี (หน้า 298-299) |
|
Social Organization |
พิธีกรรมการแบ่งปันและการเลี้ยงอาหารสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ทางสังคมของกะเหรี่ยงและความสัมพันธ์ของกะเหรี่ยงกับผีซึ่งเป็นอำนาจเหนือธรรมชาติ ในพิธีกรรมหลายพิธีจะมีการเซ่นอาหารและเหล้าให้กับเจ้าแห่งน้ำและดินและตามด้วยงานเลี้ยง โดยที่พิธีกรรมประจำปีของชุมชนนั้น ฮีโข่ (ผู้นำชุมชนทางพิธีกรรมและผู้นำตามประเพณี) เป็นผู้ดำเนินการและจำกัดให้เฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนมากกว่า 2 ปีสามารถมีส่วนร่วมในงานได้ (หน้า 297-298) งานเลี้ยงประจำปีและการจำแนกคนที่เข้าร่วมพิธีเป็นการนิยามและวางระบบและขอบเขตของสังคมภายในกลุ่มคนที่กินอาหารร่วมกันในพิธี (หน้า 302-303) ขณะที่พิธีกรรมของครอบครัวที่เรียกว่า "ออ แฆ" จะมีการเซ่นไหว้ไก่หรือหมูซึ่งพิธีนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตแต่งงานและครอบครัวของชาวกะเหรี่ยง สำหรับผู้หญิงแล้วการเซ่นไหว้เป็นการกระทำต่อเตาไฟซึ่งเชื่อว่าวิญญาณของตนอยู่ที่นั่น ส่วนผู้ชายและสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวนั้นพิธีออ แฆ มีนัยถึงลำดับในครอบครัวโดยสามีจะอยู่ในลำดับที่เหนือกว่าภรรยาจากการกินของเซ่นไหว้เป็นคนแรก จากนั้นภรรยาและลูกจากคนโตถึงคนเล็กจะกินตามลำดับ (หน้า 298-301) การจัดองค์กรทางสังคมของชาวกะเหรี่ยงในส่วนที่สัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในชุมชน(ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงประจำปี-ผู้สังเคราะห์) และคนจากภายนอกชุมชนนั้นมีพิธีกรรมบางอย่างที่เปิดโอกาสให้มีส่วนในพิธีทั้งโดยการ(ได้รับคำ) เชื้อเชิญหรือการอาสามีส่วนร่วมในพิธีอย่างงานแต่งงานและงานผูกข้อมือของชุมชน (หน้า 302-303) นอกจากนี้กะเหรี่ยงจะแสดงอัธยาศัยไมตรีและมารยาทอันดีในการต้อนรับแขกจากนอกชุมชน มีการเลี้ยงอาหารโดยตั้งสำรับที่ห้องข้างนอกเรือนและเรียกให้แขกกินอาหารร่วมวงกับลูกๆ ของเจ้าของบ้านจนแขกกินเสร็จและล้างมือแล้ว เจ้าของบ้านจะออกมาและยกสำรับอาหารเข้าไปห้องข้างในที่ใช้สำหรับกินอาหารในครอบครัว ซึ่งเจ้าของบ้านมักจะบ่นเสมอว่าแขกกินอาหารน้อย และแขกก็จะได้รับการต้อนรับแบบนี้จากหลายๆ บ้านจนกว่าจะปล่อยให้แขกออกจากชุมชนไปได้ (หน้า 296-297) แต่หากเป็นคนในชุมชนด้วยกันเองแล้วในชีวิตประจำวันจะไม่มีการกินร่วมกัน เช่น ในเวลาอาหารจะไม่ไปปรากฏตัวที่บ้านเพื่อนบ้าน เป็นครัวใครครัวมัน โดยเฉพาะผู้หญิงจะไม่กินอาหารที่ทำในครัวหรือบนเตาของบ้านอื่นเลยหากมิใช่เทศกาลพิเศษนี้ (หน้า 297) |
|
Political Organization |
ผู้นำชุมชนทางพิธีกรรมและผู้นำตามประเพณีที่เรียกว่า "ฮีโข่" (hi kho) เป็นผู้มีความสำคัญในพิธีกรรมประจำปีของชุมชน (หน้า 298) |
|
Belief System |
ความเชื่อและศาสนาในชุมชนกะเหรี่ยงแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ความเชื่อผี พุทธศาสนาและศาสนาคริสต์ สำหรับความเชื่อผีหรืออำนาจเหนือธรรมชาตินั้นพิธีกรรมหรืองานเลี้ยงที่มีการฆ่าสัตว์และการกินอาหารร่วมกันของกะเหรี่ยง เป็นการจัดระบบสังคมและความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของกะเหรี่ยง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่สนับสนุนให้มีพิธีกับผีด้วย กล่าวคือการทำพิธีเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผี ผีจะไม่ทำอันตรายและคอยปกป้องผู้กระทำ(ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ) พิธีและครอบครัวรวมทั้งชุมชนด้วย (หน้า 303-304) ส่วนพุทธศาสนาและศาสนาคริสต์มีลักษณะคล้ายกันคือเป็นความเชื่อและการปฏิบัติที่เป็นเหตุผลของการถอนตัว/การละเว้นการบริโภคเนื้อในงานประจำปีโดยมีนัยของการปฏิเสธสถานะทางสังคม-ศาสนาซึ่งเป็นแกนของพิธีกรรมประจำปีและเป็นความพยายามในการจัดระเบียบทางสังคม-ศาสนาขึ้นใหม่ โดยกะเหรี่ยงที่ติดตามและมาตั้งชุมชนรอบวัดของครูบานักบุญในพุทธศาสนาจะละเว้นการกินเนื้อจากพิธีบวงสรวงและฝังตัว (embodied) เข้ากับพลังที่มาจากการบำเพ็ญตบะหรือบำเพ็ญพรตแทนพลังที่ได้รับจากการกินเนื้อจากการเซ่นไหว้ตามความเชื่อเดิม (หน้า 306-308) ในส่วนของกะเหรี่ยงที่นับถือคริสต์ได้ละทิ้งพิธีกรรมและการมีส่วนร่วมในพิธีของชุมชนโดยชาวบ้านที่นับถือคริสต์มีงานเลี้ยงประจำปีและการกินอาหารร่วมกันที่เรียกว่า "โคตาบา" ซึ่งเป็นตัวแทนของพิธีกรรมที่ถูกละทิ้งไปโดยขนาดของโคตาบาจะคำนึงถึงจุดยืนพื้นฐานทางสังคมและเศรษฐกิจของครอบครัวที่อุปถัมภ์ให้มีงานขึ้น โดยโคตาบาของคู่หนุ่มสาวจะประกอบด้วยลูกกวาดและนม ขณะที่ครอบครัวที่อาวุโสและมีความพร้อมกว่าจะมีการฆ่าหมูตัวใหญ่ในงานโคตาบา แต่การฆ่านั้นไม่ใช่การเซ่นไหว้ เป็นการฆ่าเพื่อเลี้ยงแขกที่ได้รับเชิญและสวดมนต์ให้สมาชิกของครอบครัวนั้นมีสุขภาพดี ตลอดจนเป็นการขยายความเป็นสังคม(sociality) ในงานเลี้ยงที่มีการเลี้ยงแขกแปลกหน้าด้วย (หน้า 308-311) |
|
Education and Socialization |
ชาวบ้านที่นับถือคริสต์มีการใช้จ่ายเงินสำหรับการศึกษา (หน้า 308) ส่วนประเด็นการขัดเกลาทางสังคมนั้นพิธีกรรมที่เกี่ยวกับการกินอย่างงานเลี้ยงประจำปีหรือพิธีกรรมของครอบครัวที่เรียกว่า "ออ แฆ" เป็นสิ่งที่ปลูกฝังระเบียบกฎเกณฑ์ในสังคมให้แก่กะเหรี่ยง (หน้า 298-303) |
|
Health and Medicine |
พิธีกรรมเกี่ยวกับการกินเลี้ยงและ/หรือการแบ่งปันอาหารเป็นภูมิปัญญาหรือความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาพยาบาลของกะเหรี่ยง เช่น งานเลี้ยงประจำปีที่มีการเซ่นไหว้แด่เจ้าแห่งน้ำและดินเป็นพิธีแห่งการบำบัดโดยขับผีป่าซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และเรียกขวัญให้กลับสู่ร่างกาย (หน้า 298) รวมทั้งเป็นการกระทำเพื่อให้ผีดูแลรักษาสุขภาพของครอบครัวที่อุปถัมภ์ให้มีพิธี (p.304) ส่วนงานเลี้ยงประจำปีและการกินอาหารร่วมกันของชาวกะเหรี่ยงที่นับถือคริสต์(โคตาบา) จะมีการสวดภาวนาให้สมาชิกครอบครัวที่อุปถัมภ์ให้มีพิธีขึ้นมีสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดี (หน้า 309) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในพิธีออ แฆ ผู้หญิงและเด็กหญิงจะใส่ชุด(ประจำเผ่า) กะเหรี่ยง (หน้า 299) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
การธำรงชาติพันธุ์ของชาวกะเหรี่ยงเป็นการกำหนดมาตรฐานความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันโดยใช้งานเลี้ยงประจำปีและการจำแนกคนที่เข้าร่วมพิธีเป็นสัญลักษณ์ความเป็นกลุ่มหรือความเป็นสังคมของกลุ่มคนที่กินอาหาร(เนื้อ) ร่วมกันในงานและในส่วนของความสัมพันธ์กับคนนอกกลุ่มหรือกลุ่มชาติพันธุ์อื่นนั้น ชาวกะเหรี่ยงมีการสร้างความสัมพันธ์กับคนนอกกลุ่มหรือคนนอกชุมชนโดยเปิดโอกาสให้เข้าร่วมในพิธีกรรมบางอย่างของชุมชนและการต้อนรับเลี้ยงอาหารแขกจากนอกกลุ่มเพื่อแสดงถึงอัธยาศัยและมารยาทของเจ้าบ้าน (หน้า 296-303) เช่นเดียวกับที่ชาวกะเหรี่ยงที่นับถือคริสต์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแขกแปลกหน้าเพื่อขยายสังคมของกลุ่มด้วยการเชิญและการเลี้ยงอาหารในงานโคตาบา (หน้า 310-311) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงที่เห็นได้ชัดในบทความนี้ได้แก่ การที่กะเหรี่ยงที่นับถือพุทธและคริสต์ได้ละเลิกหรืองดเว้นจากกิจกรรมในพิธีประจำปีและพิธีออ แฆ โดยในกรณีของกลุ่มที่นับถือพุทธนั้นพลังได้มาจากการบำเพ็ญตบะ/พรตแทนพลังที่ได้จากการกินเนื้อจากการเซ่นไหว้ (หน้า 306-308) ส่วนกลุ่มที่นับถือคริสต์ได้มีงานเลี้ยงประจำปีการกินอาหารร่วมกันที่เรียกว่า "โคตาบา" เข้ามาแทนการเซ่นไหว้ในงานเลี้ยงประจำปีและพิธีออ แฆ (หน้า 308-312) |
|
Other Issues |
ในส่วนสรุปผู้เขียนได้ตั้งข้อสังเกตในประเด็นความแตกต่างของคนบนที่สูงและคนพื้นราบว่าไม่ใช่แต่เฉพาะกะเหรี่ยงที่มีพิธีกรรมงานเลี้ยงประจำปี การเซ่นไหว้และการปฏิเสธการบริโภคเนื้อ รวมทั้งปฏิบัติการของผู้นับถือคริสต์ที่ให้นิยามใหม่แก่เนื้อและการบริโภคเนื้อ หากพบว่าสังคมชาวพุทธในพื้นราบก็มีการเซ่นไหว้ผีด้วยสัตว์และพิธีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในลักษณะของปฏิบัติการที่สอดคล้องกับการยึดเหนี่ยวพลัง/อำนาจเช่นเดียวกับพิธีกรรมของคนบนพื้นที่สูง ซึ่งอาจจะทำความเข้าใจในบริบทของชาวพุทธและเสนอตำแหน่งที่ตั้งในโครงร่างของความคิดเห็นเกี่ยวกับอำนาจและการปฏิบัติเมื่อมีการศึกษาที่เน้นเกี่ยวกับงานเลี้ยงประจำปี/การงดเว้นการบริโภคเนื้อและการบวงสรวง/ไม่บวงสรวงสัตว์เลี้ยงที่แสดงถึงอนุกรมต่อเนื่อง (continuum) ของพื้นที่สูงและพื้นที่ราบ (หน้า 313-314) |
|
Map/Illustration |
บทความนี้ไม่มีการใช้แผนที่และตารางประกอบการอธิบาย โดยมีแผนผังแสดงประเภทของปฏิบัติการทางศาสนา (types of religious practices) และมิติทางสังคมของการแบ่งปันอาหารระหว่างการบริโภคเนื้อ (กลุ่มที่มีการบวงสรวงและกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์ที่ไม่มีการบวงสรวง)และกลุ่มที่ไม่บริโภคเนื้อประกอบการอธิบาย (หน้า 310) |
|
|