สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,วัยรุ่น,พฤติกรรมทางเพศ,ตาก
Author สมควร ใจกระจ่าง
Title ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวเขาเผ่าม้ง
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 120 Year 2542
Source ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการส่งเสริมสุขภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวเขาเผ่าม้ง กลุ่มตัวอย่างเป็นวัยรุ่นม้งที่มีอายุระหว่าง 13-19 ปี อยู่นอกระบบโรงเรียน โดยใช้วิธีการสุ่ม เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติร่วมด้วย ผลการวิจัยสรุปว่า ปัจจัยที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางเพศอย่างมีนัยสำคัญในทุกด้านนั้นประกอบด้วย อายุ เพศ อาชีพ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การย้ายถิ่น ค่านิยมเรื่องเพศ สิ่งกระตุ้นทางเพศ และการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน สำหรับปัจจัยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางเพศคือ ปัจจัยด้านความรู้เรื่องเพศศึกษา และเจตคติเรื่องเพศ (หน้า 63)

Focus

การศึกษานี้จะช่วยให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวเขาเผ่าม้ง (หน้า 4)

Theoretical Issues

การศึกษาวิจัยในเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวเขาเผ่าม้งในพื้นที่กลุ่มกรณีศึกษานี้นั้น ผู้วิจัยได้พบว่า การวิจัยครั้งนี้มีกรอบแนวคิดทฤษฎีและหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ว่า พฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวเขาเผ่าม้งนั้นเป็นสิ่งที่วัยรุ่นชาวม้งได้รับการเรียนรู้มาจากการศึกษา จากการหล่อหลอมและได้รับมาจากการอบรมทางสังคม โดยผ่านทางสถาบันครอบครัว, สถาบันการศึกษา สื่อต่างๆ ชุมชนที่อาศัยอยู่, การย้ายถิ่น ตลอดจนปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทางสังคม นอกจากนี้ ปัจจัยภายในบุคคลของวัยรุ่นเองเช่นกัน ที่ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดความรู้และเจตคติเรื่องเพศ อันมีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 37)

Ethnic Group in the Focus

ชาวเขาเผ่าม้ง หรือเม้ว แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มย่อย คือ ม้งน้ำเงิน แม้วขาว และแม้วกั่วบ๊า ชาวเขาเผ่าม้งเป็นชาวเขาที่มีการกระจายตัวมากที่สุด มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ เช่น จังหวัดพะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน แพร่ ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย (หน้า 7-8)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ได้ระบุ

Study Period (Data Collection)

ไม่ได้ระบุ

History of the Group and Community

ชาวเขาเผ่าม้งมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ทางตอนเหนือของเอเชีย และมีส่วนของเชื้อชาติตุราน อันมีลักษณะกึ่งคอเคเซี่ยนกึ่งมองโกลซึ่งบรรพบุรุษได้อพยพลงมาทางใต้ (หน้า 8)

Settlement Pattern

ม้งมักนิยมตั้งบ้านเรือนบนภูเขา อันเนื่องมาจากลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของเผ่าซึ่งทำการเพาะปลูกแบบไร่เลื่อนลอย สำหรับทำเลที่ตั้งบ้านเรือนของชาวม้งที่ดีจะเป็นเนินเขาที่ลาดลงไปแต่ไม่ลาดชันจนเกินไปนัก ต้องมีลำห้วยไหลผ่านตลอดปี ฝั่งตรงข้ามลำห้วยมีแนวเขาสองลูกตั้งสับหว่างกันและนิยมปลูกบ้านอยู่ใกล้ชิดกันในกลุ่มเครือญาติ ในหลายๆ แห่งหากที่ทำกินอยู่ห่างไกลไปจากบริเวณที่อยู่อาศัยมาก มักจะสร้างบ้านอีกหลังหนึ่งไว้ในไร่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง และจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านหลังนั้นในช่วงที่มีกิจกรรมการเกษตร และการปลูกบ้านตามประเพณีจะปลูกคล่อมดินโดยใช้พื้นดินเป็นพื้นเรือน จะมีการเสี่ยงทายล่วงหน้าว่าภูมิทำเลเหมาะสมที่จะปลูกบ้านหรือไม่ และด้านหน้าของบ้านจะหันไปทางลาดเขาส่วนที่ลาดลง (หน้า 8)

Demography

ประชากรกลุ่มตัวอย่างจะเป็นวัยรุ่นชายและหญิงม้งที่เป็นโสด อยู่นอกระบบโรงเรียน และมีอายุระหว่าง 13-19 ปี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านป่าคาเก่า อ.พบพระ จังหวัดตาก มีจำนวนประมาณ 1,007 คน (หน้า 39)

Economy

วิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งมีการติดต่อกับสังคมภายนอกมากขึ้น และมากกว่าชาวเขาเผ่าอื่นๆ เนื่องจากมีอาชีพทำไร่และค้าขายพืชไร่ สำหรับผู้ชายนอกจากงานในไร่แล้วยังต้องรับผิดชอบทั้งการซ่อมแซมบ้านเรือนและอุปกรณ์ที่ทำการเกษตร เมื่อพอมีเวลาจะออกล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารเสริมในครอบครัว ส่วนผู้หญิงนอกจากงานในไร่ ยังต้องรับผิดชอบในเรื่องการเรือน นับตั้งแต่การให้อาหารสัตว์ การเตรียมและจัดหาอาหาร การซ่อมแซมตัดเย็บเสื้อผ้าให้แก่สมาชิกในครอบครัว ม้งมักนิยมมีบุตรมาก เนื่องจากสังคมม้งใช้เทคนิคการเกษตรแบบใช้แรงงานคนเป็นสำคัญ การมีบุตรมากจึงหมายถึงมีแรงงานมาก ซึ่งจะส่งให้เพาะปลูกได้มากและได้ผลผลิตมากร่วมด้วย ผู้ที่มีลูกหลานมากสถานภาพทางสังคมก็จะถูกยกขึ้นโดยปริยาย ประกอบกับแรงงานที่มีเหลือเฟือจะทำให้เพิ่มพูนสถานภาพทางเศรษฐกิจให้มั่นคงมากขึ้น (หน้า 9)

Social Organization

ลักษณะของครอบครัวม้งเป็นแบบครอบครัวขยาย และยอมรับการที่สามีมีภรรยาได้หลายคน ให้ฝ่ายชายเป็นใหญ่ในครอบครัวตลอดจนการบูชาบรรพบุรุษเหมือนสังคมชาวจีน ด้วยเหตุที่จารีตประเพณีม้งมีการสืบสกุลทางฝ่ายชาย ดังนั้นบุตรชายจะต้องเป็นผู้สืบทอดหน้าที่เกี่ยวกับพิธีกรรมของครัวเรือนต่อจากบิดา ผู้ชายมักเป็นเสียงสุดท้ายในการตัดสินกรณีพิพาทต่างๆ การติดต่อธุรกิจการค้าก็ยังเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายร่วมด้วย (หน้า 9)

Political Organization

ไม่ได้ระบุ

Belief System

ไม่ได้ระบุ

Education and Socialization

ไม่ได้ระบุ

Health and Medicine

ไม่ได้ระบุ

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่ได้ระบุ

Folklore

ไม่ได้ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ได้ระบุ

Social Cultural and Identity Change

ในปัจจุบันการดำเนินชีวิตของม้งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากวัฒนธรรมของสังคมเมือง ได้แผ่ขยายไปสู่ชุมชนม้ง อีกทั้งม้งยังได้มีการติดต่อกับสังคมเมืองอย่างสม่ำเสมอเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะมาจากอาชีพการค้าขายโดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรนั่นเอง (หน้า 9)

Map/Illustration

ผู้วิจัยได้มีการนำเสนอข้อมูลด้วยการใช้ตารางและแผนภูมิเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ตารางที่ 1 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ (หน้า 47) ตารางที่ 2 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม ประสบการณ์การย้ายถิ่น (หน้า 48) ตารางที่ 3 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม ความรู้เรื่องเพศศึกษา (หน้า 49) ตารางที่ 4 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม เจตคติเรื่องเพศ (หน้า 49) ตารางที่ 5 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม สิ่งกระตุ้นทางเพศ (หน้า 50) ตารางที่ 6 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม การคล้อยตามของกลุ่มเพื่อน (หน้า 51) ตารางที่ 7 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม ค่านิยมของวัยรุ่นในเรื่องเพศ (หน้า 51) ตารางที่ 8 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม พฤติกรรมทางเพศ (หน้า 52) ตารางที่ 9 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตาม ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ (หน้า 54) ตารางที่ 10 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับพฤติกรรมการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 55) ตารางที่ 11 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมการเคยอยู่ตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตา กับเพื่อนต่างเพศ ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 56) ตารางที่ 12 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมการเคยไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 57) ตารางที่ 13 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมการเคยจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศ ขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 58) ตารางที่ 14 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 59) ตารางที่ 15 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมการเคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 60) ตารางที่ 16 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับพฤติกรรมการเคยมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ของวัยรุ่นชาวม้ง (หน้า 61) ตารางที่ 17 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 86) ตารางที่ 18 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่นกับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 87) ตารางที่ 19 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษากับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 87) ตารางที่ 20 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศกับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 88) ตารางที่ 21 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศกับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 88) ตารางที่ 22 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อนกับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 89) ตารางที่ 23 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมของวัยรุ่นในเรื่องเพศกับการเคยมีโอกาสใกล้ชิด ติดต่อ ไปมาหาสู่กับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 89) ตารางที่ 24 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลกับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 90) ตารางที่ 25 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่น กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 91) ตารางที่ 26 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษา กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 91) ตารางที่ 27 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 92) ตารางที่ 28 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศ กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 92) ตารางที่ 29 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 93) ตารางที่ 30 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมของวัยรุ่นในเรื่องเพศ กับการอยู่กันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตากับเพื่อนต่างเพศ (หน้า 93) ตารางที่ 31 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 94) ตารางที่ 32 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่น กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 95) ตารางที่ 33 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษา กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 95) ตารางที่ 34 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 96) ตารางที่ 35 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศ กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 96) ตารางที่ 36 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 97) ตารางที่ 37 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมเรื่องเพศของสังคม กับการไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 97) ตารางที่ 38 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 98) ตารางที่ 39 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่น กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 99) ตารางที่ 40 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษา กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 99) ตารางที่ 41 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 100) ตารางที่ 42 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้น กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 100) ตารางที่ 43 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 101) ตารางที่ 44 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมเรื่องเพศ กับการจับมือถือแขนกับเพื่อนต่างเพศขณะอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง (หน้า 101) ตารางที่ 45 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 102) ตารางที่ 46 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่น กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 103) ตารางที่ 47 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษา กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 103) ตารางที่ 48 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 104) ตารางที่ 49 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศ กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 104) ตารางที่ 50 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 105) ตารางที่ 51 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมของวัยรุ่นในเรื่องเพศ กับพฤติกรรมที่เพื่อนต่างเพศเคยโอบ กอด หรือจูบ (หน้า 105) ตารางที่ 52 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 106) ตารางที่ 53 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการร์การย้ายถิ่น กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 107) ตารางที่ 54 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศศึกษา กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 107) ตารางที่ 55 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 108) ตารางที่ 56 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศ กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 108) ตารางที่ 57 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 109) ตารางที่ 58 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมของวัยรุ่นในเรื่องเพศของสังคม กับพฤติกรรมที่เคยสำเร็จความใคร่ให้ตนเอง (หน้า 109) ตารางที่ 59 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 110) ตารางที่ 60 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามประสบการณ์การย้ายถิ่น กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 111) ตารางที่ 61 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามความรู้เรื่องเพศ กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 111) ตารางที่ 62 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามเจตคติเรื่องเพศ กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 112) ตารางที่ 63 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามสิ่งกระตุ้นทางเพศ กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 112) ตารางที่ 64 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 113) ตารางที่ 59 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นชาวม้งจำแนกตามค่านิยมของวัยรุ่น กับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (หน้า 113) แผนภูมิที่ 1 แบบจำลองความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ตามทฤษฎีกลไกทางเพศ (หน้า 22) แผนภูมิที่ 2 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ กับความตั้งใจ และพฤติกรรมของทฤษฎีการกระทำด้วยเหตุผล (หน้า 27) แผนภูมิที่ 3 กรอบแนวคิดในการวิจัย (หน้า 38)

Text Analyst พรรณปพร ภิรมย์วงษ์ Date of Report 29 มิ.ย 2560
TAG ม้ง, วัยรุ่น, พฤติกรรมทางเพศ, ตาก, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง