|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มาเลย์มุสลิม,ภูมิศาสตร์,เศรษฐกิจ,จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
Author |
Harald Uhlig |
Title |
Southern Thailand and Its Border Provinces |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
19 |
Year |
2538 |
Source |
จากบทความรวมเรื่อง The Malay South (Patani) |
Abstract |
พื้นที่ทางภาคใต้ของไทยมีภูมิประเทศแบบชายฝั่งทำให้ฝนตกชุก มีเทือกเขาเป็นแนวยาว มีเกาะน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมแต่ก็มีคนไทยและจีน มีรายได้หลักคือการประมง ปลูกข้าว ทำสวนยางพารา ทำสวนผลไม้ และการท่องเที่ยว ภูมิประเทศเป็นพื้นที่ภูเขา มีพื้นที่ราบระหว่างเทือกเขาเหล่านี้และชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันออก การตั้งชุมชนในภาคใต้มีทั้งหนาแน่นและเบาบาง มีข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ การประมง การปลูกมะพร้าว การปศุสัตว์ การป่าไม้ และผลไม้ เศรษฐกิจและสังคมของพื้นที่มุสลิมทางชายฝั่งประสบปัญหาเรื่องสภาพดินเพราะเป็นดินทราย การปลูกยางพารากำลังได้รับการพัฒนาเพื่อแข่งขันกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย นอกเหนือไปจากการทำสวนทำนาก็ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างปาล์มน้ำมัน ป่าชายเลนจำนวนมากลดลงและระบบนิเวศถูกทำลาย แผนพัฒนาแห่งชาติเร่งขยายตัวเมืองและกระจายอำนาจจากศูนย์กลางไปยังท้องถิ่นถกเถียงกันในเรื่องค่าใช้จ่าย เทคนิคและเศรษฐกิจ |
|
Focus |
ศึกษาโครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ทางภาคใต้ของไทยและจังหวัดชายขอบ รวมถึงเน้นเรื่องสภาพเศรษฐกิจขอมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
กล่าวถึงไทย-มุสลิม ประชากรมุสลิม และคนไทย (หน้า 223) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
การตั้งชุมชนในภาคใต้มีทั้งหนาแน่นและเบาบาง ชุมชนเมืองเติบโตอย่างรวดเร็วและมักเป็นพื้นที่อยู่ของคนไทยและคนจีน สำหรับเมืองตั้งแต่ในจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสจะมีชุมชนอยู่หนาแน่นในตัวเมืองด้วย (หน้า 220) ชาวประมงในจังหวัดสตูลซึ่งมีหลากหลายชาติพันธุ์ เช่น มาเลย์มุสลิม อาศัยอยู่ในหมู่บ้านภายในบริเวณป่าโกงกางอย่างสันโดษ หรืออาศัยอยู่บนเรือหรือที่พักตามป่าชายเลนชั่วคราว ส่วนในตัวเมืองระนอง ภูเก็ต มักเป็นถิ่นฐานของคนไทยและคนจีน (หน้า 222) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งชุมชนในภาคใต้มีทั้งหนาแน่นและเบาบาง ชุมชนเมืองเติบโตอย่างรวดเร็วและมักเป็นพื้นที่อยู่ของคนไทยและคนจีน สำหรับเมืองตั้งแต่ในจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสจะมีชุมชนอยู่หนาแน่นในตัวเมืองด้วย (หน้า 220) ชาวประมงในจังหวัดสตูลซึ่งมีหลากหลายชาติพันธุ์ เช่น มาเลย์มุสลิม อาศัยอยู่ในหมู่บ้านภายในบริเวณป่าโกงกางอย่างสันโดษ หรืออาศัยอยู่บนเรือหรือที่พักตามป่าชายเลนชั่วคราว ส่วนในตัวเมืองระนอง ภูเก็ต มักเป็นถิ่นฐานของคนไทยและคนจีน (หน้า 222) |
|
Demography |
ไม่ได้ระบุชัดเจน กล่าวถึงเพียงจำนวนประชากรรวมไทย-มุสลิมว่ามี 820,000 คน ปัจจุบันอาจเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน (หน้า 213) นอกจากนี้ ข้อมูลปี ค.ศ. 1990 จำนวนประชากรทางภาคใต้บ่งบอกว่า 75% เป็นประชากรทำงานเกษตรกรรมและประมง (หน้า 220) ปี ค.ศ. 1960 มีข้อมูลจำนวนชาวมุสลิมในจังหวัดสงขลา 19% (หน้า 222) ส่วนจังหวัดยะลาและสตูลมีจำนวนประชากรทั้งไทยและมุสลิมบริเวณชาวฝั่งครอบคลุมพื้นที่ 200 คนต่อตารางกิโลเมตร ส่วนพื้นที่ปลูกยางพาราและทำดีบุกมีผู้อยู่อาศัยเฉลี่ย 20-50 คนต่อตารางกิโลเมตร โดยมีสัดส่วนของคนงานไทยและจีนที่เพิ่มขึ้น (หน้า 223) (ดูแผนที่ความหนาแน่นของคนมุสลิมในจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ของประเทศไทย หน้า 221) |
|
Economy |
ในจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสผู้คนที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มีการปลูกข้าวและการประมงเป็นหลัก ในจังหวัดยะลาและสตูลมีจำนวนประชากรน้อยก่าและมีทั้งชาวไทยและคนไทยเชื้อสายอื่น ส่วนจังหวัดชายแดนลงมาทางทิศใต้ของสงขลาเป็นพื้นที่ของที่พบมุสลิมอยู่ตามชายฝั่ง ในปัตตานีมีหมู่บ้านประมง ส่วนหมู่บ้านไทย-มุสลิมปลูกมะพร้าว และเลี้ยงปลาตามริมฝั่งแม่น้ำ ลึกเข้าไปในแผ่นดินปัตตานีมีการปลูกข้าว สวนมะพร้าว และปลูกผลไม้เช่น เงาะ ตามคันดินริมแม่น้ำ ในพื้นที่จังหวัดยะลาและสตูลมีการปลูกข้าว ปลูกยางพาราและทำดีบุก เศรษฐกิจสังคมของพื้นที่มุสลิมทางชายฝั่งประสบปัญหาเรื่องสภาพดิน เพราะเป็นดินทราย แต่ชาวบ้านก็เลี้ยงตัวได้ด้วยการปลูกข้าวและทำประมงเป็นหลัก จังหวัดพัทลุงมีการปลูกข้าว 63% ของพื้นที่เพาะปลูก มีคนไทย-มุสลิม 8% เข้ามาใช้พื้นที่ และคนไทย 78% (หน้า 222,223) นอกจากนี้การปลูกยางพารากำลังได้รับการพัฒนาเพื่อได้มาตรฐานนานาชาติ และแข่งขันกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันมาเลเซียก็ได้เริ่มปลูกปาล์มน้ำมันและพืชผลอื่นๆ ซึ่งในประเทศไทยนอกเหนือไปจากการทำสวนทำนาก็ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างปาล์มน้ำมัน โดยนำเข้ามาปลูกในประเทศเมื่อปี ค.ศ.1969 (หน้า 225) เนื่องจากมีป่าชายเลนมาก จึงเกิดการตัดไม้และการทำฟืนทั้งผิดหรือถูกกฏหมาย มีการเลี้ยงกุ้งกุล เลี้ยงปลา บริเวณป่าชายเลน จากการสำรวจพบว่าจำนวนป่าชายเลนลดลงและระบบนิเวศถูกทำลาย ส่วนชุมชนจับปลาในท้องถิ่นที่โดยส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและชาวน้ำหรือมอร์แกนทางภาคใต้ก็ขยับขยายไม่ได้ และเหล่านักลงทุนที่มีเครื่องมือดีกว่าก็ออกไปจับปลาในน้ำลึก เกิดการทำอุตสาหกรรมกระป๋อง การนำเข้า-ส่งออกอาหารทะเล และการจ้างแรงงานชาวอีสาน (หน้า 226) ในช่วงยุค 70 เป็นยุควิกฤตน้ำมันทำให้ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มสูง การประมงก็ถดถอยลง แต่ตลาดเริ่มเปิดกว้างขึ้นทำให้สินค้าประเภทอาหารทะเลเติบโตขึ้นพร้อมๆ กับการท่องเที่ยว (หน้า 227,228) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
แผนพัฒนาแห่งชาติเร่งขยายตัวเมืองและกระจายอำนาจจากศูนย์กลางไปยังท้องถิ่น มีการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรม ท่าเรือ ที่ท่าเรือน้ำลึกของสงขลาจะถูกสร้างเป็นจุดทำการค้ากับสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น และยุโรป อีกทั้งยังมีแผนทำโครงการคอคอดกระ เพื่อลดการจราจรตรงช่องแคบมะละกา เพื่อใช้เป็นท่าเรือน้ำลึกและ เป็นทางผ่านของท่อส่งน้ำมัน ยังมีข้อถกเถียงกันในเรื่องค่าใช้จ่าย เทคนิค เศรษฐกิจ และอื่นๆ (หน้า229) |
|
Map/Illustration |
Fig. 8 การสนับสนุนการพัฒนาในภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทย (หน้า 212) Fig .9 ความหนาแน่นของประชากร (รวมทั้งในเขตเทศบาล) และบริเวณที่ปลูกข้าวเป็นพืชหลักในภาคใต้ของประเทศไทย (หน้า 221) Fig. 10 ชาวมุสลิมในจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย (หน้า 221) |
|
|