สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,ผู้หญิง,สถานภาพ,อำนาจ,ความไม่เท่าเทียม,ภาคเหนือ
Author Patricia V. Symond
Title From Gendered Past to Gendered Future : Hmong Women Negotiating Gender Inequity in Northern Thailand
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 11 Year 2542
Source 7 th International Conference on Thai Studies Amsterdam, 4-8 July 1999
Abstract

บทความนี้ต้องการนำเสนอว่าในสังคมม้ง แม้ผู้ชายจะเป็นใหญ่ แต่ผู้เขียนเห็นว่า ยังมีช่องทางในวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของชาวม้ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีอิทธิพล มีอำนาจต่อรอง และมีเสรีภาพในหลายๆ เรื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพทางเพศซึ่งคล้ายๆ กับตะวันตก เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำนม บทบาทของพี่สาวน้องสาว และในปัจจุบัน ผู้หญิงม้งดูเหมือนว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลในทางเศรษฐกิจเมื่องานฝีมือและผ้าทอของผู้หญิงม้งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

Focus

ศึกษาความคิดเรื่องบทบาท หน้าที่และสถานภาพของผู้หญิงม้งในแง่มุมต่างๆ คือ การสืบพันธุ์ เพศสัมพันธ์ ความหมายของสินสอด บทบาทของ "พี่สาวน้องสาว" และความคิดในการจัดพิธีกรรมหลังความตายของผู้หญิง (หน้า 1)

Theoretical Issues

ไม่ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ม้ง

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ระบุ

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ไม่ระบุ

Settlement Pattern

ไม่ระบุ

Demography

ไม่ระบุ

Economy

ไม่ระบุ

Social Organization

จากหลักฐานการวิจัยที่ปรากฏมีความชัดเจนว่า สังคมม้งเป็นสังคมที่ผู้ชายมีสถานภาพสูงกว่าผู้หญิง ม้งเองก็บอกว่าผู้ชายสำคัญกว่า และม้งก็คือความเป็นชาย ซึ่งก็ดูสอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่ว่าม้งสืบตระกูลข้างฝ่ายชาย และผู้ชายเท่านั้นที่มีบทบาทในทางการเมือง (หน้า 2) เสรีภาพทางเพศ และการแต่งงาน แม้ในสังคมม้งจะมีประเพณีที่เข้มงวด แต่ก็จะมีโอกาสสำคัญๆ เช่น งานปีใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้พบปะกับชายหนุ่ม เพื่อเลือกคู่ การร้องเพลง การเล่นเกมส์โยนลูกบอลจะเป็นช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่พึงใจ โดยไม่ผิดประเพณีหรือถูกลงโทษ และหลังจากนั้นก็จะพบปะกันจนกว่าจะตกลงแต่งงาน หรือตั้งครรภ์ ผู้หญิงม้งจะมีผู้ชายเผื่อเลือกได้หลายคน จนกว่าจะตั้งครรภ์ โดยทั่วไปผู้หญิงม้งจะตั้งครรภ์อายุประมาณ 20 ปี หากไม่มีใครยอมรับลูกในท้อง เด็กจะตกเป็นภาระดูแลของผู้หญิง อาจจะถูกชาวบ้านนินทาบ้าง แต่ก็เป็นที่ยอมรับได้ แสดงให้เห็นถึงเสรีภาพทางเพศของผู้หญิงม้งที่มีมากกว่ากลุ่มชนอื่นๆ ในเอเชีย (หน้า 6) ค่าสินสอด ในการแต่งงานนั้น ผู้ชายม้งจ่ายเงินค่าสินสอดเพื่อซื้อเมีย ค่าสินสอดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นค่าน้ำนมและค่าดูแลของพ่อแม่ผู้หญิง ส่วนที่สอง เป็นค่าเสื้อ ซึ่งจ่ายเป็นสัญลักษณ์ว่าจะซื้อเสื้อของลูกซึ่งผู้หญิงจะเป็นผู้ทำขึ้น เพราะในประเพณีม้ง ลูกถือเป็นสมบัติของตระกูลฝ่ายชาย (หน้า 9) การหย่าร้าง หลังจากแต่งงานแล้ว ผู้หญิงตกเป็นสมบัติของแซ่ตระกูลสามี ต้องออกจากบ้านมาอยู่กับสามี ในสถานภาพทางสังคม แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมีอิทธิพลน้อยมากในการควบคุมพฤติกรรมของสามี การหย่าร้างในสังคมม้งมีน้อยมาก เพราะเมื่อหย่าร้างทรัพย์สินทุกอย่างจะตกเป็นของบ้านสามี ผู้หญิงมักจะเก็บปัญหาไว้ที่บ้าน แต่ถ้ามีการทะเลาะกันรุนแรง และอ้อนวอนขอร้องสามีดีๆ ไม่สำเร็จ ผู้หญิงจะหนีออกจากบ้าน กลับไปอยู่กับครอบครัวเดิม หรือไปอยู่บ้านญาติ ผู้ชายจะต้องไปตามกลับมา ไม่เช่นนั้นจะถูกญาติพี่น้องตำหนิ เมื่อผู้ชายไปรับผู้หญิงต้องกลับมา เพราะกลัวถูกญาติตำหนิ ม้งจะเกรงการถูกตำหนิและไม่ยอมรับจากญาติมาก (หน้า 7) หากไม่มีความสุขในชีวิตครอบครัวมากๆ จริงๆ ผู้หญิงจะร้องเป็นเพลง แต่งเป็นนิทานเพลงร้องอยู่หน้าบ้านผู้ชาย หรือออกไปรวมกลุ่มกับผู้หญิงจากบ้านอื่นๆ ที่จะมาช่วยกันปลอบใจ ผู้หญิงจะร้องไห้ต่อหน้าเพื่อบ้านเหล่านั้น เพื่อเป็นการกดดันสามี ให้สามีออกมาเจรจาปรับความเข้าใจ วิธีสุดท้ายที่ผู้หญิงม้งทำก็คือ การกินยาฝิ่นฆ่าตัวตาย หากมีการหย่ากันจริงๆ ทรัพย์สิน และลูกๆ จะตกเป็นของผู้ชายทั้งหมด

Political Organization

ไม่ระบุ

Belief System

ในสังคมม้งได้รับอิทธิพลความเชื่อเรื่องต่างๆ จากจีน โดยเฉพาะในเรื่องเพศ ซึ่งอธิบายโดยใช้หลักของชี่ (พลังชีวิต) หยิน (หญิง) หยาง (ชาย) ม้งแบ่งสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ และทิศทางซ้ายขวาเป็นตัวแทนของเพศ เช่น แผ่นดิน และพระอาทิตย์เป็นผู้หญิง ฟ้าและพระจันทร์เป็นผู้ชาย และผู้ชายเปรียบเหมือนมือซ้าย ผู้หญิงเหมือนมือขวา ซึ่งแตกต่างจากสังคมอื่นที่มือขวาเปรียบเหมือนผู้ชาย ม้งเปรียบผู้ชายเหมือนกระดูกในร่างกาย ส่วนผู้หญิงเป็นเลือดเนื้อ ผู้ชายเป็นโครงสร้างหลักของสังคม ผู้ชายจึงสำคัญกว่า แม้ผู้หญิงจะมีความสำคัญ แต่ผู้หญิงเปลี่ยนแปลง ภรรยาและลูกสาวเปรียบเสมือนดอกไม้และใบไม้ ขณะที่ผู้ชายเปรียบดั่งกิ่งก้านและลำต้น แข็งแรงและไม่เปลี่ยนแปลง (หน้า 4) หลังคลอด 30 วัน ห้ามผู้หญิงม้งพบปะพูดคุย หรือออกนอกบ้านไปไหน เพราะจะทำให้คนในครอบครัวและคนอื่นเดือดร้อน บ้านที่มีคนคลอดลูกใหม่จะมีสัญลักษณ์ต้องห้ามทำด้วยไม้ไผ่แสดงไว้ให้เห็น (หน้า 8) ความเชื่อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวกับน้องชาย (หรือพี่ชายกับน้องสาว) หากพี่ชายหรือน้องชายเสียชีวิต ศพจะทำพิธีเผาหรือฝังไม่ได้จนกว่าพี่สาวหรือน้องสาวและสามีของเธอจะมาร่วมพิธี (หน้า 8) ความเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำนม ม้งเชื่อว่าน้ำนมแม่เป็นอาหารอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นยาวิเศษที่ใช้รักษาคนใกล้ตาย หากมีการใช้นำนมไปในทางที่ผิดจะเกิดหายนะอันตรายขึ้น ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้ผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ ทำอาหาร เพราะเกรงว่าน้ำนมอาจจะไหลลงอาหารของคนในครอบครัว (หน้า 7) ในทำนองเดียวกันกับเลือดประจำเดือนครั้งแรกของหญิงสาว ม้งถือว่าศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน จะมีการเก็บตากแห้งไว้ปรุงยารักษาโรคด้วย (หน้า 7)

Education and Socialization

ไม่ระบุ

Health and Medicine

มีเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้หญิงหลังคลอด ที่ต้องได้รับการควบคุมดูแลใกล้ชิดอยู่แต่ในบ้าน ไม่ให้ออกไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นนอกบ้าน กินอาหารตามความเชื่อคือเนื้อไก่ ซึ่งสามีจะเป็นคนฆ่าไก่ และทำกับข้าวให้กินทุกวัน (หน้า 8)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การปักผ้า ที่เรียกว่า "paj ntaub" หรือผ้าดอกไม้ที่เป็นลวดลายเฉพาะของม้งถือวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของชนเผ่าก็ว่าได้ ทักษะการทอผ้าและปักผ้านี้ผู้หญิงม้งทุกคนต้องทำได้ เด็กผู้หญิงอายุตั้งแต่ 2-3 ขวบก็จะถูกฝึกให้ทำงานฝีมือเหล่านี้ เมื่อแต่งงานและย้ายไปอยู่บ้านสามีงานฝีมือ เสื้อผ้า กระโปรง เข็มขัด ย่ามเหล่านี้จะถือเป็นสินส่วนตัวที่ผู้หญิงจะนำไปด้วย และผู้หญิงต้องทอผ้า ปักผ้าสำหรับพิธีศพของเธอเองและสามีด้วย เสื้อผ้าถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในวัฒนธรรมม้งที่บ่งบอกถือสถานภาพทางเพศ และความมีตัวตนของผู้หญิงม้ง (หน้า 10) นอกจากนี้ ผ้าดอกไม้ยังถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการพิจารณาเรื่องค่าสินสอด และเป็นผลผลิตที่ขายได้ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้หญิงม้งมีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจขึ้นมา (หน้า 11)

Folklore

มีตำนานเรื่องทำไมผู้ชายต้องเป็นใหญ่ ซึ่งอธิบายความเชื่อของม้งเรื่องหนึ่งว่า ได้มีการต่อสู้ของกลุ่มคนสองกลุ่มเพื่อจะปกครองโลก กลุ่มหนึ่งนำโดยพระราชา และอีกกลุ่มหนึ่งนำโดยพระราชินี เทวดาจึงทดสอบผู้นำทั้งสอง ว่าใครจะสามารถเป็นผู้ปกครองได้ โดยให้พระราชาฆ่ามเหสีทั้งเจ็ดทิ้ง และให้พระราชินีฆ่าสวามีทั้งเจ็ดเสีย เพื่อแสดงความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง พระราชินีสั่งตัดเศียรสวามีทั้งเจ็ดทันที แล้วหิ้วไปให้เทวดาดู ฝ่ายพระราชาปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งเทวดา ด้วยเหตุผลว่ามเหสีทั้งเจ็ดกำลังให้นมพระโอรส-ธิดาอยู่ ถ้ามเหสีสิ้นพระชนม์ พระโอรส-ธิดาก็จะสิ้นพระชนม์ไปด้วยเพราะไม่มีอาหาร เทวดาจึงตัดสินให้เพระราชาเป็นผู้ปกครองโลก เพราะเข้าใจความหมายของชีวิตมากกว่า (หน้า 5) นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการคลอดลูกของผู้หญิงว่า สมัยก่อนผู้ชายม้งจะเป็นคนคลอดลูกเอง ซึ่งใช้เวลานาน 7 วัน 7 คืน เพราะช่องทางการคลอดเล็ก เรื่องเล่าบอกต่อไปว่า หลังจากนั้นผู้ชายก็เลี้ยงดูลูกที่เกิดใหม่อย่างไม่ระมัดระวัง เขาผูกขาลูกไว้เวลาต้องออกไปทำงานในไร่ ทำให้ไก่กินลูก ผู้หญิงม้งจึงเจรจาต่อรองขอเป็นผู้คลอดและเลี้ยงลูกเอง แต่มีข้อแม้ว่าผู้ชายจะต้องฆ่าไก่ให้กินทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน จึงเป็นธรรมเนียมถือปฏิบัติสืบมา ที่ผู้ชายม้งจะต้องฆ่าไก่ให้ภรรยากินหลังคลอด (หน้า 8) มีนิทานเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้องของม้ง และอิทธิพลของแม่ยาย ที่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีม้งสองพี่น้อง พี่ชายและน้องสาว(หรืออาจจะกลับกัน) ทั้งคู่แต่งงานและมีลูก พี่ชายมีลูกชาย น้องสาวมีลูกสาว ลูกชายของพี่ชายมีสมพันธ์ทางเพศกับลูกสาวของน้องสาว จนตั้งท้อง น้องสาวไปต่อว่าพี่ชาย และพี่ชายบอกว่าจะต้องฆ่าลูกชายเขาทิ้ง แต่น้องสาวขอร้องไว้ว่าให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แต่มีข้อแม้ว่านับต่อแต่นี้ไปลูกชายของพี่จะต้องอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของเธอตลอดชีวิต (หน้า 8)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ระบุ

Social Cultural and Identity Change

วัฒนธรรมและค่านิยมของผู้หญิงสังคมม้งเปลี่ยนแปลงไปมากจากการติดต่อกับโลกภายนอกอิทธิพลของรัฐบาลไทยที่เข้าไปพัฒนา การอพยพไปใช้แรงงานในเมือง สื่อต่างๆ นักท่องเที่ยวตะวันตก (หน้า 2) นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความเสี่ยงของผู้หญิงม้งกับโรคเอดส์ (หน้า 3)

Text Analyst จุไรรัตน์ ปานนิล Date of Report 26 ก.ย. 2567
TAG ม้ง, ผู้หญิง, สถานภาพ, อำนาจ, ความไม่เท่าเทียม, ภาคเหนือ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง