|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง, เมี่ยน, ลีซู, ลาหู่,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), ชาวเขา,วิถีชีวิต,เชียงราย |
Author |
Lucien M. Hanks, Lauriston Sharp, Jane R. Hanks |
Title |
A Report on Tribal Peoples in Chiangrai Province North of the Mae Kok River |
Document Type |
- |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อ่าข่า, ลีซู, ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, อิ้วเมี่ยน เมี่ยน, โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
110 |
Year |
2507 |
Source |
The Siam Society Under Royal Patronage |
Abstract |
วิถีชีวิตชาวเขาในจังหวัดเชียงราย ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 150-100 ปีที่แล้วจากเดิมที่เคยดำรงชีพตามวิถีดั้งเดิม โดยชาวเขาเหล่านี้เป็นผู้รับและผู้ถูกกระทำ กล่าวคือ เมื่อชาวเขามีการติดต่อกับคนที่อยู่พื้นราบมากขึ้นก็รับเอาวัฒนธรรมมาด้วย เช่น การแต่งกาย การพูดภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิถีชีวิตจากเดิมที่มีการพึ่งพาตนเองก็หันมาพึ่งพาตลาดมากขึ้นในการซื้อหาสินค้าและการขายผลผลิตทั้งที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรและหัตถกรรม จากการผลิตเพื่อใช้กลายมาเป็นการผลิตเพื่อขายตอบสนองความต้องการของตลาดท่องเที่ยว แม้ชาวเขาในปัจจุบันจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแต่ต้องแลกมาด้วยจิตวิญญาณและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตน และการถูกสร้างภาพให้กลายเป็นผู้ก่อปัญหาเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าและการปลูกฝิ่น |
|
Focus |
ศึกษาสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต โดยภาพรวมของชาวเขากลุ่มต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดเชียงราย ทางภาคเหนือของประเทศไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
อาข่า ลีซู เย้า ลาหู่ และกะเหรี่ยง |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ชาวเขากลุ่มต่างๆ จะมีภาษาพูดเป็นของตนเอง แต่ภาษาไทยภาคเหนือมีความสำคัญและได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร (หน้า 50-58) ชาวเขาที่รู้ภาษาไทยมีมากกว่าจำนวนคนไทยที่รู้ภาษาชาวเขา ทำให้บางครั้งภาครัฐสื่อสารกับชาวเขาไม่เข้าใจกัน รวมถึงสื่อต่างๆ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจนำเสนอเรื่องราวของการอพยพเข้ามาของชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เท่าที่ควร สื่อประเภทวิทยุเป็นสื่อที่ดีที่สามารถเข้าถึงชาวเขาได้ง่ายและเป็นสื่อในการแพร่กระจายความรู้ สู่ชาวเขาทั้งในแง่การให้ข่าวสารและการให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย ตามศูนย์พัฒนาชาวเขาต่างๆ ควรจะมีล่ามที่รู้ภาษาชาวเขาประจำอยู่ ภาครัฐควรส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพบปะพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อปรึกษาหารือและสร้างความร่วมมือและความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาครัฐและชาวเขา (หน้า 73-75) |
|
Study Period (Data Collection) |
10 มกราคม 1964 - พฤษภาคม 1964 |
|
History of the Group and Community |
ชาวเขาอพยพมาจากประเทศพม่าเข้ามาอาศัยในประเทศไทยเมื่อราว 150-100 ปีมาแล้ว ลาหู่และลีซูเป็นกลุ่มแรกๆ ที่อพยพเข้ามา ตามด้วยอาข่าและกลุ่มอื่นๆ อาข่าจะตั้งถิ่นฐานกระจายตัวอยู่มากที่ ต. แม่คำ บริเวณชายแดนไทย-พม่า และอีกจำนวนน้อยที่ ต.ป่าซาง และแม่จัน อาข่าส่วนใหญ่อพยพมาจากพม่าเมื่อ 50 ปีมาแล้ว ลาหู่จะอยู่กันมากที่ อ.เชียงราย ต.แม่จัน เรื่อยไปจนถึงชายแดนไทย-พม่า ลีซู จะตั้งถิ่นฐานกันบริเวณทางใต้ของแม่น้ำแม่กก เย้าอพยพมาจากลาว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาที่ อ.แม่จัน และบริเวณภูเขาที่เป็นรอยต่อระหว่าง จ.เชียงรายและเชียงใหม่ ส่วนเย้าที่ อ.เชียงรายอพยพมาจากลาวเมื่อ 100 ปีมาแล้ว กะเหรี่ยง อาศัยบริเวณที่ลุ่มแม่น้ำแม่กก มาจากลำปางและเชียงใหม่ มาถึงที่บริเวณลุ่มแม่น้ำแม่กกเมื่อ 40 ปีมาแล้ว (หน้า 6-8) |
|
Demography |
ผู้เขียนใช้คำว่า Ethnic ที่หมายถึง กลุ่มคนที่มีวัฒณธรรมประเพณี เฉพาะตน ซึ่งแตกต่างจากลุ่มคนไทยหรือวัฒนธรรมหลัก โดยแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มคือ ไทย ฉาน จีนยูนนาน กะเหรี่ยง ลีซู เย้า ลาหู่ และอาข่า มีอยู่ 3 กลุ่มที่จะเรียกว่า Tribal คือ กะเหรี่ยง ลีซู เย้า ลาหู่ และอาข่า ประชากรในแต่ละตำบลมีดังนี้ ที่ ต.แม่คำมีประชากรที่เป็นอาข่า 2,774 คน ลาหู่ 314 คน ลีซู 366 คน จีน 438 คน รวมแล้ว 3,892 คน ที่ ต.ป่าซาง มีประชากรที่เป็นอาข่า 1,983 คน ลาหู่ 454 คน เย้า 291 คน ลีซู 252 คน ฉาน 64 คน จีน 69 คน รวม3113 คน ที่ ต.แม่จัน มีประชากรที่เป็นอาข่า 311 คน ลาหู่ 844 คน เย้า 668 คน ลีซู 414 คน รวม 2,237 คน ประชากรในแต่ละอำเภอมีดังนี้ อ.แม่จัน มีประชากรที่เป็นอาข่า 5,068 คน ลาหู่ 1,612 คน เย้า 959 คน ลีซู1032 คน ฉาน 64 คน จีน 507 คน รวม 9,242 คน อ.เชียงแสน มีประชากรที่เป็นลาหู่ 187 คน รวม 432 คน รวม 619 คน อ.แม่สาย มีประชากรที่เป็นอาข่า 555 คน ลาหู่ 188 คน จีน 1,558 คน รวม 2,301 คน อ.เมืองเชียงราย มีประชากรที่เป็นอาข่า 471 คน ลาหู่1,024 คน เย้า126 คน กะเหรี่ยง 967 คน ฉาน 151 คน รวม 2,739 คน พื้นที่ทำการศึกษาบริเวณแม่น้ำแม่กก มีประชากรที่เป็นอาข่า 6,281 คน ลาหู่2,824 คน เย้า1085 คน ลีซู 1,032 คน กะเหรี่ยง 967 คน ฉาน 647 คน จีน2,065 คน รวม14,901 คน (หน้า4-6) |
|
Economy |
เศรษฐกิจพื้นฐานของชาวเขา ทำการเพาะปลูก เช่น ปลูกข้าว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ฟักทอง พริกไทย กล้วย สัปปะรด ยาสูบเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ เป็ด ไก่ หมู วัวควาย และสุนัข บางช่วงที่ข้าวที่ปลูกไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทำให้ชาวเขาต้องซื้อข้าวจากคนบนพื้นที่ราบ ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดิน ชาวอาข่าจะกินหมูปีละหนึ่งครั้งในช่วงการฉลองขึ้นปีใหม่ ไก่เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงแขกที่มาเยือน และในโอกาสพิเศษ การล่าสัตว์ป่ามีน้อยลง อีกทั้งชาวอาข่าใช้ควายในพิธีบูชายัญ (หน้า 18-22) การผลิตสิ่งของเครื่องใช้และเครื่องแต่งกายใช้เอง ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก โดยชาวเขาพึ่งพิงตลาดมากขึ้น รายได้ของชาวเขาต่อคน จากการสำรวจหมู่บ้านจำนวน 30 หมู่บ้าน (พ.ศ. 2506) พบว่า มี11 หมู่บ้านที่มีรายได้ 0-499 บาท จำนวน 4 หมู่บ้านที่มีรายได้ 500-999 บาท จำนวน 7 หมู่บ้านที่มีรายได้1,000-1,499 บาท จำนวน1หมู่บ้านที่มีรายได้ 1,500-1,999 บาท จำนวน1หมู่บ้านที่มีรายได้ 2,000-2,499 บาทและจำนวน 2 หมู่บ้านที่มีรายได้ 3,000 บาท ขึ้นไป โดยเฉลี่ยแล้วรายได้ต่อหัวของชาวเขาอยู่ที่ 808 บาท รายได้นอกจากมาจากการขายผลผลิตทางการเกษตรแล้วยังมีรายได้จากค่าจ้างในการไปรับจ้างในไร่นา (หน้า24-28) ตลาดในตัวเมืองเป็นแหล่งรวมสินค้าที่ชาวเขานำมาค้าขายและที่ชาวเขาเลือกซื้อ เงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนมีทั้งเงินพม่า เงินอินเดียและเงินไทย (หน้า 28-31) ควรมีการศึกษาเรื่องช่องทางตลาดสินค้าที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรของชาวเขา รวมถึงจัดหาอุปกรณ์การเกษตร ฝึกอบรมการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นสินค้า และนำพันธุ์พืชใหม่ๆ ไปเพาะปลูก(หน้า 66-68) จำนวนสัตว์เลี้ยงในความครอบครองเป็นดัชนีชี้วัดความมั่งคั่งได้ จากการสำรวจ 30 หมู่บ้านพบว่า หมู่บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง 1-9 ตัวมีจำนวน 4 หมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงจำนวน 10-19 ตัว มีจำนวน 7 หมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงจำนวน 20-29 ตัวมี 7 หมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงจำนวน 30-39 ตัวมีจำนวน 6 หมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงจำนวน 40-49ตัวมี 2 หมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงจำนวน 50-59 ตัวมีจำนวน1หมู่บ้าน และอีก1 หมู่บ้านมีสัตว์เลี้ยงจำนวน 70-79 ตัว โดยเฉลี่ยแต่ละหมู่บ้านมีสัตว์เลี้ยง 27.6 ตัว (หน้า 23-24) |
|
Political Organization |
แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้นำทางสังคมของตนเองมีอำนาจในการปกป้องหมู่บ้านตัดสินปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น การเลือกผู้นำจะใช้ความมั่งคั่งมาใช้ในการพิจารณาว่าผู้ใดสมควรที่จะเป็นผู้นำหมู่บ้าน บ้านของผู้นำจะเป็นสถานที่ใช้ในการประชุมชาวบ้าน ผู้นำชุมชนชาวเขารุ่นหลังๆ มีความรู้ภาษาไทยเพิ่มขึ้น (หน้า 35-41) |
|
Education and Socialization |
มีโรงเรียนกระจายอยู่ทั่วไปบริเวณแม่น้ำแม่กก 7 โรงเรียนอยู่ในความดูแลของตำรวจตระเวณชายแดน ได้แก่ ดอยสะโง้ใน อ.เชียงแสน ผาหมี ใน อ. แม่สาย, ที่แสนชัย phale Caculaba หินแตก และบ้านปางนุ่น ใน อ.แม่จัน อีก 4 โรงเรียนอยู่ในความดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ สอนทั้งเด็กไทยและชาวเขา เย้าจะมีความกระตือรือล้นในเรื่องการศึกษามากที่สุด เนื่องจากได้รับ อิทธิพลวัฒนธรรมจีนที่เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา เย้าได้จ้างชาวจีนมาสอนหนังสือลูกหลาน พวกเย้าจะเขียนประวัติตนเองรวมถึงบันทึกตำรายาด้วยอักษรจีนไว้ด้วย (หน้า 43-45, 71-73) |
|
Health and Medicine |
จากการสำรวจ 50 หมู่บ้าน พบโรคที่เป็นสาเหตุการตายคร่าวๆ มีทั้งการตายแบบที่ไม่ทราบสาเหตุ การตายด้วยโรคไข้มาลาเรีย Diarrhea Swolen รวมทั้งโรคชราและการตายจากอุบัติเหตุ(หน้า42-43) อัตราการตายของชาวเขาสูง ยังไม่มีการวิจัยรวบรวมข้อมูลโรคภัยที่ชาวเขาเผชิญอย่างจริงจังและเป็นระบบ และหาทางป้องกันและรักษา ควรมีการตั้งศูนย์อนามัยที่ชาวเขาสามารถเข้าถึงได้สะดวก (หน้า 70-71) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เครื่องแต่งกายประจำกลุ่มชาติพันธุ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงอัตลักษณ์และการนิยามตนเองของกลุ่มตนอย่างชัดเจน แต่เดิมชาวเขาจะผลิตเครื่องแต่งกายและเครื่องใช้เองแต่ในปัจจุบันได้หันไปซื้อจากตลาดสินค้ามากขึ้นการทอผ้าและการทำเครื่องจักสานจึงมีให้เห็นน้อยลง มีเพียงอาข่ากับแม้วเท่านั้นที่ยังคงทำหัตกรรมของตนเองอยู่ รูปแบบการแต่งกายของผู้ชายก็เปลี่ยนไป โดยหันมาใส่กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตที่ขายตามตลาด แต่ผู้หญิงยังคงนุ่งห่มตามแบบประเพณีอยู่ สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีการรับปรับเปลี่ยนโดยการรับวัฒนธรรมหใหม่เข้ามาแล้ว ก็ยังคงมีการรักษาสิ่งดั้งเดิมไว้ เป็นการผสมผสานโลกเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน ในปัจจุบันหัตกรรมที่ชาวเขาทำขึ้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อการค้า โดยส่งไปขายยังร้านค้าตามแหล่งท่องเที่ยว และมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่เช่น บริษัทไหมไทยของ จิม ทอมป์สันเป็นการแพร่กระจายหัตกรรมของชาวเขาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มรายได้และสร้างอาชีพให้แก่ชาวเขาอีกทางด้วย หัตถกรรมชาวเขาที่มีขายได้แก่ เครื่องจักสาน เครื่องแต่งกาย และเครื่องเงิน (หน้า Appendix 1-18) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
การเดินทางติดต่อไปมาหาสู่กันระหว่างหมู่บ้านชาวเขาด้วยกันเองละกับคนไทยทำให้เกิดการแลกรับวัฒนธรรม และผสมผสานทางวัฒนธรรมจะเห็นได้จากเกิดการแต่งงานข้ามกลุ่ม(หน้า 45-50) ชาวเขามีการซึมซับวัฒนธรรมของชนพื้นราบมามากกว่า ทั้งในเรื่องของการทำการเกษตร การย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่บนพื้นที่ราบ การแต่งงานกับคนไทย การแต่งกายและการพูดภาษาไทย (หน้า 50-57) แม้รัฐบาลไทยจะมีการพยายามหลอมรวมชาวเขากับชาวไทยให้เป็นหนึ่งเดียว แต่ภาพลักษณ์ของชาวเขาที่ถูกสร้างขึ้นให้ถูกมองว่าเป็นคนสกปรก ติดฝิ่นและทำลายป่า เป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้รับความพยายามในการแก้ไข รวมถึงการให้บริการจากภาครัฐควรให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกับคนไทย (หน้า 58-60, 68-70) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ได้แก่ การพูดภาษาไทย การแต่งกาย การรับเทคนิคการเกษตรแผนใหม่ การผลิตเพื่อการค้าซึ่งแต่เดิมเป็นการผลิตเพื่อใช้เองในครัวเรือน |
|
Map/Illustration |
แผนที่จังหวัดเชียงราย (หน้า 80) |
|
|