สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,ระบบเครือญาติ,คำเรียกเครือญาติและโครงสร้าง
Author Gary Yia Lee
Title White Hmong Kinship : Terminology and Structure
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 12 Year 2529
Source Hmong World, 1, Yale University Southeast Asian Studies
Abstract

บทความชิ้นนี้ผู้เขียนศึกษาคำเรียกเครือญาติของม้งและวิเคราะห์ความสำคัญของคำเรียกในโครงสร้างเครือญาติและการจำแนกกลุ่มเครือญาติ หน่วยครอบครัวและและตระกูลข้างบิดาเป็นเกณฑ์พื้นฐานลำดับแรกของการจัดกลุ่ม ม้งมีสิทธิและภาระหน้าที่ต่อคนในกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มอื่นและตระกูลอื่น คำเรียกหลานชายและหลานสาวของพ่อที่เป็นลูกลุง - อาผู้ชายว่า nus muag (brothers and sisters) ซึ่งตรงกันข้ามกับหลานสาวและหลานชายของพ่อที่เป็น ลูกป้า-อาหญิง หลานสาวและหลานชายของแม่ที่เป็นลูกลุง-น้าชาย และหลานสาวหลานชายแม่ที่เป็นลูกของป้า-น้าสาวว่า npawg (counsins) สะท้อนถึงสิทธิและภาระหน้าที่ดังกล่าว ดังคำของ Radciff-Brown ที่ว่าคนที่ถูกเรียกขานด้วยคำคำเดียวกันเป็นคนที่มีภาระหน้าที่ต่ออีกคนหนึ่งแบบเดียวกัน (หน้า 11-12)

Focus

ศึกษาโครงสร้างสังคมและพฤติกรรมทางเครือญาติของม้งผ่านการทำความเข้าใจคำเรียกญาติ (หน้า 9)

Theoretical Issues

ผู้เขียนเสนอการมองโครงสร้างสังคมม้งผ่านการศึกษาคำเรียกเครือญาติ ที่บ่งบอก (guide) พฤติกรรมทางสังคมที่จัดวางคนเข้าไว้ในกลุ่มต่าง ๆ (categories) พร้อมทั้งกำหนดสถานภาพและบทบาทให้แก่พวกเขา (หน้า 1)

Ethnic Group in the Focus

ม้งขาว

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีรายละเอียด

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

เครือญาติ ม้งจำแนกญาติข้างพ่อมากกว่าญาติข้างแม่หรือญาติที่เกิดจากพันธะทางการแต่งงาน กลุ่มเครือญาติของคนคนหนึ่งจะถูกแยกออกจากกลุ่มอื่นโดยชื่อตระกูล คนที่มีชื่อตระกูลเดียวกันจะถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันหรือมีสายเลือดห่างกันก็ตาม ญาติข้างแม่ถือเป็นคนต่างตระกูลที่ไม่ได้ร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษเดียวกัน ยิ่งชื่อตระกูลและชื่อบรรพบุรุษต่างกันเท่าใด คนก็จะมองว่าตนเองเกี่ยวข้องกันน้อยเท่านั้น ชื่อตระกูล (clan) อาจจะบ่งบอกต้นกำเนิดร่วมกัน แต่การเป็นสมาชิกของสายตระกูล (lineage) จะต้องเป็นคนที่ร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษเดียวกันกับสมาชิกของกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้น ญาติผู้ชายจะมีความสำคัญมากกว่าญาติผู้หญิง หลังจากแต่งงานแล้วผู้หญิงจะถูกมองว่าเป็นคนของตระกูลฝ่ายสามี (หน้า 6) ผู้เขียนแบ่งคำเรียกเครือญาติออกเป็น 6 กลุ่ม ตามลำดับชั้นความสัมพันธ์ใกล้-ไกลระหว่างตัวผู้พูด (ego) กับคนนั้น ได้แก่ 1.คำเรียกญาติลำดับชั้นที่หนึ่ง ได้แก่ สมาชิกในครอบครัว พ่อ แม่ ลูก (หน้า 2-3) 1.1. คำเรียกพ่อ-แม่ txiv พ่อ niam แม่ leej txiv พ่อของเด็ก leej niam แม่ tus txiv สามี poj niam ภรรยา koj tus txiv สามีของท่าน koj poj niam ภรรยาของท่าน kuv tus txiv สามีของฉัน kuv tus poj niam ภรรยาของฉัน niam hlob ภรรยาคนที่หนึ่ง niam nrab ภรรยาคนที่สองหรือคนกลาง ม้งไม่มีคำเรียกระหว่างสามี-ภรรยาโดยตรง อาจจะเรียกชื่อของอีกฝ่ายหนึ่งหรือคำที่ลูกใช้เรียกพ่อแม่ก็ได้ อาจใช้คำ koj niam - koj txiv และใช้คำ kuv tus txiv - kuv tus poj niam (หน้า 2) 1.2. คำเรียกลูก คำ me nyua หมายถึง เด็ก ๆ me tub ลูกชาย me ntxhais หรือ ntxhais ลูกสาว tus ntxhais hlob ลูกสาวคนโต tub ลูกชายของภรรยากับสามีคนก่อน ntxhais ลูกสาวของภรรยากับสามีคนก่อน 1.3. คำเรียกพี่น้อง เกณฑ์การเรียกพี่น้องของม้งมีทั้งอายุ เพศของพี่น้อง เพศของผู้พูด และสถานภาพการแต่งงาน ม้งมีคำ 2 คำสำหรับพี่น้องต่างเพศใช้เรียกอีกฝ่ายหนึ่ง คือ nus คำที่พี่น้องผู้หญิงใช้เรียกพี่น้องผู้ชาย muam คำที่ผู้ชายเรียกพี่น้องผู้หญิง nus muag พี่น้องผู้หญิงและพี่น้องผู้ชาย ในหมู่พี่น้องผู้หญิง สถานภาพการแต่งงานยังเป็นเกณฑ์กำหนดคำเรียกขานด้วย คำเรียกพี่น้องผู้ชายสำหรับพี่น้องผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานจะใช้คำว่า nus hlob พี่ชาย nus yau น้องชาย แต่ถ้าแต่งงานแล้วจะเรียกพี่น้องผู้ชายว่า dab laug ในทางตรงกันข้าม สำหรับพี่น้องผู้ชายไม่ว่าจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม จะเรียกพี่น้องผู้หญิงว่า muam hlob พี่สาวคนโต muam yau น้องสาว muam nrab พี่น้องผู้หญิงที่อยู่ระหว่างคนโต กับคนสุดท้อง ในกรณีที่เป็นการกล่าวขานถึงกันระหว่างพี่น้องผู้ชายจะใช้คำว่า kwv tij พี่ชายน้องชาย ซึ่งเป็นคำผสมระหว่างคำ kwv หมายถึง น้องชาย และคำ tij laug หมายถึง พี่ชาย ถ้าเป็นพี่น้องผู้หญิงกล่าวขานถึงกันใช้คำ viv ncaus พี่สาวน้องสาว และยังเป็นคำที่คนอื่นใช้เรียกด้วยทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นนั้น ม้งขาวไม่แบ่งแยกคำเรียกขานเด็ก ๆ ที่มีพ่อเดียวกันแต่ต่างมารดา เด็กผู้ชายที่มีพ่อคนเดียวกันถือเป็น kwv tij พี่ชายน้องชายที่แท้จริง ขณะที่ลูกสาวทั้งหมดเป็น viv ncaus พี่สาวน้องสาว ทั้งลูกชายและลูกสาวรวมกันเป็น nus muag พี่น้องหญิงชาย โดยการเชื่อมต่อและความสัมพันธ์กับลูกชายและลูกสาวของพี่น้องผู้ชายของพ่อ กลุ่มทั้งหมดจึงได้ก่อรูปเป็น ib cuab kwv tij หรือสายตระกูล (a lineage) (หน้า 3) 2.คำเรียกญาติลำดับชั้นที่สอง (Second-degree relationship terminology) (หน้า 3-6) 2.1.ปู่ย่าและพี่น้องของพ่อ yawg ปู่ poj ย่า pog yawg ปู่ย่า txiv hlob ลุง phauj ป้า-อาหญิง ใช้กับพี่น้องผู้หญิงของพ่อ txiv ntxawm อาผู้ชาย ม้งไม่แยกคำเรียกขานพี่สาวกับน้องสาวของพ่อ แต่แยกคำเรียกพี่ชายกับน้องชายของพ่อ เมื่อเรียกพี่ชายของพ่อจะใช้คำ hlob + ชื่อพี่ชายพ่อ โดยตัดคำ txiv ออกไป และเรียกน้องชายของพ่อโดยตัดคำ ntxawm ออกไป เหลือคำ txiv + ชื่อน้องชายพ่อ เกณฑ์การจำแนกตามอายุเห็นชัดเจนระหว่าง tij laug -พี่ชาย กับ kwv-น้องชายลุง หรือ txiv hlob-พี่ชายพ่อ และ txiv ntxawn-อาหรือน้องชายพ่อ แต่ในญาติผู้หญิงอายุไม่มีความสำคัญในการจำแนกเท่าผู้ชาย ไม่มีการแยกคำเรียกระหว่างพี่สาวกับน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหญิง (viv ncaus) พี่น้องผู้หญิงของพ่อเรียกว่า phauj เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าพ่อ ความแตกต่างนี้แสดงข้อเท็จจริงที่ว่าระบบเครือญาติของม้งเป็นการสืบสายตระกูลข้างบิดา (patrilineal) ลูกสาวเมื่อแต่งงานแล้วถือเป็นคนในตระกูลสามี ไม่สามรถกลับเข้าอยู่และตายภายใต้ผีบรรพบุรุษบ้านเดิมในฐานะญาติตามสายเลือดได้อีก ไม่ว่าเธอจะเป็นแม่ม่ายสามีตายหรือแม่ร้างหย่าสามี ก็ต้องอยู่ภายใต้ผีบรรพบุรุษสามี (หน้า 10) 2.2.ตายายและพี่น้องของแม่ yawm txiv ตา niam tais ยาย niam tais yawm txiv พ่อตาแม่ยาย dab laug พี่น้องผู้ชายของแม่(ลุง-น้าชาย) niam tais พี่น้องผู้หญิงของแม่ (ป้า-น้าสาว) ในการเรียกป้า-น้าสาวจะเหลือคำ tais + ชื่อของป้าหรือน้าสาว พี่น้องผู้หญิงของแม่ พี่น้องผู้ชายของแม่ ตายายและญาติที่เกี่ยวดอง (collateral relatives) ก่อรูปเป็น neej tsa หรือ พันธะโดยการแต่งงาน (affined ties) 2.3. คำเรียกเขย yawm yij สามีของพี่น้องผู้หญิง vauv สามีของลูกสาว 2.4.คำเรียกสะใภ้ niam tij ภรรยาของพี่ชาย niam ntxawm ภรรยาของน้องชาย tis nyab หรือ nyab พี่น้องผู้หญิงเรียกภรรยาของพี่น้องผู้ชาย nyab ภรรยาของลูกชาย 2.5. คำเรียกหลาน tub ลูกชายของพี่น้องผู้หญิง ntxbais ลูกสาวของพี่น้องผู้หญิง tub ลูกชายของพี่น้องผู้ชาย ntxhais ลูกสาวของพี่น้องผู้ชาย xeeb ntxwv ลูกชายของลูกชาย (หลานปู่) tub xeeb ntxwv หลานชาย ntxhais xeeb ntxwv หลานสาว ผู้เขียนกล่าวว่า เนื่องจากผู้หญิงที่แต่งงานเป็นตัวเชื่อมสำคัญระหว่างญาติข้างพ่อแม่กับญาติเกี่ยวดองโดยการแต่งงาน พี่น้องผู้ชายของเธอเรียกลูกชายของเธอว่า "ลูก" เพราะลูกชายของเธอหมายถึง (refer to) ตัวเธอที่เป็นพี่น้อง นั่นคือ ราวกับผู้พูดเป็นพี่น้องผู้หญิงคนนั้น ที่กำลังพูดกับลูกตนเอง ไม่ใช่เพราะลูกชายเธอมีนัยยะทางสังคมเหมือนกันกับลูกชายของพี่น้องผู้ชาย หรือลูกของตนเอง (หน้า 10) 2.6.คำเรียกพ่อแม่และพี่น้องของสามี txiv พ่อสามี niam แม่สามี txiv laus พี่ชายสามี txiv hlaus น้องชายสามี ม้งไม่มีคำเฉพาะสำหรับเรียกพี่น้องผู้หญิงของสามี อาจจะเรียกตามลูกโดยใช้คำ phauj (พี่สาวน้องสาวของพ่อ) แทนก็ได้ 2.7. คำเรียกญาติข้างภรรยา yawm txiv พ่อของภรรยา niam tais แม่ของภรรยา dab laug พี่น้องผู้ชายของภรรยา niam laus พี่สาวของภรรยา niam hlaus น้องสาวของภรรยา นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ม้งจัดสามีใหม่ของแม่เป็นญาติลำดับชั้นที่สองด้วย เด็ก ๆ เรียกสามีใหม่ของแม่ว่า txiv ตามประเพณีม้ง สามีใหม่ของแม่จะรับลูกของภรรยาที่เกิดจากสามีคนก่อนเข้าในตระกูลของตน ถ้าเด็ก ๆ อยู่ต่างตระกูลและยังต้องพึ่งพาแม่อยู่ และสามีคนก่อนหรือญาติของสามีคนก่อนไม่ได้อ้างสิทธิเหนือพวกเด็ก ๆ แต่ถ้าสามีใหม่และเด็ก ๆ อยู่ในตระกูลเดียวกัน ก็จะมีการปรับสภาพจิตใจระหว่างกัน บางครั้งก็กระทำผ่านพิธีกรรมหรือการรับรู้อย่างเป็นทางการ และบางทีสามีใหม่เป็นน้องชายของสามีคนก่อน และด้วยวิธีการนี้ สายตระกูลก็จะยังคงรักษาแม่ม่ายและลูกๆ ของเธอไว้ได้ แล้ว niam tij (ภรรยาของพี่ชาย) ก็จะเปลี่ยนเป็น poj niam (ภรรยาของฉัน) และ txiv tij (น้องชายพ่อ) ก็จะเป็น txiv (พ่อ) การแต่งงานกับภรรยาม่ายของพี่ชายน้องชายกระทำได้เฉพาะระหว่างภรรยาม่ายของพี่ชายน้องชายของสามีหรือญาติผู้น้องที่อยู่ลำดับชั้นเดียวกันเท่านั้น (หน้า 5) 3. คำเรียกญาติลำดับชั้นที่สาม (Third-degree relatives) (หน้า 6-8) 3.1. คำเรียกญาติลำดับรุ่น(generation)นับขึ้นไปชั้นที่สามจากตัวผู้พูด yawg koob พ่อของปู่(ทวด) pog koob แม่ของปู่(ทวด) yawm txiv พ่อของย่า niam tais แม่ของย่า yawm txiv พ่อของตา(ทวด) niam tais แม่ของตา(ทวด) 3.2. คำเรียกญาติรุ่นอายุเดียวกับพ่อแม่ผู้พูด yawm สามีของพี่น้องผู้หญิงของแม่ (พี่เขย-น้าเขยของแม่) niam dab laug ภรรยาของพี่น้องผู้ชายของแม่ (พี่สะใภ้-น้องสะใภ้ของแม่) yawg laus สามีของพี่น้องผู้หญิงของพ่อ (พี่เขย-น้องเขยของพ่อ) niam hlob + ชื่อ ภรรยาของพี่ชายของพ่อ(พี่สะใภ้ของพ่อ) niam ntxawn ภรรยาของน้องชายพ่อ(น้องสะใภ้ของพ่อ) 3.3. คำเรียกญาติอายุรุ่นเดียวกัน (generation) เป็นญาติข้างพ่อที่อยู่ในลำดับรุ่นเดียวกัน (เป็นลูกของพี่น้องพ่อ) โดยใช้อายุและเพศของผู้พูดเป็นหลัก ดังนี้ กรณีที่ผู้พูดเป็นผู้ชาย kwv ลูกชายของลุง-อาที่อายุน้อยกว่าผู้พูด tij ลูกชายของลุง-อาที่อายุมากกว่าผู้พูด npawg ลูกชายของป้า-อาหญิง แต่ถ้าผู้พูดเป็นหญิงจะใช้ dab ต่อท้ายชื่อคนนั้น muam ลูกสาวของลุง-อา muam npawg ลูกสาวของป้า-อาหญิง คำนี้ใช้กับลูกสาวของพี่สาวน้องสาวแม่และพี่ชายน้องชายแม่ด้วย แต่ถ้าผู้พูดเป็นหญิงจะใช้เฉพาะชื่อเท่านั้น กรณีผู้พูดเป็นผู้หญิง viv ncaus ลูกสาวของลุง-อา ผู้พูดเป็นหญิง 3.4.คำเรียกญาติรุ่นหลาน nyab ลูกชายของพี่น้องผู้ชาย vauv สามีของลูกสาวพี่น้องผู้ชาย 4. คำเรียกญาติลำดับชั้นที่สี่ (Quaternary relatives) 5. คำเรียกญาติลำดับชั้นที่ห้า (Quinary relatives) 6. คำเรียกญาติลำดับชั้นที่หก (Six-degree relatives) คำเรียกญาติลำดับที่สี่ ที่ห้าและที่หกนี้เป็นญาติที่สายเลือดห่างไกลกัน (Biologically distant relatives) ม้งจะนำคำเรียกญาติลำดับที่สองและสามมาใช้เรียก แม้อายุและเพศจะเป็นเกณฑ์การจำแนกคำเรียกขานที่สำคัญ แต่ทว่าการแต่งงานและผู้สืบสายตระกูล (descent) หรือญาติร่วมสายตระกูล (lineal and collateral relatives) ก็เป็นเกณฑ์การจำแนกที่มีนัยยะสำคัญมากกว่า ในหมู่ญาติที่จำแนกตามเกณฑ์ทั้งสามประการนี้ สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ 1. ญาติข้างพ่อ (the patrilineal relatives) ได้แก่ ลูกหลานข้างพ่อที่เป็นผู้ชายทั้งหมดและญาติใกล้ชิดของลูกหลานเหล่านั้น 2. ญาติโดยการแต่งงานและญาติตามสายเลือดของผู้หญิงที่แต่งงานเข้ามาในกลุ่ม (ตระกูล) 3. ลูกหลานและญาติโดยการแต่งงานของผู้หญิงที่เกิดในกลุ่ม (ตระกูล) และแต่งงานออกไปเข้าตระกูลอื่น ม้งจัดญาติสองกลุ่มหลังเป็น collateral relatives ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในลำดับรุ่นอายุเดียวกันของกลุ่มสายตระกูลถือเป็น kwv tij -พี่น้อง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง (male parallel counsin) ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกันก็ตาม ญาติผู้หญิงและผู้ชายในกลุ่มนี้จะเรียกคนอื่นอื่นว่า nus muag - พี่น้องผู้หญิงพี่น้องผู้ชาย และผู้หญิงทุกคนในกลุ่มถือเป็น viv ncaus - พี่สาวน้องสาว และก็มีข้อห้ามไม่ให้ญาติพี่น้องในกลุ่มนี้แต่งงานกัน (หน้า 10) ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีคำเรียกญาติลูกพี่ลูกน้องข้างพ่อกลุ่มนี้ (parallel counsin) เพราะลูกหลานทั้งหมดของผู้ชายในกลุ่มข้างพ่อถือเป็น nus muag - พี่น้องผู้หญิงพี่น้องผู้ชาย ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้อง(counsins) สำหรับญาติที่เกี่ยวข้อง(collateral relatives)หรือลูกหลานของลุง-น้าชาย (พี่น้องผู้ชายของแม่) ลูกหลานของป้า-น้าสาว และลูกหลานของป้า-อาหญิง (พี่น้องผู้หญิงของพ่อ) ไม่ใช้กฎข้อนี้ แต่จัดเป็น npawg - ลูกพี่ลูกน้อง(counsins) ซึ่งมีคำเรียกลูกพี่ลูกน้องดังนี้ 1. ผู้พูดเป็นเพศชายและลูกพี่ลูกน้องเป็นเพศชายเหมือนกัน ใช้คำ tij npawg ถ้าลูกพี่ลูกน้องคนนั้นอายุมากว่า และใช้คำ kwv npawg ถ้าอายุน้อยกว่าผู้พูด 2. ผู้พูดเป็นเพศชายและลูกพี่ลูกน้องเป็นเพศหญิง ใช้คำ muam npawg 3. ผู้พูดเป็นเพศหญิง ลูกพี่ลูกน้องเป็นเพศหญิง ใช้คำ viv ncaus (npawg) 4. ผู้พูดเป็นเพศหญิง ลูกพี่ลูกน้องเป็นเพศชาย ใช้คำ nus npawg กฎข้อนี้แสดงว่า ม้งขาวอนุญาตให้ผู้ชายแต่งงานกับหลานสาวของแม่ที่เป็นลูกลุงหรือน้าชาย หรือหลานสาวของพ่อที่เป็นลูกของป้าหรืออาหญิง และหลานสาวของแม่ที่เป็นลูกป้าหรือน้าสาวได้ (ญาติที่เป็น muam npawg) (หน้า 10-11) ผู้เขียนเห็นว่าการจัดกลุ่มญาติของม้งเป็นไปตามเกณฑ์ 8 ประการ (หน้า 9) คือ 1) รุ่นอายุเดียวกันหรือต่างกัน (different or same generation) 2) ความสัมพันธ์แนวตรงหรือแนวราบ (lineal or collateral relation) 3) อายุสัมพัทธ์ภายในรุ่น (relative age within the same generation) 4) เพศของญาติ (sex of relative) 5) เพศของผู้พูด (sex of speaker) 6) เพศของบุคคลที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างญาติคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง (sex of person who is a link between one relative and another) 7) ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือโดยการแต่งงาน(consanguine or affinal relation) 8) ญาติที่เป็นตัวเชื่อมยังมีชีวิตหรือตายแล้ว ผู้เขียนพบว่า คำศัพท์เครือญาติของม้งจำนวนที่มากที่สุด ได้แก่ คำเรียกที่จำแนกตามอายุ (พี่หรือน้องชาย) รุ่นอายุ (พ่อ ลูกชาย ลุง) และเพศ (พี่น้องผู้หญิง พี่น้องผู้ชาย ป้า) แม้อายุและเพศจะเป็นเกณฑ์การจำแนกคำเรียกขานที่สำคัญ แต่ทว่าการแต่งงานและการสืบสายตระกูล (descent) หรือญาติร่วมสายตระกูล (lineal and collateral relatives) ก็เป็นเกณฑ์การจำแนกที่มีนัยยะสำคัญมากกว่า (หน้า 10)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ไม่มีข้อมูล

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ไม่มี

Text Analyst อธิตา สุนทโรทก Date of Report 26 ก.ย. 2567
TAG ม้ง, ระบบเครือญาติ, คำเรียกเครือญาติและโครงสร้าง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง