สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject พวน ไทยพวน ไทพวน,การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม,สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Author สมศักดิ์ ศรีสันติสุข และคณะ
Title การศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทยพวน ไทพวน คนพวน, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 100 Year 2542
Source สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ
Abstract

บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้านการพักผ่อนหย่อนใจตามลำดับ ในขณะที่ด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวน้อยที่สุดและน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครองตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคมและปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความทันสมัยด้านวัตถุและการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยคือ การเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโสและปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน

Focus

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

Ethnic Group in the Focus

ลาวพวน

Language and Linguistic Affiliations

ภาษาพวนเป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาลาว ลักษณะทั่วไปของภาษาพวนคล้ายคลึงกับภาษาเวียงจัน(ภาษากลาง) นักสำรวจบางท่านจึงจัดให้เป็นภาษาย่อยของชนชาติลาวลุ่มของลาว(หน้า 26)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2542

History of the Group and Community

บ้านนาคูนน้อย เป็นบ้านหนึ่งของเผ่าลาวพวน ขึ้นกับเมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน เป็นชนบทพื้นฐานดั้งเดิม ตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2356 เป็นการเลือกทำเลที่ตั้งเมืองด้วยประเพณีดั้งเดิมมีการเลือกเสี่ยงทายหลายที่ ซึ่งเป็นที่เนินสูงเสี่ยงทายมิได้ แต่มาเสี่ยงทายได้ที่ราบเป็นไร่นา จึงได้เรียกชื่อบ้านว่าบ้านคูนนาน้อย คำว่า"น้อย"หมายความว่ามีไม่มาก เพราะผู้ย้ายมาครั้งแรกมีเพียงแค่ 11 ครัวเรือนเท่านั้น (หน้า 7)

Settlement Pattern

ไม่ปรากฏชัดเจน

Demography

บ้านนาคูนน้อย ระยะแรกมีเพียงแค่ 11 ครัวเรือนเท่านั้น ปัจจุบันมี 395 ครัวเรือน ในอดีต มีประชากร 53 คนแต่ปัจจุบันมี 2,115 คน(หน้า 8)

Economy

โดยมากประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก การทำนาจะได้ผลมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพธรรมชาติ สำหรับอาชีพรอง มีการตีเหล็ก ทำสวนครัว ทอผ้า เลี้ยงสัตว์และรับจ้างก่อสร้างอื่นๆ (หน้า 57)

Social Organization

ครอบครัวในหมู่บ้านนาคูนน้อยเป็นครอบครัวขยาย มีลักษณะและขนาดเหมือนๆ กันกับครอบครัวของชาวนาในชนบททั่วไป มีบิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว (หน้า 55)

Political Organization

ภายในหมู่บ้านมีนายบ้านเป็นผู้ดูแล โดยผู้นำระดับบ้านที่เป็นทางการคือ บุคคลที่ประชาชนภายในบ้านเห็นดีเห็นชอบและใช้สิทธิ์ประชาธิปไตยไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง นอกจากมีนายบ้านและรองนายบ้านแล้ว ยังมีคณะกรรมการอีกจำนวนหนึ่งได้แก่ คณะกรรมการเศรษฐกิจ คณะกรรมการป้องกันชาติป้องกันความสงบและคณะ กรรมการวัฒนธรรมสังคม (หน้า 39-40)

Belief System

พิธีปลูกบ้าน การหาไม้เพื่อสร้างบ้านมีความสำคัญมากโดยเฉพาะไม้ที่นำมาทำเสาแฮก(เสาเอก) ต้องเป็นไม้ลำปลอด(ตรง) ในวันยกเสามีการนิมนต์พระมาทำพิธีทางศาสนาด้านประเพณีพื้นบ้านจะมีขันดอกไม้เพื่อย้ายนางธรณีออกจากพื้นที่และเพื่อขออนุญาตปลูกบ้านใส่ที่ดังกล่าว ตอนกลางคืนให้หัวหน้าครอบครัวไปนอนอยู่ห้องกลางเพื่อเสี่ยงทายดูว่าฝันร้ายหรือฝันดี(หน้า 11-12) การแต่งงาน เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงสินสอดของหมั้นเรียบร้อยแล้ว จะให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่รู้จักทางด้านโหราศาสตร์เสี่ยงทายเพื่อหาวันที่เป็นสิริมงคล ในวันก่อนวันแต่งงาน ญาติพี่น้องของแต่ละฝ่ายจะช่วยกันจัดสถานที่ และเตรียมของสำหรับทำอาหารในวันรุ่งขึ้น พอรุ่งเช้าญาติพี่น้องแต่ละฝ่ายจะเข้ามารวมกัน ส่วนทางเจ้าภาพจะจัดหาอาหารมาต้อนรับ เมื่อได้เวลาอันเป็นมงคลแล้วจึงเริ่มประกอบพิธีรับมอบขันหมาก หลังจากนั้นก็มีขบวนแห่เขยไปบ้านฝ่ายหญิง พิธีจะเริ่มต้นด้วยพิธีทางราชการคือการเขียนใบยืนยัน(หลักฐาน)การแต่งงานให้คู่บ่าวสาวเรียกว่าใบน้ำต้านท้านบม" หลังจากเสร็จพิธีทางราชการ หมอพร(พราหมณ์)จะทำพิธีสู่ขวัญ หลังจากเสร็จพิธีทั้งหมดแล้วจะมีการจัดเลี้ยงต้อนรับแขก (หน้า 14-18) ปัจจุบันชาวพวนหันมานับถือพุทธศาสนาและเริ่มเลิกนับถือผีต่างๆ ยกเว้นผีบ้าน สาเหตุเพราะวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้า(หน้า 28) ผู้หญิงชาวลาวพวนเมื่อตั้งครรภ์จะมิได้อยู่นิ่งเฉย เพราะเชื่อว่าจะทำให้อยู่ไฟ(อยู่กรรม)ยาก หากทำงานตลอดจะทำให้อยู่ไฟง่าย เวลาตั้งครรภ์ต้องทำงานเหมือนคนปกติทุกอย่าง ผู้ตั้งครรภ์จะต้องขะลำ(ข้อห้าม)บางอย่าง เช่น ห้ามร่วมเพศ ไม่ทานของหวานมากเพราะจะทำให้ลูกในครรภ์อ้วนและคลอดยาก ไม่ให้ซื้อหมูมาเลี้ยงเพราะขะลำ เป็นต้นโดยมากเวลาคลอดจะไปคลอดที่โรงพยาบาลเมื่อคลอดเสร็จ(ในกรณีที่คลอดที่บ้าน)หรือกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วทั้งแม่และเด็กจะย้ายไปอยู่ในเรือนครัวเพื่อสะดวกในการอยู่ไฟ เมื่ออยู่ไฟหรืออยู่กำครบกำหนด ในวันออกกำจะมีพิธีสู่ขวัญให้แม่กำและเด็กเล็กเพื่อเป็นการให้กำลังใจและแสดงความยินดีที่ได้ผ่านช่วงอดทนที่สุดในชีวิต พิธีสู่ขวัญต้องมีไก่ขวัญซึ่งเป็นไก่ต้มทั้งตัวโดยมิต้องตัดเล็บตัดคอออกเพราะจะไม่เป็นสิริมงคล (หน้า 28-32) ฮีตคอง "ฮีต" มาจากจารีต ฮีตสิบสองที่เคยปฏิบัติมาแต่โบราณ ได้แก่ ถึงเดือนเจียงให้เลี้ยงผีมดผีหมดฝังผีแถนและอัญเชิญพระสงฆ์เจ้าเข้าปริวาส เดือนยี่ นิมนต์พระสงฆ์เจ้ามาตั้งสูตรชัยมงคลเอาบุญ(ทำบุญ)คูณข้าว เดือน 3 ทำทานข้าวจี่และบุญมาฆะบูชา เดือน 4 ทำบุญพระเวสสันดร เดือน 5 ขึ้นปีใหม่นิมนต์พระสงฆ์เจ้าตั้งสูตรชัยมงคล รุ่งเช้ามันเป็นวันเนาว์และให้ข้าวโพดนาอาหารแก่พระสงฆ์เจ้าผู้มีศีลและสมนาคาราวะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พ่อแม่เฒ่าแก่และสามีแห่งตน เดือน 6 ทำพุทธาพิเศกรดสรงน้ำพระพุทธรูปเจ้า ทำบุญบวชพระและบุญวิสาขาบูชา เดือน 7 เลี้ยงมเหศักดิ์หลักบ้านเมือง และเทวดาทั้ง 8 ทิศ เดือน 8 นิมนต์พระสังฆเจ้าเข้าวรรษา เอาผึ้งมาทำเทียนเล่มใหญ่ถวายแก่พระสังฆเจ้าและถวายเข้าน้ำโภชนาอาหารและฟังเทศน์ฟังธรรม เดือน 9 ทำบุญข้าวประดับดิน เดือน10 ทำบุญข้าวฉลาก เดือน11 นิมนต์พระสังฆเจ้าออกวรรษาและทำการบายศรีพระภิกษุและสามเณร เดือน11 ถึงเดือน 12 ทำบุญถวายอัฐบริขารแก่พระสังฆเจ้าและเอาบุญ(ทำบุญ) พระธาตุหลวง ฮีตบางอย่างได้ตัดออกและไม่ถือปฏิบัติ เช่น การเลี้ยงผีมด ผีหมอ ผีฟ้าผีแถน ในเดือนเจียงและบางอย่างก็ได้เปลี่ยนเวลา เช่น การทำพระพุทธพิเสก สรงน้ำพระพุทธรูปได้ย้ายไปเป็นเดือน 5 (หน้า 38-39)

Education and Socialization

ภายในชุมชนมีโรงเรียน 2 แห่งแต่ขึ้นกับการบริหารของผู้อำนวยการคนเดียว เป็นโรงเรียนประถมสมบูรณ์(มีชั้นเรียน ป.1 - ป.5 ปกติจะมีชั้นเรียน ป.1 - ป.3) (หน้า 10)

Health and Medicine

บ้านนาคูนน้อยไม่มีสถานีอนามัย มีแต่สุขศาลาเขตและมีโรงพยาบาลประจำเมือง ถ้าต้องการปรึกษาแพทย์ต้องไปที่โรงพยาบาล ส่วนยารักษาโรคต่างๆ จะต้องซื้อตามร้านขายยาของเอกชนหรือตามบ้านหรืออยู่ในโรงพยาบาลโดยตรงคืหลังจากที่หมอตรวจแล้ว(หน้า 34) รูปแบบการรักษาในหมู่บ้านแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ รักษาแผนโบราณ นิยมรักษาด้วยยาสมุนไพรและการใช้เวทมนต์ รักษาโดยหมอพื้นบ้านมีชื่อเรียกว่า "พ่อตู้สามขา" รักษาแบบเวทมนต์ ในระยะ 40 ปีมานี้ไม่นิยมรักษาโรคด้วยเวทมนต์เนื่องจากอิทธิพลและบทบาททางพระพุทธศาสนาแต่การรักษาด้วยเวทมนต์ก็ยังคงเหลือในปัจจุบันเช่น การไล่ผีปอบ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า"หมอปอบ" รักษาแบบแผนใหม่เป็นการรักษาโรคตามหลักวิทยาศาสตร์ มีการสร้างโรงพยาบาลในแต่ละเมืองและสร้างสุขศาลาในแต่ละเขต รักษาโดยให้บริการฟรี ประชาชนโดยมากจะไปหาหมอแผนใหม่ก่อนแล้วจึงไปหาหมอยาสมุนไพร (หน้า 27-30)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การสร้างบ้านในอดีตมีการลงแขกในเวลาที่มีงานหนักและยุ่งยาก ลักษณะของบ้านเป็นบ้านที่มีหลังคาสูงชันมุงด้วยหญ้า(หญ้าคาหรือแฝก) หรือไม้ ลักษณะการปลูกบ้านมี 2 ลักษณะคือ เรือนแฝด บ้านสองแปชาวบ้านได้ทำรางลิน(รางน้ำ) ระหว่างกลาง ด้านบันไดขึ้นจะมีระเบียง อีกด้านหนึ่งจะเป็นเรือนครัว บ้านแฝดโบราณขนาดใหญ่โดยมากจะเป็นผู้มีฐานะปลูก เรือนเซียหรือเรือนเปิงมีลักษณะบ้านหลังเดียวต่อเป็นระเบียงเพิ่มเป็นห้องนอกแต่แคบกว่าบ้านหลังใน บางหลังอาจมีระเบียงกว้างอยู่กลางบันไดทางขึ้นและอีกด้านหนึ่งจะเป็นครัว ผู้ที่มีฐานะดีจะสร้างเรือนหลังใหญ่ ห้องมุงด้วยไม้ ฝาไม้(แป้น) ส่วนผู้ยากจนจะสร้างบ้านขนาดเล็กมุงด้วยหญ้า ฝาทำด้วยไม้เรี้ย(ไม้ไผ่) มาสานเป็นแผ่น(หน้า 11, 56) งานแต่งงาน ฝ่ายชาย จะใส่ผ้าไหม พันขาไก่ ใส่เสื้อขาว แพรเบี่ยงสะพายง้าว(ดาบ) ถือถุงถือชวย(ช่อ) ซึ่งมีดอกไม้ ต้นกล้วย ต้นอ้อยเล็กๆ และเทียน ส่วนฝ่ายหญิงจะใส่ผ้าถุง(ซิ่น)ไหม เสื้อสีขาวหรือเขียว แพรเบี่ยง ก้าวผมไว้ทางหลัง(ทางง่อน)ใส่ปักปิ่นเถ้า มีสร้อยสังวาลห้อยใส่ตามก้าวผม(หน้า 15)

Folklore

นิทานชาวบ้าน ได้แก่ เรื่องคนขี้ส่อ(ขี้โกง) เรื่องหมา แมวและงู เรื่องนางโกสบ เรื่องพ่อตากับลูกเขย เรื่องกำพร้าผีน้อย เรื่องนาคกับหมาไน เรื่องพ่อนากับลูก เรื่องอีกาและนกยูง คำผญา เป็นการใช้คำสื่อความหมายเพื่ออบรมสั่งสอนและแฝงไว้ด้วยสัจธรรมหรือคำพูดที่แฝงด้วยความหมายและเหตุผล ในปัจจุบันผู้พูดคำผญาโดยมากจะเป็นผู้เฒ่าอายุ 60 ปีขึ้นไป คำผญามี 2 ประเภทได้แก่ คำผญาสุภาษิตและคำผญาเกี้ยว(หน้า 44-51) คำกล่อมเด็ก สมัยก่อนชาวลาวพวนมักจะกล่อมลูกนอน เมื่อเด็กได้ยินก็จะละเมอหลับไป(หน้า 53) ตัวอย่าง เช่น นอนสาเยอ หลับตาสาแม่เยอ นอนอู่แก้ว หลับแล้วแม่ชิไกว แม่ไปไร่ เอาไข่ไก่มาหา แม่ไปนา เอาไข่อีกามาต้อน(ฝาก) ไปเลี้ยงม้อน อยู่ในป่าสวนมอน อื่อ อื่อ อื่อ (แม่ตู้แก่นคำ อายุ 62 ปี เป็นคนเล่า) การละเล่น ไม่เหลือให้เห็นในปัจจุบัน การละเล่นในอดีต เช่น หมากบ้า มี 3 ชนิดคือหมากบ้าใหญ่ หมากค่าและหมากบ้าแต้ การละเล่นอีกอย่างคือการเล่นหมากข่าง ส่วนการเล่นของผู้ใหญ่เป็นประเภทของการพนันต่างๆ เช่น หมากตาสิ่ว หมากดะล็อก (ไฮโล)เล่นโบนเงินอัด(เงินเหรียญ) เล่นโบกและอื่นๆ (หน้า 54-55)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ปรากฏชัดเจน

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบันการเลือกเสาแฮกเสาขวัญ โดยมากมิได้เลือกเหมือนก่อนเพราะส่วนมากจะซื้อจากผู้อื่น การยกเสาจะยกทีละต้นมิได้ยกเป็นคู่(หน้า 13)

Map/Illustration

- แผนผังบ้านนาคูนน้อย (หน้า 86) - ตารางแสดงจำนวนประชากร จำแนกเพศและตามช่วงอายุ (หน้า 87) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามอาชีพหลัก (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามอาชีพเสริม (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามสถานที่ทำงาน (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามลักษณะครอบครัว (หน้า 89) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามภาษาที่ใช้ (หน้า 89) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามระบบความสัมพันธ์ระบบเครือญาติพี่น้องภายในหมู่บ้าน (หน้า 90) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามกิจกรรมเกี่ยวกับความเชื่อ (หน้า 91) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการปฏิบัติตามฮีตสิบสองของครัวเรือน (หน้า 91) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในครัวเรือน (หน้า 92) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการพักผ่อนหย่อนใจ (หน้า 92) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการพักผ่อนหย่อนใจ (ต่อ) (หน้า 93) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการสาธารณสุข (หน้า 93) - ตารางแสดงจำนวนครัวเรือนที่เริ่มเทคโนโลยีทางการเกษตรในแต่ละปี (หน้า 94) - ตารางแสดงจำนวนครัวเรือนที่เริ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในแต่ละปี (หน้า 95) - รูปภาพแสดงลักษณะบ้านเรือน บ้านนาคูนน้อยแบบโบราณ (หน้า 96) - รูปภาพแสดงลักษณะบ้านเรือน บ้านนาคูนน้อยแบบสมัยใหม่ (หน้า 96) - รูปภาพแสดงผู้เฒ่า ผู้แก่บ้านนาคูนน้อย (หน้า 97) - รูปภาพแสดงโรงเรียนประถมสมบูรณ์บ้านนาคูนน้อย (หน้า 97) - รูปภาพแสดงการทอผ้าเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านนาคูนน้อย (หน้า 98) - รูปภาพแสดงการตีเหล็กเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านนาคูนน้อย (หน้า 98) - รูปภาพแสดงลักษณะร้านค้าบ้านคูนนาน้อย (หน้า 99) - รูปภาพแสดง พระ เณร วัดใต้บ้านคูนนาน้อย (หน้า 99) - รูปภาพแสดงพิธีสู่ขวัญ งานแต่งงานของชาวลาวพวน บ้านนาคูนน้อย (หน้า 100) - รูปภาพแสดงพิธีเผาศพของชาวลาวพวน บ้านนาคูนน้อย (หน้า 100)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 26 ก.ย. 2567
TAG พวน ไทยพวน ไทพวน, การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง