|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พวน ไทยพวน ไทพวน,การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม,สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว |
Author |
สมศักดิ์ ศรีสันติสุข และคณะ |
Title |
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยพวน ไทพวน คนพวน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
100 |
Year |
2542 |
Source |
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ |
Abstract |
บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้านการพักผ่อนหย่อนใจตามลำดับ ในขณะที่ด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวน้อยที่สุดและน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครองตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคมและปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความทันสมัยด้านวัตถุและการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยคือ การเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโสและปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน |
|
Focus |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาพวนเป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาลาว ลักษณะทั่วไปของภาษาพวนคล้ายคลึงกับภาษาเวียงจัน(ภาษากลาง) นักสำรวจบางท่านจึงจัดให้เป็นภาษาย่อยของชนชาติลาวลุ่มของลาว(หน้า 26) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
บ้านนาคูนน้อย เป็นบ้านหนึ่งของเผ่าลาวพวน ขึ้นกับเมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน เป็นชนบทพื้นฐานดั้งเดิม ตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2356 เป็นการเลือกทำเลที่ตั้งเมืองด้วยประเพณีดั้งเดิมมีการเลือกเสี่ยงทายหลายที่ ซึ่งเป็นที่เนินสูงเสี่ยงทายมิได้ แต่มาเสี่ยงทายได้ที่ราบเป็นไร่นา จึงได้เรียกชื่อบ้านว่าบ้านคูนนาน้อย คำว่า"น้อย"หมายความว่ามีไม่มาก เพราะผู้ย้ายมาครั้งแรกมีเพียงแค่ 11 ครัวเรือนเท่านั้น (หน้า 7) |
|
Demography |
บ้านนาคูนน้อย ระยะแรกมีเพียงแค่ 11 ครัวเรือนเท่านั้น ปัจจุบันมี 395 ครัวเรือน ในอดีต มีประชากร 53 คนแต่ปัจจุบันมี 2,115 คน(หน้า 8) |
|
Economy |
โดยมากประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก การทำนาจะได้ผลมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพธรรมชาติ สำหรับอาชีพรอง มีการตีเหล็ก ทำสวนครัว ทอผ้า เลี้ยงสัตว์และรับจ้างก่อสร้างอื่นๆ (หน้า 57) |
|
Social Organization |
ครอบครัวในหมู่บ้านนาคูนน้อยเป็นครอบครัวขยาย มีลักษณะและขนาดเหมือนๆ กันกับครอบครัวของชาวนาในชนบททั่วไป มีบิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว (หน้า 55) |
|
Political Organization |
ภายในหมู่บ้านมีนายบ้านเป็นผู้ดูแล โดยผู้นำระดับบ้านที่เป็นทางการคือ บุคคลที่ประชาชนภายในบ้านเห็นดีเห็นชอบและใช้สิทธิ์ประชาธิปไตยไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง นอกจากมีนายบ้านและรองนายบ้านแล้ว ยังมีคณะกรรมการอีกจำนวนหนึ่งได้แก่ คณะกรรมการเศรษฐกิจ คณะกรรมการป้องกันชาติป้องกันความสงบและคณะ กรรมการวัฒนธรรมสังคม (หน้า 39-40) |
|
Belief System |
พิธีปลูกบ้าน การหาไม้เพื่อสร้างบ้านมีความสำคัญมากโดยเฉพาะไม้ที่นำมาทำเสาแฮก(เสาเอก) ต้องเป็นไม้ลำปลอด(ตรง) ในวันยกเสามีการนิมนต์พระมาทำพิธีทางศาสนาด้านประเพณีพื้นบ้านจะมีขันดอกไม้เพื่อย้ายนางธรณีออกจากพื้นที่และเพื่อขออนุญาตปลูกบ้านใส่ที่ดังกล่าว ตอนกลางคืนให้หัวหน้าครอบครัวไปนอนอยู่ห้องกลางเพื่อเสี่ยงทายดูว่าฝันร้ายหรือฝันดี(หน้า 11-12) การแต่งงาน เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงสินสอดของหมั้นเรียบร้อยแล้ว จะให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่รู้จักทางด้านโหราศาสตร์เสี่ยงทายเพื่อหาวันที่เป็นสิริมงคล ในวันก่อนวันแต่งงาน ญาติพี่น้องของแต่ละฝ่ายจะช่วยกันจัดสถานที่ และเตรียมของสำหรับทำอาหารในวันรุ่งขึ้น พอรุ่งเช้าญาติพี่น้องแต่ละฝ่ายจะเข้ามารวมกัน ส่วนทางเจ้าภาพจะจัดหาอาหารมาต้อนรับ เมื่อได้เวลาอันเป็นมงคลแล้วจึงเริ่มประกอบพิธีรับมอบขันหมาก หลังจากนั้นก็มีขบวนแห่เขยไปบ้านฝ่ายหญิง พิธีจะเริ่มต้นด้วยพิธีทางราชการคือการเขียนใบยืนยัน(หลักฐาน)การแต่งงานให้คู่บ่าวสาวเรียกว่าใบน้ำต้านท้านบม" หลังจากเสร็จพิธีทางราชการ หมอพร(พราหมณ์)จะทำพิธีสู่ขวัญ หลังจากเสร็จพิธีทั้งหมดแล้วจะมีการจัดเลี้ยงต้อนรับแขก (หน้า 14-18) ปัจจุบันชาวพวนหันมานับถือพุทธศาสนาและเริ่มเลิกนับถือผีต่างๆ ยกเว้นผีบ้าน สาเหตุเพราะวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้า(หน้า 28) ผู้หญิงชาวลาวพวนเมื่อตั้งครรภ์จะมิได้อยู่นิ่งเฉย เพราะเชื่อว่าจะทำให้อยู่ไฟ(อยู่กรรม)ยาก หากทำงานตลอดจะทำให้อยู่ไฟง่าย เวลาตั้งครรภ์ต้องทำงานเหมือนคนปกติทุกอย่าง ผู้ตั้งครรภ์จะต้องขะลำ(ข้อห้าม)บางอย่าง เช่น ห้ามร่วมเพศ ไม่ทานของหวานมากเพราะจะทำให้ลูกในครรภ์อ้วนและคลอดยาก ไม่ให้ซื้อหมูมาเลี้ยงเพราะขะลำ เป็นต้นโดยมากเวลาคลอดจะไปคลอดที่โรงพยาบาลเมื่อคลอดเสร็จ(ในกรณีที่คลอดที่บ้าน)หรือกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วทั้งแม่และเด็กจะย้ายไปอยู่ในเรือนครัวเพื่อสะดวกในการอยู่ไฟ เมื่ออยู่ไฟหรืออยู่กำครบกำหนด ในวันออกกำจะมีพิธีสู่ขวัญให้แม่กำและเด็กเล็กเพื่อเป็นการให้กำลังใจและแสดงความยินดีที่ได้ผ่านช่วงอดทนที่สุดในชีวิต พิธีสู่ขวัญต้องมีไก่ขวัญซึ่งเป็นไก่ต้มทั้งตัวโดยมิต้องตัดเล็บตัดคอออกเพราะจะไม่เป็นสิริมงคล (หน้า 28-32) ฮีตคอง "ฮีต" มาจากจารีต ฮีตสิบสองที่เคยปฏิบัติมาแต่โบราณ ได้แก่ ถึงเดือนเจียงให้เลี้ยงผีมดผีหมดฝังผีแถนและอัญเชิญพระสงฆ์เจ้าเข้าปริวาส เดือนยี่ นิมนต์พระสงฆ์เจ้ามาตั้งสูตรชัยมงคลเอาบุญ(ทำบุญ)คูณข้าว เดือน 3 ทำทานข้าวจี่และบุญมาฆะบูชา เดือน 4 ทำบุญพระเวสสันดร เดือน 5 ขึ้นปีใหม่นิมนต์พระสงฆ์เจ้าตั้งสูตรชัยมงคล รุ่งเช้ามันเป็นวันเนาว์และให้ข้าวโพดนาอาหารแก่พระสงฆ์เจ้าผู้มีศีลและสมนาคาราวะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พ่อแม่เฒ่าแก่และสามีแห่งตน เดือน 6 ทำพุทธาพิเศกรดสรงน้ำพระพุทธรูปเจ้า ทำบุญบวชพระและบุญวิสาขาบูชา เดือน 7 เลี้ยงมเหศักดิ์หลักบ้านเมือง และเทวดาทั้ง 8 ทิศ เดือน 8 นิมนต์พระสังฆเจ้าเข้าวรรษา เอาผึ้งมาทำเทียนเล่มใหญ่ถวายแก่พระสังฆเจ้าและถวายเข้าน้ำโภชนาอาหารและฟังเทศน์ฟังธรรม เดือน 9 ทำบุญข้าวประดับดิน เดือน10 ทำบุญข้าวฉลาก เดือน11 นิมนต์พระสังฆเจ้าออกวรรษาและทำการบายศรีพระภิกษุและสามเณร เดือน11 ถึงเดือน 12 ทำบุญถวายอัฐบริขารแก่พระสังฆเจ้าและเอาบุญ(ทำบุญ) พระธาตุหลวง ฮีตบางอย่างได้ตัดออกและไม่ถือปฏิบัติ เช่น การเลี้ยงผีมด ผีหมอ ผีฟ้าผีแถน ในเดือนเจียงและบางอย่างก็ได้เปลี่ยนเวลา เช่น การทำพระพุทธพิเสก สรงน้ำพระพุทธรูปได้ย้ายไปเป็นเดือน 5 (หน้า 38-39) |
|
Education and Socialization |
ภายในชุมชนมีโรงเรียน 2 แห่งแต่ขึ้นกับการบริหารของผู้อำนวยการคนเดียว เป็นโรงเรียนประถมสมบูรณ์(มีชั้นเรียน ป.1 - ป.5 ปกติจะมีชั้นเรียน ป.1 - ป.3) (หน้า 10) |
|
Health and Medicine |
บ้านนาคูนน้อยไม่มีสถานีอนามัย มีแต่สุขศาลาเขตและมีโรงพยาบาลประจำเมือง ถ้าต้องการปรึกษาแพทย์ต้องไปที่โรงพยาบาล ส่วนยารักษาโรคต่างๆ จะต้องซื้อตามร้านขายยาของเอกชนหรือตามบ้านหรืออยู่ในโรงพยาบาลโดยตรงคืหลังจากที่หมอตรวจแล้ว(หน้า 34) รูปแบบการรักษาในหมู่บ้านแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ รักษาแผนโบราณ นิยมรักษาด้วยยาสมุนไพรและการใช้เวทมนต์ รักษาโดยหมอพื้นบ้านมีชื่อเรียกว่า "พ่อตู้สามขา" รักษาแบบเวทมนต์ ในระยะ 40 ปีมานี้ไม่นิยมรักษาโรคด้วยเวทมนต์เนื่องจากอิทธิพลและบทบาททางพระพุทธศาสนาแต่การรักษาด้วยเวทมนต์ก็ยังคงเหลือในปัจจุบันเช่น การไล่ผีปอบ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า"หมอปอบ" รักษาแบบแผนใหม่เป็นการรักษาโรคตามหลักวิทยาศาสตร์ มีการสร้างโรงพยาบาลในแต่ละเมืองและสร้างสุขศาลาในแต่ละเขต รักษาโดยให้บริการฟรี ประชาชนโดยมากจะไปหาหมอแผนใหม่ก่อนแล้วจึงไปหาหมอยาสมุนไพร (หน้า 27-30) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การสร้างบ้านในอดีตมีการลงแขกในเวลาที่มีงานหนักและยุ่งยาก ลักษณะของบ้านเป็นบ้านที่มีหลังคาสูงชันมุงด้วยหญ้า(หญ้าคาหรือแฝก) หรือไม้ ลักษณะการปลูกบ้านมี 2 ลักษณะคือ เรือนแฝด บ้านสองแปชาวบ้านได้ทำรางลิน(รางน้ำ) ระหว่างกลาง ด้านบันไดขึ้นจะมีระเบียง อีกด้านหนึ่งจะเป็นเรือนครัว บ้านแฝดโบราณขนาดใหญ่โดยมากจะเป็นผู้มีฐานะปลูก เรือนเซียหรือเรือนเปิงมีลักษณะบ้านหลังเดียวต่อเป็นระเบียงเพิ่มเป็นห้องนอกแต่แคบกว่าบ้านหลังใน บางหลังอาจมีระเบียงกว้างอยู่กลางบันไดทางขึ้นและอีกด้านหนึ่งจะเป็นครัว ผู้ที่มีฐานะดีจะสร้างเรือนหลังใหญ่ ห้องมุงด้วยไม้ ฝาไม้(แป้น) ส่วนผู้ยากจนจะสร้างบ้านขนาดเล็กมุงด้วยหญ้า ฝาทำด้วยไม้เรี้ย(ไม้ไผ่) มาสานเป็นแผ่น(หน้า 11, 56) งานแต่งงาน ฝ่ายชาย จะใส่ผ้าไหม พันขาไก่ ใส่เสื้อขาว แพรเบี่ยงสะพายง้าว(ดาบ) ถือถุงถือชวย(ช่อ) ซึ่งมีดอกไม้ ต้นกล้วย ต้นอ้อยเล็กๆ และเทียน ส่วนฝ่ายหญิงจะใส่ผ้าถุง(ซิ่น)ไหม เสื้อสีขาวหรือเขียว แพรเบี่ยง ก้าวผมไว้ทางหลัง(ทางง่อน)ใส่ปักปิ่นเถ้า มีสร้อยสังวาลห้อยใส่ตามก้าวผม(หน้า 15) |
|
Folklore |
นิทานชาวบ้าน ได้แก่ เรื่องคนขี้ส่อ(ขี้โกง) เรื่องหมา แมวและงู เรื่องนางโกสบ เรื่องพ่อตากับลูกเขย เรื่องกำพร้าผีน้อย เรื่องนาคกับหมาไน เรื่องพ่อนากับลูก เรื่องอีกาและนกยูง คำผญา เป็นการใช้คำสื่อความหมายเพื่ออบรมสั่งสอนและแฝงไว้ด้วยสัจธรรมหรือคำพูดที่แฝงด้วยความหมายและเหตุผล ในปัจจุบันผู้พูดคำผญาโดยมากจะเป็นผู้เฒ่าอายุ 60 ปีขึ้นไป คำผญามี 2 ประเภทได้แก่ คำผญาสุภาษิตและคำผญาเกี้ยว(หน้า 44-51) คำกล่อมเด็ก สมัยก่อนชาวลาวพวนมักจะกล่อมลูกนอน เมื่อเด็กได้ยินก็จะละเมอหลับไป(หน้า 53) ตัวอย่าง เช่น นอนสาเยอ หลับตาสาแม่เยอ นอนอู่แก้ว หลับแล้วแม่ชิไกว แม่ไปไร่ เอาไข่ไก่มาหา แม่ไปนา เอาไข่อีกามาต้อน(ฝาก) ไปเลี้ยงม้อน อยู่ในป่าสวนมอน อื่อ อื่อ อื่อ (แม่ตู้แก่นคำ อายุ 62 ปี เป็นคนเล่า) การละเล่น ไม่เหลือให้เห็นในปัจจุบัน การละเล่นในอดีต เช่น หมากบ้า มี 3 ชนิดคือหมากบ้าใหญ่ หมากค่าและหมากบ้าแต้ การละเล่นอีกอย่างคือการเล่นหมากข่าง ส่วนการเล่นของผู้ใหญ่เป็นประเภทของการพนันต่างๆ เช่น หมากตาสิ่ว หมากดะล็อก (ไฮโล)เล่นโบนเงินอัด(เงินเหรียญ) เล่นโบกและอื่นๆ (หน้า 54-55) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบันการเลือกเสาแฮกเสาขวัญ โดยมากมิได้เลือกเหมือนก่อนเพราะส่วนมากจะซื้อจากผู้อื่น การยกเสาจะยกทีละต้นมิได้ยกเป็นคู่(หน้า 13) |
|
Map/Illustration |
- แผนผังบ้านนาคูนน้อย (หน้า 86) - ตารางแสดงจำนวนประชากร จำแนกเพศและตามช่วงอายุ (หน้า 87) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามอาชีพหลัก (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามอาชีพเสริม (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามสถานที่ทำงาน (หน้า 88) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามลักษณะครอบครัว (หน้า 89) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามภาษาที่ใช้ (หน้า 89) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามระบบความสัมพันธ์ระบบเครือญาติพี่น้องภายในหมู่บ้าน (หน้า 90) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามกิจกรรมเกี่ยวกับความเชื่อ (หน้า 91) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการปฏิบัติตามฮีตสิบสองของครัวเรือน (หน้า 91) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในครัวเรือน (หน้า 92) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการพักผ่อนหย่อนใจ (หน้า 92) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการพักผ่อนหย่อนใจ (ต่อ) (หน้า 93) - ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของหัวหน้าครัวเรือนจำแนกตามการสาธารณสุข (หน้า 93) - ตารางแสดงจำนวนครัวเรือนที่เริ่มเทคโนโลยีทางการเกษตรในแต่ละปี (หน้า 94) - ตารางแสดงจำนวนครัวเรือนที่เริ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในแต่ละปี (หน้า 95) - รูปภาพแสดงลักษณะบ้านเรือน บ้านนาคูนน้อยแบบโบราณ (หน้า 96) - รูปภาพแสดงลักษณะบ้านเรือน บ้านนาคูนน้อยแบบสมัยใหม่ (หน้า 96) - รูปภาพแสดงผู้เฒ่า ผู้แก่บ้านนาคูนน้อย (หน้า 97) - รูปภาพแสดงโรงเรียนประถมสมบูรณ์บ้านนาคูนน้อย (หน้า 97) - รูปภาพแสดงการทอผ้าเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านนาคูนน้อย (หน้า 98) - รูปภาพแสดงการตีเหล็กเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านนาคูนน้อย (หน้า 98) - รูปภาพแสดงลักษณะร้านค้าบ้านคูนนาน้อย (หน้า 99) - รูปภาพแสดง พระ เณร วัดใต้บ้านคูนนาน้อย (หน้า 99) - รูปภาพแสดงพิธีสู่ขวัญ งานแต่งงานของชาวลาวพวน บ้านนาคูนน้อย (หน้า 100) - รูปภาพแสดงพิธีเผาศพของชาวลาวพวน บ้านนาคูนน้อย (หน้า 100) |
|
|