|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง, ยาเสพติด,เชียงใหม่ |
Author |
ทรงวิทย์ เชื่อมสกุล |
Title |
วัฒนธรรมกับยาเสพติด : กรณีศึกษาเผ่าแม้ว |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
53 |
Year |
2541 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
Abstract |
หมู่บ้านแม่สาใหม่ หมู่ที่ 6 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่ในปัจจุบันมีการใช้สารเสพติดเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเฮโรอีน จากการศึกษาวัฒนธรรมการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดของพ่อแม่ที่มีต่อลูก พบว่าในสังคมเผ่าม้งที่บ้านแม่สาใหม่มีการได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับยาเสพติดจากพ่อแม่
สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดและความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและการเพิ่มขึ้นของยาเสพติดในสังคมนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเสื่อมลงของวัฒนธรรมมากนัก ส่วนการระบาดของยาเสพติดในอนาคตนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น
การแก้ไข้ปัญหาที่คนในสังคมต้องการคือรัฐควรให้อำนาจกับชุมชนในการจัดการแก้ไขปัญหาเองในระดับหนึ่ง โดยให้การสนับสนุนในส่วนที่ประชาชนร้องขอเท่านั้น และรัฐควรมีการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ความรู้เรื่องยาเสพติด รวมทั้งควรมีการบรรจุเรื่องยาเสพติดเป็นหลักสูตรให้มีการเรียนการสอนในโรงเรียนในพื้นที่ที่มียาเสพติด |
|
Focus |
ศึกษาวัฒนธรรมของม้งที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติด ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของม้งที่มีผลต่อพฤติกรรมในการใช้สารเสพติดโดยเฉพาะเฮโรอีน (หน้า 1-2) |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมเป็นกลไกทางสังคม (Social Mechanism) ที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งมีทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม มีการสืบทอดและปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
ดังนั้นวัฒนธรรมส่วนใดที่ไม่เหมาะสมหรือมีส่วนฉุดรั้งการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าของมนุษย์ ก็จะถึงจุดเสื่อมและถูกปรับเปลี่ยน ในงานนี้ ยาเสพติดโดยเฉพาะฝิ่นถือได้ว่าเป็นพืชวัฒนธรรมของม้ง แต่ม้งก็ยังมีวัฒนธรรมในการอบรมสั่งสอนคนในสังคมให้ระลึกถึงคุณและโทษของฝิ่นผ่านขบวนการขัดเกลาทางสังคม (หน้า 35-38) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งน้ำเงิน (ผู้เขียนใช้ "แม้วน้ำเงิน" และในข้อเขียนใช้คำว่า "ชาวเขาเผ่าแม้ว" ) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ปัจจุบันสังคมบ้านแม่สาใหม่นี้ จะพูดภาษาม้งน้ำเงินเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 5) |
|
Study Period (Data Collection) |
เริ่มทำการศึกษาวิจัยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2537 - เดือนกันยายน พ.ศ. 2538 (หน้า 3) |
|
History of the Group and Community |
ม้ง (แม้ว) ได้เริ่มเข้ามาตั้งหมู่บ้านในบ้านแม่สาใหม่นี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 สาเหตุของการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบ้านแม่สาใหม่นี้ เกิดจากการที่รัฐได้ประกาศให้ฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกผิ่นเป็นหลัก จึงทำให้ชาวบ้านต้องโยกย้ายหาที่ทำกินแห่งใหม่เพื่อหนีการปราบปรามของรัฐ ซึ่งชาวบ้านกลุ่มแรกที่อพยพเข้ามา คือ กลุ่มสกุลแซ่โซ้ง มีผู้นำชื่อนายจุเต็ง แซ่โซ้ง โดยได้ซื้อพื้นที่จากไร่ของคนพื้นราบ ตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้น ต่อมาก็ได้มีชาวบ้านหลายกลุ่มแซ่สกุลอพยพเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นชุมชนใหญ่จนถึงปัจจุบัน (หน้า 4) |
|
Settlement Pattern |
ในอดีตบ้านเรือนส่วนใหญ่จะมุงหลังคาด้วยหญ้าคา ตัวบ้านเป็นไม้ปลูกคล่อมดิน แต่ในปัจจุบัน แม้ส่วนใหญ่จะมีการปลูกบ้านคล่อมดินเช่นเดิม ซึ่งเป็นลักษณะบ้านตามวัฒนธรรมของม้ง แต่หลังคาบ้านได้เปลี่ยนมาใช้ลอนกระเบื้องเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 5) |
|
Demography |
ชาวบ้านในหมู่บ้านแม่สาใหม่ มีประชากรทั้งหมด 1,412 คน เป็นชาย 731 คน และหญิง 681 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นม้งน้ำเงินถึง 72.02% เป็นม้งขาว 24.87% และ 03.11% เป็นคนพื้นราบ
โดยมีกลุ่มประชากรถึง 88.60% เป็นผู้ที่สมรสและอยู่ด้วยกัน มีเพียงผู้ที่เป็นโสด 07.77% สำหรับอายุของกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ 54.90% มีอายุระหว่าง 21-40 ปี โดยแยกเป็นกลุ่มอายุ 26-30 ปี 20.21% กลุ่มอายุ 21-25 ปี 14.51% กลุ่มอายุ 36-40 13.47% และกลุ่มอายุ 31-35 ปี 06.71% ซึ่งมีกลุ่มประชากรที่ไม่มีการศึกษามากที่สุดถึง 46.11% รองลงมาคือผู้ที่มีการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คิดเป็น 18.65% และ 15.03 ตามลำดับ (หน้า 6, 9-11) |
|
Economy |
ในอดีตชาวบ้านจะมีการยังชีพด้วยการปลูกข้าวและพืชผักพันธุ์ท้องถิ่นไว้สำหรับบริโภคเอง ทั้งยังมีการปลูกฝิ่นเป็นพืชเงินสดและเป็นยารักษาโรคนานาชนิด
ต่อมาเมื่อมีการติดต่อกับชุมชนภายนอนมากขึ้น ก็ได้ทำให้ระบบการผลิตภายในชุมชนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฝิ่นที่เคยเป็นพืชหลักต้องถูกแทนที่ด้วยพืชชนิดใหม่ พ่อค้าจากนอกชุมชนได้เข้ามามีบทบาทในชุมชนมากขึ้น ปัจจุบัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีอาชีพทางการเกษตร โดยมีลักษณะปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว (Mono Crop) มากขึ้น
โดยส่วนใหญ่จะมมีอาชีพทำไร่ทำสวน คือการปลูกกะหล่ำปลี ปลูกผักและผลไม้เพื่อส่งออกยังตลาดนอกหมู่บ้าน นอกจากนี้ ชาวบ้านยังมีอาชีพค้าขายงานหัตถกรรมประเภทเสื้อผ้า เครื่องประดับของม้งและชนเผ่าอื่น ๆ และมีจำนวนชาวบ้านเพียงเล็กน้อยที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป (หน้า 15-16) |
|
Social Organization |
ม้ง ในหมู่บ้านแม่สาใหม่จะมีกลุ่มวงศ์ตระกูล หรือแซ่ และตนในแซ่เดียวกัน ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกัน จะแต่งงานกันไม่ได้ แต่ในปัจจุบันคนในแต่ละสกุลแซ่ได้เปลี่ยนจากแซ่ ไปใช้นามสกุลตามแบบคนไทยพื้นราบอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ม้งกำลังประสบปัญหาว่าญาติพี่น้องแซ่เดียวกัน แต่นามสกุลไทยต่างกันจะแต่งงานกันได้หรือไม่ (หน้า 7-8) |
|
Political Organization |
การปกครองของบ้านแม่สาใหม่ในระยะเริ่มแรกนั้น จะให้การยกย่องผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเป็นผู้นำชุมชนตามประเพณีวัฒนธรรมของม้ง แต่ในปัจจุบันมีการจัดระเบียบการปกครองท้องถิ่นของทางราชการจากส่วนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มีการจัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านเข้ามาทำหน้าที่ปราบปรามปัญหายาเสพติดในชุมชน (หน้า 4, 21) |
|
Belief System |
ม้งในหมู่บ้านแม่สายใหม่ ประมาณร้อยละ 90 ยังคงมีความเชื่อเดิม คือนับถือผีบรรพบุรุษ (Ancestor Spirit) โดยมีหมอผีเป็นผู้ติดต่อระหว่างผีและสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่อยู่เหนือธรรมชาติ ความเชื่อของคนม้งในปัจจุบันได้มีการผสมผสานกับพุทธศาสนามากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีประชากรประมาณร้อยละ 10 ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และนิกายไคร้ส ออฟ เชิร์ช (หน้า 14) |
|
Education and Socialization |
ในหมู่บ้านมีโรงเรียน 1 แห่ง จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนระดับการศึกษาของประชากรในบ้านแม่สายใหม่นี้ ส่วนใหญ่ไม่มีการศึกษาถึงร้อยละ 46.11 ในขณะที่กลุ่มประชากรที่มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่ามีเพียงร้อยละ 01.04
นอกจากการรอบรมสั่งสอนเยาวชนในชุมชนให้มีความรู้ผ่านแบบเรียนของทางภาครัฐบาลแล้ว คนในชุมชนก็ยังคงอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้ยึดถือตามวัฒนธรรมประเพณี ดังเช่น การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเกี่ยวกับยาเสพติดตามวัฒนธรรมของม้ง (หน้า 13, 45) |
|
Health and Medicine |
ในอดีตชาวเขาเผ่าม้งในบ้านแม่สาใหม่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยมีหมอผีเป็นผู้ทำพิธีลงผี (อัวเน้ง) และมีค่าตอบแทนให้หมอผีด้วยฝิ่น ทั้งนี้การทำพิธีกรรมรักษาคนป่วยจะมีตลอดปี โดยมีฝิ่นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทางเภสัชอย่างมาก ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวจะสูบฝิ่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคนั้น ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ความเจริญทางด้านสาธารณสุขสมัยใหม่ได้เข้ามามีบทบาทในชุมชนมากขึ้น โดยมีสถานบริการสาธารณสุขชุมชนให้แก่ชาวบ้าน จึงทำให้ชาวบ้านมีทางเลือกในการรักษาโรคมากยิ่งขึ้น (หน้า 13, 20) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ม้งน้ำเงิน ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ได้มีการผสมกลมกลืนกับม้งขาวในช่วงระยะเวลาประมาณ 3 ทศวรรษที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดแล้ว ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างคนม้งน้ำเงินและม้งขาวก็คือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและภาษาพูดซึ่งมีไม่มากนัก (หน้า 5) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเข้ามาของรัฐด้วยนโยบายต่างๆ ได้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในบ้านแม่สาใหม่หลาย ๆ ด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงจากการใช้แซ่เป็นชื่อวงศ์ตระกูลไปใช้นามสกุลแบบไทยอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในชุมชนเดิม โดยมีพัฒนาทุกรูปแบบจนชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน มีการปรับเปลี่ยนการผลิตจากพืชวัฒนธรรมอย่างฝิ่นมาปลูกพืชทดแทนตามนโยบายของรัฐ ชาวบ้านต้องเลิกปลูกฝิ่นซึ่งเป็นพืชที่พวกเข้าคุ้นเคย และเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขามานานนับร้อยปี ซึ่งในปัจจุบันคนม้งปลูกฝิ่นน้อยมาก ทั้งนี้เพราะรัฐบาลมีนโยบาย และมาตรการที่เข้มงวดมาก ประกอบกับสิ่งแวดล้อมและสังคมบนพื้นที่สูงที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถปลูกฝิ่นได้ดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดปัญหาการติดสารเสพติดชนิดใหม่ คือ เฮโรอีน อย่างแพร่หลาย
(หน้า 1, 8, 15) |
|
Other Issues |
ฝิ่นเป็นยาเสพติดที่ได้กลายมาเป็นพืชทางวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้ง โดยสืบเนื่องมาจากการที่ไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าจีน เป็นผลทำให้เกิดการหลั่งไหลของฝิ่นในจีนเข้าสู่ไทยจนแพร่ระบาดมากในอดีต และจากการที่ม้งอาศัยอยู่บนพื้นที่ที่เอื้อต่อการเพาะปลูกฝิ่น ประกอบกับในอดีตนั้นได้มีการปลูกฝิ่นอย่างถูกต้อง
ม้งส่วนหนึ่งจึงยึดอาชีพการปลูกฝิ่นเป็นอาชีพหลัก เหตุเพราะฝิ่นกำลังเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น และถึงแม้ในสมัยของรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จะมีการประกาศเลิกการสูบฝิ่นในประเทศไทย แต่ม้งก็ยังคงอาศัยพื้นที่ตามป่าเขาสูง ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกเขาทำการเพาะปลูกฝิ่นต่อไป ด้วยการคมนาคมที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก การสาธาณสุขที่ยังเข้าไปไม่ถึง ฝิ่นจึงเป็นยาสารพัดประโยชน์สำหรับม้ง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะปลูกฝิ่น แต่ม้งมิได้นิยมสูบฝิ่น ตรงกันข้ามพวกเขากลับได้มีการอบรมสั่งสอนลูกหลานให้ห่างไกลจากและยาเสพสิ่งเสพติดชนิดอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องตกเป็นทาสของสิ่งเสพติดเหล่านั้น จะเห็นได้จากการศึกษาที่พบว่า ประชากรร้อยละ 94.30 เคยได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับสารเสพติดจากพ่อแม่
ม้งในบ้านแม่สาใหม่ ต่างมีความคิดเห็นในทางที่จะป้องกันยาเสพติดในหมู่บ้าน โดยต้องการให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง และในการปราบปรามนี้รัฐควรให้อำนาจกับชุมชนในการจัดการกับปัญหาในระดับหนึ่ง โดยรัฐควรให้การสนับสนุนในส่วนที่ชุมชนร้องขอ อีกทั้งชาวบ้านยังต้องให้ความร่วมมือกับผู้นำชุมชนในการแก้ปัญหา และรัฐควรรีบดำเนินการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดแก่ชาวบ้าน จะต้องมีมาตรการห้ามไม่ให้ชาวบ้านมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และประกาศให้หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านที่ปลอดยาเสพติดทุก ๆ หมู่บ้าน (หน้า 35-51) |
|
|