|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อาข่า,พิธีกรรม,ประเพณี,ความเชื่อ,การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม,เชียงราย |
Author |
เบญจวรรณ วงศ์คำ (บรรณาธิการ) |
Title |
"อ่าข่า" : พิธีกรรม ความเชื่อ ความจริง และความงาม กุศโลบายดำรงวิถีแห่งชนเผ่า |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อ่าข่า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาค มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
52 |
Year |
2546 |
Source |
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาค ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,พิมพ์ที่วนิดา เพรส, เชียงใหม่ |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณีพิธีกรรมของอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย |
|
Focus |
นำเสนอประเพณี พิธีกรรม และ อัตลักษณ์ของอ่าข่า |
|
Ethnic Group in the Focus |
อ่าข่า บ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยทั่วไปคนมักเรียกชื่อชนเผ่า "อ่าข่า" ว่า "อาข่า" ซึ่งการออกเสียงเรียกชนเผ่านี้ว่า "อ่าข่า" เป็นสำเนียงที่ถูกต้องตามการออกเสียงของชนเผ่ามากที่สุด จึงใช้คำว่า "อ่าข่า" เมื่อกล่าวถึงชนเผ่านี้ อ่าข่า (AKHA) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขตประเทศจีน พม่า ลาว เวียดนาม และไทย จัดอยู่ในตระกูล จีน-ธิเบต สาย ธิเบต-พม่า แขนงชนชาติโลโล และมีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ฮ่าหนี่ (ha niq) หรือ ไอ่หนี่ฉุ (I ni cuq) -ประเทศจีน, ก้อ-ประเทศลาว, อ่าข่า -ประเทศพม่าและเวียดนาม และอีก้อ ซึ่งเป็นชื่อเรียกในอดีต และเปลี่ยนเป็น อ่าข่าในปัจจุบัน-ประเทศไทย (หน้า 4- 5) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
อ่าข่ามีภาษาของตนเองในการสื่อสาร จัดอยู่ในกลุ่มภาษาพูดของธิเบต-พม่า แต่ว่าไม่มีภาษาเขียน ซึ่งมีตำนานเล่าว่าสมัยบรรพบุรุษอ่าข่าเคยมีภาษาเขียนโดยการเขียนใส่ในหนังควาย แต่เมื่อมีสงครามความไม่สงบ บรรพบุรุษอ่าข่าได้ตกลงต้มหนังควายกินและให้จดจำตัวอักษรไว้ในสมอง จึงทำให้ภาษาเขียนของอ่าข่าสูญหายไป และทำให้อ่าข่าสืบสานพิธีกรรมประเพณีโดยการจำต่อๆ กันมานานกว่า 2,700 ปี แต่ปัจจุบัน อ่าข่าได้พัฒนาภาษาเขียนโดยการใช้ตัวอักษรโรมันเพื่อการเขียนสื่อสาร (หน้า 7) |
|
Study Period (Data Collection) |
เริ่มดำเนินการวิจัยปลายปี พ.ศ.2543 โดยใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูล 1 ปี (หน้า 15, 20) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
อ่าข่าในประเทศไทยส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ ตาก และมีบางกลุ่มอพยพไปยังจังหวัดน่านและเพชรบูรณ์ ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2542 (หน้า7) |
|
Demography |
อ่าข่าในประเทศไทย มีประชากรในปัจจุบันจำนวนกว่า 63,000 คน และอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงรายมากที่สุด อ่าข่ามีการแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันในเรื่อง การแต่งกายและการเรียกชื่อกลุ่มทั้งหมด 8 กลุ่ม แต่ว่ามีความเชื่อและการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีเหมือนกัน ทั้ง 8 กลุ่มประกอบด้วย 1.อู่โล้อ่าข่า 2.ลอมี้อ่าข่า 3.ผาหมีอ่าข่า 4.เปียะอ่าข่า 5.อาเต้ออ่าข่า 6.หน่าค้าอ่าข่า 7.อู่พีอ่าข่า 8.อาจ้ออ่าข่า และชื่อบรรพบุรุษอ่าข่าเรียกว่า "จึ" มีการสืบสายวงศ์ตระกูลตามลำดับและให้ผู้ชายเป็นผู้สืบสายตระกูล โดยเฉลี่ยผู้หญิงมีอายุอย่างต่ำ 40 ปี ผู้ชายมีอายุอย่างน้อย 50 ปีขึ้นไป (หน้า 7-8) สำหรับหมู่บ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นับเป็นชุมชนอ่าข่าขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงราย มีประชากรทั้งหมด 519 คน รวม 91 หลังคาเรือน (หน้า 16-17) |
|
Economy |
ชุมชนอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ประกอบอาชีพการเกษตรปลูกพืชไร่ พืชเศรษฐกิจและเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลัก (หน้า 17) รวมทั้งชุมชนอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็กยังมีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ชุมชนได้กำหนดประเด็นเนื้อหาการท่องเที่ยวเพื่อบริการความรู้ด้านวิถีชีวิตชนเผ่า 3 ด้าน คือ 1.วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตอ่าข่า 2.สิ่งแวดล้อมป่าชุมชน 3.การประกอบอาชีพเกษตรที่สูง การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอ่าข่าที่บ้านห้วยขี้เหล็กนี้ เป็นกระบวนการจัดการท่องเที่ยวที่เน้นให้ชุมชนเป็นเจ้าของการจัดการและเผยแพร่ข้อมูลความรู้วิถีชีวิตชนเผ่าที่ถูกต้องไปยังผู้ที่สนใจ โดยมีรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวดังนี้ ? จัดให้มีการท่องเที่ยวในช่วงระยะเวลาที่มีพิธีกรรมประเพณีของชุมชนเท่านั้น ? จัดให้ผู้มีองค์ความรู้ ผู้สูงอายุ เยาวชน และสตรีมาทำหน้าที่มัคคุเทศน์เพื่ออธิบายเรื่องเกี่ยวกับชุมน เช่น พิธีกรรมประเพณี สมุนไพร ศิลปะการละเล่น ? นำเสนอกิจกรรมที่แสดงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น การประกอบอาชีพ การประกอบพิธีกรรม ? กำหนดปฏิทินท่องเที่ยวเป็นรายปี ตามพิธีกรรมประเพณี ทั้งนี้มีการจัดผู้แทนครอบครัวในชุมชนเพื่อเรียนรู้ รับฟังปัญหาและพัฒนารวมทั้งรับผิดชอบ กิจกรรมท่องเที่ยวตามแผนงานที่ชุมชนกำหนดไว้ (หน้า 41-42) |
|
Political Organization |
ชุมชนอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มีการปกครอง 2 แบบ คือ 1.แบบเป็นทางการ กล่าวคือมีผู้ใหญ่บ้านที่รับรองด้วยฝ่ายปกครอง และ 2. แบบดั้งเดิม (ไม่เป็นทางการ) เมื่อมีปัญหาภายในครอบครัว หรือระหว่างเครือญาติ ชาวบ้านจะใช้กระบวนการตัดสินใจโดยใช้กระบวนการปกครองแบบดั้งเดิม เช่น การเสียค่าปรับ หรือ การเข้าระบบอาวุโส และยังมีการใช้วิถีชีวิตกฎจารีตบังคับต่างๆ แต่เมื่อคนในชุมชนมีปัญหากับคนภายนอกชุมชน ฝ่ายปกครองแบบเป็นทางการ คือ ตำรวจจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหา (หน้า 17) |
|
Belief System |
อ่าข่ามีขนบธรรมเนียม พิธีกรรมประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวันที่เอื้อต่อระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติในรูปแบบของความเชื่อ คำสอน ข้อห้าม ข้อปฏิบัติ ที่สืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่า 60 ช่วงบรรพบุรุษ หรือประมาณ 2,700 ปี แสดงให้เห็นว่า อ่าข่าเป็นชนเผ่าที่มีการสืบทอดชาติพันธุ์มายาวนานและมีการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมประเพณี รวมทั้งมีองค์ความรู้เรื่องคำสอนในรูปสุภาษิตโบราณหลายบท ที่ยังนำมาใช้เป็นสื่อในการปกครองและการเรียนรู้ในปัจจุบันด้วย เช่น "เช้จิ ถี่ซึ้มแตะเช้ บ่ยา ถี่แย๊ะจุ๊" อันมีความหมายว่า "สิบช่างตีเหล็กต้องช่วยตีเหล็กเส้นเดียว สิบแมลงผึ้งให้ดูดน้ำหวานในดอกเดียว" หรือ "อ่าข่า เช้ข่า ถี่ข่ามา" มีความหมายว่า "อ่าข่าแม้อยู่แห่งหนใดย่อมเป็นหนึ่งเดียวหรือเป็นเผ่าพันธุ์เดียว" นับว่าเป็นกุศโลบายที่มีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในชุมชน และในรอบ 1 ปี อ่าข่ามีการประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ทุกเดือน (หน้า 8-9) ซึ่งอ่าข่าที่ดำเนินชีวิตในปัจจุบันมีการประกอบพิธีกรรมหรือประเพณีที่เรียกรวมกันว่า "ย้อง ซ้อง โขะ" (Zahl Sahl qovq) อันหมายถึง กฎจารีตและพิธีกรรมประเพณีที่ใช้ในการปฏิบัติ โดยมีการแบ่งพิธีกรรมประเพณีเป็น 2 ภาคใหญ่ๆ คือ 1.พิธีกรรมประเพณี "แดะ ย้อง" (Dehvq Zahl) เป็นพิธีกรรมสำหรับ "คนเป็น" โดยจะมี การประกอบกิจกรรมทางศาสนาสำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยพิธีกรรมนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือการดำเนินชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการพูด การกิน การแต่งกาย การแต่งงาน ฯลฯ 2. พิธีกรรมประเพณี "ซี้ ย้อง" (Sil Zahl) เป็นพิธีกรรมสำหรับ "คนตาย" โดยจะมีการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับคนตาย ซึ่งเป็นการจัดการงานศพที่มีพิธีกรรมอย่างสมบูรณ์ (หน้า 21) พิธีกรรมสำหรับคนเป็นที่อ่าข่าปฏิบัติในรอบ 12 เดือน ซึ่งสืบทอดมาจนปัจจุบันนั้นมีทั้งหมด 21 ประเพณี และแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่1 ส่วนของพิธีกรรม มี 2 ลักษณะ กล่าวคือ ลักษณะที่ 1 เป็นพิธีกรรมที่มีการประกอบศาสนกิจซึ่งมีทั้งหมด 8 พิธีกรรม คือ ? พิธีกรรม บ่องเยว แปะยะ-เออ (Bahq yoe pyehv-eu) พิธีเกี่ยวข้าวครั้งสุดท้าย ? พิธีกรรมชีจี้ ชี-เออ (Ci jil ci-eu) พิธีเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว ? พิธีกรรมล้อข่องดู่-เออ (Lawl Kahq du-eu) พิธีปลูกประตูหมู่บ้าน ? พิธีกรรมมี้ซ้อง ล้อ-เออ (Mil sahl lawl-eu) พิธีบูชาศาลพระภูมิเจ้าที่ ? พิธีกรรมเบ่วโกะ แนยะ-เออ (Boeq ghovq nyehvq-eu) พิธีกรรมกำจัดศัตรูด้วงดิน ? พิธีกรรมแจบ้อง ลอง-เออ (Nyeh bahllah-eu) พิธีอยู่กรรมกำจัดตั๊กแตน ? พิธีกรรมแช้ฉึ จี้บ่า ถ่องอุ้ม-เออ (Cehl shuivq jil baq tahq uml-eu) พิธีเซ่นกระบอกเหล้าพิธี ? พิธีกรรมค๊าด่า ฉี่-เออ (Kal daq ciq-eu) พิธีเชิญผีเปรตสิ่งชั่วร้ายออกจากชุมชน ลักษณะที่2 เป็นพิธีกรรมที่ไม่มีการประกอบศาสนกิจ แต่จะมีการ "อยู่กรรม" (การหยุดทำงาน) มีพิธีกรรมทั้งหมด 4 ครั้ง คือ ? พิธีกรรมหมี่จ่า เข่อหมี่ ลอง เออ (Miq Dzaq Keuq miq lah-eu) การอยู่กรรมไม่จุดไฟ ? พิธีกรรมบู่เด้แจะ ลอง-เออ (Buq del cwhv lah-eu) การอยู่กรรมให้แมลงดินต่อตัว ? พิธีกรรมแซ้ย์ ลอง (Sehl lah-eu) การอยู่กรรมให้สัตว์ที่ชื่อแซ้ย์ ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการนับวันตามราศีสัตว์ โดยเชื่อว่า แซ้ย์สามารถมองเห็นโลกของวิญญาณที่สัมผัสไม่ได้ ? พิธีกรรมหยะลอง เออ (Zavq lah-eu) การอยู่กรรมวันหมู ส่วนที่2ส่วนของประเพณี อ่าข่ามีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและถือว่าเป็นพิธีใหญ่ มีทั้งหมด 9 ประเพณี ดังนี้ ? ขึ่มสึ ขึ่มมี้ อาเผ่ว (Qumq shuvq qumq mil aq poeq) ประเพณีเปลี่ยนฤดูกาล ? แช้คา อ่าเผ่ว (Cehl ka aq poeq) ประเพณีปลูกข้าว ? ขึ่มผี่ อ่าเผ่ว (Qumq piq aq poepq) ประพณีเรียกขวัญข้าวไร่ ? แย้ขู่อ่าเผ่ว (Yehl kuq aq poeq) ประเพณีโล้ชิงช้า ? ยอลาอ่าเผ่ว (Yaw la aq poeq) ประเพณีเซ่นไหว้ตำแหน่งผู้นำ ? ยาจิ อาเผ่ว (Za civ aq poeq) ประเพณีเชิญบรรพบุรุษมาเยี่ยม "ถอนขนไก่" ? ค้าแยะ ผ่าเผ่ว (Kahl yehv aq poeq) ประเพณีไล่ผี ? ยอพู นองหมื่อเช้ อ่าเผ่ว (Yaw pu nah muiq tesel aq poeq) ประเพณีเลือกฤกษ์ดีวันดีและกินข้าวใหม่ ? ค้าทอง อ่าเผ่ว (Kal tahl aq poeq) ประเพณีปีใหม่ลูกข่าง (หน้า21-23) สำหรับความหมายและความสัมพันธ์ของพิธีกรรมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประจำวันของอ่าข่าสามารถอธิบายได้ดังนี้ - ความสัมพันธ์ของพิธีกรรมประเพณีที่มีต่อมนุษย์ อ่าข่าถือว่าพิธีกรรมประเพณีเป็นกฎและระเบียบอันชอบธรรม ในการใช้เป็นบรรทัดฐานการปฏิบัติของมนุษย์ เพื่อดำเนินชีวิตประจำวันเพื่อให้ชีวิตยั่งยืน มีความเหมาะสมและไม่เอาเปรียบกันระหว่างคน กล่าวคือ พิธีกรรมประเพณีได้สอนมนุษย์เรื่องต่างๆ ดังนี้ ? สอนให้มนุษย์รู้จักความกตัญญู โดยสิ่งที่อ่าข่าเชื่อและกระทำในการประกอบพิธีกรรมประเพณี คือ การเซ่นไหว้อ่าเผ่ว ล้อ เออ (Aq poeq lawl-eu) โดยมีการปฏิบัติเกือบทุกพิธีในรอบ 1 ปี การเซ่นไหว้นี้เป็นการถวายอาหารให้วิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับของตระกูล อ่าข่า เรียกว่า เผ่วผี จุมมา ทูเออ (Poeq piq jum ma tu-eu) รวมทั้งเทพเจ้าสูงสุดที่อ่าข่านับถือด้วย ทั้งนี้ ชุมชนอ่าข่าไม่จำเป็นต้องมีตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยเพราะมีบรรพบุรุษคอยคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ? สอนให้มนุษย์รู้จักประกอบอาชีพ พิธีกรรมเป็นตัวกำหนดบทบาทหรือกระตุ้นเตือนให้มีการประกอบอาชีพตามระบบเกษตรดั้งเดิมของชนเผ่า จึงมีการนับเดือนประกอบพิธีกรรมทางการเกษตร เช่นเดือนฉ่าหง่อ บาลา (Tsaq ngawq ba la) เป็นเดือนที่มีประเพณีปลูกข้าว หรือ เดือนสี่แยะ (siq yehv) คือเดือนที่พืชผลออกดอก ? สอนมนุษย์เรื่องการปกครอง การประกอบพิธีกรรมประเพณีของอ่าข่าจะมีผู้นำวัฒนธรรมและการปกครอง เรียกว่า "เจ่วมา" ทำหน้าที่กำหนดวันฤกษ์ดีของการประกอบพิธีกรรมประเพณี ผู้นำวัฒนธรรมนี้ยังมีบทบาทเป็นนักปกครองชุมชนด้วย ในกรณีที่มีปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิหรือทำผิดกฎจารีต หรือ พิธีกรรมประเพณี ผู้นำวัฒนธรรมจะเป็นแกนหลักในการตัดสินคดีที่เกิดขึ้นร่วมกับผู้อาวุโส ซึ่งเป็นผู้ที่อ่าข่าให้ความเคารพนับถือ ? สอนการป้องกันโรคและสร้างภูมิคุ้มกันด้านจิตใจ การทำพิธีกรรมนี้ทำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดกับชุมชนหรือสัตว์เลี้ยง เช่น พิธีค๊าด่าฉี่ เออ (Kal daqciq-eu) หรือพิธีเชิญผีเปรตสิ่งชั่วร้ายออกจากชุมชน เพราะในอดีตอ่าข่ากลัวโรคไข้ฝีดาษมาก แม้ปัจจุบันไม่มีโรคระบาดนี้แล้วก็ตาม ? สอนให้มนุษย์รู้จักการอนุรักษ์ชาติพันธุ์ การแต่งกาย ภาษา ด้วยการประกอบพิธีกรรมประเพณีที่หลากหลายและการมีความผูกพันกันได้ทำให้ชาติพันธุ์อ่าข่ายังคงดำรงมาจนทุกวันนี้ ทั้งนี้ การแต่งกาย ภาษาพูด ก็ล้วนมีพิธีกรรมประเพณีเป็นตัวกำหนดให้ อ่าข่าต้องปฏิบัติตาม เช่น บทสวดหรือคำพูดขณะประกอบพิธี การแต่งกายของสตรีในประเพณีโล้ชิงช้า เป็นต้น - ความสัมพันธ์ของพิธีกรรมประเพณีที่มีต่อระบบนิเวศน์ ด้วยพิธีกรรมประเพณีเป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นกฎระเบียบ ข้อบังคับในการดำเนินชีวิต จึงทำให้มีความสัมพันธ์ต่อป่าไม้ ดิน น้ำ สัตว์ป่า ดังนี้ ? ป่าไม้ ด้วยพิธีกรรมประเพณีในรอบปีนั้นมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับป่าโดยตรง เช่นพิธีกรรมปลูกประตูหมู่บ้าน พิธีบูชาศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ต้นไม้โดยตรงเพราะห้ามผู้ใดตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าว หรือการทำเขตรั้วชุมชน เพื่อไม่ให้สมาชิกในชุมชนทำไร่ รวมทั้ง อ่าข่าจะมีช่วงอยู่กรรม (หยุดงาน) ดังนั้น จึงไม่มีการใช้ไม้ดิบช่วงหลังประเพณีโล้ชิงช้าจนถึงประเพณีไล่ผี เป็นต้น (หน้า 25) ? ดิน เพราะจากการที่มนุษย์ใช้ประโยชน์จากดิน จึงต้องมีการบำรุงดิน จึงมีพิธีกรรมเรียกขวัญข้าวไร่ "ขึ่มผี่ล้อ เออ" (Qumq piq lawl-eu) มีการประกอบพิธีแกะไข่ไก่ให้จอมปลวก เนื่องจากอ่าข่าเชื่อว่าจอมปลวกเป็นหัวของดินและจะไม่ทำลายจอมปลวกด้วยวิธีการใดๆ จึงเท่ากับเป็นการรักษาแมลงที่ช่วยย่อยสลายดินหรืออินทรีย์วัตถุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อโครงสร้างดิน และอ่าข่าจะไม่ใช้ดินตรงที่มีความลาดชันสูงเพราะเชื่อว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผี ซึ่งหากมีการใช้ก็จะส่งผลให้มีการชะล้างหน้าดิน (หน้า 26) ? น้ำ ด้วยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของพืชและสัตว์ จึงมีพิธีกรรมที่ใช้แหล่งน้ำในการประกอบพิธี เช่น ประเพณี แช้คา อ่าเผ่ว (Cehl ka aq poeq) ที่มีการนำข้าวพันธุ์ไปชำระล้างในแหล่งน้ำบริสุทธิ์ของชุมชน เพราะน้ำมีส่วนสำคัญต่อการปลูกข้าว และข้าวก็มีความสำคัญต่อการเลี้ยงคน หรือ การเซ่นไหว้ต้นน้ำ "อีแม้ส่อเออ" (il mehl sawq-eu) อันเป็นการบูชาต้นน้ำเพื่อให้มีน้ำบริโภคตลอดปี เป็นต้น (หน้า 26) ? สัตว์ป่า หลังจากที่จัดประเพณีปลูกข้าวแล้วซึ่งตรงกับเดือนพฤษภาคม ก็จะไม่มีการล่าสัตว์ใหญ่ เนื่องจากสัตว์ป่าอยู่ในช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์ และมีข้อห้ามต่างๆ เช่น ห้ามผู้ใดล่าสัตว์เกิน 10 ตัว ใน 1 ปี ห้ามมีการจับปูและกบที่บ่อน้ำบริสุทธิ์หรือบริเวณต้นน้ำ เพราะบริเวณต้นน้ำเป็นทางตันหากจับสัตว์หมดก็จะสูญพันธุ์ จึงมีพิธีกรรมให้กบปูเป็นผู้ดูแลรักษาต้นน้ำ เป็นต้น (หน้า 27) - ความสัมพันธ์ของพิธีกรรมประเพณีเชิงวัฒนธรรม อ่าข่ามีความเชื่อต่อการดำรงชีวิตร่วมกับสิ่งแวดล้อมทั้งมิติที่พบเห็นสัมผัสได้ คือโลกปัจจุบัน และมิติที่สัมผัสไม่ได้ คือโลกวิญญาณ ทั้ง 2 มิตินี้อ่าข่าให้ความเคารพ เชื่อถือ และถ่ายทอดเพื่อให้ 2 สิ่งนี้อยู่คู่กับมนุษย์ โดยการใช้พิธีกรรมประเพณีเป็นตัวเชื่อมให้ทั้ง 2 สิ่งอยู่อย่างสมดุล และยังเป็นสิ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาหากเกิดผลกระทบต่อมนุษย์ ธรรมชาติและโลกที่สัมผัสไม่ได้ ดังนั้น การประกอบพิธีกรรมประเพณีจึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่มีการปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน (หน้า 28) |
|
Education and Socialization |
ชุมชนอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มีโรงเรียนวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่เป็นแหล่งวิชาการที่ให้ความรู้ต่างๆ และเป็นแหล่งการเรียนรู้ของเยาวชนอ่าข่านับตั้งแต่ปี การศึกษา 2545 เป็นต้นมา (หน้า 43) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เริ่มมีการให้ความสำคัญเรื่องการยอมรับการมีตัวตนด้วยการมีเอกสารหลักฐานยืนยันความเป็นอ่าข่า เพราะอ่าข่าคิดว่าสิ่งนี้เป็นค่านิยมของสังคมและเพื่อเป็นสื่อที่จะทำให้คนภายนอกเข้าใจและยอมรับความเป็นอ่าข่ามากขึ้น ดังนั้น จึงมีการเขียนเอกสารเพื่อสื่อสารเรื่องราวของอ่าข่าจากคนอ่าข่าเอง ไม่ใช่จากสื่อมวลชนหรือจากคนภายนอกที่มักจะเสนอสิ่งต่างๆ หรือเรื่องราวอ่าข่าคลาดเคลื่อนจากความจริง นอกจากนี้ การนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัฒนธรรมให้กับคนที่สนใจมาท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะสื่อสารตัวตนกับคนภายนอก และทำให้การท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์ในการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีของตนด้วย (หน้า 13,18) ทั้งนี้ พิธีกรรมประเพณีมีความสัมพันธ์กับอ่าข่าในการรักษาความเป็นชาติพันธุ์ การมีอัตลักษณ์หรือสัญลักษณ์ของตนเอง รวมทั้งมีการใช้ประเพณีพิธีกรรมในการรวมตัวเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วย นอกจากนี้ การใช้องค์ความรู้ภูมิปัญญา ความเชื่อของพิธีกรรมประเพณีในการควบคุม ถ่ายทอด เรียนรู้ ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาร่วมกัน การอยู่ร่วมกัน และการปกครองของสังคมอ่าข่า (หน้า23) นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามช่วงเวลาของเทศกาลประเพณีที่เกิดขึ้นจริงในชุมชน โดยคนในชุมชนอ่าข่าเอง ได้ทำให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมประเพณีที่ถูกต้อง ให้กับผู้ที่มาท่องเที่ยวได้รับทราบ และยังส่งเสริมให้เด็กเยาวชนอ่าข่าได้เรียนรู้เพื่อการสืบสานพิธีกรรมประเพณีและชาติพันธุ์อ่าข่าและยังเป็นกระบวนการหนึ่งที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาอ่าข่าบนพื้นที่สูงอีกด้วย การจัดกิจกรรม การท่องเที่ยวนี้ มีกำหนดการจัดปีละ 9 ครั้ง ดังนี้ 1.ประเพณีชนไข่แดง 2.ประเพณีปลูกประตูหมู่บ้าน 3.ประเพณีปลูกข้าว 4. ประเพณีเรียกขวัญข้าว 5. ประเพณีโล้ชิงช้า 6. ประเพณีถอนขนไก่ 7. ประเพณีไล่ผี 8. ประเพณีกินข้าวใหม่ และ 9. ประเพณีปีใหม่ลูกข่าง (หน้า 29,31,33) ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในชุมชนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ เช่น ต้องแจ้งการเข้ามาเที่ยวต่อคณะกรรมการการท่องเที่ยวบ้านห้วยขี้เหล็ก จำนวนนักท่องเที่ยวที่ชุมชนรับได้ต่อครั้งไม่เกิน15คน และห้ามเก็บพืชพรรณธรรมชาติออกจากพื้นที่ เป็นต้น ซึ่งกฎระเบียบเหล่านี้เน้นให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎจารีตประเพณีของชุมชน จึงต้องมีมาตรการในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการจัดการท่องเที่ยว ด้วยการออกกฏระเบียบการท่องเที่ยวเพื่อใช้ปฏิบัติต่อคนในชุมชนหรือนักท่องเที่ยว และหากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีการลงโทษตามกฎจารีตและกฎหมาย (หน้า 35-37) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อสภาพสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยเปลี่ยนแปลง ได้ทำให้เกิดผลกระทบกับประเพณีวัฒนธรรมของอ่าข่าที่เคยมีวิถีชีวิตเรียบง่ายในชุมชนของตนเอง เพราะได้กลายเป็นเป้าหมายของการพัฒนาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในฐานะผู้ด้อยโอกาส และเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่สนใจวิถีชีวิตของอ่าข่า ส่งผลให้อ่าข่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งความเชื่อ วิถีปฏิบัติ วัฒนธรรมบริโภค ภาษา การแต่งกาย และเด็กๆ อ่าข่าขาดความรู้ความเข้าใจในวิถีชีวิตและพิธีกรรม เช่น เด็กอ่าข่าไม่ยอมพูดกันด้วยภาษาอ่าข่า และมีความขัดแย้งกับพ่อ แม่ ในเรื่องความเชื่อ เพราะเด็กๆ ได้ไปโรงเรียนที่มีรูปแบบการเรียนการสอนแบบใหม่ ที่ไม่เชื่อในเรื่องพิธีกรรมที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการที่ผู้เฒ่าผู้แก่ไม่สามารถอธิบายความหมายหรือคุณค่าของพิธีกรรมได้ หรือการที่บางคนไม่ต้องการอธิบาย ทำให้เด็กๆ อ่าข่าไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีของตนเอง นอกจากนี้ ยังมีการจำลองประเพณีบางอย่างเพื่อนำเสนอนักท่องเที่ยว เช่น แต่เดิม อ่าข่าจะมีลานเต้นชุมชนที่เต้นในเวลากลางคืน ก็กลับต้องเต้นแสดงในตอนกลางวันเมื่อมีมัคคุเทศก์มาว่าจ้าง ทำให้หลายพื้นที่เกิดการขัดแย้งระหว่างอ่าข่าด้วยกันในการแย่งพื้นที่เพื่อนำเสนอมัคคุเทศน์ (หน้า 10) และจากการรับวัฒนธรรมจากภายนอกเข้าไปในชุมชนจึงมีผลให้เด็กอ่าข่ารับรู้เรื่องจากภายนอกชุมชนและยึดเป็นแม่แบบในการใช้ชีวิต เด็กๆ ไม่มีความรู้ในเรื่อภูมิปัญญาของอ่าข่าเอง ส่วนวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เหลืออยู่ก็กำลังกลายเป็นสินค้าเพื่อการท่องเที่ยว (หน้า12-13) แต่ว่าปัจจุบัน ชุมชนอ่าข่า บ้านห้วยขี้เหล็กมีการจัดการรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน กล่าวคือมีการจัดการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมให้เข้ากับยุคสมัย เช่น ภูมิปัญญา ความเชื่อของคนสมัยก่อนที่แต่เดิมไม่มีการอธิบาย แต่มีการปฏิบัติกันด้วยการใช้ความศรัทธาและความเชื่อ ก็นำข้อมูลเรื่องดังกล่าวมาอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลให้กับคนรุ่นใหม่ได้รับรู้ความเป็นอ่าข่ามากขึ้น สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นปัจจุบัน และยังคงรักษาความเป็นอ่าข่าของพวกเขาไว้ได้ (หน้า47-49) |
|
Map/Illustration |
1. ภาพเครื่องประดับของอ่าข่า หน้า 7. 2. ภาพประเพณีโล้ชิงช้า หน้า 8. 3. ภาพชุมชนอ่าข่าบ้านห้วยขี้เหล็ก ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย หน้า 16. |
|
|