|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พวน ไทยพวน ไทพวน,ศิลปะ,เจดีย์,ฉะเชิงเทรา,ปราจีนบุรี,ภาคกลาง |
Author |
อรวรรณ เชื้อน้อย |
Title |
เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนชาวพวน : กรณีศึกษาวัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี |
Document Type |
อื่นๆ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยพวน ไทพวน คนพวน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, หอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
28 |
Year |
2546 |
Source |
รายงานประกอบวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร |
Abstract |
รายงานชิ้นนี้ตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะและกำหนดอายุของเจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวน วัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี และใช้หลักฐานทางรูปแบบศิลปะเพื่อศึกษาประวัติการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของพวน รวมไปถึงศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น ผลการศึกษาพบว่าเจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวนทั้ง 2 วัด มีรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาวโดยเฉพาะกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งโครงสร้างโดยรวม การทำเพิ่มมุมไม้ 20 ฐานที่มีลักษณะยืดสูง การไม่ให้ความสำคัญกับบัวหงาย การใช้เส้นลวดบัวอย่างมากมาย องค์ระฆังขนาดเล็กและการไม่ใช้บัลลังก์รองรับส่วนยอด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางศิลปกรรมที่ช่างเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์เพื่อรำลึกสถานที่ที่ตนจากมา อย่างไรก็ตามช่างได้สอดแทรกลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามสุนทรียศาสตร์ของตน เช่น ความแตกต่างของลวดบัวแต่ละเส้นที่นำมาประกอบกัน ชุดฐานรองรับองค์ระฆังของเจดีย์วัดมหาเจดีย์ที่บิดมุมฐานให้อยู่กึ่งกลางส่วนฐาน แต่ทั้งนี้บางครั้งอาจจะเกิดความผิดพลาดของช่างในการสร้างหรือซ่อมโดยทำให้ลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะระเบียบชุดฐานผิดไปจากแบบแผน ทั้งนี้อายุของเจดีย์น่าจะสร้างราวปลายพุทธศตวรรษที่ 24 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 25 แสดงให้เห็นว่าพวนที่อพยพมาอาศัยในบริเวณนี้ส่วนใหญ่มาจากเมืองเชียงขวางและเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 3 (หน้า 27-28) |
|
Focus |
ตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะและกำหนดอายุของเจดีย์ทั้ง 2 องค์ และใช้หลักฐานทางรูปแบบศิลปะเพื่อศึกษาประวัติการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของพวน รวมไปถึงศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
พวนใช้ภาษาพวนเป็นภาษาพูด (หน้า 1) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
"พวน" เป็นชื่อเรียกคนไทยกลุ่มหนึ่งที่อยู่ทางตอนในของประเทศลาว บริเวณแขวงเมืองเชียงขวาง พวนที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และที่อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และอพยพกันมาหลายครั้ง เช่น สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบางจากเวียงจันทน์ พระองค์เกณฑ์ชาวลาวมาอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ รวมไปถึงฉะเชิงเทรา การอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคนลาวในบริเวณนี้มากันหลายครั้งและมาเป็นครอบครัว จึงเกิดชุมชนลาวพวนขึ้นในพื้นที่แถบนี้ โดยพวนใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา อาศัยบริเวณริมคลองท่าลาด เชื่อว่าเป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากเมืองนครพนม (เพราะมักตั้งชื่อบ้านและวัดตามเมืองนครพนมเดิม) โดยพวนกลุ่มนี้ดำรงเอกลักษณ์ของตนไว้เข้มแข็งจนไม่เหลือหลักฐานของผู้คนที่อาศัยอยู่ก่อนหน้าบริเวณนี้ก่อนที่พวนจะเข้ามา พวนบริเวณนี้ขยายชุมชนต่อไปทางเหนือจนถึงบริเวณ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรีในปัจจุบัน (หน้า 1, 7-9) ประวัติวัดมหาเจดีย์ ตั้งอยู่ ต.พนม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สร้างโดยพวนที่มาจากประเทศลาวเมื่อปี พ.ศ.2321 เดิมชื่อ "วัดนอก" เพราะอดีตที่ตั้งวัดอยู่ภายนอกชุมชนและพื้นที่ในอดีตเป็นป่ามีชุมชนตั้งอยู่รายรอบ ราวปี พ.ศ.2358 มีพระรูปหนึ่งมาธุดงค์และพักอาศัยบริเวณเจดีย์ ผู้คนมาพบจึงศรัทธาและบำรุงเจดีย์ สร้างที่พักให้พระรูปนั้นจนเป็นวัด และพระรูปนั้นก็เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก เรียกว่า "ท่านอาจารย์อุด" (หน้า 9) ประวัติวัดแสงสว่าง ตั้งอยู่ที่บ้านโคกไทย ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ตั้งอยู่ในชุมชนพวนที่อพยพมาจากประเทศลาวเมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา บริเวณชุมชนแห่งนี้นอกจากพวนแล้วยังมีชาวจีนและมอญ ซึ่งมีบทบาทในการสร้างวัด ทำให้ผู้คนบริเวณนี้เรียกพื้นที่บริเวณวัดว่า "โคกมอญ" และเปลี่ยนเป็น "โคกไทย" เมื่อปี พ.ศ. 2487 (หน้า 11) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ศิลปกรรมภายในวัดมหาเจดีย์ ปัจจุบันศิลปกรรมภายในวัดเปลี่ยนแปลง บูรณปฏิสังขรณ์จนไม่เหลือเอกลักษณ์แล้ว มีแต่เจดีย์ทรงระฆังเท่านั้นที่เป็นสิ่งก่อสร้างในคราวเริ่มสร้างวัด แม้รูปแบบทางศิลปะเปลี่ยนแปลงไปแต่ตำแหน่งก็ยังสัมพันธ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น เจดีย์และอุโบสถ ลักษณะของอุโบสถเป็นเสาไม้มุงหลังคาจากไม่มีฝาผนัง ช่วงปี พ.ศ.2516 มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น รูปแบบของพระอุโบสถก็เปลี่ยนแปลงไป แต่ตำแหน่งก็ยังคงอยู่ในบริเวณเดิมมาโดยตลอด และในวัดยังมีเจดีย์ทรงปรางค์ 2 องค์ ตั้งอยู่ข้างเจดีย์ โดยปรางค์ทั้ง 2 เป็นที่เก็บอัฐิของหลวงปู่ก้อยสร้างในปีพ.ศ.2488 และปรางค์อีกองค์บรรจุอัฐิเศรษฐีชาวจีนท่านหนึ่ง โดยปรางค์องค์หลังมีมาก่อนปรางค์องค์แรก (หน้า 10) ศิลปกรรมภายในวัดแสงสว่าง วัดนี้บูรณปฏิสังขรณ์เปลี่ยนแปลงสิ่งก่อสร้างหลายครั้ง โดยพระเจดีย์เป็นสิ่งก่อสร้างอายุเก่าแก่ที่สุด โดยเชื่อว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 คราวมาจับช้างเผือกบริเวณนี้ จึงสร้างพระเจดีย์เป็นอนุสรณ์และแก้บนเทพารักษ์ ปี พ.ศ. 2496 มีการปฏิสังขรณ์เจดีย์ครั้งใหญ่โดยบรรจุดินจากสังเวชนียสถาน 4 จากประเทศอินเดีย ลักษณะเจดีย์คล้ายกับเจดีย์ที่วัดมหาเจดีย์ อุโบสถของวัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2472 เป็นอาคารก่ออิฐ มีทางเข้าสกัดหน้าและหลังด้านละ 2 ทางเข้า สกัดข้างมีหน้าต่างด้านละ 5 บาน หลังคาเป็นเครื่องไม้ มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ประดับ หน้าบันมีปูนปั้นรูปครุฑ ราวปี พ.ศ.2490 มีการย้ายวัดมาอยู่ด้านใน สิ่งก่อสร้างหลายอย่างจึงถูกสร้างใหม่และเปลี่ยนแปลง เช่น เจดีย์และพระอุโบสถหลังใหม่ (สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2503) ในอดีตการสร้างโบสถ์จะอยู่ห่างจากพระเจดีย์มาก ต่อมาได้สร้างบริเวณเดียวกับพระเจดีย์ บริเวณโบสถ์เก่าชาวบ้านยังคงเรียกว่า "วัดโคกมอญ" ส่วนพื้นที่รายรอบพระเจดีย์ชาวบ้านเรียกว่า "วัดแสงสว่าง" โดยความสัมพันธ์ระหว่างวัดมหาเจดีย์และวัดแสงสว่างคือสร้างโดยพวนเหมือนกัน ที่ตั้งของเจดีย์อยู่ไกลจากชุมชนทั้ง 2 วัด เป็นไปตามคติของการสร้างวัดในประเทศลาวที่นิยมสร้างวัดแยกออกจากชุมชน รวมไปถึงรูปแบบของเจดีย์และแนวคิดการสร้างก็ยังคล้ายคลึงกันอีกด้วย (หน้า 11-12) อิทธิพลและที่มาของเจดีย์ทั้ง 2 องค์ เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวนทั้ง 2 วัด มีรูปแบบทางศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาวโดยเฉพาะกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งโครงสร้างโดยรวม การทำเพิ่มมุมไม้ 20 ฐานที่มีลักษณะยืดสูง การไม่ให้ความสำคัญกับบัวหงาย การใช้เส้นลวดบัวอย่างมากมาย องค์ระฆังขนาดเล็กและการไม่ใช้บัลลังก์รองรับส่วนยอด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางศิลปกรรมที่ช่างเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์เพื่อรำลึกสถานที่ที่ตนจากมา อย่างไรก็ตาม ช่างได้สอดแทรกลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามสุนทรียศาสตร์ของตน เช่นความแตกต่างของลวดบัวแต่ละเส้นที่นำมาประกอบกัน ชุดฐานรองรับองค์ระฆังของเจดีย์วัดมหาเจดีย์ที่บิดมุมฐานให้อยู่กึ่งกลางส่วนฐาน แต่ทั้งนี้บางครั้งอาจจะเกิดความผิดพลาดของช่างในการสร้าง หรือซ่อมโดยทำให้ลักษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะระเบียบชุดฐานผิดไปจากแบบแผน ทั้งนี้อายุของเจดีย์น่าจะสร้างราวปลายพุทธศตวรรษที่ 24 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 25 (หน้า 13-27) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ความสัมพันธ์ของไทยและพวนปรากฏตามตำนานของลาว คือ ปี พ.ศ.1280 ขุนบรมราชาธิราช (ขุนบูลม) ผู้ครองแคว้นน่านเจ้าให้โอรสองค์ที่ 7 คือท้าวเจตเจื่องไปปกครองเมืองพวน และในสมัยธนบุรี พ.ศ.2322 กองทัพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไปตีเมืองพวนที่เชียงขวางและกวาดต้อนครอบครัวของพวนลงมาที่กรุงเทพฯ ด้วย และในสมัยรัชกาลที่ 3 (ราวปี พ.ศ.2370) พระองค์โปรดให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (เจ้าพระยาบดินทรเดชา) ไปทำลายเมืองลาว และให้เกณฑ์ผู้คนมาไว้ในกรุงรัตนโกสินทร์ตามหัวเมืองต่าง ๆ (หน้า 7) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
งานวิจัยชิ้นนี้มีแผนผัง ภาพลายเส้น รูปภาพประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เช่น แผนผังแสดงบริเวณ/ตำแหน่งที่ตั้งของศิลปกรรมภายในวัดมหาเจดีย์ในช่วงสมัยต่างๆ (แผนผังที่ 1 ก - ค) ภาพลายเส้นเจดีย์วัดธาตุฝุ่น (ภาพลายเส้นที่ 3) รูปภาพแสดงพระอุโบสถหลังปัจจุบันของวัดแสงสว่าง (รูปที่ 15) |
|
|