สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,การเกษตรกรรม,การรับของใหม่,เชียงใหม่
Author วิพัฒน์ ดวงโภชน์
Title การยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่นของชาวเขาเผ่าม้ง หมู่บ้านหนองหอยเก่า ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 69 Year 2541
Source หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

ศึกษาลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรชาวเขาเผ่าม้งหมู่บ้านหนองหอยเก่า ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น และศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคของชาวเขาเผ่าม้งในการปลูกพืชทดแทนฝิ่น โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนผู้ปลูกพืชทดแทนฝิ่นจำนวนทั้งสิ้น 118 ครัวเรือน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 40.06 ปี ร้อยละ 52.5 ไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนใหญ่จึงอ่านภาษาไทยไม่ได้เลย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีประสบการณ์จากการปลูกพืชทดแทนฝิ่นมากกว่า 5 ปี รายได้ของครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 64,168 บาทต่อปี พื้นที่ถือครองเพื่อทำการเกษตรเฉลี่ย 3.2 ไร่ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ โดยส่วนใหญ่แล้วติดต่อกับเจ้าหน้าที่โครงการหลวง และได้รับข้อมูลข่าวสารจากเจ้าหน้าที่โครงการหลวงมากที่สุด มีแรงงานในครัวเรือนเฉลี่ย 3.62 คน เกษตรกรพอใจราคาพืชผลทดแทนฝิ่นน้อย เพราะราคาทดแทนฝิ่นไม่ค่อยแน่นอน เกษตรกรร้อยละ 45.8 ไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรมเรื่องการเกษตร และหัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้นำใด ๆ ในหมู่บ้าน ส่วนปัจจัยที่สัมพันธ์กับการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่นของเกษตรกรคือ อายุ ระดับการอ่านภาษาไทย ความพอใจในราคาพืชทดแทนฝิ่น ประสบการณ์การฝึกอบรมด้านการเกษตร การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ส่วนปัญหาของเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างกับการปลูกพืชทดแทนฝิ่นที่พบคือ (1) ปัจจัยการผลิตมีราคาแพง (2) ปัญหาการตลาด เช่น ราคา การขาย (3) ขาดเงินทุนในการดำเนินการ (4) แรงงานในการเกษตรไม่เพียงพอ (5) ขาดน้ำเพื่อใช้เพาะปลูกในฤดูแล้ง (หน้า ข-ค)

Focus

ศึกษาลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรชาวเขาเผ่าม้งหมู่บ้านหนองหอยเก่า เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น และศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคของชาวเขาเผ่าม้งในการปลูกพืชทดแทนฝิ่น (หน้า ข , 3)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ศึกษาม้งบ้านหนองหอยเก่า ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 118 ครัวเรือน โดยผู้ให้ข้อมูลเป็นหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร (หน้า ข, 27, 61)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

จำนวนประชากรชาวเขาทั้งหมดจากการสำรวจโดยกรมประชาสงเคราะห์ในปี พ.ศ.2528 พบว่า มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 504,520 คน จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ.2529 ชาวเขามีอัตราเพิ่มของประชากรร้อยละ 3.5 มีอัตราการเกิด 55.5 ต่อ 1,000 อัตราการตาย 20 ต่อ 1,000 อัตราการตายของทารกสูงถึง 81.8 ต่อ 1,000 ในขณะที่ ม้งมีจำนวนประชากรประมาณร้อยละ 15 ของจำนวนประชากรชาวเขาทั้งหมด หมู่บ้านหนองหอยเก่ามีจำนวน 161 ครอบครัว จำนวนประชากรทั้งสิ้น 680 คน ประกอบด้วยชาวเขาเผ่าม้ง ลีซอ จีนฮ่อ เย้า (หน้า 1-3, 8) กลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรบ้านหนองหอยเก่าเป็นชาย 106 คน (ร้อยละ 89.8) หญิง 12 คน (ร้อยละ 10.2) มีอายุเฉลี่ย 40.06 ปี อายุต่ำที่สุด 19 ปี สูงที่สุด 71 ปี (หน้า 30-31, 61)

Economy

ในอดีตม้งปลูกฝิ่นเป็นอาชีพหลัก เช่น ม้งที่บ้านแม่โถ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ปลูกข้าวไร่เพียงร้อยละ 17 ขณะที่ปลูกฝิ่นถึงร้อยละ 83 ต่อมามีโครงการหลวงพัฒนาชาวเขาก่อตั้งในปี พ.ศ.2512 ให้ชาวเขาลดการปลูกฝิ่นด้วยการปลูกพืชทดแทน สำหรับหมู่บ้านหนองหอยเก่า จากการสำรวจเมื่อต้นปี พ.ศ.2527 พบว่าใช้พื้นที่ปลูกฝิ่นประมาณ 250 ไร่ ต่อมามีโครงการหลวงเข้าไปดำเนินการในพื้นที่พบว่าพื้นที่เดิมที่เคยใช้ปลูกฝิ่นเปลี่ยนเป็นปลูกพืชผัก ไม้ผลเมืองหนาวและไม้ดอก ปี พ.ศ.2535 ชาวเขามีรายได้จากการส่งพืชผัก ไม้ผลและไม้ดอกผ่านโครงการหลวงเป็นมูลค่า 5,085,753 บาท (หน้า 2-3, 27) จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนหมู่บ้านหนองหอยเก่าพบว่ามีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่เป็นแรงงานเกษตรเฉลี่ย 3.62 คน ครัวเรือนที่มีแรงงานทำเกษตรสูงสุดคือ 11 คน ต่ำที่สุดคือ 1 คน (หน้า 35, 62) กลุ่มตัวอย่างหัวหน้าครัวเรือนมีพื้นที่ทำการเกษตร 3.2 ไร่ มีพื้นที่สูงที่สุด 35 ไร่ ต่ำที่สุด 2 ไร่ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.6 มีรายได้จากอาชีพการเกษตร ส่วนร้อยละ 3.4 มีรายได้จากการรับจ้างทั่วไป เช่น รับจ้างเป็นแรงงานเกษตรในหมู่บ้านหรือเป็นคนงานให้กับหน่วยงานต่างๆ เช่น ป่าไม้ โครงการหลวง รายได้ทั้งหมดของครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 64,168 บาทต่อปี สูงที่สุดคือ 250,000 บาทต่อปี ต่ำที่สุดคือ 15,000 บาทต่อปี หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 64.4 เลิกปลูกฝิ่นมามากกว่า 5 ปี รองลงมาร้อยละ 28.8 เลิกปลูกฝิ่นมา 1 ปี และร้อยละ 6.8 เลิกปลูกฝิ่นมาจำนวน 2-5 ปี หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.6 ปลูกผักทดแทนฝิ่น รองลงมาร้อยละ 35.6 ปลูกไม้ทดแทนฝิ่น ร้อยละ 3.4 ปลูกไม้ดอก และร้อยละ 3.4 ปลูกพืชไร่ โดยที่ความคิดเห็นของเกษตรกรร้อยละ 64.4 เห็นว่า การปลูกพืชเสริมมีรายได้มากกว่าการปลูกฝิ่น รองลงมาร้อยละ 25.4 เห็นว่า ปลูกฝิ่นมีรายได้ดีกว่า และร้อยละ 10.2 เห็นว่าการรับจ้างแรงงานเกษตรมีรายได้ดีกว่าการปลูกฝิ่น เกษตรกรกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 83 พอใจในราคาขายผลผลิต และร้อยละ 17 ไม่พอใจในราคาขายผลผลิต (หน้า 37-43, 62)

Social Organization

หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.6 แต่งงานแล้ว และร้อยละ 3.4 เป็นหม้าย มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 6.35 คน จำนวนสมาชิกครัวเรือนสูงที่สุด 18 คน จำนวนสมาชิกในครัวเรือนต่ำที่สุด 2 คน (หน้า 32, 34, 61) กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 89.8 ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในหมู่บ้าน รองลงมาร้อยละ 8.5 เป็นผู้นำเยาวชน ขณะที่ร้อยละ 1.7 เป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (หน้า 36, 62)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ไม่มีข้อมูล

Education and Socialization

จากการสำรวจประชากรชาวเขาของสำนักงานสถิติแห่งชาติเรื่องการศึกษาในจังหวัดตาก เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา พบว่าประชากรชาวเขาไม่ได้รับการศึกษาประมาณร้อยละ 85.9 , 79 , 80.5 และ 75.5 ตามลำดับ (หน้า 8) หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรม้งกลุ่มตัวอย่างไม่ได้เรียนหนังสือถึง 62 คน (ร้อยละ 52.5) รองลงมาศึกษาถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 32 คน (ร้อยละ 27.1) และศึกษาระดับต่ำกว่าประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 16 คน (ร้อยละ 13.6) กลุ่มตัวอย่างอ่านหนังสือไม่ได้เลย 64 คน (ร้อยละ 54.2) อ่านได้ดี 28 คน (ร้อยละ 23.7) อ่านได้ปานกลาง 26 คน (ร้อยละ 22) (หน้า 33, 61) เกษตรกรหัวหน้าครัวเรือนที่ปลูกพืชทดแทนฝิ่นเคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งโครงการหลวงหนองหอยและหน่วยงานอื่น ๆ พบว่าร้อยละ 68.7 เคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ 11-20 ครั้ง ร้อยละ 31.4 ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ 1-10 ครั้ง หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61 ได้รับฟังข่าวสารเกี่ยวกับการเกษตร ร้อยละ 39 ไม่เคยรับฟังข่าวสารการเกษตร กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 45.8 ไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรมด้านการเกษตร รองลงมาร้อยละ 35.6 ได้รับการฝึกอบรมแต่น้อยครั้ง และร้อยละ 18.7 ได้รับการฝึกอบรมบ่อยครั้ง (หน้า 44-45, 62)

Health and Medicine

ปัญหาทางสาธารณสุขของชาวเขาคือ ความเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหารและมาลาเรีย ปัญหาด้านโภชนาการและการติดฝิ่น (หน้า 8)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

การยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่นของม้งบ้านหนองหอยเก่า เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยโดยรวมพบว่าหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น (หน้า 46-48, 63) ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น โดยนำตัวแปรอิสระต่าง ๆ คือ อายุ ระดับการอ่านภาษาไทย รายได้ทั้งหมดของครัวเรือน ขนาดพื้นที่ที่ถือครองเพื่อทำการเกษตร แรงงานเกษตรในครัวเรือน ความพอใจในราคาของพืชทดแทนฝิ่น การติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ การได้รับข่าวสารการเกษตร พบว่า มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่เป็นปัจจัยการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น 5 ตัวคือ อายุ (มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่น) ระดับการอ่านภาษาไทย (เกษตรกรที่อ่านภาษาไทยได้จะสามารถอ่านเอกสารคำแนะนำทางการเกษตรได้ดีกว่าคนอื่น) การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ (ยิ่งพบปะเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง ยิ่งได้รับความรู้วิชาการใหม่ ๆ ทำให้ตัดสินใจยอมรับการปลูกพืชทดแทนฝิ่นมากขึ้น) ความพอใจในราคาพืชทดแทนฝิ่น (ยิ่งเกษตรกรพอใจราคาพืชทดแทนฝิ่นมากเท่าใด ก็จะยอมรับพืชทดแทนฝิ่นมากเท่านั้น) ประสบการณ์การฝึกอบรมด้านการเกษตร (ยิ่งบ่อยครั้ง ยิ่งเกิดความรู้ ความเข้าใจในวิธีการต่าง ๆ ในการปลูกพืชทดแทนฝิ่นมากยิ่งขึ้น) (หน้า 49-59, 63, 66-67) ปัญหาและอุปสรรคของหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรในการปลูกพืชทดแทนฝิ่น (1) มีปัญหาและอุปสรรคมาก คือ ปัญหาเกี่ยวกับน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก ปัญหาเรื่องขาดเงินทุนในการดำเนินงาน ปัจจัยการผลิต เช่น ผลิตภัณฑ์ ปุ๋ย ยา มีราคาแพง ปัญหาการตลาด เช่น ราคา การขาย ขนส่ง แรงงานไม่เพียงพอ (2) มีปัญหาและอุปสรรคปานกลาง พื้นที่เพาะปลูกไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำและไม่ติดตามงานเพียงพอ เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้ามาทำงานโดยไม่มีการประสานงาน ทำให้เกิดความสับสน (3) มีปัญหาและอุปสรรคน้อย พื้นที่ไม่เหมาะสม (หน้า 60, 63-65)

Map/Illustration

งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เช่น ตารางแสดงระดับความพอใจในราคาที่ขายผลผลิตของเกษตรกร (ตารางที่ 15 หน้า 43) ตารางแสดงปัญหาและอุปสรรคของหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรในการปลูกพืชทดแทนฝิ่น (ตารางที่ 30 หน้า 65)

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 04 เม.ย 2556
TAG ม้ง, การเกษตรกรรม, การรับของใหม่, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง