|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง, เมี่ยน,ลื้อ, ลีซู, ลาหู่, อ่าข่า, ลัวะ ,ละเวือะ,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), ชาวเขา,การศึกษา,ระบบโรงเรียน,ภาคเหนือ |
Author |
คาตาโอกะ ทัตสึกิ |
Title |
ทำอย่างไรให้ชาวเขาในภาคเหนือของไทย รับระบบการศึกษาสมัยใหม่ของประเทศ |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาญี่ปุ่น |
Ethnic Identity |
ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า, ลัวะ (มัล ปรัย) ลัวะมัล ไปร ลัวะปรัย, อ่าข่า, ไทลื้อ ลื้อ ไตลื้อ, ลีซู, ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, อิ้วเมี่ยน เมี่ยน, ม้ง, โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
สมาคมไทยศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น |
Total Pages |
14 |
Year |
2544 |
Source |
Nenpou Tai kenkyuu Dai 1 Gou , Nihon Tai Gakkai. PP. 87-100. (วารสารไทยศึกษา :สมาคมไทยศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น) |
Abstract |
รายงานชิ้นนี้เป็นการศึกษาเรื่อง ทำอย่างไรให้ชาวเขาในภาคเหนือของไทย รับระบบการศึกษาสมัยใหม่ของประเทศ ทั้งนี้โดยการใช้กรณีศึกษาเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดเชียงใหม่ ระบบการศึกษาแห่งชาติจากส่วนกลางถูกนำเข้าสู่เขตพื้นที่สูงในภาคเหนือของไทย ในช่วงทศวรรษ 1950 ซึ่งเกี่ยวโยงถึงยุคสงครามเย็นอันเป็นเงื่อนไขในขณะนั้น และในเวลาต่อมาได้ถูกใช้เป็นบริบทในการพัฒนาพื้นที่สูง ชาวเขาสมัครใจที่จะส่งลูกหลานของพวกเขาเข้าโรงเรียนประถมที่สอนตามหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ และไม่ลังเลใจที่จะรับการสนับสนุนพิเศษสำหรับชาวเขา เพื่อโอกาสทางการศึกษาที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยบริบทดังกล่าว ชาวเขาจึงตกอยู่ในสภาวะการมีตัวตนหรือเอกลักษณ์ที่กำกวม เพราะไม่เลือกชัดเจนว่าจะเป็นชาวเขาหรือคนไทย แต่กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นทั้งชาวเขาและคนไทย (หน้า 87) |
|
Focus |
งานนี้ศึกษาเรื่องนโยบายของรัฐบาลไทยในการกระจายการศึกษาระบบโรงเรียนไปสู่ชาวเขา |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวเขา (ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ลีซู ลัวะ คาม ถิ่น ละหู่ อะข่า ตามคำจำกัดความของกระทรวงมหาดไทยทั้ง 9 ชนเผ่าที่กล่าวนี้คือ ชาวเขา ) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุประวัติของกลุ่มหรือชุมชนชาวเขา แต่ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาเรื่องการศึกษาของชาวเขา ใน พ.ศ. 2476 การศึกษาแห่งชาติได้ขยายไปถึงชาวเขาเป็นครั้งแรก โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการกระจายการศึกษาระดับประถมสู่พื้นที่ภูเขา ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังไม่ได้ผลมากนัก จนกระทั่งปี พ.ศ.2493 เป็นต้นมา ได้เริ่มกระจายการศึกษาสู่พื้นที่ภูเขา โดยมุ่งเน้นที่หลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ จุดประสงค์หลักก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 ชุมชนสงเคราะห์ชาวเขา ก็ได้ก่อตั้งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2496 ได้ก่อตั้งตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งได้เปิดโรงเรียนสอนหนังสือให้แก่เด็กชาวเขา โดยใช้หลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ หลังจากนั้นโครงการเพื่อการศึกษาในพื้นที่สูงเริ่มได้รับงบประมาณสนับสนุน ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามเย็นและการช่วยเหลือด้านการพัฒนาที่กำลังตื่นตัวอย่างมากในขณะนั้น และยังสืบเนื่องมาจนถึงปี พ.ศ. 2523 วัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาแก่ชาวเขาก็เปลี่ยนไปสู่การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขาให้ดีขึ้น และเพื่อลดการปลูกฝิ่น (หน้า 89-92) |
|
Demography |
ข้อมูลประชากรชาวเขาตามการสำรวจของกระทรวงมหาดไทยในปี 2540 มีประชากรชาวเขา 187,116 คน (หน้า 88) |
|
Economy |
ระบบการผลิตพื้นฐานของชาวเขาคือการเพาะปลูกเพื่อยังชีพ หลังจากปี ค.ศ. 1960 ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลไทย องค์กรต่างประเทศได้นำการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาสู่ชาวเขา รวมทั้งระบบทุนนิยมและการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ (หน้า 88-89) |
|
Education and Socialization |
มีรูปแบบการศึกษาอื่นๆ สำหรับชาวเขา เช่น 1. การศึกษาตามหลักสูตรของรัฐ 2. การศึกษาพิเศษเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อย (ซึ่งยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมของตนไว้) 3. การศึกษาเพื่อการอนุเคราะห์คนยากจน (ซึ่งให้คำจำกัดความว่า ชาวเขาคือผู้ด้อยพัฒนาและยากจน) - การศึกษาตามหลักสูตรของรัฐ มีโรงเรียนของรัฐหลายแห่งทั่วประเทศทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่สูง ซึ่งจัดการโดย ONPEC (คณะกรรมาธิการการประถมศึกษาแห่งชาติ) แต่โรงเรียนเหล่านี้ไม่ได้มีการจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมพิเศษอื่นใดสำหรับชาวเขา - การศึกษาพิเศษเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อย (ซึ่งยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมของตนไว้) มีการศึกษารูปแบบอื่นที่มีเป้าหมายเพื่อการรักษาวัฒนธรรมประเพณีและผลักดันให้มีการพัฒนาชุมชน บนรากฐานของวัฒนธรรมประเพณีของตนเอง เช่น HAE Project (โครงการการศึกษาบนพื้นที่สูง) ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน แต่อย่างไรก็ดี โครงการนี้ก็ยังเป็นสัดส่วนเล็ก เมื่อเทียบกับโรงเรียนของรัฐ - การศึกษาเพื่อการอนุเคราะห์คนยากจน (ซึ่งให้คำจำกัดความว่า ชาวเขาคือผู้ด้อยพัฒนาและยากจน) มีการจัดหอพักเพื่อรับนักเรียนชาวเขาและส่งเด็กเหล่านี้เข้าสู่โรงเรียนของรัฐ และมีระบบการให้ทุนการศึกษาซึ่งมุ่งเป้าไปที่เด็กชาวเขา โรงเรียนสวัสดิการเหล่านี้จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลไทยเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การเรียนการสอนและที่พักแก่คนยากจนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และยังมีโครงการพิเศษสำหรับโรงเรียนเอกชน ที่ดำเนินการโดยองค์กรศาสนา ซึ่งเป็นโรงเรียนในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากนักเรียน ทั้งในด้านการเรียนการสอนและหอพัก (หน้า 92-97) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบัน เอกลักษณ์ของคนกลุ่มนี้ไม่อยู่ในหมวดของชาวเขาหรือชาวไทย เพราะในความเป็นจริง การเป็นชาวเขาก็เพื่อการได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐ และเป็นคนไทยก็เพื่อสิทธิทางการศึกษา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า การเป็นทั้งชาวเขาและคนไทย คือสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา (หน้า 97) |
|
Text Analyst |
Nishikawa Yoko |
Date of Report |
10 ต.ค. 2567 |
TAG |
ม้ง, เมี่ยน, ลื้อ, ลีซู, ลาหู่, อ่าข่า, ลัวะ, ละเวือะ, ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), ชาวเขา, การศึกษา, ระบบโรงเรียน, ภาคเหนือ, |
Translator |
Kataoka Tatsuki |
|