|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,การอพยพ,ชีวิต,ลำปาง |
Author |
สมบัติ บุญคำเยือง, ธัญญลักษณ์ แซ่เลี้ยว, ประชา แซ่จ๋าว |
Title |
คนภูเขาในป่าเต็งรัง : ชะตาชีวิต ผู้ถูกอพยพบ้านวังใหม่ (บ้านผาช่อ) ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
|
Total Pages |
140 |
Year |
2547 |
Source |
สถาบันชาติพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สนับสนุนการวิจัยโดย Japan Foundation, Bangkok. |
Abstract |
แม้การอพยพนี้จะช่วยให้พื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวงฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ได้บ้าง แต่หากพิจารณาในแง่ผลกระทบต่อชีวิตและครอบครัวของผู้ถูกอพยพและผลกระทบต่อสังคมวัฒนธรรมโดยรวม นับตั้งแต่การย้ายถิ่นฐานออกนอกหมู่บ้าน ครอบครัวเกิดความแตกแยก ในกรณีการย้ายถิ่นเข้าเมืองของสตรี ส่งผลให้ถูกชักจูงเข้าสู่กระบวนการขายบริการทางเพศและตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ได้ค่อนข้างง่าย ส่วนคนที่ไม่สามารถออกจากหมู่บ้านไปทำงานที่อื่น แต่มีความจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูชีวิต ก็ต้องหันเข้าสู่ขบวนการค้ายาเสพติด จากการรวบรวมข้อมูลในช่วงเวลาสั้นๆ การอพยพของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาออกจากพื้นที่ป่ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ราบมีข้อสรุปเบื้องต้นว่า หากพิจารณาในแง่ผลกระทบต่อครอบครัว ผลที่ได้รับจากการอพยพชาวบ้านลงมาอยู่ในเขตพื้นที่ราบ น่าจะไม่คุ้มค่าเท่าใดนัก เพราะเป็นการสร้างเงื่อนไขบีบบังคับให้กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาไร้ทางเลือกทางออกของชีวิตและหันไปสร้างปัญหาทางสังคมด้านอื่นๆ งานวิจัยนี้มีข้อคิดเห็นว่า การพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง ที่ต้องมุ่งดำเนินการไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะในเรื่องของการพึ่งพาตนเอง การอพยพกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาออกจากพื้นที่ป่า อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการอนุรักษ์/ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในทางตรงกันข้ามการส่งเสริมการดำรงชีวิตอยู่ในเขตพื้นที่ป่าอย่างผู้อนุรักษ์ และตระหนักถึงคุณค่าของการเกื้อกูลซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์กับทรัพยากรธรรมชาติ น่าจะเป็นทางเลือกทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
|
|
Focus |
ศึกษาวิถีชีวิต สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาที่ถูกอพยพออกจากเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง กรณีบ้านวังใหม่ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง
|
|
Ethnic Group in the Focus |
เมี่ยน(เย้า), ลีซู(ลีซอ), ลัวะ(บลัง) (หน้า 24)
|
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ปรากฏชัดเจน กล่าวเพียงว่าในอดีตเมี่ยนมีการเรียนภาษาจีน (หน้า 52)
|
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
นักมานุษยวิทยาที่ศึกษาเกี่ยวกับเมี่ยนหรือเย้า มักจะแบ่งการอพยพและการตั้งถิ่นฐานของเมี่ยนในประเทศไทยออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ได้แก่ - กลุ่มเชียงราย-น่าน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเมี่ยนกลุ่มแรกที่ตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรสยามในช่วงปลายทศวรรษที่ 2390 เมี่ยน กลุ่มนี้อพยพมาจากเมืองหลวงน้ำทา เมืองอุดมไชย และตั้งถิ่นฐานอยู่บนเทือกเขาสูงในเขตเมืองน่านตอนเหนือหรือบริเวณที่เรียกว่า ขุนน้ำโมง ดอยผาช้างน้อยและดอยผาจิในปัจจุบัน - กลุ่มดอยอ่างขาง (หรือกลุ่มเชียงใหม่-เชียงราย) เป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเชียงราย-น่าน แต่เมี่ยน กลุ่มนี้เมื่อย้ายออกจากเมืองหลวงน้ำทาแล้ว ก็เข้าสู่ราชอาณาจักรสยามในเขตท้องที่ของเมืองเชียงของและมุ่งไปตั้งถิ่นฐานที่ดอยอ่างขาง เขตเมืองฝาง ปัจจุบันเมี่ยนกลุ่มนี้ ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตอำเภอฝางบ้านปางควาย ตำบลแม่งอน จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงรายที่บ้านห้วยชมภู บ้านผาลั้ง บ้านห้วยแม่ซ้าย ตำบลห้วยชมพู อำเภอแม่จันที่บ้านหนองแว่น จังหวัดเชียงราย - กลุ่มเชียงรายตอนบน เมี่ยนกลุ่มนี้เดิมอยู่ในเขตเมืองห้วยทรายหรือเมืองอื่น ๆ ในแขวงบ่อแก้ว ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อพยพเข้าสู่ประเทศไทย 2 ระลอกใหญ่คือในช่วงทศวรรษที่ 2450 เมี่ยนประมาณ 60 ครอบครัวอพยพจากเมืองห้วยทรายมาตั้งบ้านเรือนในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 2480 เมื่อการต่อสู้ระหว่างกองทัพกู้ชาติลาวกับเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เมี่ยนกลุ่มที่ 2 ประมาณ 160 ครอบครัว โดยอพยพจากเมืองห้วยทราย เข้าสู่เมืองพง รัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่าและเคลื่อนย้ายมาตั้งบ้านเรือนที่ บ้านผาเดื่อ บ้านเล่าสิบ บ้านเล่าชีก๋วย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย - กลุ่มผู้อพยพหนีภัยสงคราม เป็นกลุ่มเมี่ยนที่อพยพเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยอพยพมาจากแขวงหลวงน้ำทา แขวงบ่อแก้วและแขวงไชยบุรี ประเทศลาว เมื่อกองทัพประชาชนปฏิวัติลาว สามารถมีอำนาจบริหารจัดการประเทศอย่างสมบูรณ์ ทำให้เมี่ยนจำนวนหนึ่งอพยพเข้าเขตประเทศไทย ด้านอำเภอชียงของ เทิงและเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา บางกลุ่มไปอยู่ในศูนย์อพยพอำเภอเชียงของและศูนย์อพยพอำเภอเชียงคำ ซึ่งต่อมาส่วนใหญ่ได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่ 3 แต่มีบางส่วนที่ตั้งถิ่นฐานที่บ้านขุนแม่บง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ยังกระจัดกระจายไปอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่อื่นๆ ทั้งในจังหวัดเชียงราย ลำปาง พะเยาและกำแพงเพชร (หน้า 14-17) หมู่บ้านวังใหม่ (ผาช่อ) เป็นหมู่บ้านที่จัดตั้งเนื่องจากการจัดสรรพื้นที่รองรับผู้อพยพออกจากเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง โดยมีสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ชาวบ้านที่ถูกอพยพออกจากอุทยานแห่งชาติดอยหลวงประกอบด้วยหย่อมหมู่บ้านจำนวน 5 หย่อมบ้าน ได้แก่ หย่อมบ้านแม่ส้าน บ้านแม่ต๋อม บ้านป่าคา บ้านห้วยห้อมลัวะและบ้านห้วยห้อมลีซอ หย่อมบ้านแม่ส้าน เดิมตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยหลวง อาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2 ชั่วอายุคนหรือประมาณ 120 ปี และได้ถูกอพยพมาอยู่ที่บ้านวังใหม่ (ผาช่อ) เมื่อ พ.ศ. 2537 หย่อมบ้านป่าคา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเมี่ยน กลุ่มเชียงรายตอนบนหรือกลุ่มที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ช่วงปลายทศวรรษ 2490 หย่อมบ้านแม่ต๋อม (เมี่ยน) เดิมอาศัยอยู่ในเขตดอยขุนกำลัง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อ พ.ศ. 2517 เกิดสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลไทยกับกองทัพประชาชนพรรคคอมมิวนิสต์ทวีความรุแรงมากขึ้นผู้นำหมู่บ้านจึงชวนเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องออกเดินทางเพื่อหาที่อยู่แห่งใหม่ ต่อมาได้ไปเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่ในเขตดอยหลวง ด้านอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ด้วย จนกระทั่ง ถูกบังคับให้อพยพมาตั้งบ้านเรือนที่บ้านผาช่อเมื่อต้นปี พ.ศ. 2537 หย่อมบ้านห้วยห้อม (ลัวะ) เดิมอาศัยอยู่ในท้องที่เมืองไฮ เมืองฮำและเมืองอื่นๆ ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑล ยูนนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ประมาณ พ.ศ. 2504 ได้เคลื่อนย้ายอพยพเข้ามาในประเทศไทย และอาศัยทำกินที่บ้านห้วยน้ำขุ่น บริเวณดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง และขยายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านป่ายางผาแตก อำเภอแม่สาย บ้านลัวะพัฒนา อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 2510 กรมป่าไม้ได้ปลูกสร้างสวนทับที่ดินทำกิน ทำให้ประมาณ พ.ศ. 2514 ลัวะ(บลัง)กลุ่มหนึ่งซึ่งทำงานรับจ้างและได้พบกับลีซูบ้านห้วยห้อมใต้และได้รับการชักชวนให้ไปตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยตั้งหมู่บ้านอยี่เหนือบ้านห้วยห้อมลีซอประมาณ 1 กิโลเมตรและเรียกชื่อหมู่บ้านตนว่า "บ้านห้วยห้อมเหนือ" เมื่อรัฐบาลประกาศให้พื้นที่ป่าบริเวณหมู่บ้านเป็นเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ชาวบ้านจึงถูกอพยพมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่รองรับการอพยพบ้านวังใหม่ หย่อมบ้านห้วยห้อมลีซอ เดิมอาศัยอยู่ในเขตรัฐฉานประเทศเมียนม่าร์ ราวต้นทศวรรษที่ 2500 ลีซอกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 หลังคาเรือน โดยมีผู้เฒ่าซาปอ แซ่ล้อ เป็นผู้นำอพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านห้วยห้อม เขตดอยหลวง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 ชาวบ้านห้วยห้อมจำนวน 20 หลังคาเรือนได้ถูกอพยพมาอยู่ที่บ้านวังใหม่(หน้า 30-40)
|
|
Demography |
เมี่ยนหรือเย้าในท้องที่จังหวัดลำปาง กำแพงเพชร เชียงใหม่ ตากและเพชรบูรณ์ มีประชากรรวมทั้งหมด 48,000 คน 9,500 หลังคาเรือน 195 หย่อมบ้าน (หน้า 14) บ้านวังใหม่มีประชากรทั้งสิ้น 1,220 คน 197 หลังคาเรือน 225 ครอบครัว จำแนกเป็นเมี่ยน (เย้า) 114 หลังคาเรือน 159 คน กลุ่มลีซู (ลีซอ) 25 หลังคาเรือน 35 ครอบครัว 459 คน ลัวะ (บลัง) 47 หลังคาเรือน 64 ครอบครัว 348 คน กลุ่มคนไทยพื้นราบ 11 หลังคาเรือน 11 ครอบครัว 50 คน (หน้า 24) เมี่ยน(เย้า) บางคน อพยพจากหมู่บ้านไปหางานทำในเมืองและพยายามเรียนรู้วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น (หน้า 61)
|
|
Economy |
อาชีพของคนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างและทำงานต่างถิ่น ต่างจังหวัด บางคนไปทำงานต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์และมาเลเซีย สำหรับกลุ่มคนที่ยังอาศัยในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ จะทำไร่ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง บางครอบครัวพยายามที่จะทำสวนลำไย มะม่วง มะขามและไม้สัก นอกจากนี้ บางครอบครัวได้หาพันธุ์พืชชนิดใหม่มาปลูก เช่น ถั่วแดงหลวง ท้อ บ๊วยและพลับ (หน้า 26-28) เนื่องจากผู้หญิงเมี่ยนมีทักษะและเชี่ยวชาญการปักลวดลายบนผืนผ้า เมื่อถูกอพยพลงมาพื้นที่ราบ จึงปักลวดลายบนผ้าเพื่อจำหน่ายเพื่อเลี้ยงดูชีวิตและครอบครัว (หน้า 46) การอพยพของชาวเขาลงมาตั้งถิ่นฐานในเขตพื้นที่ราบ หากพิจารณาลึกลงไปในรายละเอียดของแต่ละกลุ่มบ้านจะพบว่า กลุ่มคนยากไร้ในแต่ละหย่อมบ้านมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความลำบากยากแค้นในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้นโดยในช่วงแรกของการอพยพมาตั้งถิ่นฐานในเขตพื้นที่ราบ ชาวบ้านแทบทุกกลุ่มบ้านยึดอาชีพรับจ้างในภาคเกษตรเป็นหลัก แต่เนื่องจากปัญหาการจ้างงานไม่ต่อเนื่องและค่าจ้างแรงงานต่ำ จึงทำให้บางคนอพยพออกจากหมู่บ้านไปหางานทำในเมืองและพยายามเรียนรู้วิถีการทำมาหากินในเมืองที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น หากพิจารณาถึงลักษณะงานหรือกิจกรรมที่ทำอยู่ สามารถจำแนกได้เป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มแรงงานรับจ้างทั่วไป เช่น คนงานก่อสร้าง 2. กลุ่มแรงงานรับจ้างในสวนกล้วยไม้และดอกอื่นๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 3. กลุ่มคนขายน้ำเต้าหู้หรือกิจการทางธุรกิจอื่นๆ เช่น ขายสินค้าในตลาดไนท์บาซาร์ ขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่ง เป็นต้น 4. กลุ่มคนขายแรงงานต่างประเทศ 5. กลุ่มคนที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ โดยแต่ละกลุ่มจะมีวิถีชีวิตและลักษณะการปรับตัวที่แตกต่างกันไป (หน้า 58, 61)
|
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
กระดาษ (เจ่ลิ่น) สำหรับห่มและสำหรับเขียนหนังสือ ทำจากไม้ไผ่ โดยตัดไม้ไผ่อ่อนที่ยังไม่ออกใบ นำมาต้มแล้วหมักด้วยปูนขาวจนเปื่อย นำมาตำด้วยครกกระเดื่อง ผสมน้ำเล็กน้อย แล้วค่อยๆ เทลงตระแกรงไม้บางๆ เอาไปตากแห้งแล้วแกะออก จะเป็นแผ่นเยื่อไม้ไผ่ติดกันเป็นแผ่น (หน้า 51) บ้านเรือนสมัยก่อนใช้ไม้เป็นแผ่นสร้างบ้านโดยใช้ใบก๊อมุงหลังคา บ้างก็นำไม้ไผ่มาผ่าซีกเพื่อมุงหลังคา บ้างก็เอาไม้ไผ่ตีเป็นฟากมามุงหลังคา บางครอบครัวมีฐานะดีจะใช้แผ่นไม้มุงหลังคา (หน้า 52)
|
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
รูปทรงและลักษณะการตั้งบ้านเรือนปัจจุบันมีความต่างจากอดีตเนื่องจากปัจจุบันทางราชการเป็นผู้จัดสรรให้ครอบครัวละ 1 ไร่ กล่าวคือ บ้านที่เคยปลูกอยู่รวมกันอย่างใกล้ชิดถูกปลูกแยกห่างจากกันหลังละไม่น้อยกว่า 40 เมตร บางคนสร้างกำแพงกั้นรอบบ้านของตนอย่างแน่นหนา ทำให้มีลักษณะเหมือนต่างคนต่างอยู่ นอกจากนี้ในเขตรั้วบ้านของแต่ละหลังดูเหมือนแห้งแล้งเนื่องจากลักษณะของที่ตั้งซึ่งเป็นป่าเต็งรัง (หน้า 24-25) ลีซอในช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้านห้วยห้อม บนดอยหลวงแทบทุกหลังคาเรือนประกอบอาชีพ ทำไร่ ปลูกข้าว ข้าวโพดและสวนกาแฟในแต่ละปีจะมีรายได้ 30,000-40,000 บาท แต่เมื่อถูกอพยพลงมาพื้นที่ราบทำให้แต่ละครัวเรือนประสบปัญหาแตกต่างกันไป เนื่องจากที่ดินซึ่งได้รับจากการจัดสรรไม่สามารถเพาะปลูกได้ (หน้า 38-39)
|
|
Map/Illustration |
ตาราง - แสดงการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรบ้านวังใหม่ เปรียบเทียบปี พ.ศ. 2538 กับ พ.ศ. 2545 (หน้า 24) - แสดงรูปแบบและจำนวนคนที่ออกไปทำมาหากินของชาวบ้านวังใหม่ (หน้า 28) - แสดงสถานะทางเศรษฐกิจตามรายครัวเรือนในมุมมองของผู้นำหมู่บ้าน (หน้า 57)
|
|
Text Analyst |
สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ |
Date of Report |
26 ก.ย. 2567 |
TAG |
เย้า, การอพยพ, ชีวิต, ลำปาง, |
Translator |
- |
|