|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การนับถือผี,ความทันสมัย,ระบบครอบครัว,เครือญาติ,เชียงใหม่ |
Author |
อุทัยวรรณ มินสุวรรณ |
Title |
ภาวะความทันสมัยในระบบครอบครัวและเครือญาติกับวัฒนธรรมการนับถือผีของชาวกะเหรี่ยง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
124 |
Year |
2541 |
Source |
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
Abstract |
วัฒนธรรมความเชื่อในการนับถือผีแบบดั้งเดิมของกะเหรี่ยง มีบทบาทและอิทธิพลต่อรูปแบบวิถีชีวิตในสังคมเกษตร แต่เดิมกะเหรี่ยงมีระบบการผลิตที่จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานภาคครัวเรือน จากระบบครอบครัวและเครือญาติเป็นหลัก เมื่อภาวะความทันสมัยอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมเข้ามามีบทบาทต่อครอบครัวและเครือญาติ ส่งผลให้การปฏิบัติพิธีกรรมการนับถือผีเป็นแบบก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นขึ้น ผลการวิจัยทดสอบสมมติฐาน หาความสัมพันธ์ระหว่างระบบครอบครัว และระบบเครือญาติกับวัฒนธรรมการนับถือผีของกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ พบว่า ประเภทครอบครัวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัวขยาย การแต่งงานระหว่างคนต่างเผ่าหรือคนภายในเผ่าเดียวกัน การยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ลูกสมรสกับคนต่างเผ่าหรือคนพื้นราบ อำนาจในการเลือกคู่ครองด้วยตนเองหรือพ่อแม่เป็นผู้เลือกให้ อำนาจในการเลือกที่อยู่อาศัยหลังแต่งงาน อำนาจการตัดสินใจภายในครอบครัว รวมถึงความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการแบ่งมรดก สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลทำให้วัฒนธรรมการนับถือผีแตกต่างกันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการตั้งถิ่นฐานของกะเหรี่ยงตามหลักความเชื่อแบบดั้งเดิม กลับส่งผลให้วัฒนธรรมการนับถือผีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ยังคงมีความเชื่อตามแบบแผนดั้งเดิม แต่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อนั้น กลับมีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบก้าวหน้ามากกว่า (หน้า 101-106) |
|
Focus |
เน้นศึกษาภาวะความทันสมัยในระบบครอบครัวและเครือญาติ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในการนับถือผีของกะเหรี่ยงในพื้นที่ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
เน้นศึกษาประชากรกะเหรี่ยงซึ่งอาศัยอยู่พื้นที่ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ. เชียงใหม่ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
หมู่บ้านกะเหรี่ยงเรียกว่า "เก็ง" มักปลูกรวมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 20-30 หลังคาเรือน ใช้ไม้ไผ่และแฝกทำโครงบ้าน ยกพื้นด้วยเสาสูงจากพื้นดิน ใช้ใบหวาย ใบคาหรือใบหลวงตามแต่จะหาได้ในท้องถิ่นมามุงหลังคา ทำชายคาคลุม ก่อเตาไฟตรงกลาง ขนาดของหมู่บ้านขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำรวมถึงความสามารถในการผลิต (หน้า 17) จากข้อมูลการศึกษาแบบแผนการเลือกที่อยู่อาศัยของประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่เลือกที่อยู่อาศัยเอง และผู้ใหญ่เป็นผู้เลือกที่อยู่อาศัยให้ต่างกันไม่มากนัก กลุ่มตัวอย่างที่เหลือกที่อยู่อาศัยด้วยตนเองคิดเป็นร้อยละ 57.9 ที่เหลือผู้ใหญ่เป็นผู้เลือกที่อยู่อาศัยให้คิดเป็นร้อยละ 42.1 โดยส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ของฝ่ายชายมักเป็นผู้จัดการที่อยู่อาศัยให้คิดเป็นร้อยละ 82.5 ในกรณีที่เลือกที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง ผู้ใหญ่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเห็นด้วย คิดเป็นร้อยละ 98.2 มีเพียงร้อยละ 1.8 ที่ผู้ใหญ่ไม่ให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.1 เห็นว่าประเพณีการตั้งหมู่บ้านใหม่ จำเป็นต้องมีบุคคลที่เกี่ยวดองฝ่ายบิดากับเซี่ยเก็งคูคนเดิม ร่วมทางไปด้วย อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.6 ยินดีเดินทางไป หากกลุ่มไม่มีบุคคลที่เกี่ยวดองกับเซี่ยเก็งคูคนเดิมร่วมไปด้วยในกรณีที่จำเป็นต้องแยกตัวไปตั้งหมู่บ้านใหม่ มีกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ไปคิดเป็นร้อยละ 38.4 (หน้า 45-46,99) จากการทดสอบสมมติฐานพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม มีความเชื่อไปในทางก้าวหน้ามากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีความเชื่อ กล่าวคือ มีการปรับเปลี่ยนกระแสความคิดให้เข้ากับสังคมภายนอกได้มากกว่า (หน้า 91) อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างที่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม มีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบก้าวหน้ามากกว่ากลุ่มที่ปฏิบัติตามความเชื่อไปในทางก้าวหน้ามากกว่าที่ปฏิบัติตามความเชื่อ ผู้วิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักเป็นแหล่งมากขึ้น ไม่ค่อยมีการอพยพย้ายถิ่นเหมือนในอดีต รวมถึงการประกอบอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องอาศัยการเซ่นสรวงบูชา หรือเลี้ยงผีอีกต่อไป (หน้า 91-92) |
|
Demography |
ประชากรในงานวิจัยนี้ เป็นประชากรกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 302 ครัวเรือน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 190 ครัวเรือน คิดเป็นเพศชายร้อยละ 70 เพศหญิงร้อยละ 30 อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 36-60 ปีร้อยละ 53.2 ต่ำกว่า 36 ปีและ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 24.2 และ 22.6 ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างมีผู้ที่ไม่ได้เรียนถึงร้อยละ 72.6 ได้รับการศึกษาถึงระดับประถมปีที่ 4 ร้อยละ 18.9 ไม่พบกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาสูงกว่ามัธยมปลาย จำนวนสมาชิกในครอบครัว 4-6 คนมีจำนวนมากที่สุดร้อยละ 60 ประชากรส่วนใหญ่สมรสแล้วคิดเป็นร้อยละ 75.3 รองลงมามีสถานภาพโสดร้อยละ 12.6 เป็นหม้ายน้อยที่สุด ร้อยละ 12.1 ไม่พบกลุ่มตัวอย่างที่มีการหย่าร้าง (หน้า 40-42, 97) |
|
Economy |
สังคมกะเหรี่ยงแต่ละครัวเรือนมักมีไร่นาและยุ้งฉางเป็นของตนเอง ครอบครัวเป็นผู้จัดแรงงานด้านการเกษตร และทำพิธีด้านการเกษตรด้วยตนเอง การประกอบอาชีพของกะเหรี่ยงนิยมระดมแรงงานในกลุ่มเครือญาติเป็นหลัก เป็นผลมาจากการเกณฑ์แรงงานมาช่วยกันทำเกษตรกรรมบนเนินเขา เพราะครอบครัวหนึ่งๆ อาจทำไร่ไม่ทันฤดูเพาะปลูก จึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ภายในกลุ่มเครือญาติกันตามความถนัด ช่วยกันลงแรงโดยไม่คิดค่าตอบแทนเป็นทรัพย์สินเงินทอง โดยผู้ที่อยู่ในวัยทำงานจะส่งตัวแทนจากทุกครอบครัวมาเข้าร่วม การจัดตารางเวลาลงแขกมักมีการบอกกล่าวล่วงหน้า อาจมีการดูฤกษ์ดูยามเพื่อหลีกเลี่ยงการจัดงานซ้ำซ้อนกัน (หน้า 13, 18) จากข้อมูลการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจร่วมกันของประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ. เชียงใหม่ พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 89.5 เห็นด้วยกับประเพณีที่ว่า ครอบครัวและเครือญาติสนิทต้องช่วยกันทำมาหากิน มีเพียงร้อยละ 10.5 ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ปฏิบัติตามคิดเป็นร้อยละ 91.6 สำหรับรายได้จากการทำมาหากิน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ว่า ครอบครัวและเครือญาติสนิทต้องใช้รายได้จากการทำมาหากินด้วยกัน คิดเป็นร้อยละ 91.1 ที่เหลือร้อยละ 8.9 ไม่เห็นด้วย มีกลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 96.3 ปฏิบัติตามประเพณีดังกล่าว ในกรณีที่เครือญาติเดือดร้อนต้องให้ความช่วยเหลือโดยไม่ต้องตอบแทนคิดเป็นร้อยละ 97.4 โดยกลุ่มตัวอย่างมักให้ความช่วยเหลือญาติสนิทเป็นบางครั้งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุดคือ ร้อยละ 67.9 รองลงมาให้ความช่วยเหลือทุกครั้งร้อยละ 25.3 และไม่เคยให้ความช่วยเหลือเลยร้อยละ 6.8 (หน้า 99, 100) ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า กลุ่มที่เชื่อในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติมีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบก้าวหน้ากว่ากลุ่มที่ไม่เชื่อ (หน้า 92) กลุ่มที่เชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงิน สิ่งของและแรงงานระบบเครือญาติโดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน มีวัฒนธรรมการนับถือผีก้าวหน้ามากกว่าผู้ที่มีความเห็นว่า การช่วยเหลือกันในหมู่เครือญาติต้องมีผลประโยชน์หรือค่าตอบแทน อาจเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของกะเหรี่ยง จากการทำไร่เลื่อนลอยมาสู่การเกษตรเพื่อการค้า ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องผีให้เป็นแบบก้าวหน้ามากขึ้น (หน้า 93-94) อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างที่มีการปฏิบัติตามความเชื่อในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติแตกต่างกัน ไม่ทำให้วัฒนธรรมการนับถือผีมีความแตกต่างกัน (หน้า 93) |
|
Social Organization |
ระบบครอบครัวกะเหรี่ยงมีการสืบสายการนับถือผีตามตระกูลฝ่ายมารดา และนับญาติฝ่ายหญิงอย่างเคร่งครัด กล่าวคือ บุตรสาวมักจะแต่งฝ่ายชายเข้าบ้านมาเป็นแรงงานอยู่ช่วยบิดามารดาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี โดยถือจารีตประเพณีตามฝ่ายหญิงและนับญาติฝ่ายหญิงอย่างเคร่งครัด การตัดสินใจเรื่องต่างๆ ภายในบ้านรวมถึงการประกอบพิธีกรรมเป็นของฝ่ายหญิง หากภรรยาตายในขณะที่บุตรยังไม่แต่งงาน ถ้าบิดาต้องการจะแต่งงานใหม่บุตรจะคัดค้าน การสมรสมักอยู่ในดุลยพินิจของบิดามารดา ผู้ปกครองคู่สมรสต้องไม่เป็นญาติพี่น้องกัน สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ ชายที่มีความขยันขันแข็งมักเป็นที่พอใจของผู้ปกครองฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงต้องมีความสามารถในงานบ้าน งานฝีมือและเป็นที่พอใจของผู้ปกครองฝ่ายชาย มักให้ความสำคัญกับจิตใจ และคุณค่าทางประเพณีที่ดีงามมากกว่าคุณสมบัติภายนอก หลังการสมรส คู่สมรสจะตกลงกันว่าจะอยู่บ้านฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ครอบครัวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่นิยมอยู่บ้านของฝ่ายหญิงมากกว่า ถือว่าไม่เป็นการผิดสายผี คู่สมรสต้องรับภาระดูแลเรือกสวนไร่นาและเลี้ยงดูบิดามารดา สามีภรรยาไม่นอกใจกัน คู่แต่งงานมักแยกตัวออกมาตั้งบ้านเรือนของตนเองแต่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับญาติพี่น้องฝ่ายหญิง (หน้า 14,16) ระบบเครือญาติกะเหรี่ยง มักช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามโอกาส เช่น เมื่อมีการแต่งงาน งานศพ ก็จะไปช่วยเหลือกันในกลุ่มเครือญาติ ในกลุ่มเครือญาติมีการนับถือผีบรรพบุรุษสืบสายฝ่ายมารดา มีพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ และการรักษาอาการป่วยไข้ในหมู่เครือญาติร่วมกัน (หน้า 16) ผลการศึกษาประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ. เชียงใหม่ เกี่ยวกับรูปแบบครัวเรือน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยวร้อยละ 87.4 ครอบครัวขยายร้อยละ 12.6 เป็นผลมาจากคู่สมรสนิยมแยกไปตั้งครอบครัวใหม่บริเวณใกล้เคียงและเพื่อสิทธิครอบครองในที่ดินทำกิน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 98.4 เป็นคู่สมรสที่รู้จักกันเองตัดสินใจแต่งงานกันเองโดยไม่มีใครแนะนำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ พ่อแม่ของคู่สมรสและพ่อแม่ของตัวเองเป็นผู้จัดการให้แต่งงานกัน เกือบทั้งหมดเห็นว่า การเลือกคู่ครองควรเลือกเองถึงร้อยละ 93.2 ที่เหลือเห็นว่า ควรให้พ่อแม่และญาติพี่น้องของตนเลือกให้ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำมาก กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่นิยมสมรสกับคนเผ่าเดียวกันร้อยละ 78.9 มีการแต่งงานข้ามเผ่าไม่มากนัก อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 90.0 ยินยอมให้ลูกหลานแต่งงานกับคนต่างเผ่าหรือคนพื้นราบ (หน้า 42-44, 98) ผลการศึกษาเกี่ยวกับการพบปะสัมพันธ์กัน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.6 เห็นด้วยกับการปฏิบัติตามประเพณีการไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอในหมู่เครือญาติสนิท โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.2 ไปมาหาสู่ญาติสนิทสม่ำเสมออย่างเคร่งครัด รองลงมาคือไปแต่ ไม่สม่ำเสมอคิดเป็นร้อยละ 35.3 มีเพียงร้อยละ 1.5 ที่ไม่เคยไปมาหาสู่ญาติสนิทเลย กลุ่มตัวอย่างเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับประเพณีการไปเยี่ยมเยียนญาติเมื่อเจ็บป่วยคิดเป็นร้อยละ 97.9 อย่างไรก็ดี พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 32.6 ที่เคยไม่ไปเยี่ยมญาติ ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เคยไม่ไปเยี่ยมญาติเมื่อเจ็บป่วยคิดเป็นร้อยละ 62.7 ผลการศึกษาเกี่ยวกับการไปร่วมพิธีกรรม พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยกับการไปร่วมพิธีกรรมสูงสุดร้อยละ 86.3 ที่เหลือร้อยละ 13.7 เห็นว่าไม่จำเป็น มีเพียงร้อยละ 14.7 เท่านั้นที่เคยไม่ไปร่วมพิธีกรรมเมื่อมีการจัดพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ (หน้า 100) จากผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อเรื่องการพบปะในหมู่เครือญาติ รวมถึงกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ จากการทดสอบสมมติฐานพบว่า เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีวัฒนธรรมการนับถือผี แบบก้าวหน้ามากกว่า ผู้วิจัยให้ข้อสันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมของกะเหรี่ยงในปัจจุบัน มุ่งการติดต่อค้าขายกับคนพื้นราบทำให้ไม่สนใจต่อการประกอบพิธีกรรมตามแบบดั้งเดิม หรืออาจไม่เห็นความจำเป็นนัก (หน้า 94-96) |
|
Political Organization |
หมู่บ้านกะเหรี่ยงมีหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเป็นผู้เฒ่าและยังเป็นหัวหน้าทางศาสนาเรียกว่า "เซี่ยเก็งคู" เป็นตำแหน่งจากการสืบสายเลือดฝ่ายบิดา ซึ่งชาวบ้านเคารพนับถือเป็นประธานประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ภายในหมู่บ้าน ชาวกะเหรี่ยงแต่ละกลุ่มมีอิสระที่จะแยกออกไปตั้งหมู่บ้านใหม่ แต่ต้องมีบุคคลที่มีความเกี่ยวดองกับญาติทางฝ่ายบิดากับเซี่ยเก็งคูคนเดิมไปเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านใหม่ด้วย (หน้า 17) ผลการศึกษาประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ. เชียงใหม่ เกี่ยวกับอำนาจในการตัดสินใจภายในบ้าน จากการตรวจสอบสมมติฐานที่ว่า ฝ่ายหญิงมักมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับพิธีกรรม เนื่องมาจากระบบครอบครัวกะเหรี่ยงนับถือสายตระกูลฝ่ายมารดาเป็นหลัก แต่ผลการทดสอบกลับไม่เป็นไปตามสมมติฐาน กล่าวคือ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 55.8 ใช้อำนาจในการตัดสินใจภายในบ้านร่วมกัน รองลงมาสามีเป็นผู้ตัดสินใจ คิดเป็น 1 ใน 3 หรือร้อยละ 33.7 มีเพียงร้อยละ 10.5 ที่ภรรยาเป็นผู้ตัดสินใจภายในบ้าน (หน้า 46-47, 99) |
|
Belief System |
ความเชื่อเรื่องการนับถือผี สังคมกะเหรี่ยงแต่เดิม นับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษ โดยเชื่อว่าทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นไร่นา ป่าเขา ที่ดิน แม่น้ำลำธารมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ มีทั้งผีที่คอยปกปักคุ้มครอง ดลบันดาลให้เพาะปลูกได้ผล และผีร้ายที่ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย จึงมักเซ่นสรวงบูชาหรือเลี้ยงผีเป็นประจำ ความเชื่อดังกล่าวมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงอย่างมาก สังเกตได้จาก หากมีหมอผีในหมู่บ้านเสียชีวิตลงทั้งหมู่บ้านต้องย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่ หากหัวหน้าครัวเรือนเสียชีวิต ต้องหาสถานที่สร้างบ้านใหม่ หากปีใดเกิดความแห้งแล้งขาดแคลนผลผลิต เกิดโรคระบาดสัตว์และคนตายมาก ก็มักอพยพย้ายถิ่นใหม่ หากมีสัตว์มากัดกินสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านก็จะทำพิธีเลี้ยงผี หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ย้าย เพราะเชื่อกันว่าที่อยู่เดิมกลายเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณผีร้าย การนับถือผีของกะเหรี่ยงแบ่งได้เป็น การเชื่อผีแบบดั้งเดิม (เอาะ-แฆ) และการเชื่อผีแบบก้าวหน้า (แชะ-เตอะ-ซี) กะเหรี่ยงจะมีการเซ่นสรวงบูชาผีทุกหนทุกแห่ง โดยเฉพาะช่วงก่อนทำนาทำไร่จะมีการตั้งร้านเลี้ยงผี ทั้งยังเชื่อว่าจะทำให้ผลิตผลเจริญงอกงาม เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็จะมีพิธีกินข้าวใหม่ อาหารจากการเลี้ยงผีจะนำมาแบ่งกันภายในหมู่บ้าน เชื่อว่าจะทำให้มีสุขภาพดีและอายุยืน นอกจากนี้กะเหรี่ยงยังนิยมเลี้ยงผีเรือน (ผีบรรพบุรุษ) ไว้ในห้องนอนเมื่อผีเรือนอยากกินอาหาร อาจทำให้คนบ้านป่วย ต้องพึ่งพาการวินิจฉัยโรคและการรักษาโรคแผนโบราณด้วยการดูเส้น จับเส้นและเซ่นไหว้ผี (หน้า 25, 26, 27) การเชื่อผีแบบดั้งเดิม (เอาะ-แฆ) มีมาแต่สมัยบรรพบุรุษ คือ เชื่อว่าทุกหนแห่งมีผีสิงสถิตอยู่ จึงมักเลี้ยงผีกันบ่อยครั้ง (หน้า 26) การเชื่อผีแบบก้าวหน้า (แชะ-เตอะ-ซี หรือ แซะ-เตอะ-ลี่) เมื่อการเลี้ยงผีตามความเชื่อแบบเดิมกลายเป็นเรื่องสิ้นเปลือง กะเหรี่ยงสะกอจึงหันมาให้ความสำคัญเฉพาะผีภูเขา ผีน้ำและผีหมู่บ้าน ข้อแตกต่างระหว่างการนับถือผีแบบเดิมกับการนับถือผีแบบก้าวหน้าคือ การนับถือแบบเดิมค่อนข้างเป็นพิธีใหญ่ที่เคร่งครัด สมาชิกทุกคนในครัวเรือนทุกคนต้องมาร่วมพิธีเพื่อระลึกถึงคุณของบรรพบุรุษ ในขณะที่การนับถือผีแบบก้าวหน้าหากสมาชิกมาร่วมพิธีไม่ได้ ก็ยังคงดำเนินพิธีต่อไปได้ เพียงเก็บฝ้ายผูกข้อมือไว้ให้ผู้ที่ไม่ได้มาร่วมพิธีในภายหลัง (หน้า 26) พิธีเลี้ยงผี หากคนในบ้านเจ็บป่วย จะทำพิธีเลี้ยงผีโดยนำสุกรหรือไก่ไปต้มบนเตาทำพิธี ซึ่งเป็นหิน 3 เส้าตั้งอยู่ในห้องนอน แล้วนำน้ำใส่จอกไปเซ่นไหว้เพื่อให้ผีเรือนพอใจ (หน้า 28) ผลการศึกษาประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จ. เชียงใหม่ เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องผี พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบดั้งเดิมถึงร้อยละ 93.7 คือเชื่อว่ามีผีสิงสถิตอยู่ในทุก ๆ ที่ ไม่ใช่มีเฉพาะผีภูเขา ผีแม่น้ำและผีหมู่บ้านเพียงเท่านั้น สำหรับการปฏิบัติพิธีกรรมเกี่ยวกับผี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังคงยึดมั่นและปฏิบัติตามวัฒนธรรมการนับถือผีแบบดั้งเดิม ทั้งการมีหิ้งบูชาผี การเซ่นและการเลี้ยงผีถึงร้อยละ 80 (หน้า 101) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การรักษาพยาบาลในสังคมกะเหรี่ยง กะเหรี่ยงเชื่อในเรื่องการทำร้ายของผี ว่าผีสามารถทำให้คนเจ็บไข้ได้ป่วย ในหมู่บ้านเชื่อกันว่ามีผีบ้าน (ผีชาวบ้าน) และผีเรือน (ผีบรรพบุรุษ) หากคนกระทำผิดหรือผิดผี ผีบ้านจะโกรธ แล้วลงโทษให้คนและสัตว์ในหมู่บ้านตายหรือเจ็บป่วย หมอผีจะไปให้คนทรงเจ้าดูไม้ขีดเพื่อให้ทราบความต้องการ แล้วทำพิธีเลี้ยงผีด้วย ไก่เป็น ๆ หลังคาเรือนละ 1 ตัว หมอผีใช้ 4 ตัวนำไปฆ่าที่ศาลเจ้าบนดอย นำเลือดมาทาที่เสา หรืออาจรวมเงินกันซื้อหมูนอกหมู่บ้าน เหล้าที่ต้มจากข้าวสาร ผู้ต้มต้องเป็นคนดีมีศีล เทียนขี้ผึ้ง 12 คู่ หมากพลู 12 คำ ยอดสีเขียวของดอกคำปอง อาหารที่ใช้เลี้ยงผีนำมาแบ่งกันทั้งหมู่บ้าน เชื่อว่าช่วยให้ไม่เจ็บป่วยสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืน สำหรับผีเรือน (ผีบรรพบุรุษ) มีอำนาจบันดาลให้คนในบ้านเจ็บป่วย มีการให้คนแก่จับเส้นที่ข้อมือคนเจ็บ หากคนเจ็บไปไม่ไหว จะใช้วิธีม้วนใบไม้เป็นกรวย ใช้ดอกไม้และเงิน 2 บาท เทกรวยเพื่อให้รู้ว่าผีเรือนอยากกินอะไร แล้วนำของนั้นไปเลี้ยงผี อาทิ ไก่ หมู (หน้า 27) ผลการศึกษาประชากรกะเหรี่ยงตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัด เชียงใหม่ ในเรื่องวิธีการรักษาพยาบาล พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 84.7 ยังมีความเชื่อว่า ผีเป็นสาเหตุให้เกิดความเจ็บป่วยหรืออาจถึงตายได้ หากผู้ใดทำให้ผีไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคกลับพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้วิธีการรักษาแผนปัจจุบันมีมากกว่าการรักษาโดยใช้หมอผีแบบดั้งเดิม (หน้า 101) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เป็นที่น่าสังเกตว่า ประชากรกะเหรี่ยงในหมู่บ้านที่ศึกษาสามารถธำรงรักษาเอกลักษณ์ของชาติพันธุ์ด้านความเชื่อและการนับถือผีแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ท่ามกลางสภาพสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ กะเหรี่ยงส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่ามีผีสิงสถิตอยู่ในทุก ๆ ที่ และยังคงยึดมั่นและปฏิบัติตามวัฒนธรรมการนับถือผีแบบดั้งเดิม ทั้งการมีหิ้งบูชาผี การเซ่น และการเลี้ยงผี (หน้า 101) |
|
Social Cultural and Identity Change |
เมื่อสภาพสังคมกะเหรี่ยงเปลี่ยนแปลงไป จากการทำไร่เลื่อนลอยแบบเดิมมาสู่การประกอบอาชีพด้านการเกษตรเพื่อการค้า ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องผีให้เป็นแบบก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น (หน้า 93-94) กล่าวคือ กลุ่มที่เชื่อในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติ มีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบก้าวหน้ากว่ากลุ่มที่ไม่เชื่อ ส่วนกลุ่มที่เชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงิน สิ่งของและแรงงานระบบเครือญาติโดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน ก็มีวัฒนธรรมการนับถือผีก้าวหน้ามากกว่าผู้ที่มีความเห็นว่า การช่วยเหลือกันในหมู่เครือญาติต้องมีผลประโยชน์หรือค่าตอบแทน (หน้า 92-94) การที่สมาชิกในครอบครัวกะเหรี่ยงไม่ให้ความใส่ใจต่อการประกอบพิธีกรรมตามแบบดั้งเดิมเท่าที่ควรหรืออาจไม่เห็นความจำเป็นนัก อาจเป็นผลมาจากสภาพสังคมที่เน้นการผลิตเพื่อการค้า กลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อเรื่องการพบปะในหมู่เครือญาติรวมถึงกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ เป็นกลุ่มที่ดูจะมีวัฒนธรรมการนับถือผีแบบก้าวหน้ามากกว่า (หน้า 94-96) อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อาจมีผลต่อระบบครอบครัวแบบเดิมของกะเหรี่ยง กล่าวคือ ระบบครอบครัวที่เคยสืบสายตระกูลฝ่ายมารดา ทำให้เกิดการคาดเดาว่าอำนาจในการตัดสินใจภายในบ้าน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการนับถือผี เป็นของฝ่ายหญิงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่จากผลการตรวจสอบกลับไม่เป็นไปตามสมมติฐาน กล่าวคือ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้อำนาจในการตัดสินใจภายในบ้านร่วมกัน รองลงมาสามีเป็นผู้ตัดสินใจ มีเพียงร้อยละ 10.5 ที่ภรรยาเป็นผู้ตัดสินใจภายในบ้าน (หน้า 46-47, 99) |
|
Map/Illustration |
ตารางที่ 1 ข้อมูลคุณลักษณะของประชากรกลุ่มตัวอย่าง (หน้า 41) ตารางที่ 2 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามลักษณะครอบครัวและการสมรส (หน้า 44) ตารางที่ 3 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการเลือกที่อยู่อาศัยหลังการสมรส (หน้า 45) ตารางที่ 4 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการเลือกที่อยู่อาศัยหลังการสมรส กรณีที่เลือกที่อยู่อาศัยเอง (หน้า 46) ตารางที่ 5 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการเลือกที่อยู่อาศัยหลังการสมรสกรณีที่ผู้ใหญ่เลือกให้ (หน้า 46) ตารางที่ 6 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามอำนาจในการตัดสินใจ (หน้า47) ตารางที่ 7 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามวิธีการแบ่งมรดก (หน้า 47) ตารางที่ 8 จำนวนและร้อยละกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามแบบแผนการตั้งถิ่นฐาน (หน้า 48) ตารางที่ 9 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเศรษฐกิจและการทำมาหากินร่วมกันภายในหมู่เครือญาติ (หน้า 49) ตารางที่ 10 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการช่วยเหลือกันในหมู่ เครือญาติ (หน้า50) ตารางที่ 11 จำนวนและร้อยละกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการพบปะสัมพันธ์กันและ การไปร่วมพิธีกรรม (หน้า 51) ตารางที่ 12 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามความเชื่อเรื่องผี (หน้า 53) ตารางที่ 13 ร้อยละชองกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการปฏิบัติพิธีกรรมเกี่ยวกับผี (หน้า 54) ตารางที่ 14 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามวิธีการรักษาพยาบาล (หน้า 56) ตารางที่ 15 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างในการไปร่วมพิธีทางพุทธศาสนา (หน้า57) ตารางที่ 16 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างในการไปร่วมพิธีกรรมทาง ศาสนาคริสต์ (หน้า 57) ตารางที่ 17 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามประเภทครอบครัว (หน้า 59) ตารางที่ 18 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามประเภทครอบครัว (หน้า 59) ตารางที่ 19 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามคู่สมรสของเจ้าของบ้าน (หน้า 60) ตารางที่ 20 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามคู่สมรสของเจ้าของบ้าน (หน้า 61) ตารางที่ 21 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามความยินยอมให้ลูกสมรสกับคนต่างเผ่าหรือคนพื้นราบ (หน้า 62) ตารางที่ 22 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความยินยอมให้ลูกสมรสกับคนต่างเผ่าหรือคนพื้นราบ (หน้า 63) ตารางที่ 23 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามอำนาจในการเลือกคู่ครอง (หน้า 63) ตารางที่ 24 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามอำนาจในการเลือกคู่ครอง (หน้า 64) ตารางที่ 25 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้าน จำแนกตามอำนาจในการเลือกที่อยู่อาศัยหลังการสมรส (หน้า 65) ตารางที่ 26 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามอำนาจในการเลือกที่อยู่อาศัยหลังการสมรส (หน้า 66) ตารางที่ 27 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามอำนาจในการตัดสินใจ (หน้า 67) ตารางที่ 28 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามอำนาจในการตัดสินใจ (หน้า 67) ตารางที่ 29 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามการแบ่งมรดก (หน้า 68) ตารางที่ 30 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามการแบ่งมรดก (หน้า 69) ตารางที่ 31 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีตามเป็นรายด้านจำแนกความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม (หน้า 70) ตารางที่ 32 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม (หน้า 71) ตารางที่ 33 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม (หน้า 72) ตารางที่ 34 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในแบบแผนการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม (หน้า 73) ตารางที่ 35 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามความเชื่อว่าในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติ (หน้า 74) ตารางที่ 36 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความเชื่อว่าในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติ (หน้า 75) ตารางที่ 37 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้าน จำแนกการปฏิบัติตามความเชื่อในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติ (หน้า75) ตารางที่ 38 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกการปฏิบัติตามความเชื่อในระบบเศรษฐกิจร่วมกันของเครือญาติ (หน้า 76) ตารางที่ 39 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามความเชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงิน สิ่งของและแรงงานในระบบเครือญาติ (หน้า 78) ตารางที่ 40 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความเชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงินสิ่งของและแรงงานในระบบเครือญาติ (หน้า 78) ตารางที่ 41 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้าน จำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงิน สิ่งของและแรงงานในระบบเครือญาติ (หน้า 79) ตารางที่ 42 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในการช่วยเหลือด้านการเงิน สิ่งของและแรงงานในระบบเครือญาติ (หน้า 80) ตารางที่ 43 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามความเชื่อในการพบปะสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอในระบบเครือญาติ (หน้า 81) ตารางที่ 44 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความเชื่อในการพบปะสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอในระบบเครือญาติ (หน้า 82) ตารางที่ 45 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามการปฏิบัติความเชื่อการพบปะสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอในระบบเครือญาติ (หน้า 82) ตารางที่ 46 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามการปฏิบัติความเชื่อในการพบปะสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอในระบบเครือญาติ (หน้า 83) ตารางที่ 47 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ (หน้า 84) ตารางที่ 48 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ (หน้า 85) ตารางที่ 49 การทดสอบความแตกต่างของวัฒนธรรมการนับถือผีเป็นรายด้านจำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ (หน้า 86) ตารางที่ 50 การทดสอบความแตกต่างวัฒนธรรมการนับถือผีจำแนกตามการปฏิบัติตามความเชื่อในการไปร่วมพิธีกรรมในหมู่เครือญาติ (หน้า 87) |
|
|