|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อาข่า,สมุนไพร,การรักษาโรค,ภาคเหนือ |
Author |
Edward F. Anderson |
Title |
Ethnobotany of Hill Tribes of Northern Thailand : Medicinal Plants of Akha |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อ่าข่า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยพายัพ |
Total Pages |
16 |
Year |
2529 |
Source |
วารสาร Economic Botany,40(1),1986, pp.38-53 |
Abstract |
ภูมิปัญญาด้านการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคของอาข่าเริ่มสูญหายและไม่มีผู้สืบทอด และไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากการรักษาด้วยยาสมัยใหม่ได้ผลรวดเร็วและการเข้าถึงสถานพยาบาลทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก |
|
Focus |
ภูมิปัญญาการรักษาโรคด้วยสมุนไพรที่มีอยู่ในธรรมชาติ ของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ทางภาคเหนือของประเทศไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาจัดอยู่ในตระกูลทิเบต-พม่า (Tibeto-Burma) ตระกูลย่อยโลโลใต้ South Lolo (หน้า 39) |
|
Study Period (Data Collection) |
ปี ค.ศ. 1977,1983 และ 1984 |
|
History of the Group and Community |
อาข่าเคลื่อนย้ายมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้และทางใต้ของจีน มีวัฒนธรรมของตนเอง การอพยพเนื่องมาจากปัญหาทางการเมือง สงครามและความขัดแย้งทางศาสนา รวมถึงเพื่อแสวงหาดินแดนใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าและโอกาสชีวิตใหม่ เมื่อ 100 ปีที่แล้วอพยพมาถึงพม่า ลาวและเวียดนาม จนมาถึงประเทศไทยเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 (หน้า 38) |
|
Demography |
อาข่าเป็นหนึ่งในหกกลุ่มชาติพันธุ์ได้แก่อาข่า ม้ง (แม้ว) กะเหรี่ยง ลาหู่ ลีซู และเย้า (เมี่ยน) (หน้า 38) จำนวนประชากรอาข่าในไทยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยสำรวจในปี 1973 มี 13,566 คน ปี 1979 มี 18,863 คน ในปี 1983 มี 24,000 คน ตามบริเวณชายแดนรัฐฉานประเทศพม่าน่าจะมีถึง 180,000 คน (หน้า 39) อัตราการเกิด ช่วงอายุ 25-31 ปี/1,000 คน อัตราการตายช่วงอายุ 19-24 ปี/1,000 คน อายุโดยเฉลี่ย 17.86 ปี (หน้า 42) |
|
Economy |
อาข่าตั้งถิ่นฐานไม่เป็นหลักแหล่ง จะมีการเคลื่อนย้ายหาที่ทำกินใหม่ ทำการเพาะปลูกด้วยวิธีถางป่าและเผาเพื่อเตรียมดิน เมื่อดินลดความอุดมสมบูรณ์ลงก็จะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ปัญหาดินเสื่อมในปัจจุบันส่วนหนึ่งมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ที่ดินทำกินไม่เพียงพอและการจำกัดการเคลื่อนย้าย ทำให้ต้องทำการเพาะปลูกซ้ำบนที่ผืนเดิม ทำให้ดินเสื่อม (หน้า 39) |
|
Belief System |
ความเชื่อในเรื่องผีที่สามารถก่อให้เกิดโรคในคนได้ (หน้า 42) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การดำรงชีวิต ไม่มีสุขลักษณะที่ดี ไม่มีการป้องกันไข้มาลาเรีย และปรสิต สูบฝิ่น มีหมอผีเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดต่อกับภูตผีและวิญญาณที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณดีและวิญญาณร้ายที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ โดยการรักษาของหมอผีจะใช้พิธีกรรมร่วมกับการรักษาด้วยสมุนไพรที่หาได้จากป่าและที่ปลูกเอง การรักษาโรคของอาข่ามี 4 วิธี ได้แก่ การใช้พิธีกรรม การใช้สมุนไพร การใช้บริการฉีดยาของหมอที่แบกสัมภาระเดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทั้งที่เป็นชาวไทยและจีนยูนนาน และการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันตามโรงพยาบาล ซึ่งอาข่ามักเลือกใช้วิธีรักษาแบบดั้งเดิมก่อนเมื่ออาการรุนแรงจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งก็มักรุนแรงเกินกว่าที่จะรักษาและมักเสียชีวิต ในปัจจุบัน ชาวเขามีการศึกษาดีขึ้นประกอบกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ทำให้การเข้าถึงโรงพยาบาลได้ง่าย จึงไม่ค่อยมีคนรักษาด้วยวิธีการดั้งเดิม ทำให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาด้วยสมุนไพรเริ่มสูญหายและไม่มีผู้สืบทอดความรู้ พืชสมุนไพรที่อาข่าใช้ร้อยละ 38 เป็นที่รู้จักของคนไทย (หน้า 42-44) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่จังหวัดทางภาคเหนือที่มีอาข่าอาศัยอยู่ (หน้า 40) ภาคผนวก 1, 2 รายชื่อพืชสมุนไพรที่อาข่าใช้ |
|
|