สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มุสลิม,การบำเพ็ญฮัจญ์,ประเทศไทย
Author วิริยา ขันธสิทธิ์
Title ศึกษาการบำเพ็ญฮัจญ์ของชาวมุสลิมในประเทศไทย
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 215 Year 2544
Source หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาศาสนาเปรียบเทียบ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

ผู้เขียนกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญฮัจญ์ตั้งแต่สมัยศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ซึ่งเป็นสถานที่และจุดเริ่มต้นของรูปแบบพิธีกรรมบำเพ็ญฮัจญ์มาถึงปัจจุบันนี้ (หน้า 13-17) การบำเพ็ญฮัจญ์ของศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) (หน้า 48-53) และได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ของการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 19) และหัวข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่ รูปแบบของการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 24-25) ข้อห้ามขณะอยู่ในชุดอิห์รอม (หน้า 25) และค่าปรับในการละเมิดข้อห้าม (หน้า 26), พิธีการบำเพ็ญฮัจญ์* องค์ประกอบของการบำเพ็ญฮัจญ์ มี 6 ข้อ (หน้า 27-31 และโปรดดูตารางหน้า 44 ประกอบ) * สิ่งที่จำเป็นต้องปฏิบัติในการบำเพ็ญฮัจญ์ มี 5 ข้อ(หน้า 31-73) * สิ่งที่ควรปฏิบัติในการบำเพ็ญฮัจญ์ 7 ข้อ (หน้า 37-41) ขั้นตอนการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 41-45), สถานที่สำคัญในพิธีฮัจญ์ (หน้า 58 -62), ประวัติความเป็นมาของการบำเพ็ญฮัจญ์ในประเทศไทย (หน้า 64-71) การเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านทรัพย์ สิน ร่างกายและจิตใจ (หน้า 72-78), การเตรียมความพร้อมทางด้านความรู้ (หน้า 79), ปัญหาและแนวทางแก้ไข (หน้า 98-100), การบำเพ็ญฮัจญ์ ที่เป็นไปตามแบบอย่างของศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) เท่านั้นที่จะเป็นฮัจญ์ที่อัลลอฮ์ทรงรับ (ฮัจญ์มับรูร์) การบำเพ็ญฮัจญ์หากขาดหลักปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักศาสนาจะเป็นฮัจญ์ที่สมบูรณ์ไม่ได้ (หน้า 4) ผู้เขียนจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาเกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัจญ์ตามหลักศาสนาอิสลามและการศึกษาว่ามุสลิมในประเทศไทยได้ปฏิบัติตามบทบัญญัตินั้นมากน้อยแค่ไหน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของผู้บำเพ็ญฮัจญ์ต่อไป หัวข้อสำคัญที่ผู้เขียนกล่าวถึงคือ ข้อผิดพลาดในการบำเพ็ญฮัจญ์ได้แก่ การไม่ปฎิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาโดยเจตนา ความรู้ความเข้าใจที่ผิดจากหลักศาสนา หรือความไม่รู้หลักศาสนา ความไม่สำรวม เป็นต้น (หน้า 54-57, 102-106) แต่อย่างไรก็ตามนักวิชาการศาสนาอิสลามส่วนใหญ่เห็นว่า องค์ประกอบสำคัญของการบำเพ็ญฮัจญ์ของมุสลิมในประเทศไทยเป็นไปตามแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) มีแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่ทั้งนี้ การบรรลุวัตถุประสงค์ของการบำเพ็ญฮัจญ์ ขึ้นอยู่กับเจตนาของแต่ละบุคคล (หน้า 118) อย่างไรก็ตาม ผู้นำชุมชน (อิมาม) ควรมีบทบาทในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ชุมชนในเรื่องการบำเพ็ญฮัจญ์ด้วย (หน้า 119) เพื่อให้การบำเพ็ญฮัจญ์นั้นเป็นฮัจญ์ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงรับ

Focus

ศึกษาการบำเพ็ญฮัจญ์ โดยกล่าวถึงความหมาย ประวัติความเป็นมาตามหลักศาสนา รูปแบบพิธีการ ข้อห้าม ข้อพึงปฏิบัติ และความหมายของพิธีการต่างๆ ประวัติความเป็นมาของการบำเพ็ญฮัจญ์ในประเทศไทย ปัญหาอุปสรรคในการบำเพ็ญฮัจญ์และแนวทางแก้ไข ทัศนคติของนักวิชาการศาสนาอิสลามและคนไทยที่เคยไปบำเพ็ญฮัจญ์

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

นักวิชาการศาสนาอิสลาม จำนวน 10 คน และคนไทยผู้บำเพ็ญฮัจญ์ จำนวน 20 คน

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

กลางเดือนมิถุนายน 2543 - ต้นเดือนมกราคม 2544 (หน้า 6)

History of the Group and Community

แต่เดิมการไปบำเพ็ญฮัจญ์ อยู่ในการดูแลของกรมตำรวจ โดยมอบหมายให้เอกชนดำเนินการแต่ประสบกับปัญหาหลายประการจนปี พ.ศ.2513 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ และให้บริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด เป็นผู้จัดเรือและเครื่องบินรับส่ง หลังจากนั้น มีปัญหาอุปสรรคในเรื่องเรือรับส่ง ระยะเวลาการพำนักในประเทศซาอุดิอารเบีย ฯลฯ จนกระทั่งปี พ.ศ.2520 คณะกรรมการควบคุมผู้รับขนส่งไปบำเพ็ญฮัจญ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยการฝากเงินสะสมของคนไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามที่จะเดินทางไปบำเพ็ญฮัจญ์ และพยายามแก้ไขปัญหา ปรับปรุงแนวทางและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปทำพิธีฮัจญ์มากขึ้น ในปี พ.ศ.2524 ได้มีพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ฉบับแรกเกิดขึ้น (หน้า 69) โดยโอนความรับผิดชอบมาที่กระทรวงศึกษาธิการ มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามเป็นกรรมการ ให้อำนาจกรรมการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิได้ 4 คน มีวาระ 2 ปี ในช่วงแรกให้แต่งตั้งจากหน่วยงานต่างๆ ในปี พ.ศ. 2532 ได้ออกพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการอัจญ์ ฉบับที่ 2 (หน้า 70) เพื่อขจัดความเดือดร้อนให้แก่ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ จึงสมควรให้จุฬาราชมนตรีเสนอชื่อต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาคัดเลือกอะมีรุ้ลอัจย์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) ทำหน้าที่นำคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามในกิจการที่เกี่ยวกับการประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประสานงานในการปฏิบัติงานของคณะเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (หน้า 64-71)

Settlement Pattern

อาณาเขตที่ศึกษา เรียกว่า แผ่นดินหะรอม (แผ่นดินต้องห้าม) เป็นสถานที่ที่มุสลิมทั่วโลกเดินทางมาบำเพ็ญฮัจญ์ทุกปี เป็นแผ่นดินต้องห้ามสำหรับผู้ที่มิใช่มุสลิม ในแผ่นดินดังกล่าวห้ามล่าสัตว์ ทำลายพืช และทะเลาะวิวาท ต้องสำรวมตน อาณาเขต คือ นครมักกะฮ์ และปริมณฑล พื้นที่ในปริมณฑล ดังกล่าวได้แก่ (หน้า 58-61) 1. มัสยิดอัลหะรอม เป็นที่ตั้งของบัยตุลลอฮ์ หรืออัลกะอ์บะฮ์ 2. เนินเขาเศาะฟาและมัรวะฮ์ เป็นสถานที่ทำพิธีสะแอ คือเดินไปมาระหว่างเนินเขาทั้งสอง ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร เนินเขานี้อยู่ด้านหนึ่งของมัสยิดอัลหะรอม 3. ทุ่งอะเราะฟะฮ์ อยู่ห่างจากนครมักกะฮ์ ประมาณ 25 กิโลเมตร 4. มุซดะลิฟะฮ์ เป็นทุ่งกว้างอยู่ห่างจาก ทุ่งอะเราะฟะฮ์ ประมาณ 2 กิโลเมตร 5. มินา เป็นตำบลอยู่ชานเมืองมักกะฮ์ ห่างจากบัยตุลลอฮ์ ประมาณ 5 กิโลเมตร

Demography

ไม่มี

Economy

ไม่มี

Social Organization

การบริหารจัดการพิธีฮัจญ์ "กิจการฮัจญ์" หมายถึงกิจการใดๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทางของคนไทยผู้นับถือศาสนาอิสลาม เพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ ในอดีตผู้นำพามุสลิมไปประกอบพิธีฮัจญ์เรียกว่า "แซะฮ์" จะเป็นผู้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการทำฮัจญ์ คอยให้คำแนะนำต่างๆ และแซะฮ์จะได้รับค่าบริการในประเทศไทยเริ่มจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการฮัจญ์เมื่อปี พ.ศ. 2541 ส่วนในด้านการให้บริการต่างๆ นั้น ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยการควบคุมกิจการ การรับจัดบริการขนส่งในกิจการฮัจย์ การจัดบริการอื่นที่เกี่ยวกับกิจการฮัจย์ และการโฆษณาหรือกระทำการอื่นใดที่เกี่ยวกับกิจการฮัจย์ ได้กล่าวถึงหน้าที่ของผู้ประกอบการโดยสรุป ได้แก่ 1. จัดให้มีการปฐมนิเทศเกี่ยวกับการประกอบพิธีฮัจญ์ การเดินทางการใช้เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการเดินทางและการรักษาสุขภาพตนเอง 2. จัดหาอาหาร ที่พัก ตั้งแต่เดินทางออกจากภูมิลำเนาจนกว่าจะเดินทางกลับภูมิลำเนา 3. ผู้ประกอบการจะต้องจัดให้ผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์เดินทางเป็นกลุ่มรวมแล้วกลุ่มละไม่เกิน 50 คน โดยมีผู้นำกลุ่ม 1 คน และผู้ให้คำแนะนำในการประกอบพิธี 1 คน 4. ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการให้ผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์เดินทางไปและกลับภายในวันและเวลาที่กำหนดไว้ ค่าบริการโดยเฉลี่ยจะตกคนละประมาณ 80,000 - 100,000 บาท (หน้า 81-86)

Political Organization

บทบาทของหน่วยงานของรัฐต่อกิจการฮัจญ์นั้น รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามและให้การสนับสนุนกิจการฮัจญ์เสมอมา แต่ยังคงมีอุปสรรคทางกฎหมายบางประการ (หน้า 86) ที่สมควรได้รับการปรับปรุงแก้ไข เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2524 ได้มีการตราพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจญ์ พ.ศ.2524 เท่ากับเป็นการรับรองกิจการฮัจญ์ ที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกเรียบร้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ 1. คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง มีหน้าที่กำหนดระเบียบ ข้อบังคับเงื่อนไข มาตรการใดๆ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในอันที่จะให้ความคุ้มครองผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปบำเพ็ญฮัจญ์ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยและมีหลักประกัน 2. คณะอนุกรรมการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ แต่งตั้งโดยคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ทำหน้าที่จัดเตรียมการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ เมืองมักกะฮ์ เมืองมะดีนะฮ์ และสนามบินเมืองเจดดาห์ ประสานกับหน่วยงานราชการไทยและหน่วยงานราชการประเทศซาอุดิอาระเบีย ผู้ประกอบการ ผู้นำกลุ่มและผู้บำเพ็ญฮัจญ์คนไทย รวมถึงประเมินผลปฏิบัติงาน 3. คณะอนุกรรมการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ แต่งตั้งโดยคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย มีอธิบดีกรมการศาสนาเป็นประธาน ทำหน้าที่ศึกษาปัญหาและหาแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับการไปบำเพ็ญฮัจญ์ 4. คณะทำงานของอะมีรุ้ลฮัจย์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์ทางการ) ทำหน้าที่ประสานการทำงานกับคณะเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้ประกอบพิธีฮัจญ์คนไทย เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารจากอะมีรุ้ลฮัจญ์ไปยังผู้บำเพ็ญฮัจญ์คนไทย 5. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) 6. หน่วยพยาบาลไทย กระทรวงสาธารณสุข (หน้า 86-93)

Belief System

ผู้เขียนได้บรรยายเกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัจญ์ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นศาสนพิธีที่มีความสำคัญยิ่งในศาสนาอิสลาม เนื่องจากมุสลิมที่มีความพร้อมและความสามารถ กล่าวคือ มีทรัพย์สินเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ครอบครัวไม่ได้รับความเดือดร้อน มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง มีความปลอดภัยในการเดินทาง จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต (หน้า 1-2) สาระสำคัญเกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัจญ์ ได้แก่ 1. ความเป็นมาของการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 13-16) เป็นข้อปฏิบัติประการสุดท้ายในห้าประการของหลักปฏิบัติในศาสนาอิสลาม ฮัจญ์ ตามหลักภาษา หมายถึง การมุ่งไป หรือการตั้งใจไปยังจุดมุ่งหมาย ฮัจญ์ ตามหลักศาสนา หมายถึงการมุ่งไปสู่บัยตุลลอฮ์ (อาคารแห่งอัลลอฮ์ เป็นอาคารหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการทำภักดีอัลลอฮ์ อยู่ในนครมักกะฮ์ ) เพื่อทำการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ ประวัติศาสตร์ของฮัจญ์เริ่มจากสมัยศาสดาอิบราฮีม (อ.) ผู้มีความศรัทธาต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) อย่างมั่นคง อัลลอฮ์ได้บัญชาให้ศาสดาอิบราฮีม (อ.) นำอิสมาอีลผู้เป็นบุตรพร้อมภรรยาเดินทางไปนครมักกะฮ์ ซึ่งเป็นทะเลทราย เมื่อบุตรชายร้องด้วยความหิวโหย นางฮาญัรผู้เป็นมารดา จึงวิ่งหาน้ำไปมาระหว่างเนินเขาเศาะฟาและมัรวะฮ์ เมื่อนางกลับมาพบอิสมาอีลอีกครั้ง ก็พบว่าบนผืนทรายปลายเท้าของอิสมาอีลมีน้ำผุดขึ้นมา นางเอามือป้องน้ำพร้อมกับร้องว่า "ซัม ซัม" ตาน้ำนั้นจึงได้ชื่อว่า "ซัม ซัม" นับแต่นั้นมา การวิ่งระหว่างเนินเขาทั้งสองของนางฮาญัร จึงเป็นที่มาของขั้นตอนหนึ่งในการบำเพ็ญฮัจญ์ ที่เรียกว่า "สะแอ" ต่อมาอัลลอฮ์ได้ทรงทดสอบความศรัทธาของท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) อีกครั้ง โดยในความฝันอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้นำอิสมาอีลไปทำการเชือดพลีถวายแด่พระองค์ ท่านและอิสมาอีล ได้ปฏิบัติตาม แต่ในระหว่างเดินทางได้ถูกชัยฎอน (มารร้าย) ขัดขวางท่านได้ขับไล่ด้วยการขว้างก้อนหิน และพาบุตรชายเดินทางต่อไป อัลลอฮ์ทรงเห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้าจึงทรงเมตตาให้ทำการเชือดสัตว์เป็นพลีแทน การเชือดสัตว์เป็นพลีนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญฮัจญ์ภายหลังจากที่ท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) และศาสดาอิสมาอีล (อ.) เสียชีวิต การปฏิบัติรอบวิหารกะอ์บะฮ์ได้เปลี่ยนแปลงไป มีการนำเทวรูป ภูติ ผี ปีศาจมาบูชา จนเมื่อมาถึงสมัยท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ท่านได้ยึดมักกะฮ์และทำลายเทวรูปต่างๆ และได้แสดงแบบอย่างการบำเพ็ญฮัจญ์ที่ถูกต้องให้แก่มุสลิมทราบ 2. จุดมุ่งหมายของการบำเพ็ญฮัจญ์ คือการยืนยันถึงความจงรักภักดีที่มีต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ด้วยการปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ และเพื่อสร้างจิตวิญญาณแห่งความเป็นมุสลิมให้สูงขึ้น เพิ่มพูนความศรัทธาของพวกเขาหลังจาก ที่ได้ผ่านการฝึกฝนในขั้นตอนต่างๆ ของการบำเพ็ญฮัจญ์และสิ่งที่เป็นสุดยอดปรารถนาคือ ฮัจญ์มับรูร์ เป็นฮัจญ์ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงรับ เป็นฮัจญ์ที่บริสุทธิ์ (หน้า 17-18) 3. คุณสมบัติของผู้บำเพ็ญฮัจญ์ ได้แก่ (หน้า 20- 24) 1) เป็นมุสลิม 2) มีสติสัมปัชัญญะสมบูรณ์ 3) บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ 4) เป็นเสรีชน มีอิสระแก่ตัว 5) มีความปลอดภัยในการเดินทาง 6) มีความสามารถ คือมีทรัพย์ในการใช้จ่ายและเป็นทรัพย์ที่นอกเหนือจากหนี้สิน ความสามารถนี้อาจจะกล่าวได้โดยตรงและโดยอ้อม ความสามารถโดยตรง คือ ผู้ที่มีความสามารถบำเพ็ญฮัจญ์ได้ด้วยตนเอง คือมีทรัพย์สิน ร่างกายแข็งแรง ความสามารถโดยอ้อม คือ มีทรัพย์สินพอที่จะแต่งตั้งให้ผู้อื่นไปบำเพ็ญฮัจญ์แทน ขณะที่ตนยังมีชีวิตอยู่ หรือภายหลังจากที่ตายไปแล้ว ในกรณีที่ไม่สามารถไปทำฮัจญ์ได้ด้วยตนเอง เพราะชราภาพหรือเจ็บป่วย 4. รูปแบบการบำเพ็ญฮัจญ์ มี 3 รูปแบบ ซึ่งสามารถเลือกปฏิบัติได้แบบใดแบบหนึ่ง (หน้า 24-25) 1. อิฟรอด คือการบำเพ็ญฮัจญ์อย่างเดียว เหมาะสำหรับผู้เดินทางเข้ามักกะฮ์ใกล้วันเริ่มพิธีฮัจญ์ โดยไม่ต้องเสียดัม (ค่าปรับทดแทน) แต่มีความยากลำบากมากเพราะต้องระมัดระวังข้อห้ามในการครองอิห์รอมระหว่างรอวันเริ่มพิธีฮัจญ์ ในทรรศนะของมัซฮับชาฟิอีย์ ถือว่าการบำเพ็ญฮัจญ์แบบอิฟรอดนี้ดีกว่าการบำเพ็ญฮัจญ์แบบอื่น 2.ตะมัตตุอ์ คือ การทำอุมเราะฮ์ก่อนในช่วงเวลาของฮัจญ์ผู้บำเพ็ญฮัจญ์สวมชุดอิห์รอมเพื่อทำอุมเราะฮ์เท่านั้น แล้วรอจนถึงวันที่ 8 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ จึงแต่งชุดอิห์รอมใหม่เพื่อเริ่มทำพิธีฮัจญ์ต่อไป วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกสบาย เพราะไม่ต้องครองชุดอิห์รอมนาน แต่ต้องเสียฮัดย์เพราะทำอุมเราะฮ์ในช่วงเวลาฮัจญ์ 3. กิรอน คือการทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์พร้อมกันในช่วงเวลาของฮัจญ์ วิธีนี้ประหยัดเวลาเพราะผู้ปฏิบัติจะได้ทั้งฮัจญ์และอุมเราะฮ์ในคราวเดียวกัน แต่ต้องเสียฮัจญ์ 5. ขั้นตอนการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 41-45) ขั้นตอนการบำเพ็ญฮัจญ์เริ่มด้วย 1) การตั้งเจตนาครองชุดอิห์รอม 2) จากนั้นออกเดินทางจากที่พักไปมินาและทำละหมาด 3) นอนพักที่มินาโดยรำลึกถึงอัลอลฮ์ (ซ.บ.) 4) วันรุ่งขึ้นเดินทางไปทุ่งอะเราะฟะฮ์ ในระหว่างนี้หัวหน้ากลุ่มจะแสดงเทศนาธรรมตักเตือน สั่งสอน กำชับให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ ปฏิบัติตามกุรอานและหะดีษ ทำละหมาดและทำวุกูฟคือการหยุดพัก ณ ทุ่งอะเราะฟะฮ์ กล่าวคำรำลึกถึงอัลลอฮ์ ขอพร และอ่านกุรอานให้มากๆ 5) ออกเดินทางไปยังมุซดะลิฟะห์ ทำละหมาดและพักค้างแรม 6) รุ่งเช้าไปหยุดพักที่อัลมัชอะริลหะรอม กล่าวรำลึกอัลลอฮ์ (ซ.ฐ.) ขอพร จนกระทั่งก่อนตะวันขึ้น 7) ออกเดินทางไปมินา เมื่อถึงมินาให้มุ่งไปที่เสา 3 ต้น ให้กล่าวตัลบีฮะฮ์ แล้วขว้างก้อนหินทีละเม็ด จนครบ 7 เม็ด 8) เสร็จจากการขว้างก้อนหินแล้วให้เชือดสัตว์ แล้วโกนศรีษะหรือตัดผม หลังจากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าตามปกติ 9) เดินทางเข้ามักกะฮ์ เพื่อเดินรอบกะอ์บะฮ์ (เฏาะวาฟ) 7 รอบและเดินระหว่างเนินเขาเศาะฟาและมัรวะฮ์ (สะแอ) 10) เดินทางกลับไปค้างแรมที่มินา 3 คืน โดยในระหว่างนั้นมีพิธีที่ต้องปฏิบัติ คือ เมื่อตะวันคล้อยให้นำก้อนหิน 21 ก้อน ไปขว้างเสาหิน 3 ต้นๆ ละ 21 เม็ด เมื่อขว้างเสร็จให้ขอพร (สำหรับต้นที่ 3 ไม่ต้องขอพร) ในระหว่างที่พักที่นี่ให้ทำละหมาดย่อ 11) เดินทางกลับมะกะฮ์ เพื่อเดินรอบกะอ์บะฮ์ (เฏาะวาฟวะดาฮ์) 7 รอบ เป็นการอำลา แล้วเดินทางออกจากมักกะฮ์ทันที 6.สถานที่สำคัญในพิธีฮัจญ์ (หน้า 57 - 62) 1) แผ่นดินหะรอม คือสถานที่ที่มุสลิมทั่วโลกเดินทางมาทำพิธีฮัจญ์ 2) มัสยิด อัล - หะรอม เป็นที่ตั้งของบัยตุลลอฮ์หรืออัลกะอ์บะฮ์ 3) บัยตุลลอฮ์ เป็นอาคารหลังแรกที่อัลลอฮ์ทรงใช้ให้ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) และ ศาสดาอิสมาอีล (อ.) สร้างขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งความเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) มุสลิมทั่วโลกจะต้องหันหน้าไปทางบัยตุลลอฮ์ในขณะที่ทำนมาซ 4) เนินเขาเศาะฟาและมัรวะฮ์ เป็นสถานที่ทำพิธีสะแอ คือเดินไปมาระหว่างเนินเขาทั้งสอง ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร เนินเขานี้อยู่ด้านหนึ่งของมัสยิดอัลหะรอม 5) บ่อน้ำซัม ซัม เป็นบ่อน้ำจืด ตั้งอยู่บริเวณใต้ลานมัสยิดหะรอม มีบันไดจากลานมัสยิดลงไปยังบ่อน้ำ ปัจจุบันรัฐบาลซาอุดิอาระเบียต่อก๊อกน้ำจำนวนมากจากบ่อ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ได้ใช้บริโภค 6) ทุ่งอะเราะฟะฮ์ อยู่ห่างจากนครมักกะฮ์ ประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ระหว่างหุบเขาสูงประมาณ 200 ฟุต มีอาณาเขตกว้างขวาง ทุ่งแห่งนี้ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ทุกคนจะต้องผ่านขั้นตอนวุกูฟ คือหยุดพัก พร้อมกับกล่าวขอพร ขออภัยต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ) ภายหลังตะวันคล้อยของวันที่ 9 เดือนซุลฮัจญะฮ์ จนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก หากผู้ใดไม่ทำการวุกูฟ ณ ที่แห่งนี้ การบำเพ็ญฮัจญ์ของเขานั้นใช้ไม่ได้ 7) มุซดะลิฟะฮ์ เป็นทุ่งกว้างอยู่ห่างจาก ทุ่งอะเราะฟะฮ์ประมาณ 2 กิโลเมตร มีก้อนหินและก้อนกรวดจำนวนมากเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ผู้บำเพ็ญฮัจญ์จะเดินทางออกจากทุ่งอะเราะฟะฮ์ เพื่อมาพักค้างคืนที่มุวดะลิฟะฮ์ จนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้น จึงออกเดินทางไปยังมีนา ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ส่วนใหญ่จะเก็บก้อนหินจากมุซดะลิฟะฮ์ ติดตัวไป เพื่อนำไปขว้างเสาหิน ณ ตำบลมินา 8) มินา เป็นตำบลอยู่ชานเมืองมักกะฮ์ ห่างจากบัยตุลลอฮ์ประมาณ 5 กิโลเมตร ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ทุกคนจะนำก้อนหินไปขว้างเสาหิน 3 ต้น ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของพิธีฮัจญ์

Education and Socialization

ผู้วิจัยเห็นว่าการเตรียมการในด้านความรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัญจ์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องประวัติความเป็นมา คุณค่า แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งลึกซึ้ง ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ไม่ควรหวังพึ่งแซะฮ์แต่เพียงอย่างเดียว ความรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัจญ์สามารถศึกษาได้จาก หนังสือฟัรดูอีน เล่ม 4 ของสมาคมคุรุสัมพันธ์ หนังสือคู่มือมุสลิมเบื้องต้น หนังสือคู่มือการบำเพ็ญฮัจญ์ตามแนวทางของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) วีดีทัศน์ การบรรยายจากผู้ที่มีความรู้ทางศาสนา และการสอบถามจากบุคคลที่เคยผ่านพิธีฮัจญ์มาแล้ว (หน้า 79)

Health and Medicine

การสาธารณสุขสำหรับผู้ไปบำเพ็ญฮัจญ์ จากสภาพแวดล้อมของประเทศซาอุดิอาระเบียที่แตกต่างจากประเทศไทยและการที่มีคนไปรวมตัวกันนับล้านคน ทำให้มีโอกาสเกิดโรคติดต่อได้ง่าย ประเทศไทยได้ส่งหน่วยพยาบาลไทย กระทรวงสาธารณสุขไปให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบียมาทุกปี มีขนาดการให้บริการเท่ากับโรงพยาบาลชุมชน ขนาด 30 เตียงให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยมีที่ทำการอยู่ในอาคารเดียวกับสำนักงานคณะผู้แทนฮัจญ์ทางการแห่งประเทศไทย ในนครมักกะฮ์จากสถิติพบว่าส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ถ้าหากมีโรคประจำตัวอยู่แล้วอาจจะกำเริบถึงชีวิตได้ โรคที่พบและรุนแรงมากคือโรคไข้กาฬหลังแอ่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนรัฐบาลซาอุดิอาระเบียต้องออกระเบียบให้ผู้บำเพ็ญฮัจญ์ต้องฉีดวัคซีนป้องกันอย่างน้อย 10 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศ ในเดือนกันยายน พ.ศ.2543 ได้เกิดโรคไข้สมองอักเสบระบาดในประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้มีผู้ป่วยถึงขั้นเสียชีวิต วิธีการป้องกันคือ ต้องไม่ให้ยุงกัด สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด นอกจากนี้ สภากาชาดไทยยังได้จัดแพทย์ พยาบาล พร้อมยาและเวชภัณฑ์ ปฏิบัติงานช่วยเหลือด้วยการออกเยี่ยมเยียนและให้คำแนะนำในการรักษาสุขภาพ อนามัยด้วย (หน้า 95-97)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

แผนผัง 1. แผนผังสรุปขั้นตอนการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 44) 2. แผนผังการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ (หน้า 91) 3. โครงสร้างกองประสานการพัฒนาสังคม (หน้า 93) แผนที่ 1. แผนที่แสดงจุดกำหนดการเริ่มอิห์รอม (มีกอต) (หน้า33) 2. แผนที่แสดงสถานที่สำคัญในพิธีฮัจญ์ ตาราง 1) ตารางแสดงทรรศนะของสำนักนิติศาสตร์เกี่ยวกับการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 46-48) 2) รายนามอะมีรุ้ลฮัจย์ จกอดีต-ปัจจุบัน (หน้า 72) 3) สถิติข้อมูลกี่ยวกับกิจการฮัจญ์ (หน้า 97) 4) รายชื่อผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ปรจำปี 2544 (หน้า 172-177) รูปภาพ 1) ภาพอัลกะอ์บะฮ์ ศูนย์รวมแห่งประชาชาติมุสลิม (หน้า 15) 2) ภาพการครองชุดอิห์รอม (หน้า 27) 3) ภาพทุ่งอะเราะฟะฮ์ สถานที่ที่ผู้บำเพ็ญฮัจญ์มาชุมนุมเพื่อขอพรต่ออัลลอฮ์ (หน้า 28) 4) เต็นท์ที่พักฮุจญาจญ์ ที่ทุ่งอะเราะฟะอ์ (หน้า 29) 5) ภาพบรรดามุสลมมาทำการเฎาะวาฟรอบวิหารกะอ์บะฮ์ภายในบริเวณมัสยิดอัลหะรอม (หน้า 29) 6) ภาพการเดินสะแอระหว่างเนินเขาเศาะฟาและเนินเขามัรวะฮ์ (หน้า 30) 7)ภาพการโกนศรีษะหรือตัดผมของผู้บำเพ็ญฮัจญ์ชายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า31) 8) ภาพผูบำเพ็ญฮัจญ์กำลังขว้างเสาหินซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำเพ็ญฮัจญ์ (หน้า 36) 9) เต็นท์ที่มินาติดเครื่องปรับอากาศ ทำจากวัสดุทนไฟ (หน้า 36) 10) ภาพผู้บำเพ็ญฮัจญ์ขอพรโดยหันหน้าไปทางกะอ์บะฮ์ภายหลังเสร็จจากการขว้างบริเวณเสาหิน (หน้า 41) 11) ภาพมะกอมอิบรอฮีม (หน้า 60) 12) ภาพภายในมัสยิดนะบะวีย์ (หน้า 62) 13) ผู้บำเพ็ญเดินทางโดยทางเรือ (หน้า 65) 14) ภาพนายแพทย์สมทรง รักษ์เผ่า อธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬหลังแอ่นและ ไข้หวัดใหญ่ให้แก่ท่านจุฬาราชมตรี สวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ (หน้า 76) 15) ผู้นำกลุ่มกำลังให้การอบรมการบำเพ็ญฮัจญ์แก่ฮุจญาจญ์ไทย (หน้า 83) 16) ฮุจญาจญ์ไทยรับฟังการอบรมเรื่องการบำเพ็ญฮัจญ์อย่างตั้งใจ (หน้า 83) 17) ป้ายชื่อผู้แสวงบุญ ด้านหน้า (หน้า 85) 18) ป้ายชื่อผู้แสวงบุญ ด้านหลัง (หน้า 86) 19) ฮุจญาจญ์ไทยกำลังรับการตรวจรักษาจากคณะหน่วยพยาบาลไทย (หน้า 95) 20) แพทย์จากสภากาชาดไทย ออกเยี่ยมเยียนตรวจรักษาฮุจญาจญ์ที่พักตามอาคารต่างๆ (หน้า 97)

Text Analyst คณพร โพธิจิตสกุล Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG มุสลิม, การบำเพ็ญฮัจญ์, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง