|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),การทำไร่หมุนเวียน,ภาคตะวันตก |
Author |
Anders Baltzer Jorgensen |
Title |
Swidden Cultivation among Pwo Karens in Western Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
15 |
Year |
2515 |
Source |
The Danish National Research Council of Humanities |
Abstract |
การปลูกทำไร่หมุนเวียนเป็นการผลิตที่เกิดขึ้นในบรรยากาศโลกแบบเขตร้อน หรือกึ่งเขตร้อน การทำไร่หมุนเวียนเป็นการยังชีพที่เกิดจากการปรับตัวเรื่องความจำกัดของพื้นที่ และการทำไร่หมุนเวียนก็มีข้อบกพร่องหลายประการ เช่น ความสามารถในการรวบรวมผลผลิตต่ำ เพิ่มผลผลิตยาก เป็นรูปแบบที่อนุรักษ์นิยมและต้องเคลื่อนย้ายที่อาศัยเมื่อดินเสื่อมสภาพถึงแม้ว่าการทำไร่หมุนเวียนจะเป็นระบบการผลิตที่มีข้อบกพร่อง แต่การทำไร่หมุนเวียนกลับเป็นระบบที่สำคัญที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงโปว์ พวกเขายังชีพด้วยการทำไร่หมุนเวียน มีการปลูกพืชผสม การทำไร่หมุนเวียนเป็นกระบวนการการปรับตัวต่อสภาพพื้นที่ เนื่องจากบริเวณภาคตะวันตกของไทยซึ่งเป็นถิ่นที่อาศัยของกะเหรี่ยงโปว์นั้นมีสภาพเป็นเขตป่าฝนเขตมรสุม เต็มไปด้วยเขาหิน หุบเขา สภาพพื้นที่มีจำกัด เป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวคิดค้นกระบวนการอันมาจากการเปรียบเทียบจำนวนแรงงานกับขนาดการเพาะปลูกที่มีพืชพันธุ์ตลอดปี การทำไร่หมุนเวียนจึงเป็นรูปแบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ มีการหมุนเวียนพื้นที่ในการทำกินภายหลังใช้พื้นที่ทำกินจนเสื่อมสภาพ กะเหรี่ยงโปว์จะเคลื่อนย้ายและปล่อยพื้นที่ทำกินให้ฟื้นตัวเป็นป่าอีกครั้ง เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมขึ้นมาใหม่ในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการ การทำไร่หมุนเวียนจึงไม่ใช่วิถีการผลิตเท่านั้น แต่คือวิถีชีวิต ดังนั้นทุกแง่มุมของชีวิตกะเหรี่ยงโปว์ เศรษฐกิจ วิธีคิด จึงปรากฎอยู่ในความนึกคิดเรื่องการทำไร่หมุนเวียน (หน้า 1,15) |
|
Focus |
เน้นการศึกษาลักษณะของการทำไร่หมุนเวียนของกะเหรี่ยงโปว์ ในภาคตะวันตกของประเทศไทย และอธิบายรูปแบบการผลิตแบบหมุนเวียนของกะเหรี่ยงโปว์ว่ามีลักษณะและกระบวนการผลิตอย่างไร (หน้า 2) |
|
Theoretical Issues |
แนวคิดเรื่องการปรับตัว ผู้ศึกษาพยายามอธิบายให้เห็นว่า การทำไร่หมุนเวียนเกิดจากบริบทสภาพแวดล้อมแบบหนึ่ง มีระบบ ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของกะเหรี่ยงโปว์ การทำไร่หมุนเวียนจึงเป็นกระบวนการปรับตัวของกะเหรี่ยงโปว์ต่อสภาพพื้นที่ที่จำกัด |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงโปว์ในภาคตะวันตกของประเทศไทย ในบริเวณอุทัยธานี สุพรรณบุรี และตะวันออกของกาญจนบุรี (หน้า 2) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่ศึกษา คือช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1901 - 1969 โดยช่วงที่ผู้ศึกษาได้เก็บข้อมูลเป็นกรณีตัวอย่างคือ ค.ศ. 1969 -1971 (หน้า 2, 10, 12) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
กะเหรี่ยงโปว์ในพื้นที่จะตั้งหมู่บ้านถาวร แม้ว่าจะมีการย้ายพื้นที่ทำกินก็จะหมุนเวียนกลับมาใช้พื้นที่เดิมอีก ซึ่งมีการใช้พื้นที่เดิมมาเป็นร้อยปีแล้ว กะเหรี่ยงอาจะย้ายหมู่บ้านด้วยเหตุผลอื่นมิใช่เกี่ยวกับระบบนิเวศ เช่นเรื่องความเชื่อเมื่อมีคนเจ็บป่วยหรือตาย ซึ่งเป็นเรื่องโชคลางก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น (หน้า 5) |
|
Economy |
กะเหรี่ยงโปว์ มีระบบการเพาะปลูกแบบหมุนเวียนพื้นที่ โดยเริ่มถางป่า (ซึ่งไม่ใช่ป่าบริสุทธิ์) หลังปล่อยไว้ให้แห้ง เดือนต่อมาเผาซากไม้ 1 ครั้งหรือมากกว่า เมื่อเผาเสร็จก็จะเตรียมพื้นผิวดิน เปลี่ยนสภาพพื้นผิวเป็นขี้เถ้าที่จะทำให้เพาะปลูกได้ดี ที่ดินที่ใช้เพาะปลูกเรียบร้อยแล้วจะถูกพักในปีนั้นแล้วจึงวนกลับมาทำใหม่อีก โดยการปล่อยที่ดินให้ฟื้นตัวนั้นกะเหรี่ยงโปว์จะเฝ้ามองว่าช่วงเวลาใดเหมาะสมที่จะกลับมาทำกินอีกครั้ง ป่าธรรมชาติดั้งเดิมที่ถูกใช้เพาะปลูกแล้วเมื่อฟื้นตัวก็จะมีสภาพเป็นป่าขั้นทุติยภูมิ กะเหรี่ยงโปว์จะใช้พื้นที่เพาะปลูกหมุนเวียนอย่างน้อย 100 ปี แต่ละแห่งนั้นมีบริเวณความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางวงกลมประมาณ 4 กิโลเมตรครึ่ง ระยะเวลาการปลูกหมุนเวียนแบ่งได้ 3 ช่วง คือ 1. ก่อนปลูกข้าว (มีนาคม-กรกฎาคม) 2. ระหว่างปลูกข้าว (มิถุนายน/กรกฎาคม-พฤศจิกายน) 3. ภายหลังการเก็บเกี่ยว (พฤศจิกายน- ) ในการเพาะปลูกข้าวเป็นพืชหลักในการเพาะปลูก ข้าวเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน โดยในการหมุนเวียนก็จะปลูกพืชพันธุ์อื่น ๆ ด้วย ทั้งก่อนและหลังฤดูฝน พันธุ์พืชมีมากกว่า 300 ชนิด ในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกขั้นตอนทุกอย่างเป็นบทสรุปที่เกิดมาจากความรู้เรื่องพืชและดิน พื้นที่ปลูกเลือกจากคนแต่ละคนตัดสินใจจากเรื่องดิน พืช พิจารณาจากสิ่งที่บ่งชี้ว่าเหมาะสม สถานที่ที่ปลูก ระยะเวลาจำนวนครั้งที่จะพักฟื้นก่อนการปลูกอีกรั้ง การเพาะปลูกและการเตรียมพื้นที่ ครอบคลุมเวลาที่ยาวนานกว่ารอบการผลิต เพราะในการตัดสินใจเลือกพื้นที่ตัดสินจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ปริมาณวัชพืช 2.ระดับการเติบโตของป่าขั้นทุติยภูมิ (secondary forest : ป่าที่เกิดจากการฟื้นตัว) ดังนั้น การเพาะปลูกจะทำในช่วงที่ดีที่สุดของปี เมื่อวัชพืชเพิ่มขึ้นอันแสดงว่าดินมีฮิวมัส เมื่อนั้น วัชพืชจะถูกกำจัดอีกครั้ง ทั้งนี้ภายหลังจากใช้มาเป็นเวลา 30-50 ปี ที่ดินจะถูกใช้น้อยลง เพราะมีความต้องการตัดไม้ใหญ่ในการผลิต ด้วยเหตุนี้กะเหรี่ยงโปว์จะเลือกตัดไม้ในพื้นที่ป่าฟื้นตัวที่เก่ามากๆ (very old secondary forest) ซึ่งระหว่างที่ป่าฟื้นตัวชาวบ้านจะสามารถเก็บของป่าได้ ในขณะที่ที่ดินที่ใช้ครั้งแรกจะใช้เวลานานมาก กว่าจะวนกลับมาใช้อีกครั้ง ในระหว่างที่พื้นที่ฟื้นตัวเป็นป่า ชาวบ้านจะเก็บของป่าต่าง ๆ ได้ (หน้า 4-8, 12) |
|
Social Organization |
กะเหรี่ยงโปว์นับญาติทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายพ่อและแม่และตั้งถิ่นฐานหลังการแต่งงานข้างฝ่ายหญิง (uxorilocal) ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งอย่างมากคือความสัมพันธ์ในครอบครัวเดี่ยว ข้อตกลงต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ง่ายในความสัมพันธ์ที่รักใคร่ชอบพอ ในขณะที่ญาติห่างๆ จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่สนิทสนม (หน้า 2) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
กะเหรี่ยงโปว์มีประเพณีเกี่ยวข้องกับมอญซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ตัดไม้มาหลายศตวรรษ ดังนั้นหลายๆ สถานที่ตามแควใหญ่จึงมีชื่อเป็นชื่อมอญ เพื่อที่จะยกย่องแสดงความนับถือ (หน้า 4) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
จากสภาพพื้นที่ของกะเหรี่ยงโปว์ พบว่าชุมชนกะเหรี่ยงโปว์มีความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากมีพื้นที่ติดกัน ทางด้านใต้และตะวันออกของพื้นที่ติดกับเขตด้านตะวันตกของภาคกลางของไทย ซึ่งบริเวณดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นคนลาว ส่วนด้านแม่น้ำเจ้าพระยา สุพรรณบุรี แม่กลอง หมู่บ้านในบริเวณนี้มีคนไทยภาคกลางและคนจีน อยู่โดยพื้นที่ระหว่างกะเหรี่ยงโปว์และชาวลาวก็มีหมู่บ้านของกลุ่มขมุและ ลัวะอยู่ 2-3 หมู่บ้าน โดยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่เป็นการผสมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรากฐานมาจากลานนาไทย ฉาน มอญ และปะโอ (Pa-o) (หน้า 2) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเพิ่มจำนวนประชากร และการแพร่กระจายของการปรับโครงสร้างการเกษตรจากส่วนกลางของไทย เข้าสู่พื้นที่ห่างไกลนั้นเป็นเหตุให้คนที่ไร้ที่ทำกินเคลื่อนย้ายเข้าไปในเขตเพาะปลูกอย่างภาคตะวันตกของไทย ดังนั้นพื้นที่ทำไร่หมุนเวียนจึงตกอยู่ในการครอบครองของคนลาว นอกจากนี้พื้นที่เขตรอบนอกของกะเหรี่ยงโปว์นั้นไม่สามารถเพาะปลูกได้ แต่ในส่วนกลางพื้นที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ระบบนิเวศจึงสมบูรณ์ในการปลูกพืชผลแบบหมุนเวียนนั้น กะเหรี่ยงโปว์จะยึดการแพร่พันธุ์จัดปลูกผสมผสานตามสภาพจริง ๆ ตามธรรมชาติ เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพนิเวศ ซึ่งกะเหรี่ยงยังยึดมั่นอนุรักษ์นิยมอยู่ แต่การยึดมั่นดังกล่าวถูกคัดค้านจากกะเหรี่ยงโปว์ที่มีความต้องการจะปลูกพืชผลใหม่ ตามวิธีแบบทันสมัย ซึ่งจริงๆแล้วการเพาะปลูกหมุนเวียนนั้นจะปลูกพืชผลตามมาตรฐานของสภาพพื้นที่พืชพันธุ์ มากกว่าใช้ความเชี่ยวชาญ ทันสมัยที่ไม่เป็นธรรมชาติ (หน้า 2-3, 7) |
|
Other Issues |
องค์ความรู้ของกะเหรี่ยงนั้น ระบบการทำไร่เลื่อนลอย ไร่หมุนเวียนเป็นระบบของการจัดการผลิตพืชผลตามธรรมชาติ โดยไร่หมุนเวียนของกะเหรี่ยงโปว์ในภาคตะวันตกของไทยนั้น มีความใกล้เคียงกับการเจริญเติบโตตามธรรมชาติของพันธุ์พืช กะเหรี่ยงโปว์ไม่ได้ใช้เฉพาะความรู้เรื่องพืชผลดอกไม้ การเลือกพื้นที่ ก่อนการเพาะปลูกเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องมีความรู้เรื่องอุณหภูมิของดิน เพื่อใช้ในการเลือกพื้นที่ด้วย โดยในการประเมินค่าดินนั้น ต้องดูบริบทเรื่องดินเหนียว ทราย กรวด หิน ความสามารถในการอุ้มน้ำ ความอ่อน ความมั่นคง ความเบาหรือเหนียวแน่นเกาะติดในฤดูแล้งและฤดูฝน สีดิน อุณหภูมิ สารอาหารแร่ธาตุต่างๆ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้และความเข้าใจ แต่ก็ยังมีข้อสังเกตว่าการทำไร่หมุนเวียนยังขาดความรู้และความเข้าใจ ซึ่งพวกเขาต้องการที่จะเรียนรู้ เพื่อที่จะเสริมจุดอ่อนของวิธีการผลิต ที่ถูกมองว่าด้อยพัฒนา ดังนั้น การทำไร่หมุนเวียนจึงเป็นระบบการผลิตที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติ และมีสภาพนิเวศที่เหมาะสม มิฉะนั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น กรณีผู้เพาะปลูกที่ทำการผลิตแบบหมุนเวียนเสริมการผลิตเกษตรประจำที่ ของกลุ่มผู้อพยพที่ไม่มีที่ทำกินทางภาคกลางของไทย ผลิตแบบไร่หมุนเวียนทั้ง ๆ ที่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม และขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตแบบหมุนเวียน (หน้า 7-8) |
|
Map/Illustration |
ขั้นตอนการผลิตตลอดปี (PHASES OF LABOUR THROUGH THE YEAR) (FIG 1 ) การปลูกและเก็บเกี่ยวของการทำไร่หมุนเวียน (GROWTH AND HARVEST OF MOST IMPORTANT SWIDDEN CULTIGENS) (FIG 2) ตารางที่ 1 ระยะเวลาของการเพาะปลูก ใน 4 หมู่บ้าน (LENGTH OF AVERAGE FALLOW IN 4 DIFFERENT VILLAGES) (หน้า 11) ตารางที่ 2 FOLD, YIELD PER HA, TOTAL SIZE OF SWIDDENS, CHANGES IN THESE QUANTITIES FOR SWIDDENS CULVATED TWO SUCCESSIVE YEARS (หน้า 13) ตารางที่ 3 FOLD, YIELD PER HA, TOTAL SIZE OF SWIDDENS AND CHANGES IN THESE QUANTITIES FOR SWIDDENS CULVATED THREE SUCCESSIVE YEARS IN 4 VILLAGES (หน้า 14) |
|
|