สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),การอนุรักษ์ป่า,การเกษตร,เชียงใหม่
Author สมนึก ชัยธรรม
Title การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงหมู่บ้านห้วยปูลิง ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 58 Year 2542
Source หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและความต้องการในอนาคตของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และการทำการเกษตร โดยประชากรที่ใช้ศึกษาในงานวิจัยชิ้นนี้เป็นหัวหน้าครัวเรือนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงทุกครัวเรือนในหมู่บ้านห้วยปูลิง ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ จำนวน 88 ครัวเรือน ผลการวิจัยแสดงว่า หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นชายอายุเฉลี่ย 40.22 ปี เข้าใจภาษาไทย รายได้รวมของครัวเรือนเฉลี่ย 12,446.59 บาทต่อปี จำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 4.08 คน แรงงานทำการเกษตรเฉลี่ย 2.69 คน รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เฉลี่ย 4.75 ครั้งต่อปี มีพื้นที่ครอบครองเฉลี่ย 5.87 ไร่ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เฉลี่ย 5.47 ครั้งต่อปี ติดต่อกับชุมชนภายนอกเฉลี่ย 5.31 ครั้งต่อปี และได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เฉลี่ย 1.67 ครั้งต่อปี ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงส่วนใหญ่ปฏิบัติเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในระดับปานกลางมีค่าเฉลี่ย 2.04 ดังนี้ การป้องกันรักษาป่าอยู่ในระดับปานกลาง การปลูกป่าอยู่ในระดับปานกลาง การป้องกันไฟป่าอยู่ในระดับมาก การเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้อยู่ในระดับปานกลาง ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกพืชที่สามารถช่วยป้องกันดินทลาย ช่วยปรับปรุงหน้าดิน และช่วยรักษาต้นน้ำ ส่วนผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศ จำนวนสมาชิกในครัวเรือน แรงงานในการทำการเกษตร จำนวนพื้นที่ครอบครอง การติดต่อกับบุคคลภายนอกและการได้รับการฝึกอบรมมีความสัมพันธ์กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ปัญหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงได้แก่ การลักลอบตัดไม้ของบุคคลภายนอกหมู่บ้าน ต้นไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่ตาย อุปกรณ์สำหรับดับไฟป่าไม่เพียงพอ ชาวบ้านต้องการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเคร่งครัด ปรับเปลี่ยนจากมาตรการเชิงรับที่ใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย มาเป็นมาตรการเชิงรุกที่เน้นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จัดฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้มากครั้งขึ้น และต้นไม้ที่นำมาส่งเสริมให้ราษฎรปลูกตามโครงการปลูกป่าควรตระหนักถึงความต้องการที่แท้จริงของราษฎรด้วย (ดูบทคัดย่อ)

Focus

ศึกษาการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและความต้องการในอนาคตของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และการทำการเกษตร (ดูบทคัดย่อ)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ประชากรที่ใช้ศึกษาในงานวิจัยชิ้นนี้เป็นหัวหน้าครัวเรือนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงทุกครัวเรือนในหมู่บ้านห้วยปูลิง ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ จำนวน 88 คน (ดูหน้าบทคัดย่อ , 20)

Language and Linguistic Affiliations

ประมาณ 97.7% เข้าใจภาษาไทย (หน้า 24)

Study Period (Data Collection)

ไม่มีข้อมูล

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

จากกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 83 เพศหญิงร้อยละ 17 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุ 31 - 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 36.4 รองลงมามีอายุระหว่าง 21 - 30 ปี และอายุ 41 - 50 ปี คิดเป็นร้อยละ 21.6 อายุสูงกว่า 50 ปี คิดเป็นร้อยละ 20.4 โดยที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 40.22 ปี อายุสูงสุด 64 ปี ต่ำที่สุดอยู่ที่ 21 ปี (หน้า 23 - 24)

Economy

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ 27.3) มีรายได้รวมต่อปีระหว่าง 5,001-10,000 บาท และ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 22.7 มีรายได้รวมระหว่าง 0-5,000 บาท และมีรายได้มากกว่า 15,000 คิดเป็นร้อยละ 22.7 รายได้รวมเฉลี่ยอยู่ที่ 12,446.59 บาทต่อปี รายได้รวมสูงสุดอยู่ที่ 63,300 บาทต่อปี และรายได้รวมต่ำสุดอยู่ที่ 800 บาทต่อปี (หน้า 25) ครัวเรือนของกะเหรี่ยงกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีจำนวนสมาชิกที่เป็นแรงงานเกษตร 1-2 คน คิดเป็นร้อยละ 60.2 รองลงมา 3 - 4 คน คิดเป็นร้อยละ 34.1 และร้อยละ 5.7 มีจำนวนสมาชิกที่เป็นแรงงานเกษตรจำนวนมากกว่า 4 คน โดยแต่ละครัวเรือนมีสมาชิกที่เป็นแรงงานเกษตรจำนวน 2.69 คน สูงที่สุด 8 คน ต่ำที่สุด 1 คน (หน้า 26) ครัวเรือนของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีที่ดินอยู่ในครอบครองระหว่าง 4-6 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 48.9 รองลงมาร้อยละ 31.8 มีที่ดินในครอบครองมากกว่า 6 ไร่ ร้อยละ 19.3 มีที่ดินในครอบครองระหว่าง 1-3 ไร่ กลุ่มตัวอย่างมีที่ดินในครอบครองเฉลี่ย 5.87 ไร่ จำนวนที่ดินในครอบครองสูงสุด 15 ไร่ ต่ำที่สุด 1 ไร่ (หน้า 27-28)

Social Organization

จำนวนสมาชิกในครัวเรือนของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีสมาชิกในครัวเรือนระหว่าง 4-6 คน (ร้อยละ 68.2) รองลงมามีสมาชิก 1-3 คน (ร้อยละ 27.3) และร้อยละ 4.5 มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนมากกว่า 6 คน โดยที่กลุ่มตัวอย่างมีสมาชิกครัวเรือนเฉลี่ย 4.08 คน สูงที่สุด 9 คน ต่ำที่สุด 2 คน (หน้า 25-26)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

กะเหรี่ยงยังจำแนกประเภทของป่าตามความเชื่อดังนี้ - ปก่าตะเคโดะ เป็นป่าที่อยู่ในช่องเขา เป็นทางเดินของผี ห้ามหักล้างทำกิน แต่สามารถหาอาหาร สมุนไพร และไม้ฟืนจากป่าได้ - ปก่าเดหมื่อเบอ ป่าที่ขึ้นบนเนินเขา ลักษณะหลังเต่า มีสายน้ำไหลอ้อมล้อมรอบ ชาวบ้านถือว่ามีผีแรง ห้ามทำประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น - ปก่าเซมอปู เป็นป่าซับน้ำ มีต้นไม้ใหญ่ และน้ำขังตลอดปี มีน้ำไหลลงสู่ลำห้วย เป็นที่อยู่ของผีน้ำ ห้ามกินน้ำบริเวณนี้ - ปก่าที่หน่าจวะคี หรือป่าขุนห้วย เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ ห้ามตัดฟันใช้ประโยชน์ - ปก่าที่เป่อถ่อ เป็นป่าที่มีน้ำผุด เชื่อกันว่าผีดุมาก ห้ามรบกวนเด็ดขาด กะเหรี่ยงมีข้อห้ามตัดต้นไม้ที่ถูกเลือกเป็นที่แขวนสายสะดือเด็กเกิดใหม่ ต้นไทรขนาดใหญ่เชื่อกันว่ามีเทพเรียกว่า "หมื่อกาเขล่อ" สิงสถิตอยู่ รวมไปถึงต้นไม้ที่ใช้แบกหามคนตาย ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นคู่ใกล้ชิดกัน ต้นไม้ที่ส่วนปลายโน้มติดกับอีกต้นไม้หนึ่ง ไม้ที่มีรังผึ้งเกาะอยู่ ต้นไม้ที่มีเถาวัลย์พัน และต้นไม้ที่ขึ้นบนจอมปลวก (หน้า 13-15)

Education and Socialization

แนวคิดการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง กะเหรี่ยงจำแนกประเภทป่าตามชั้นระดับความสูง โดยพื้นที่บริเวณเชิงเขาที่มีต้นไม้ขึ้นไม่หนาแน่น เป็นไม้ผลัดใบจำพวกเต็งรัง อากาศแห้งแล้ง เรียกว่า "แพะโข่" หรือ "กอเบโข่" ส่วนป่าในช่วงกลางเทียบเคียงได้กับป่าเบญจพรรณ กะเหรี่ยงเรียกว่า "เก่อเนอค่อทิ" ป่าตอนบนที่เป็นเขตต้นน้ำเรียกรวมๆ ว่า "เก่อเนอ" นอกจากนี้กะเหรี่ยงยังจำแนกประเภทของป่าตามลักษณะการใช้ประโยชน์ เช่น ป่าใช้สอยรอบหมู่บ้าน ที่ใช้เป็นแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ สถานที่ประกอบพิธีกรรมในหมู่บ้าน บริเวณนี้ห้ามตัดไม้ทุดชนิดเพราะเกรงว่าจะรบกวนวิญญาณบรรพบุรุษ "ป่าเหล่า" เป็นแหล่งอาหารและยารักษาโรค ป่าหัวนาเป็นแหล่งต้นน้ำใช้หล่อเลี้ยงนา และป่าขุนห้วยเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ป่าทั้งหมดนี้อยู่ในความรับผิดชอบของชุมชน ห้ามบุกเบิกที่นา แต่เก็บของป่าและล่าสัตว์ได้ (หน้า 12-13) จากงานวิจัยได้สรุปรูปแบบการอนุรักษ์ป่าของชุมชน กะเหรี่ยง ไว้ 2 รูปแบบ คือ 1. ชุมชนที่ทำนามากกว่าทำข้าวไร่จะให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ป่าซับน้ำบนขุนน้ำเป็นหลักและป่าซับน้ำหัวนาบ้างแต่ไม่เน้นระบบป้องกันแนวกันไฟ 2. ชุมชนที่ทำข้าวไร่มากกว่าทำนาจะให้ความสำคัญต่อแนวกันไฟเป็นหลักพร้อมทั้งอนุรักษ์ป่าซับน้ำบนขุนน้ำและป่าซับน้ำหัวนาด้วย (หน้า 15-17) ความเข้าใจในภาษาไทย จากกลุ่มตัวอย่าง หัวหน้าครัวเรือนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงร้อยละ 97.7 เข้าใจภาษาไทย (พูดและฟังได้) นอกนั้นร้อยละ 2.3 ไม่เข้าใจภาษาไทย (หน้า 24) การได้รับข้อมูลข่าวสาร รอบปี พ.ศ. 2539 กลุ่มตัวอย่างรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่าง 4 - 6 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 43.2 รองลงมาร้อยละ 36.4 ได้รับข้อมูลระหว่าง 1-3 ครั้ง และร้อยละ 20.4 ได้รับข้อมูลมากกว่า 6 ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วได้รับข้อมูลข่าวสาร 4.75 ครั้ง สูงสุด 15 ครั้ง และต่ำสุด 1 ครั้ง (หน้า 27) การได้รับการฝึกอบรม รอบปี พ.ศ. 2539 กลุ่มตัวอย่างรับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่าง 1-2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 78.4 รับการฝึกอบรมระหว่าง 3-4 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 10.2 ร้อยละ 8 ไม่เคยรับการฝึกอบรม ร้อยละ 3.4 รับการฝึกอบรมมากกว่า 4 ครั้ง เฉลี่ยแล้วกลุ่มตัวอย่างรับการฝึกอบรม 1.67 ครั้ง สูงสุด 8 ครั้ง (หน้า 30)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ในปี พ.ศ. 2539 หัวหน้าครัวเรือนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านที่ศึกษาได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ระหว่าง 1-3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 44.3 รองลงมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ 4-6 ครั้ง ร้อยละ 29.6 ติดต่อกับเจ้าหน้าที่มากกว่า 6 ครั้ง ร้อยละ 26.1 โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่เฉลี่ย 5.47 ครั้ง สูงที่สุด 30 ครั้ง ต่ำที่สุด 1 ครั้ง (หน้า 28) การติดต่อกับชุมชนภายนอก ในปี พ.ศ. 2539 กลุ่มตัวอย่างติดต่อกับชุมชนภายนอกระหว่าง 1-4 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 63.6 รองลงมาร้อยละ 17 ติดต่อกับชุมชนภายนอก 5-8 ครั้ง ร้อยละ 14.8 ติดต่อกับบุคคลภายนอกมากกว่า 8 ครั้ง ร้อยละ 4.6 ไม่มีการติดต่อกับชุมชนภายนอก โดยเฉลี่ยติดต่อ 5.31 ครั้ง สูงที่สุด 45 ครั้ง (หน้า 29)

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ กะเหรี่ยงกลุ่มตัวอย่างอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในระดับปานกลางเฉลี่ย 2.04 (หน้า 33) แยกเป็นประเด็นคือ การรักษาป่าอยู่ในระดับปานกลางเฉลี่ย 1.93 (หน้า 30-31) การปลูกป่าอยู่ในระดับปานกลางเฉลี่ย 2.11 (หน้า 31-32) การป้องกันไฟป่าอยู่ในระดับที่มากเฉลี่ย 2.27 (หน้า 32) การเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อยู่ในระดับปานกลางเฉลี่ย 1.86 (หน้า 33) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับการทำเกษตรเชิงอนุรักษ์ แต่ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามความรู้ความเข้าใจ เพราะการเพาะปลูกแบบขั้นบันไดเสียเวลา ไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับ ปริมาณน้ำและพื้นที่สำหรับทำนาดำไม่เพียงพอ การปลูกพืชตระกูลถั่วมีปัญหาด้านการตลาด และยังมีปัญหาเกี่ยวกับวิธีการทำการเกษตรที่ยังไม่รู้วิธีการ ใช้งบประมาณลงทุนสูง (หน้า 36-37) นอกจากนี้การทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศและการได้รับการฝึกอบรมของชาวบ้านกะเหรี่ยงกลุ่มตัวอย่างสัมพันธ์กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ส่วนจำนวนสมาชิกในครัวเรือน แรงงานในการทำเกษตร จำนวนพื้นที่ครอบครองและการติดต่อกับชุมชนภายนอกสัมพันธ์กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ (หน้า 38-48, 55) ผู้วิจัยพบปัญหาการอนุรักษ์ป่าไม้ของชาวบ้านคือ ปัญหาการลักลอบตัดไม้ของบุคคลภายนอกหมู่บ้าน ต้นไม้ที่กะเหรี่ยงปลูกแล้วตาย อุปกรณ์ดับไฟป่าที่ไม่เพียงพอ ขาดเจ้าหน้าที่มาเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ น้ำสำหับการเกษตรไม่เพียงพอ ขาดปัจจัยการผลิตเช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น (หน้า 49-53, 55)

Map/Illustration

งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย รวมไปถึงภาพประกอบที่แสดงภาพจำลองของข้อมูลในงานวิจัย

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 30 มิ.ย 2560
TAG โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), การอนุรักษ์ป่า, การเกษตร, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง