|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อาข่า,การเปลี่ยนแปลง,ความเป็นชายขอบ,เชียงราย,ภาคเหนือ |
Author |
Leo A. Van Geusau |
Title |
The Akha, the Years after in : Marginalisation in Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อ่าข่า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
7 |
Year |
2535 |
Source |
Department of Geography in association with Victoria University of Wellington, New Zealand |
Abstract |
การเปลี่ยนแปลงและปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มอาข่าเท่านั้น แต่ยังในกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงอื่น ๆ เช่นกัน ในปี ค.ศ. 1992 ประชากรบนพื้นที่สูงมีจำนวนมากกว่า 6 ล้านคน แต่เป็นประชากรในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อย "Hill tribes" เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านอาข่ามีปัจจัยมาจากการที่รัฐเข้ามาอ้างสิทธิ์ในการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และเกิดการขยายตัวเศรษฐกิจ การพัฒนาบนพื้นที่สูง การสร้างถนนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในหมู่บ้านและในพื้นที่โดยรอบไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาทำการสัมปทานป่าไม้ การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ การศึกษา การรับเอาความเจริญจากการพัฒนาตามโครงการต่างๆ ของรัฐและสิ่งที่สำคัญคือถนนได้รวมชุมชนอาข่าที่เคยแยกเป็นอิสระกับระบบเศรษฐกิจและการปกครองของรัฐระดับมหัพภาคเข้าด้วยกัน กระบวนการเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงกลายเป็นคนชายขอบ (หน้า 3) ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา การดำรงชีวิตของอาข่าไม่ง่ายนักสำหรับการเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีสถานะต่ำกว่า แต่อาข่าก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น การช่วยเหลือกันและการยอมรับการศึกษาแบบใหม่ การยอมรับความช่วยเหลือจากองค์กรอิสระ NGOs เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความรู้ใหม่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสังคมเมืองสมัยใหม่ (หน้า 5-8) |
|
Focus |
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านอาข่าทั้งสองหมู่บ้านในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จากการศึกษาวิจัยครั้งแรกในปี ค.ศ. 1978-1981 จนถึงปัจจุบัน (หน้า 1-2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
อาข่าหมู่บ้าน Ayo Mai อ. แม่จัน จ. เชียงราย และอาข่าหมู่บ้านแสนเจริญเก่า (Saen Charoen Kao) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ได้ระบุแน่ชัด ระบุเพียงว่าการศึกษาครั้งแรกในปี ค.ศ.1978 - 1981 (หน้า 2) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
อาข่าหมู่บ้าน Ayo Mai อ. แม่จัน จ. เชียงราย ประกอบด้วย 20 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 120 คน ส่วนใหญ่เกิดในประเทศไทยแต่ไม่มีใบแจ้งเกิดและมีเพียงไม่กี่รายที่มีบัตรประชาชน (หน้า 1) อาข่าหมู่บ้านแสนเจริญเก่า (Saen Charoen Kao) ในปี ค.ศ. 1978 ประกอบด้วย 80 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 690 คน ปัจจุบันมี 60 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 400 คน (หน้า 2) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กระบวนการกลายเป็นคนชายขอบ อาข่าเป็นเหมือนกับกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อยอื่นๆ ทั่วโลกที่ถูกบังคับจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอำนาจเหนือกว่าในพื้นที่ราบ ทำให้ต้องอพยพเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่อื่นที่แยกโดดเดี่ยว แต่สังคมรัฐสมัยใหม่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยสังคมรัฐสมัยใหม่ได้รวบพื้นที่ เขตแดน ทรัพยาการเข้าไว้ด้วยกันภายใต้การเป็นรัฐชาติและทำให้ผู้คนบางส่วน เช่น อาข่ากลายเป็นกลุ่มคนชายขอบที่ไม่ได้รับการสนใจจากระบบการปกครองของรัฐ (หน้า 8) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (จากการศึกษาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1978-1981) อาข่าหมู่บ้าน Ayo Mai มีไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน จากหมู่บ้านสามารถมองเห็นถนนลาดยางจากพื้นที่ราบเข้าสู่ชุมชนชาวจีนในแม่สะลอง แต่อาข่าหมู่บ้าน Ayo Mai ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการใช้ประโยชน์ถนนมากนัก สภาพชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านตกต่ำลง ชาวบ้านเป็นวัณโรค โรคบิด และมีการฆาตกรรม ในหมู่บ้าน ใน ปีค.ศ. 1987 มีชาวบ้านเข้าไปเป็นขอทานในกรุงเทพฯ ผู้ชายส่วนใหญ่ติดฝิ่นและเฮโรอีน หญิงสาวหลายคนกลายเป็นโสเภณีในเมือง ที่ดินในหมู่บ้านถูกขายให้กับชาวไต้หวัน พวกเขาต้องอพยพออกจากพื้นที่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน (หน้า 2) อาข่าหมู่บ้านแสนเจริญเก่า (Sean Charoen Kao) ปัจจุบันการเดินทางเข้าหมู่บ้านเป็นไปได้สะดวก และทำให้มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ป่าไม้ของบริษัทตัดไม้ ลากไม้ และในพื้นที่ใกล้เคียงกับหมู่บ้านมีการปลูกต้นยูคาลิปตัสของโรงงานทำกระดาษญี่ปุ่นและไต้หวัน (หน้า 2) เด็กหนุ่มสาวอาข่าในหมู่บ้านออกไปศึกษาเล่าเรียนข้างนอกหรือไปเป็นลูกจ้างทำงานในพื้นที่ราบ หญิงสาวบางส่วนไปเป็นโสเภณี ในหมู่บ้านมีเพียงเด็กและคนชรา และชาวบ้านเริ่มฟังวิทยุ รายการเพลง วีดีโอรุนแรง แทนการร้องเพลงแบบดั้งเดิม เด็กหนุ่มสาวไม่แต่งกายแบบดั้งเดิมนิยมจะแต่งกายแบบสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการรักษาประเพณีดั้งเดิมเอาไว้แต่ทำได้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากมีเฉพาะผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ยังคงกระทำอยู่เป็นส่วนใหญ่ และมีบางครัวเรือนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์(หน้า 3) การที่รัฐเข้ามาอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ป่าไม้ สร้างถนนเข้าสู่พื้นที่สูง นำโครงการพัฒนาต่างๆ เข้ามาในพื้นที่และทำการเปิดป่าไม้ให้กลายเป็นที่สัมปทานไม้ทำรายได้ให้กับบริษัทเอกชน และขยายการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูงและรวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เกิดขึ้น ทำให้อาข่าในหมู่บ้านโดยรอบได้รับผลกระทบ บางส่วนอพยพเข้าสู่เมือง ปัจจุบันมีอาข่ามากกว่า 300 คนอาศัยในเมือง บางส่วนประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจและเข้าสู่การใช้ชีวิตแบบเมือง แต่บางส่วนก็ประสบปัญหาดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น (หน้า 3-5) ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาการดำรงชีวิตของอาข่าไม่ง่ายนักสำหรับการเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีสถานะต่ำกว่า แต่อาข่าก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น การช่วยเหลือกันและการยอมรับการศึกษาแบบใหม่ การยอมรับความช่วยเหลือจากองค์กรอิสระ NGOs เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความรู้ใหม่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสังคมเมืองสมัยใหม่ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านอาข่ากล่าวว่า " ขอบคุณสำหรับทุกปัญหาที่เรามี ไม่ใช่แค่ปัญหาใหม่ที่เริ่มเข้ามา ถ้าเราเบี่ยงไปทางไม่ดีมากเมื่อเราเบี่ยงกลับก็จะขึ้นสูงเหมือนการโล้ชิงช้าสู่ด้านที่ดีเช่นกัน" (หน้า 5-8) |
|
|