|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อูรักลาโว้ย,ชาวเล,ความเชื่อ,พิธีกรรม,มานุษยวิทยาวัฒนธรรม,เกาะพีพีดอน,กระบี่,ภาคใต้ |
Author |
วิสิฏฐ์ มะยะเฉียว, เขมชาติ เทพไชย |
Title |
ชาวเลบ้านแหลมตง : การศึกษาทางด้านมานุษยวิทยาวัฒนธรรม |
Document Type |
อื่นๆ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อูรักลาโว้ย อูรักลาโวยจ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
30 |
Year |
2527 |
Source |
รายงานการสำรวจ กองโบราณคดี กรมศิลปากร |
Abstract |
รายงานการสำรวจชุมชนชาวเลบ้านแหลมตง บรรยายให้เห็นสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี และพิธีกรรมของชาวเล ชาวเลบ้านแหลมตงได้อพยพมาจากชุมชนชาวเลต่าง ๆ อาทิ ชาวเลสิงห์ อูรักลาโว๊ย และมอเกลน มีการผสมผสานด้านชาติพันธุ์โดยการแต่งงานข้ามกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนายทุนอพยพมาจากสตูล และพวกมุสลิมอพยพมาจากเกาะยาว ชาวเลมีความเชื่อในเทพเจ้าประจำศาล โดยยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจ มักทำพิธีแก้บนเมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ทั้งยังยกย่องนับถือโต๊ะเป็นผู้นำประจำชุมชน และเป็นที่ปรึกษาด้านพิธีกรรม ผู้ใหญ่บ้านมีบทบาทต่อชีวิตความเป็นอยู่ไม่มากนัก ชาวเลชุมชนบ้านแหลมตงมักอยู่กันเป็นครอบครัวเดี่ยว ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพานายทุนในชุมชนเป็นหลัก ประกอบอาชีพหลักคือการจับสัตว์น้ำ เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบวงจรเศรษฐกิจภายในชุมชนถูกกำหนดขึ้นโดยนายทุน มีการหมุนเวียนสินค้าและค่าจ้างแรงงานในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเครื่องผูกมัดชาวเล นายทุนมีบทบาทและอิทธิพลสูงในการกำหนดราคารับซื้อสินค้า โดยให้ราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ในขณะที่ขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ชาวเลในราคาแพง ทั้งยังเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน ผูกชาวเลไว้ด้วยระบบหนี้สิน โดยไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าไปจัด การ |
|
Focus |
ศึกษาการดำรงชีวิตของชาวเลในหมู่บ้านแหลมตง บนเกาะพีพีดอน อ.เมือง จ.กระบี่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาวเลบ้านแหลมตง เกาะพีพีดอน อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ประกอบด้วยกลุ่ม ที่เรียกตัวเองว่า "ชาวเลสิงห์" (Moken) "อูรัก ลาโว้ย" (Urak Lawoi) และ "มอเกล็น" ((Moklen) อยู่รวมกัน (หน้า 1) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ชาวเลชุมชนบ้านแหลมตงอพยพมาจากชุมชนชาวเลต่างๆ อาทิ ชุมชนชาวเลบ้านแหลมหลา ชุมชนชาวเลเกาะจำ ชุมชนชาวเล หาดราไวย์ ชุมชนชาวเลบริเวณเกาะลันตา จ. กระบี่ ชุมชนชาวเลบริเวณหมู่เกาะแถบจังหวัดระนอง เรียกกันว่า "เมืองพรัด" รวม ถึงชุมชนชาวเลเกาะอาดัง จ.สตูล มีการแต่งงานข้ามกลุ่ม ชาวเลสิงห์เป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาภายหลัง เป็นกลุ่มนักเดินทางแสวงหา มักไม่สร้างบ้านเป็นหลักแหล่ง แต่จะใช้ชีวิตอยู่ บนเรืออพยพไปเรื่อย ๆ ชาวเลสิงห์แวะเข้ามาสร้างบ้านเรือนแถบชุมชนหาดราไวย์ แต่ยังคงแยกเป็นกลุ่มต่างหากจากชาวเลกลุ่มเดิม นายทุนอพยพมาจากสตูล ส่วนคนที่นับถือศาสนาอิสลามอพยพมาจากเกาะยาว (หน้า 2, 8) |
|
Settlement Pattern |
ที่ดินแปลงบ้านแหลมตงมีเนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ ของชาวเล 10 ครอบครัว ตั้งอยู่ติดบริเวณชายฝั่งทะเล สภาพพื้นที่มีลักษณะเป็นดินปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการอยู่อาศัยและทำการเพาะปลูก ชุมชนชาวเลตั้งถิ่นฐานบนเกาะมานาน ได้สร้างบ้านเรือนเป็นเขตชุมชนเฉพาะบริเวณบ้านแหลมตงเท่านั้น ต่อมาคนที่นับถือศาสนาอิสลามจากเกาะยาวค่อยอพยพมาจับจองภายหลังโดยตั้งถิ่นฐานอยู่คนละฝั่งกับชาวเล ต่อมาได้ขยายพื้นที่มาหักร้างถางพง และจับจองเป็นเจ้าของที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ชาวเลมักไม่สนใจเป็นเจ้าของที่ดินมากนัก ชาวเลบ้านแหลมตงมีทั้งหมด 26 ครัวเรือน เป็นบ้านชาวเล 22 ครัวเรือน และบ้านที่นับถือศาสนาอิสลาม 3 ครัวเรือน ร้านขายของชำ 2 ร้าน บ้านคนจีน 1 หลัง ที่ดินทั้งหมดในชุมชนคิดเป็น 82 ไร่ เป็นของชาวเล 10 ครอบครัว ชาวเลมีที่ดินเป็นของตนเองไว้ทำการเพาะปลูกบางคนมีที่ดินเป็นที่สวน ส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีอยู่ก่อนได้สิทธิครอบครองจากทางการ ในชุมชนมีศาลประจำชุมชนเหมือนชาวเลกลุ่มอื่น (หน้า 8,9,10,14,20, 21) |
|
Demography |
ประชากรชาวเลมีจำนวน 110 คน (หน้า 8) จำนวนครอบครัวชาวเล 18 ครัวเรือน แรงงานชายที่ทำงานหารายได้มาจุนเจือครอบครัวทั้งหมด 30 คน หญิง 33 คน เด็ก 47 คน การใช้แรงงาน 33% นักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมตงระดับชั้น ป.1- ป.6 มีจำนวน 47 คน มีครูทั้งหมด 4 คน การขยายตัวของประชากรที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวเลเริ่มมีความสัมพันธ์กับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ และคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามมากขึ้น (หน้า 15, 20, 23, 24) |
|
Economy |
ชาวเลมีอาชีพหลักคือ การจับสัตว์น้ำ นอกจากนี้ยังนิยมเพาะปลูกพืชจำพวก มะม่วง กล้วย มะม่วงหิมพานต์ มะพร้าว ผู้ชายจะเป็นแรงงานสำคัญ ในขณะที่ผู้หญิงจะรับผิดชอบภายในครอบครัว ชาวเลในชุมชนบ้านแหลมตงจะออกไปตกเบ็ดตอนเข้าตรู่หรือคืนเดือนหงาย ชาวเลจะใช้เรือที่เช่าซื้อแบบผ่อนส่งจากนายทุน ออกไปตกเบ็ด ดำหอย ดำกุ้ง สัตว์น้ำที่จับมาได้ต้องขายให้กับนายทุนเจ้าของเรือ ปลาที่ราคาสูงคือ ปลาเสียด ได้ราคากิโลกรัมละ 15 บาท การจับปลาเป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน วันไหนจับได้มากได้เงินมาก็มักใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่เก็บออม นายทุนในชุมชนมีบทบาทเป็นตัวเชื่อมโยงกับสังคมภายนอก นายทุนเป็นผู้ให้เช่าซื้อเรือกรรเชียงเล็กแบบเงินผ่อน เนื่องจากเรือเป็นเครื่องมือสำคัญและจำเป็นต่อการประกอบอาชีพ เป็นคนหักเงินจากการขายปลาได้ ซ้ำยังมีสิทธิ์กำหนดราคาปลาได้ตามใจชอบ มีนายทุนเป็นผู้สร้างระบบวงจรทางเศรษฐกิจขึ้นมาครอบงำให้เป็นไปตามเงื่อนไขจนแทบจะครบวงจร ชาวเลจะซื้อของด้วยวิธีเงินเชื่อกับร้านนายทุน ชาวเลทุกครัวเรือนจึงเป็นหนี้กันหมด แม้บางครอบครัวจะมีสวน ก็ไม่มีเงินเหลือจากการขายมะพร้าว ชาวเลที่มีสวนมะพร้าวก็ต้องขายมะพร้าวให้นายทุนซึ่งเป็นผู้กำหนดราคารับซื้อ ซ้ำยังโดนหักหนี้เป็นผลมะพร้าว หากมะพร้าวขายได้ราคาดี หญิงชาวเลจะตื่นก่อนสามี เพื่อหุงหาอาหารเตรียมข้าวห่อตักน้ำจากบ่อ
นอกจากนี้ยังไปช่วยนายทุนผ่าปลา ได้ส่วนหัวปลา เหงือกและตับไตไส้พุงมาทำอาหาร หญิงชาวเลที่ไม่เล่นไพ่ จะมาช่วยแกะเนื้อมะพร้าว นายทุนจะให้กะลามาเป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มเป็นสิ่งตอบแทน ระบบเงินตราจึงเป็นเครื่องมือสำคัญของนายทุน ในการหมุนเวียนสินค้าและค่าจ้างแรงงานรูปแบบต่าง ๆ ทั้งยังเป็นเครื่องผูกมัดชาวเลในชุมชนที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ทั้งวงจร นอกจากนี้ นายทุนยังเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนออกเลข สำหรับชาวเลในชุมชนที่นิยมเสี่ยงโชคอีกด้วย (หน้า 9, 3,14,15,16,17)
นอกจากอาชีพตกเบ็ดจับสัตว์น้ำแล้ว ชาวเลชุมชนบ้านแหลมตงยังเป็นลูกจ้างทำระเบิดปลา อุปกรณ์ทำระเบิดเป็นของนายทุนทั้งหมด แต่จะเก็บไว้ที่บ้านชาวเลเพราะนายทุน ไม่ต้องการมีปัญหา หากถูกตรวจค้น การระเบิดปลาใช้แรงงาน 10-15 คน ต้องนำเรือกรรเชียงไปด้วย การระเบิดแต่ละครั้งจะได้ปลาเป็นจำนวนมากเป็นร้อยกิโลกรัม (หน้า 18 - 19) |
|
Social Organization |
ครอบครัวชุมชนชาวเลบ้านแหลมตงมักอยู่กันเป็นครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) ครอบครัวหนึ่ง ๆ ประกอบด้วยพ่อ แม่และลูก สามีจะมีบทบาทสำคัญสูงสุดในบรรดาสมาชิกในครอบครัว เพราะต้องรับผิดชอบในการหาเลี้ยง ภรรยาชาวเลมักพูดว่าทำอะไรต้องปรึกษาสามีก่อน แสดงให้เห็นถึงการเคารพเชื่อฟังสามี ในหมู่เครือญาติจะมีการร่วมทานอาหารกันบางโอกาส นายทุนมีบทบาทในการเป็นผู้เชื่อมโยงโลกภายนอกเข้ากับชุมชนชาวเล (หน้า 12,16,27) |
|
Political Organization |
ชุมชนชาวเลมีราษฎรในพื้นที่บ้านหมู่ 8 เป็นมุสลิมเกือบทั้งหมด การเลือกตั้งผู้นำเสียงส่วนใหญ่จึงเป็นของมุสลิม ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นมุสลิมปกครอง กลุ่มชาวเลถือว่าโต๊ะประจำชุมชนเป็นผู้นำชาวเล และมักให้ความเคารพนับถือ เป็นที่ปรึกษาด้านพิธีกรรม ผู้นำ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในการชักจูงใจ ฉลาด เป็นนักคิดนักพูดแต่ไม่มีอำนาจหรือกำลังบังคับ และต้องเป็นคนซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีศีลธรรม เข้าใจความต้องการคนส่วนใหญ่ ผู้ใหญ่บ้านมีบทบาทต่อชีวิตความเป็นอยู่มีไม่มากนัก เพียงแค่เก็บค่าภาษีที่ดิน สำรวจ สำมะโนประชากร และเรียกประชุมชาวบ้านตามคำสั่งจากอำเภอ ครูมีบทบาทสูงต่อชาวเลในชุมชน ชาวเลมักให้ความเคารพนับถือครู อย่างไรก็ดี ปัญหาที่พบก็คือนายทุนมีอิทธิพลสูงในการกำหนดราคารับซื้อสินค้า โดยให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาดในขณะที่ขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคในราคาแพงแก่ชาวเล โดยที่ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าไปจัดการ ทั้ง ๆ ที่ชาวเลเป็นกลุ่มที่เสียภาษีให้รัฐทุกปี (หน้า 26 - 27, 29) |
|
Belief System |
ชาวเลในชุมชนมีความเชื่อในเทพเจ้าประจำศาล เป็นที่พึ่งทางใจ มักทำพิธีบนเมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ เช่น หาปลาไม่ค่อยได้ หรือในยามเจ็บไข้ได้ป่วย มีการแก้บนด้วยเหล้าขาว ทั้งยังต้องเชิญโต๊ะประจำชุมชนไปช่วยกล่าวขอบคุณเทพเจ้า ที่บันดาลให้ผู้มาบนบานไว้ โดยใช้ภาษาชาวเล หลังจากนั้นจะมีการร้องรำทำเพลงบรรเลงดนตรีพวกรำมะนา ดื่มเหล้าเต้นรำกันอย่างสนุกสนานรอบ ๆ ศาลประจำชุมชน(หน้า 10)
ชาวเลส่วนใหญ่จะไปร่วมงานบุญเดือนสิบซึ่งเป็นประเพณีสารทไทย โดยจะไปกันทั้งครอบครัวเป็นกลุ่ม วัดที่นิยมไปคือวัดแก้ว หรือวัดที่บริเวณเมืองกระบี่ ชาวเลจะมากับเรือของนายทุน หลังจากเกิดอุบัติเหตุเรือล่มระหว่างเดินทางไปรับบุญเดือนสิบ หากปีไหนคลื่นลมแรง ชาวเลจะไม่พาเด็กเล็กไปร่วมงาน ชาวเลมีความเชื่อว่า เมื่อมาร่วมพิธีรับบุญเดือนสิบแล้วนำของเซ่นไหว้กลับมา เท่ากับนำเปรตกลับมายังชุมชนชาวเล ต้องทำพิธีลอยเรือเพื่อลอยเปรตและสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไป ชาวเลชุมชนบ้านแหลมตงได้ให้เหตุผลในการจัดพิธีลอยเรือบริเวณชุมชนอื่น แทนที่จะจัดที่หมู่บ้านตนเองว่าไม่สนุก จึงพากันไปร่วมพิธีลอยเรือตามบริเวณชุมชนชาวเลเกาะภูเก็ต และเกาะลันตา (หน้า 11)
นอกจากพิธีกรรมที่สะท้อนความเชื่อแบบพุทธและผีแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่แสดงถึงความเชื่อด้านไสยศาสตร์คือ ในกลุ่มชาวเลบ้านแหลมตงจะมีหมอทำเสน่ห์ใช้น้ำตาปลาพะยูน (ชาวเลเรียกว่า ปลาดุหยง) มาทำพิธีตามความเชื่อมนต์ขลัง ส่วนพิธีกรรมด้านอื่นๆ โดยทั่วไป มีความคล้ายคลึงกันกับพิธีกรรมของชาวเลภูเก็ต แตกต่างตรงที่ชาวเลบ้านแหลมตงได้รับอิทธิพลในการใช้ชีวิตจากคนในหมู่บ้านที่นับถือศาสนาอิสลาม ในขณะที่ชาวเลภูเก็ตจะได้รับอิทธิพลจากคนไทยพุทธและจีนจากการติดต่อสัมพันธ์กัน (หน้า 12) |
|
Education and Socialization |
การจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนบริเวณใกล้ชุมชนชาวเล เป็นการส่งเสริมให้เด็กชาวเลมีโอกาสได้รับศึกษาขั้นพื้นฐาน ป.1-ป.6 ทำให้วิถีชีวิตชาวเลเปลี่ยนแปลงไปมาก (หน้า24) นักเรียนชาวเลที่จบชั้น ป.6 จะมีความรู้ภาษาไทยในขั้นอ่านออกเขียนได้แทบทุกคน ชาวเลรุ่นหนุ่มคิดจะส่งลูกให้เรียนหนังสือสูงกว่าพ่อแม่ เพราะเชื่อว่าหากมีความรู้มากขึ้นจะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน เพราะลำพังพวกชาวเลเองแล้ว ก็มิได้มีความสามารถจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ บางกลุ่มที่อายุมากก็ดูจะเฉยเมยต่อปัญหา ในขณะที่ครูมีบทบาทและได้รับความเคารพจากชาวเลในชุมชน เพราะมีส่วนช่วยให้ชาวเลเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ มากขึ้น (หน้า 26) |
|
Health and Medicine |
เนื่องจากความห่างไกลของสถานีอนามัย และความไม่สะดวกในการเดินทางทำให้บริการด้านอนามัยเข้าถึงชาวเลน้อย ชาวเลจะเรียกเจ้าหน้าที่อนามัยติดปากว่า "หมอแม๊ะ" มาเยี่ยมเยียน (ข้อมูลปี 2525) คอยให้บริการและคำแนะนำเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดแก่ชาวเล ผู้หญิงชาวเลบ้านแหลมตงใช้ยาคุมกำเนิด 11 คน จากคู่สมรส 16 คู่ ชาวเลนิยมมีบุตรไม่เกินครอบครัวละ 4 คน เมื่อชาวเลในชุมชนเจ็บป่วยและประสบปัญหา พบว่า บริการสาธารณสุขมูลฐานด้านอื่น ๆ ยังไม่เพียงพอ เกิดการขาดแคลนยา เครื่องมือในการตรวจรักษา (หน้า 24-25) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนบริเวณใกล้ชุมชนชาวเล เป็นการส่งเสริมให้เด็กชาวเลมีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ป.1-ป.6 ทำให้วิถีชีวิตชาวเลเปลี่ยนแปลงไปมาก (หน้า24) นักเรียนชาวเลที่จบชั้น ป.6 จะมีความรู้ภาษาไทยในขั้นอ่านออกเขียนได้แทบทุกคน ชาวเลรุ่นหนุ่มคิดจะส่งลูกให้เรียนหนังสือสูงกว่าพ่อแม่ เพราะเชื่อว่าหากมีความรู้มากขึ้นจะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน เพราะลำพังพวกชาวเลเองแล้ว ก็มิได้มีความสามารถจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ บางกลุ่มที่อายุมากก็ดูจะเฉยเมยต่อปัญหา ในขณะที่ครูมีบทบาทและได้รับความเคารพจากชาวเลในชุมชน เพราะได้มีส่วนช่วยให้ชาวเลเรียนรู้เรื่องอื่นๆ มากขึ้น (หน้า 26) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มีกลุ่มชาวเลอยู่รวมกันในชุมชน 3 กลุ่มคือ พวกชาวเลสิงห์ (Moken) พวกอูรักลาโว้ย (Urak Lawoi) และ มอเกล็น (Moklen) (หน้า 1) |
|
Social Cultural and Identity Change |
มีการผสมผสานด้านชาติพันธุ์โดยการแต่งงานข้ามกลุ่ม ระหว่างชาวเลกลุ่มต่าง ๆ ลักษณะการผสมผสานที่เห็นได้ชัดเจนของชาวเลชุมชนบ้านแหลมตงคือ การแต่งงานระหว่างหนุ่มสาวชาวเลและพ่อม่ายแม่ม่าย มีชาวเลกลุ่มหนึ่งคือ ชาวเลสิงห์อพยพเข้ามาเป็นกลุ่มมาสมทบทีหลัง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรูปร่างหน้าตาและภาษาแตกต่างจากชาวเลกลุ่มอื่น ความแตกต่างระหว่าง " ชาวเล" กับ "ชาวเลสิงห์" นั้นแบ่งแยกได้ด้วยภาษาพูด อย่างไรก็ดี กลุ่มชาวเลเดิมก็ไม่ได้รังเกียจ กีดกัน แต่กลับอยู่ร่วมกันฉันญาติมิตร(หน้า 1-2) |
|
Map/Illustration |
แผนที่แสดงที่ตั้งชุมชนชาวเลบ้านแหลมตง (หน้า 1)
แผนผัง 1 แสดงการผสมผสานกันของกลุ่มชาวเลในบริเวณชุมชน (หน้า 4 - 7)
แผนผัง 2 แสดงลักษณะบ้านชาวเล (หน้า 8.2)
แผนผัง 3 ชุมชนชาวเลบ้านแหลมตง จ.กระบี่ (หน้า 9.1)
ตาราง 1 การใช้แรงงานของครอบครัวชาวเลในเชิงเศรษฐกิจ (หน้า 15)
ตาราง 2 การครอบครองที่ดินของชาวเลชุมชนบ้านแหลมตง (หน้า 22 - 23)
ตาราง 3 จำนวนครูและนักเรียน ป.1- ป.4 โรงเรียนบ้านแหลมตงปีการศึกษา 2527 (หน้า 23)
ตาราง 4 จำนวนนักเรียนชั้น ป.5 - ป.6 (หน้า 24)
ภาพ 1 การสร้างบ้านเรือนและสภาพบริเวณชุมชนชาวเลบ้านแหลมตง (หน้า 8.1)
ภาพ 2 การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในบ้านชาวเล (หน้า 8.3)
ภาพ 3 พื้นที่สวนด้านหลังชุมชนชาวแล และหลุมฝังศพชาวเล (หน้า 9.2)
ภาพ 4 การประกอบพิธีกรรมแก้บนของชาวเล (หน้า 10.1)
ภาพ 5 ชาวเลตอกหมันเรือ (หน้า14.1)
ภาพ 6 การประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชาวเล (หน้า 15.1)
ภาพ 7 การหาปลาของชาวเลบ้านแหลมดง (หน้า 15.2)
ภาพ 8 การขึ้นกราบเรือ และการเย็บจาก (หน้า 15.3)
ภาพ 9 นักเรียนบ้านแหลมตงกำลังเข้าแถวเคารพธงชาติและฝึกกายบริหาร(หน้า 23.1)
ภาพ 10 กิจกรรมบริเวณโรงเรียน / บ้านพักครู (หน้า 23.2)
ภาพ 11 เด็กชาวเลหัดว่ายน้ำ-กรรเชียงเรือ/ลานหินริมฝั่งด้านหลังชุมชนชาวเล (หน้า 26.1)
ภาพ 12 หมอตำแยและโต๊ะประจำชุมชน (หน้า 27.1)
ภาพ 13 บ้านและเรือชาวเล (หน้า 28.1) |
|
|