สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การเผยแพร่ศาสนา,พุทธศาสนา,คริสต์ศาสนา,ตาก
Author จำรัส กันทะวงษ์
Title ศึกษาเปรียบเทียบการเผยแพร่ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ในกลุ่มชาวเขา ศึกษาเฉพาะกรณีชาวกะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะ ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 135 Year 2531
Source หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาศาสนาเปรียบเทียบ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

การเผยแพร่ศาสนาพุทธ ส่วนมากจะใช้วิธีการเข้าไปร่วมมือจากหน่วยงานของทางราชการที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือกะเหรี่ยงในหมู่บ้าน หลังจากนั้น มีการสร้างสำนักสงฆ์ให้พระสงฆ์จำพรรษาเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาโดยชักชวนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านให้นำบุตรหลานมาบวชเป็นสามเณร ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 จนถึงปัจจุบัน มีเด็กชายกะเหรี่ยงที่เข้าบวชเป็นสามเณรมาแล้วจำนวน 4 คน และมีผู้นับถือศาสนาพุทธจำนวน 23 ครอบครัว จำนวน 120 คน สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจนั้นจะคล้ายกับชาวไทยพุทธโดยทั่วไป ส่วนทางด้านการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ จะใช้วิธีการเผยแพร่ศาสนาควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือแก่กะเหรี่ยง ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา ด้านการประกอบอาชีพและด้านการอนามัย โดยมีการช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของกะเหรี่ยง เช่น การตั้งธนาคารข้าว การให้เงินกู้ในการประกอบอาชีพ โดยจะให้ความช่วยเหลือแก่กะเหรี่ยงทุกครอบครัวที่ประสบความเดือดร้อนจากการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนถึงปัจจุบัน มีกะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวน 10 ครอบครัว สำหรับการปฏิบัติศาสนากิจโดยทั่วไปจะเหมือนกับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ทั่วไป วิธีที่ทั้งสองศาสนาใช้นั้น มีลักษณะคล้ายกัน คือ การเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่กะเหรี่ยงควบคู่กับการชักชวนให้เข้ามานับถือศาสนาของตน สำหรับความแตกต่างกันนั้น พบว่าทางศาสนาคริสต์มีความพร้อมในการช่วยเหลือมากกว่าทางด้านพุทธศาสนา ทั้งนี้เนื่องจากทางด้านศาสนาคริสต์มีเงินทุนสนับสนุนในการเผยแพร่ศาสนาที่มั่นคง ตลอดจนบาทหลวงที่มีความพร้อมในด้านความเข้าใจในภาษาและรับนโยบายของสภาคาทอลิกเพื่อการเผยแพร่ศาสนาโดยเฉพาะ สำหรับทางด้านพุทธศาสนา ไม่มีแหล่งเงินทุนที่มั่นคงในการเผยแพร่ ส่วนพระสงฆ์นั้น มิได้ผ่านการศึกษาอบรมทางด้านภาษาและวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงมาโดยเฉพาะ กอปรกับมีข้อจำกัดของศีลบางข้อ ที่ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้เต็มที่ ในด้านเกี่ยวกับเงินทุนและปัจจัยที่จำเป็นในการครองชีพต่างๆ การช่วยเหลือของพระสงฆ์จึงต้องอิงกับหน่วยงานของทางราชการ แต่อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่ศาสนาของฝ่ายพุทธศาสนาก็ยังได้รับการสนับสนุนมากกว่าทางฝ่ายศาสนาคริสต์

Focus

ศึกษาเปรียบเทียบการเผยแพร่ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ในกลุ่มชาวเขา โดยเน้นการศึกษาที่วิธีการที่ศาสนาทั้งสองใช้ในการเผยแพร่คำสอน ในกลุ่มกะเหรี่ยงหมู่บ้านผาเด๊ะ ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 25) กะเหรี่ยงจัดอยู่ในตระกูลทิเบต - พม่า กะเหรี่ยงที่อาศัยในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ กะเหรี่ยงสะกอ กระเหรี่ยงโปว์ กะเหรี่ยงบเว และกะเหรี่ยงตองสู (หน้า 14)

Language and Linguistic Affiliations

ภาษากะเหรี่ยงสะกอ นอกจากภาษาพูดยังมีภาษาเขียน ซึ่งสันนิษฐานว่าดัดแปลงมาจากภาษาพม่า สำหรับการติดต่อกับคนภายนอกจะใช้ภาษาไทยภาคเหนือและบางครั้งก็ใช้ภาษาไทยภาคกลางในการติดต่อ (หน้า 25-26) กะเหรี่ยงพุทธจะใช้ภาษาไทยภาคเหนือในการพูดคุยกับคนภายนอกเท่านั้น ส่วนกะเหรี่ยงคริสเตียนจะมีทั้งผู้ที่ใช้ภาษาไทยภาคเหนือและภาษาไทยภาคกลาง (หน้า 101)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2531

History of the Group and Community

นักประวัติศาสตร์บางท่านได้สันนิษฐานว่า แต่เดิมกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในดินแดนด้านตะวันออกของทิเบตแล้วย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศจีนเมื่อ 733 ปี ก่อนพุทธกาล ชาวจีนเรียกว่าชนชาติโจว ภายหลังถูกกษัตริย์ในราชวงศ์จีนรุกราน จึงอพยพลงมาทาง ทิศใต้ อาศัยอยู่ตามพื้นที่ราบสูงชายแดนไทยพม่า(หน้า 14)

Settlement Pattern

ลักษณะการตั้งบ้านเรือนในหมู่บ้านผาเด๊ะ มีทั้งก่อสร้างเรียงตามแนวถนนและก่อสร้างติดกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้านแต่ละหลังจะไม่ชิดกันและส่วนใหญ่มีรั้วล้อมรอบบริเวณบ้านของตน (หน้า 24) บ้านของกะเหรี่ยงที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี จะก่อสร้างบ้านที่มีความมั่นคงแข็งแรงกว่าพวกที่มีฐานะยากจน ทุกบ้านจะมีรั้วล้อมรอบ รั้วบ้านทำด้วยไม้กระดานซีกหรือไม้ไผ่ บ้านมีขนาดกว้างขวาง หลังคามุงด้วยกระเบื้องหรือสังกะสี ตัวบ้านทำด้วยไม้สัก มีเสาต้นใหญ่ บ้านยกพื้นสูง ทุกบ้านมีระเบียงสำหรับพักผ่อน มีหิ้งบูชาพระและมีห้องกว้างซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วน ห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้าน ส่วนบ้านของพวกที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี จะปลูกเรือนที่ไม่ใหญ่โตและมีความคงทนถาวรน้อย บางบ้านมีรั้ว บ้างก็ไม่มีรั้ว บ้านจะสร้างด้วยไม้ไผ่หรือไม้ไผ่ผสมไม้สัก หลังคามุงด้วยใบตองตึง เสาบ้านต้นเล็ก บ้านยกพื้นสูงจากพื้นดินเล็กน้อย บางบ้านมีห้องส้วมห่างจากตัวบ้าน บางบ้านก็ไม่มีห้องส้วม (หน้า 54) สำนักสงฆ์ในหมู่บ้านผาเด๊ะ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150 ตารางเมตรบริเวณพื้นที่โล่งเตียนไม่มีรั้วล้อม มีศาลากว้างประมาณ 20 ตารางเมตร สร้างด้วยไม้กระดานและไม้ไผ่ ยกพื้นสูง หลังคามุงด้วยใบตองตึง ส่วนกุฏิสงฆ์ก่อสร้างด้วยไม้สักหลังคามุงด้วยสังกะสี (หน้า 55) โบสถ์คริสต์ มีพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร พื้นที่โล่งเตียนมีรั้วล้อม โบสถ์มีพื้นที่ประมาณ 15 ตารางเมตร สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ยกพื้นสูงเล็กน้อย หลังคามุงด้วยสังกะสี (หน้า 80)

Demography

การกระจายตัวของประชากรชาวเขาในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือและในภาคกลางบางส่วน รวม 21 จังหวัด มีชาวเขาอาศัยอยู่รวม 3,488 หมู่บ้าน ในจำนวนหมู่บ้านดังกล่าวนี้ มีหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงจำนวน 1,697 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 49 ของจำนวนหมู่บ้านชาวเขาทั้งหมดในประเทศไทย (หน้า 11) ประชากรในหมู่บ้านผาเด๊ะจัดอยู่ในกลุ่มกะเหรี่ยงสะกอ มีจำนวน 63 ครอบครัว รวม 370 คน จำแนกเป็นชาย 180 คน ประชากรหญิง 190 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นประชากรดั้งเดิมมีเพียงส่วนน้อยที่อพยพมาจากหมู่บ้านอื่น (หน้า 25) กะเหรี่ยงในหมู่บ้านผาเด๊ะที่นับถือศาสนาพุทธมีจำนวน 23 ครอบครัวและนับถือศาสนาคริสต์มีจำนวน 10 ครอบครัว (หน้า 97)

Economy

กะเหรี่ยงสะกอบ้านผาเด๊ะทุกครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม มี 2 ลักษณะ ได้แก่ การทำนาและการปลูกพืชในที่ลุ่มกับการทำนาและปลูกพืชบนดอยหรือเรียกว่า การปลูกข้าวไร่ และมีการปลูก ฟัก มะเขือเทศ พริกและแตงบนพื้นที่ดอยอีกด้วย นอกจากนี้กะเหรี่ยงบางคนยังออกไปรับจ้างทำงานให้กับคนไทยในพื้นที่อื่นอีกด้วย สำหรับการถือครองที่ดินบริเวณที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านนั้น ไม่มีหนังสือรับรองใดๆ ส่วนที่นา ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่จะมีใบถือครองที่ดิน น.ส.3 มีอยู่ 31 ครอบครัว ส่วนผู้ที่ทำการเพาะปลูกบนดอยนั้นจะใช้พื้นที่ป่าสงวน ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง (หน้า 27)

Social Organization

ความสัมพันธ์ของคนในหมู่บ้านผาเด๊ะจะเป็นไปในลักษณะเกื้อกูลตามแบบของสังคมชนบททั่วไป (หน้า 28)

Political Organization

หมู่บ้านผาเด๊ะมีผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชการและมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีก 2 คน ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างทางราชการกับกะเหรี่ยงในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีบุคคลอีก 3 ท่านที่ชาวบ้านให้ความนับถือ ได้แก่ ผู้ที่ทำหน้าที่คล้ายหมอผี ซึ่งกะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะให้ความนับถือสูงสุด ผู้ที่เก่งในทางคาถาอาคมรักษาโรคคนหนึ่ง และผู้ที่เก่งในทางดูดวงทำนายโชคชะตาอีกคนหนึ่ง (หน้า 28)

Belief System

กะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะ มีความเชื่อและการนับถือศาสนาอยู่ 4 รูปแบบ ได้แก่ พวกที่นับถือลัทธิความเชื่อในคำสอนของฤๅษี พวกที่นับถือผีหรือความเชื่อแบบดั้งเดิม พวกที่นับถือศาสนาพุทธและพวกที่นับถือศาสนาคริสต์ พวกที่มีความเชื่อดั้งเดิมในคำสอนของฤาษีจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน(หน้า 29) ความเชื่อในคำสอนของฤๅษี ประวัติความเป็นมาของลัทธิความเชื่อคำสอนของพระฤาษี จากคำบอกเล่ามีว่า ผู้นำลัทธินี้มาเผยแพร่เป็นชายกะเหรี่ยง อายุประมาณ 75 ปี แต่งกายนุ่งห่มผ้าขาว ไว้หนวดเคราและผมยาวแบบฤาษี ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ มีครอบครัวเหมือนกับกะเหรี่ยงทั่วไป อาศัยอยู่ในหมู่บ้านในเขตพม่า เป็นผู้เผยแพร่คำสอนในประเทศไทยโดยยึดเอาหมู่บ้านผาเด๊ะเป็นศูนย์กลาง (หน้า 29) ลักษณะพิธีกรรม จะมีขึ้นในทุกๆ วันพระตามพุทธศาสนา พิธีในวันพระจะมี 2 ครั้งคือตอนเช้าประมาณ 6 โมงเช้าและตอนเย็นประมาณ 6 โมงเย็น โดยมีผู้นำลัทธิและกลุ่มผู้ชายสูงอายุประมาณ 4-5 คนโดยจะนุ่งห่มผ้าชุดขาวในพิธีจะมีการจุดเทียนบูชาบนหิ้งในบ้านหลังเล็กๆ แล้วสวดประมาณ 4-5 นาทีหลังจากนั้นจะลงมาข้างล่าง ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่รออยู่ พิธีกรรมข้างล่างจะเริ่มโดยผู้เป็นหัวหน้าจุดเทียนบูชาศาลหลังเล็กๆ แล้วเริ่มพนมมือสวดเป็นภาษากะเหรี่ยงประมาณ 10 นาที นอกจากนี้ผู้ที่นับถือความเชื่อนี้ยังมีวันเข้าพรรษาของตนแบบพุทธอีกด้วย ลักษณะคำสอน โดยทั่วไปคือ คำสอนที่มุ่งให้สมาชิกเลิกละในสิ่งที่เป็นอบายมุข และมีข้อห้ามต่างๆ คล้ายกับศีล 5 ในทางพุทธศาสนา สำหรับคำสอนอื่นๆ ลัทธินี้ใช้คัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์เป็นหลัก สัญลักษณ์ของลัทธิ คือทุกบ้านจะมีหิ้งบูชา บนหิ้งมีแจกัน ดอกไม้ ขวดน้ำหอม ถ้วยข้าว ขันใส่น้ำ ไม้กางเขนและข้างหิ้งจะมีไม้กวาดเล็กๆ แขวนอยู่ โดยไม้กางเขนนั้นเสมือนแขนข้างหนึ่งของพระเจ้า ไม้กวาดสำหรับทำความสะอาดหิ้ง ส่วนสิ่งอื่นที่เหลือมีไว้สำหรับบูชาวิญญาณของพระเจ้าและสมาชิกของลัทธินี้ไม่ถูกห้ามในการนับถือศาสนาอื่น เพราะถือว่าทุกศาสนามาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน ความเชื่อแบบดั้งเดิมหรือพวกที่นับถือผี ถึงแม้กะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะจะยังมีความเชื่อในการเลี้ยงผีและความเชื่อแบบดั้งเดิมในเรื่องอื่นปะปนอยู่กับความเชื่อหลักอยู่แล้ว แต่ความเชื่อแบบดั้งเดิมก็มิได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและหากมีการปฏิบัติก็มิได้เป็นไปในแบบพิธีกรรมที่สมบูรณ์เต็มรูปแบบ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยประกอบกับมีข้อห้ามจากศาสนาหลักอยู่แล้ว (หน้า 30-35) ศาสนาพุทธ ประวัติการเผยแพร่ศาสนาพุทธในหมู่บ้านผาเด๊ะ เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยพระปลัดสมนึก จิตตนันโท จากสำนักสงฆ์ใหม่แม่ตาว โดยได้ร่วมมือกับตำรวจตระเวนชายแดนในรูปแบบของการพัฒนาหมู่บ้านร่วมกับการเผยแพร่ศาสนา (หน้า 57) โดยสรุปแล้วมีคำสอนหลัก 5 ประการ คือ พระรัตนตรัย กรรม ไตรลักษณ์ อริยสัจ 4 และนิพพาน - "พระรัตนตรัย" คือ แก้ว 3 ดวง แก้วอันประเสริฐหรือสิ่งล้ำค่า 3 ประการซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุดของพุทธศาสนิกชน 3 อย่างคือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ - "กรรม" ในทางพุทธศาสนาหมายถึงการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาหรือการกระทำที่เป็นความจงใจ ดังนั้นสิ่งที่ถือว่าเป็นกรรมโดยสมบูรณ์จะต้องมีทั้งองค์ประกอบทางกาย วาจาและทางใจหรือเจตนา - "ไตรลักษณ์" แปลว่าลักษณะ 3 อย่างของสังขารธรรมทั้งหลายหรือลักษณะโดยธรรมชาติ 3 อย่างของสิ่งทั้งปวง ได้แก่ อนิจจตา คือความไม่เที่ยง ไม่คงที่ ทุกขตาคือความเป็นทุกข์หรือความเป็นของทนอยู่มิได้ อนัตตา คือความเป็นของไม่ใช่ตัวตน - "อริยสัจ 4" แปลว่าของจริงอย่างประเสริฐหรือของจริงที่ทำให้คนเป็นพระอริยเจ้า ซึ่งได้แก่ "ทุกข์" คือความไม่สบายกายและใจความบีบคั้นให้ลำบาก ความแปรผันไปไม่ทนอยู่ได้ "สมุทัย" คือเหตุให้เกิดทุกข์ เช่น ตัณหา ความดิ้นรน ทะยานอยากของจิตใจ เป็นต้น "นิโรธ" คือความดับโดยไม่เหลือแห่งทุกข์ คือการดับตัณหาที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์นั้นได้สิ้นเชิง "มรรค" คือ ทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ นิพพาน เป็นจุดหมายปลายทางของพุทธศาสนา นิพพาน หมายถึง ธรรมชาติที่ดับ คือเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ดับหมด เป็นต้น (หน้า 37-48 ) ศาสนาคริสต์ ประวัติการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในหมู่บ้านผาเด๊ะ ได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยบาทหลวง Gabriel Tygreat พร้อมกับครูสอนศาสนาคริสต์กะเหรี่ยง ในระยะเริ่มแรกมีศาสนิกชนประมาณ 2-3 ครอบครัว ทางศูนย์การเผยแพร่ได้เข้าไปในลักษณะของการไต่ถามทุกข์สุขของกะเหรี่ยงในหมู่บ้าน จากนั้นก็ให้ความช่วยเหลือและชักชวนให้เข้ามาร่วมนับถือศาสนาคริสต์ (หน้า 81) โดยสรุปแล้วมีคำสอนหลัก 3 ประการคือ คำสอนเรื่องความรัก คือความรักที่บริสุทธิ์ หวังดีต่อผู้อื่นโดยปราศจากอคติใดๆ ซึ่งมีหลักคำสอนเกี่ยวกับความรัก 2 ระดับคือ ความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หลักตรีเอกานุภาพ คือการให้ยึดมั่นและเคารพบูชาอานุภาพแห่งพระเจ้าในฐานะทั้ง 3 ได้แก่ พระบิดา พระบุตรและพระจิต คำสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งหมายถึงหลักการดำเนินชีวิตที่แทรกซึมเข้าไปในจิตใจและช่วยยกระดับจิตใจของผู้ที่ยอมรับคำสอนและปฏิบัติให้สูงขึ้น (หน้า 70-74) ที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการเผยแพร่พุทธศาสนา ได้รับจากการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาและจากการทำบุญทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า(หน้า 63) ที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในกลุ่มกะเหรี่ยง มี 2 ทางคือ ในการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพของกะเหรี่ยง ได้รับเงินสนับสนุนจากสภาคาทอลิคแห่งประเทศไทยเพื่อการพัฒนา ส่วนการช่วยเหลือด้านการศึกษาจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากองค์การ C.C.F. (Christian Children Funds) (หน้า 87)

Education and Socialization

หมู่บ้านผาเด๊ะมีโรงเรียนตั้งอยู่ในหมู่บ้านเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาของรัฐบาล มีครูคนไทยเป็นผู้สอน เมื่อเรียนจบในระดับประถมศึกษาแล้วจะถูกส่งไปเรียนในระดับที่สูงขึ้นโดยทางศูนย์การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ โดยเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือมิได้เจาะจงเฉพาะกระเหรี่ยงที่นับถือคริสต์ศาสนาเท่านั้น(หน้า 83)

Health and Medicine

ภายในหมู่บ้านผาเด๊ะมีกองทุนยาประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นของรัฐ (หน้า 25) การช่วยเหลือด้านอนามัยของศูนย์การเผยแพร่ศาสนาคริสต์คือ การแนะนำให้ความรู้ในด้านการอนามัยที่ถูกสุขลักษณะ นอกจากนี้ หากหมู่บ้านใดไม่มีกองทุนยาที่จัดตั้งโดยรัฐ ทางศูนย์การเผยแพร่ศาสนาคริสต์จะจัดตั้งให้ และหากว่ามีผู้ป่วยหนักในหมู่บ้านใด ก็จะทำการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ หากเป็นครอบครัวยากจนก็จะออกค่ารักษาพยาบาลให้ (หน้า 85)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกายของกะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะ ผู้หญิงโสด จะสวมชุดประจำเผ่าซึ่งเป็นการแสดงว่ายังพรหมจรรย์อยู่ สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้วบางคนสวมชุดประจำเผ่าซึ่งเป็นชุดครึ่งท่อน บางคนก็สวมเสื้อธรรมดาแบบคนไทยชนบททั่วๆ ไป ผู้ชายจะแต่งตัวไม่แน่นอน บางคนสวมชุดเหมือนชาวไทยพื้นราบ บางคนนุ่งโสร่งแบบพม่าและสวมเสื้อแบบคนไทย บางคนใส่กางเกงขาก๊วยและสวมเสื้อม่อฮ่อมของคนไทยภาคเหนือ สำหรับการสวมชุดประจำเผ่านั้นโดยปกติไม่ปรากฏให้เห็น สำหรับเด็กๆ ทั่วไปโดยปกติจะสวมเสื้อผ้าเหมือนเด็กไทยพื้นราบทั่วไป แต่หากมีเทศกาลสำคัญเช่น พิธีกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน กะเหรี่ยงสะกอบ้านผาเด๊ะจะสวมชุดที่เป็นชุดใหม่ดูสะอาดตา โดยที่เด็กๆ และหญิงสาวจะสวมชุดประจำเผ่ากะเหรี่ยง ส่วนผู้ชายจะแต่งกายแบบที่เคยแต่งตามปกติ (หน้า 26)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

เนื่องจากกะเหรี่ยงบ้านผาเด๊ะได้ไปมาหาสู่กับคนไทย จึงทำให้สังคมเปลี่ยนเป็นสภาพสังคมเมืองหรือสังคมแบบสังคมไทยทั่วไป ซึ่งสังเกตได้จาก การก่อสร้างบ้านเรือนที่มีลักษณะที่ค่อนข้างมั่งคง มิใช่เป็นแบบชั่วคราว แบบเดิม การแต่งกายของกะเหรี่ยงในหมู่บ้าน เด็กหนุ่มและเด็กหญิงรุ่นใหม่จะหันมาแต่งกายตามแบบคนไทยพื้นราบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงในด้านการนับถือศาสนาหรือการเปลี่ยนแปลงที่พึ่งทางด้านจิตใจ จากความเชื่อดั้งเดิมที่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับผี มาเป็นความเชื่อในเรื่องศาสนาซึ่งมีระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสต์อีกด้วย (หน้า 35-36)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

การเผยแพร่ศาสนาพุทธ พระสงฆ์ของสำนักสงฆ์แม่ตาวมักจะเดินทางไปพร้อมกับหน่วยงานราชการที่เข้าไปทำการพัฒนาให้แก่หมู่บ้านกะเหรี่ยง และชักชวนให้กะเหรี่ยงในหมู่บ้านหันมานับถือศาสนาพุทธและมีการตั้งสำนักสงฆ์พร้อมทั้งส่งพระภิกษุเข้าไปประจำอยู่ในสำนักสงฆ์เพื่อเผยแผ่ศาสนา นอกจากนี้ยังมีการบรรพชาสามเณรในภาคฤดูร้อนของทุกๆปีอีกด้วย การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ของศูนย์การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ใช้วิธีตามหลักการของมิชชันนารี คือการออกไปเยี่ยมเยียนตามหมู่บ้าน โดยนำความช่วยเหลือเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับการเผยแพร่คำสอนและชักชวนให้เข้าร่วมนับถือศาสนาคริสต์ การช่วยเหลือ ของศูนย์การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ สามารถจำแนกออกเป็น 3 ด้านคือ ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และด้านอนามัย (หน้า 57- 96)

Map/Illustration

แผนที่ - การอพยพของกะเหรี่ยงเข้าสู่ประเทศไทย(หน้า 13) - แผนที่แสดงจังหวัดตาก(หน้า 23ก) - แผนที่แสดงบริเวณหมู่บ้านผาเด๊ะ(หน้า 23ข) - แผนที่แสดงที่ตั้งของสำนักสงฆ์ภายในหมู่บ้านผาเด๊ะ(หน้า 56) - การอพยพของชาวเขาเข้าสู่ประเทศไทย(หน้า 115) ตาราง - แสดงหมู่บ้านชาวเขาที่ตั้งถิ่นฐานถาวรในเขตภูเขาในพื้นที่ 21 จังหวัด จำแนกตามเผ่าพันธุ์(หน้า 12) - แสดงกิจวัตรของกะเหรี่ยงพุทธ(หน้า 68) - แสดงประชากรชาวเขา จำแนกตามศาสนาและเพศเป็นรายเผ่าในจังหวัดตาก(หน้า 118) แผนภูมิ - การแบ่งกลุ่มชาวเขาในไทยโดยนักภาษาศาสตร์(หน้า 10) - แสดงเชื้อสายชาวเขาเผ่าต่างๆ ในประเทศไทย(หน้า 116) - ส่วนร้อยของประชากรชาวเขาเผ่าต่างๆ เป็นรายอำเภอในจังหวัดตาก(หน้า117) ภาพ - โบสถ์และสำนักสงฆ์ประจำหมู่บ้านผาเด๊ะ(หน้า 119) - โบสถ์คริสเตียนประจำหมู่บ้าน(หน้า 120) - บ้านของกะเหรี่ยงคริสเตียนในหมู่บ้าน(หน้า 121) - สภาพภายในครัวของกะเหรี่ยงคริสเตียน(หน้า 122) - หญิงสาวกะเหรี่ยงชาวคริสเตียน ซึ่งใช้เวลาว่างในการทอชุดประจำเผ่า(หน้า 122) - สภาพภายในโบสถ์(หน้า 123) - ภายในบ้านของกะเหรี่ยงชาวคริสเตียนซึ่งมีภาพพระแม่มาเรียแขวนอยู่(หน้า123) - การทำพิธีภายในโบสถ์ของกะเหรี่ยงคริสเตียนในวันอาทิตย์(หน้า 124) - สภาพภายในศาลาสำนักสงฆ์ประจำหมู่บ้าน(หน้า 125) - กุฏิพระที่อยู่ประจำสำนักสงฆ์(หน้า 125) - สภาพบ้านของกะเหรี่ยงพุทธ(หน้า 127) - สภาพบ้านที่ยากจนของกะเหรี่ยงพุทธ(หน้า 128) - สภาพบ้านที่ยากจนของกะเหรี่ยงคริสต์(หน้า 128) - ยุ้งข้าว(หน้า 131) - ห้องส้วม(หน้า 131) - สถานที่ประกอบพิธีของกะเหรี่ยงที่นับถือพระฤาษี(หน้า 132) - หิ้งบูชาบนศาลาประกอบพิธีของผู้นับถือพระฤาษี(หน้า 133) - หิ้งบูชาภายในบ้านกะเหรี่ยงที่นับถือพระฤาษี(หน้า 134) - การประกอบพิธีของกะเหรี่ยงที่นับถือคำสอนพระฤาษี(หน้า 135)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 05 ก.ย. 2555
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), การเผยแพร่ศาสนา, พุทธศาสนา, คริสต์ศาสนา, ตาก, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง