สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยพวน,นิทาน,ความเชื่อ,ประเพณี,ค่านิยม,สุโขทัย
Author กิ่งแก้ว เพ็ชรราช
Title วิเคราะห์นิทานไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทยพวน ไทพวน คนพวน, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 370 Year 2528
Source หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
Abstract

เป็นการวบรวมนิทานพื้นบ้านของไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว มีเนื้อหาครอบคลุมวรรณกรรมพื้นบ้านประเภทนิทาน มีการจำแนกประเภท วิเคราะห์โครงสร้างของนิทาน ภาพสะท้อนสังคมด้านต่าง ๆ เช่นชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ ประเพณี ความเชื่อ ค่านิยม ที่ปรากฎในนิทานตามกฎวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออลริค (หน้า265)

Focus

วิเคราะห์ประเภท โครงสร้างและภาพสะท้อนสังคม อันได้แก่ การประกอบอาชีพ ความเชื่อ ประเพณี ค่านิยมที่ปรากฎในนิทานไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

Theoretical Issues

ผู้ศึกษาได้ใช้หลักพื้นฐานทางทฤษฎีแนวคิดในการวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่นพื้นบ้านของไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยได้อ้างอิงทฤษฎีหรือกฏวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออริค (Axel Olrik ) นักคติชนวิทยาชาวเดนมาร์ค เป็นที่ยอมรับว่าสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาคติชนวิทยา ทำให้มองเห็นลักษณะที่เป็นสากลของนิทานไทยพวน และทำให้กฎของวรรณกรรมพื้นบ้านเป็นสากลมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นความต้องการของคนในสังคมอย่างเด่นชัด ในด้านพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างของคนในสังคม ว่าจะต้องมีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ มีปัญญาเฉลียวฉลาด ด้วยกฎของการซ้ำและการเพ่งจุดสนใจ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงค่านิยมที่แปลกไปจากความเป็นจริงในสังคมคือ นิยมยกย่องเมียน้อยให้เป็นคนดี เพื่อเป็นคติเตือนใจให้เมียหลวงประพฤติตนเป็นคนดี สามีจะได้ไม่มีเมียน้อย นอกจากนิทานจะเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดแนวทางการดำเนินชีวิตของคนในสังคมแล้วยังเป็นเครื่องผ่อนคลายความตึงเครียด ให้ความเพลิดเพลินได้อีกด้วย ดังนั้นการศึกษาวิเคราะห์รวบรวมนิทานพื้นบ้านไว้ จึงเป็นหลักฐานสำคัญในการศึกษาวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมของคนในท้องถิ่น (หน้า 340-343)

Ethnic Group in the Focus

ไทยพวน เป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยเข้ามาทางชายแดนจังหวัดน่าน แล้วมาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอศรีสัชนาลัย (หน้า 5)

Language and Linguistic Affiliations

ประชากรในจังหวัดสุโขทัยมีภาษาพูดที่แตกต่างกันออกไปหลายภาษาในแต่ละท้องถิ่นของตน ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 30 จะพูดภาษากลาง นอกนั้นเป็นภาษาถิ่นเช่น ภาษาถิ่นไทยเหนือ ภาษาไทยพวน ภาษาไทยสระบุรี และภาษาจีน (หน้า22) ไทยพวนที่บ้านหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีภาษาเป็นของตัวเองคือภาษาถิ่นไทยพวน (หน้า 5)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

อำเภอศรีสัชนาลัยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คู่กับเมืองสุโขทัยมาตั้งแต่โบราณ เดิมเรียกกันว่าอำเภอด้ง มีหัวหน้าชุมชนเรียกว่าเจ้าปู่เมืองด้ง ชาวบ้านได้สร้างอนุสาวรีย์ของท่านไว้ที่บ้านตึก ได้ 12 ปี ต่อมาย้ายมาที่บ้านป่างิ้วฝั่งซ้ายแม่น้ำยมเนื่องจากที่เดิมมีการคมนาคมไม่สะดวก ต่อมาปี พ.ศ. 2451 ย้ายมาตั้งที่ตำบลหาดเสี้ยวโดยยังใช้ชื่ออำเภอด้งอยู่ จนกระทั่ง พ.ศ. 2460 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอหาดเสี้ยวตามชื่อของหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลเห็นว่าสมควรเปลี่ยนชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นนครเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นอำเภอศรีสัชนาลัย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "บ้านเมืองเก่า" ในอดีต (หน้า 31)

Settlement Pattern

ประชากรส่วนใหญ่จะมีลักษณะการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนรวมกันเป็นหมู่เป็นหน่วยอย่างชัดเจน มีส่วนน้อยที่จะตั้งบ้านเรือนแบบกระจาย ยกเว้นพวกไทยภูเขาเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าประชากรในพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัยมีการตั้งถิ่นฐานกันมาเป็นเวลานานแล้ว (หน้า30) บ้านของไทยพวนหาดเสี้ยวจะเป็นบ้านยกพื้น มีใต้ถุนสูงประมาณ 1.20-1.50 เมตร สร้างด้วยไม้ ใต้ถุนบ้านสามารถใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ หรือตั้งอุปกรณ์ทอผ้าได้ (หน้า38)

Demography

ประชากรในเขตอำเภอศรีสัชนาลัยมีการกระจายหลายเผ่าพันธุ์ ต่างก็อพยพมาอยู่ร่วมกับชนพื้นเมือง เนื่องมาจากลี้ภัยการเมือง และสมัครใจมาหาแหล่งที่ทำกินใหม่เช่น ทางตอนเหนือและตะวันตกเป็นคนไทยภูเขา ตอนกลางแถบอำเภอหาดเสี้ยวเป็นไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยวมีประชากรทั้งสิ้น 7,082 คนคิดเป็นร้อยละ 8.53 ของประชากรในอำเภอศรีสัชนาลัย จำแนกเป็นชาย 3,420 คน หญิง 3,662 คน บ้านหาดเสี้ยวหมู่ 1 และ 2 จะมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีจำนวนถึง 4,735 คน คิดเป็นร้อยละ 66.86 ของประชากรทั้งตำบล ประชากรของตำบลหาดเสี้ยวมีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ โดยประชากรในหมู่ 1 2 และ 3 เป็นคนไทยพวนประมาณร้อยละ 90 นอกนั้นเป็นคนจีน ส่วนหมู่ที่ 4 และ 5 เป็นคนไทย ที่สืบเชื้อสายมาจากไทยในภาคเหนือ ปะปนกับคนไทยพวนบ้างประมาณร้อยละ 10 (หน้า 34-35)

Economy

นิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว สะท้อนภาพการประกอบอาชีพทำนามากที่สุด ส่วนใหญ่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง การเลี้ยงสัตว์ ทั้งเพื่อการบริโภคในครัวเรือนและใช้แรงงาน การทำประมง ริมฝั่งแม่น้ำยม ช่วงแรกเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ต่อมาหลายครอบครัวยึดเป็นอาชีพเสริมหารายได้นอกเหนือจากการทำนา และอีกอาชีพหนึ่งซึ่งถือเป็นอาชีพที่สำคัญของไทยพวนคือ การทอผ้าซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจนเป็นที่รู้จักในนาม "ผ้าหาดเสี้ยว" ส่วนการค้าขายนิยมการค้าทางเรือมากที่สุดเนื่องจากตำบลหาดเสี้ยวนั้นตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำยม นอกจากนี้ ไทยพวนยังนิยมตัดไม้ ล่าสัตว์ เป็นอาชีพเสริมอีกด้วย ( หน้า 37-39, 336-337)

Social Organization

ลักษณะของการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวของไทยพวนมีหลายแบบด้วยกันได้แก่ แบบครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย และครอบครัวรวม ส่วนใหญ่นิยมอยู่กันแบบครอบครัวขยายคืออยู่รวมกันหลายครอบครัวที่เป็นเครือญาติกัน เมื่อแต่งงานแล้วก็จะมีการตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายชายหรือหญิงไปอยู่บ้านของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเรียกกันว่า "กินมูล" แต่ก็มีแนวโน้มว่าไทยพวนที่แต่งงานแล้วจะแยกตัวออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น แม้จะห่างไกลกับญาติพี่น้องแต่ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ (หน้า 300) ซึ่งลักษณะของครอบครัวเดี่ยวนี้จะปรากฎมากที่สุดในนิทานของไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว (หน้า336)

Political Organization

ให้รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองการปกครองน้อยมากบอกแต่เพียงว่า อำเภอศรีสัชนาลัยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 ตำบลได้แก่ ตำบลหาดเสี้ยว ตำบลดงคู่ ตำบลท่าชัย ตำบลแก่ง ตำบลตึก ตำบลป่างิ้ว ตำบลแม่สำ ตำบลแม่สิน ตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลหนองอ้อ และตำบลสารจิตร (หน้า 28) ส่วนตำบลหาดเสี้ยวนั้นแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหาดเสี้ยว1 บ้านหาดเสี้ยว 2 บ้านหาดสูง บ้านใหม่ และบ้านป่าไผ่ มีบ้านเรือนทั้งสิ้น 1,329 ครัวเรือน (ข้อมูลปี 2526 ) (หน้า 33)

Belief System

จากการวิเคราะห์ความเชื่อที่ปรากฎในนิทานไทยพวน พบว่ามีความเชื่อดังต่อไปนี้ ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา คนไทยพวนบ้านหาดเสี้ยวมีการนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดในปีหนึ่ง ๆ จะมีการทำบุญประจำวัน ทำบุญวันพระ ทำบุญตามเทศกาล และการทำบุญบวช มีความเชื่อว่าการให้ทานกับผู้ถือศีลอันบริสุทธิ์จะได้บุญมาก มีความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ และความเชื่อเรื่องบุญวาสนา บุพเพสันนิวาส (หน้า 315-319 ) ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือผู้มีอำนาจสามารถบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ (หน้า 319) เช่น ความเชื่อเรื่องพระอินทร์ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยเหลือคนดีที่ตกทุกข์ได้ยาก ความเชื่อเรื่องพระยาแถนว่าเป็นผู้สร้างโลก ให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ และความเชื่อเรื่องเทวรูป ความเชื่อเรื่องผีและคาถาอาคม ความเชื่อเรื่องผีเกิดขึ้นเพราะความกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติ จึงต้องหาหนทางปัดเป่าความกลัวเหล่านั้นด้วยการใช้เล่ห์กระเท่ห์เสกคาถาอาคมหรือลงเลขยันต์ เพื่อไม่ให้ผีมายุ่งวุ่นวายได้ ความเชื่อเรื่องผีของคนไทยพวนนี้จะมีแต่ผีร้ายไม่มีใครอยากพูดถึงเพราะเชื่อว่าถ้าพูดเรื่องผีแล้วผีจะตามมาหลอกหลอน ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน (หน้า 321-323 ) ส่วนประเพณีที่ปรากฎมีดังต่อไปนี้ ประเพณีศพ ไทยพวนไม่นิยมเก็บศพไว้หลายวัน จะรีบจัดการให้เสร็จในวันนั้น มีความเชื่อว่าห้ามให้แมวข้ามศพ ในการเผาศพญาติจะต้องตัดฟืนไปตั้งไว้บนกองฟอน ถ้ายังไม่ได้ฝังหรือเผาตอนกลางคืนจะมีการสวดมาติกา แล้วก็บังสุกุล เมื่อเสร็จพิธีกลับถึงบ้านต้องรีบอาบน้ำชำระร่างกาย (หน้า 323-324) ประเพณีลงข่วง เป็นประเพณีการลงแขกทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสาวไทยพวน มักจะเป็นงานปั่นฝ้าย ถือเป็นโอกาสที่บ่าวสาวไทยพวนจะได้พบปะพูดคุยกันตามประสาหนุ่มสาว โดยมีการจุดไฟไว้ตรงกลางวง ผู้หญิงนั่งปั่นฝ้ายรอบ ๆ กองไฟ ผู้ชายจะมาพูดคุยหยอกเย้าจนกว่าจะปั่นฝ้ายเสร็จหรือเรียกว่าขึ้นข่วง (หน้า 324) ประเพณีแต่งงาน เมื่อชายหญิงตกลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ฝ่ายชายก็จะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ฝ่ายหญิง โดยมีข้อแม้ว่าจะแต่งกันได้ก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบ บางคู่ฝ่าฝืนหนีตามกัน เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบก็จำเป็นต้องยินยอมให้อยู่กินกันได้แต่ต้องทำพิธีขอขมาก่อน (หน้า 325) ประเพณีแห่บั้งไฟ ถือปฏิบัติกันในเดือน 6 เช่นเมื่อมีการฉลองถาวรวัตถุซึ่งสร้างไว้ในวัด ก็จะทำบั้งไฟจุดฉลองด้วยถือว่าเป็นเรื่องบุญกุศลด้วย เพราะเวลาไปจุดจะต้องกล่าวคำถวายเป็นพุทธบูชาก่อน คือเมื่อแต่ละวัดนำบั้งไฟมาพร้อมกันแล้ว ก็จะพากันแบกหามบั้งไฟรอบหมู่บ้าน รอบโบสถ์หรือพระเจดีย์ แล้วกล่าวคำถวายเป็นพุทธบูชา (หน้า 326)

Education and Socialization

การจัดระบบการศึกษาในตำบลหาดเสี้ยวมีตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (หน้า35) เมื่อวิคราะห์จากนิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวได้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางการศึกษาใน 2 ลักษณะคือ การศึกษาในวัดโดยมีพระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นผู้สอน ซึ่งผู้เรียนจะต้องเป็นชายเท่านั้น และการศึกษาในโรงเรียนโดยมีครูเป็นผู้สอน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งหญิงและชายมีโอกาสได้เรียนเท่าเทียมกัน นอกจากนี้นิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวยังสะท้อนให้เห็นว่า ไทยพวนนิยมส่งลูกเข้าเรียนหนังสือ ศึกษาหาความรู้ตามแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและนอกชุมชน โดยเฉพาะในเมืองหลวง เดิมทีผู้ชายมีโอกาสมากกว่าผู้หญิง แต่ปัจจุบันทั้งหญิงและชายมีโอกาสในการศึกษาเท่าเทียมกัน (หน้า327-328)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การทอผ้าหาดเสี้ยว ของไทยพวนหาดเสี้ยว แต่เดิมทอขึ้นเพื่อใช้เองในครัวเรือน แต่เนื่องจากมีลวดลายที่สวยงามมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น จึงทำให้เป็นที่นิยมของผู้คนต่างถิ่น การทอผ้าในปัจจุบันจึงกลายมาเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนเป็นการสร้างรายได้แก่ครอบครัวและชุมชน (หน้า 312)

Folklore

นิทานไทยพวนที่รวบรวมได้มี 61 เรื่อง จำแนกประเภทตามรูปแบบได้ดังนี้ นิทานทรงเครื่อง นิทานคติ นิทานเรื่องสัตว์ นิยาย และนิทานมุขตลก นิทานที่มีมากที่สุดคือนิทานมุขตลก นิทานที่มีน้อยที่สุดคือนิทานทรงเครื่อง นิทานทุกเรื่องมีลักษณะสอดคล้องกับกฎวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออลริค (หน้า 335) นิทานเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของไทยพวน ได้แก่ สถาบันครอบครัว การประกอบอาชีพ ประเพณี ความเชื่อ และค่านิยมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความต้องการของคนในสังคมไทยพวนอย่างเด่นชัดในด้านพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดี ได้แก่ มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ มีสติปัญญา เฉลียวฉลาดสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี นิทานจึงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดแนวทางในการดำเนินชีวิตของคนในสังคมนอกจากจะเป็นการสอนคนโดยทางอ้อมแล้วยังเป็นเครื่องผ่อนคลายความตึงเครียดให้ความสนุกเพลิดเพลินกับคนในสังคมอีกด้วย (หน้า 336)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ในนิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวปรากฎค่านิยมเรื่องเมียน้อย เมียหลวง ซึ่งแปลกไปจากความเป็นจริงในสังคมทั่วไปคือ นิยมยกย่องเมียน้อยให้เป็นคนดี และแก้ปัญหาช่วยเหลือสามีให้พ้นจากอันตรายได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเมียหลวงที่เป็นคนไม่ดี ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรสามีได้ ซึ่งความเป็นจริงในสังคมไทยพวนนั้นไม่นิยมมีเมียน้อย ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในนิทานอาจสันนิษฐานได้ 2 กรณีคือ เป็นนิทานที่ได้รับอิทธิพลจากท้องถิ่นอื่น และอาจเป็นความต้องการของไทยพวนเองที่ต้องการสอนเมียหลวงให้เป็นคนดีเพื่อป้องกันสามีไปมีเมียน้อยก็เป็นได้ (หน้า 340-341)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ผู้เขียนได้ใช้แผนที่ แผนผังและตาราง เพื่ออธิบายข้อมูลเชิงปริมาณให้เห็นภาพที่ชัดเจน ได้แก่ ตารางแสดงความหนาแน่นของประชากร อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 29) ตารางแสดงพื้นที่และครัวเรือนของตำบลหาดเสี้ยว (หน้า 34) ตารางแสดงข้อมูลการศึกษาในตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า36) แผนที่จังหวัดสุโขทัย (หน้า368) แผนที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 369) แผนที่ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 370) แผนที่จังหวัดสุโขทัย (หน้า368)

Text Analyst มุจลินทร์ ลักษณะวงษ์ Date of Report 12 ม.ค. 2549
TAG ไทยพวน, นิทาน, ความเชื่อ, ประเพณี, ค่านิยม, สุโขทัย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง