|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยพวน,นิทาน,ความเชื่อ,ประเพณี,ค่านิยม,สุโขทัย |
Author |
กิ่งแก้ว เพ็ชรราช |
Title |
วิเคราะห์นิทานไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยพวน ไทพวน คนพวน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
370 |
Year |
2528 |
Source |
หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร |
Abstract |
เป็นการวบรวมนิทานพื้นบ้านของไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว มีเนื้อหาครอบคลุมวรรณกรรมพื้นบ้านประเภทนิทาน มีการจำแนกประเภท วิเคราะห์โครงสร้างของนิทาน ภาพสะท้อนสังคมด้านต่าง ๆ เช่นชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ ประเพณี ความเชื่อ ค่านิยม ที่ปรากฎในนิทานตามกฎวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออลริค (หน้า265) |
|
Focus |
วิเคราะห์ประเภท โครงสร้างและภาพสะท้อนสังคม อันได้แก่ การประกอบอาชีพ ความเชื่อ ประเพณี ค่านิยมที่ปรากฎในนิทานไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาได้ใช้หลักพื้นฐานทางทฤษฎีแนวคิดในการวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่นพื้นบ้านของไทยพวน ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยได้อ้างอิงทฤษฎีหรือกฏวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออริค (Axel Olrik ) นักคติชนวิทยาชาวเดนมาร์ค เป็นที่ยอมรับว่าสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาคติชนวิทยา ทำให้มองเห็นลักษณะที่เป็นสากลของนิทานไทยพวน และทำให้กฎของวรรณกรรมพื้นบ้านเป็นสากลมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นความต้องการของคนในสังคมอย่างเด่นชัด ในด้านพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างของคนในสังคม ว่าจะต้องมีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ มีปัญญาเฉลียวฉลาด ด้วยกฎของการซ้ำและการเพ่งจุดสนใจ
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงค่านิยมที่แปลกไปจากความเป็นจริงในสังคมคือ นิยมยกย่องเมียน้อยให้เป็นคนดี เพื่อเป็นคติเตือนใจให้เมียหลวงประพฤติตนเป็นคนดี สามีจะได้ไม่มีเมียน้อย นอกจากนิทานจะเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดแนวทางการดำเนินชีวิตของคนในสังคมแล้วยังเป็นเครื่องผ่อนคลายความตึงเครียด ให้ความเพลิดเพลินได้อีกด้วย ดังนั้นการศึกษาวิเคราะห์รวบรวมนิทานพื้นบ้านไว้ จึงเป็นหลักฐานสำคัญในการศึกษาวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมของคนในท้องถิ่น (หน้า 340-343) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยพวน เป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยเข้ามาทางชายแดนจังหวัดน่าน แล้วมาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอศรีสัชนาลัย (หน้า 5) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ประชากรในจังหวัดสุโขทัยมีภาษาพูดที่แตกต่างกันออกไปหลายภาษาในแต่ละท้องถิ่นของตน ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 30 จะพูดภาษากลาง นอกนั้นเป็นภาษาถิ่นเช่น ภาษาถิ่นไทยเหนือ ภาษาไทยพวน ภาษาไทยสระบุรี และภาษาจีน (หน้า22)
ไทยพวนที่บ้านหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีภาษาเป็นของตัวเองคือภาษาถิ่นไทยพวน (หน้า 5) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
อำเภอศรีสัชนาลัยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คู่กับเมืองสุโขทัยมาตั้งแต่โบราณ เดิมเรียกกันว่าอำเภอด้ง มีหัวหน้าชุมชนเรียกว่าเจ้าปู่เมืองด้ง ชาวบ้านได้สร้างอนุสาวรีย์ของท่านไว้ที่บ้านตึก ได้ 12 ปี ต่อมาย้ายมาที่บ้านป่างิ้วฝั่งซ้ายแม่น้ำยมเนื่องจากที่เดิมมีการคมนาคมไม่สะดวก
ต่อมาปี พ.ศ. 2451 ย้ายมาตั้งที่ตำบลหาดเสี้ยวโดยยังใช้ชื่ออำเภอด้งอยู่ จนกระทั่ง พ.ศ. 2460 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอหาดเสี้ยวตามชื่อของหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลเห็นว่าสมควรเปลี่ยนชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นนครเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นอำเภอศรีสัชนาลัย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "บ้านเมืองเก่า" ในอดีต (หน้า 31) |
|
Settlement Pattern |
ประชากรส่วนใหญ่จะมีลักษณะการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนรวมกันเป็นหมู่เป็นหน่วยอย่างชัดเจน มีส่วนน้อยที่จะตั้งบ้านเรือนแบบกระจาย ยกเว้นพวกไทยภูเขาเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าประชากรในพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัยมีการตั้งถิ่นฐานกันมาเป็นเวลานานแล้ว (หน้า30)
บ้านของไทยพวนหาดเสี้ยวจะเป็นบ้านยกพื้น มีใต้ถุนสูงประมาณ 1.20-1.50 เมตร สร้างด้วยไม้ ใต้ถุนบ้านสามารถใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ หรือตั้งอุปกรณ์ทอผ้าได้ (หน้า38) |
|
Demography |
ประชากรในเขตอำเภอศรีสัชนาลัยมีการกระจายหลายเผ่าพันธุ์ ต่างก็อพยพมาอยู่ร่วมกับชนพื้นเมือง เนื่องมาจากลี้ภัยการเมือง และสมัครใจมาหาแหล่งที่ทำกินใหม่เช่น ทางตอนเหนือและตะวันตกเป็นคนไทยภูเขา ตอนกลางแถบอำเภอหาดเสี้ยวเป็นไทยพวน
ตำบลหาดเสี้ยวมีประชากรทั้งสิ้น 7,082 คนคิดเป็นร้อยละ 8.53 ของประชากรในอำเภอศรีสัชนาลัย จำแนกเป็นชาย 3,420 คน หญิง 3,662 คน บ้านหาดเสี้ยวหมู่ 1 และ 2 จะมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีจำนวนถึง 4,735 คน คิดเป็นร้อยละ 66.86 ของประชากรทั้งตำบล
ประชากรของตำบลหาดเสี้ยวมีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ โดยประชากรในหมู่ 1 2 และ 3 เป็นคนไทยพวนประมาณร้อยละ 90 นอกนั้นเป็นคนจีน ส่วนหมู่ที่ 4 และ 5 เป็นคนไทย ที่สืบเชื้อสายมาจากไทยในภาคเหนือ ปะปนกับคนไทยพวนบ้างประมาณร้อยละ 10 (หน้า 34-35) |
|
Economy |
นิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว สะท้อนภาพการประกอบอาชีพทำนามากที่สุด ส่วนใหญ่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง
การเลี้ยงสัตว์ ทั้งเพื่อการบริโภคในครัวเรือนและใช้แรงงาน การทำประมง ริมฝั่งแม่น้ำยม ช่วงแรกเพื่อการบริโภคในครัวเรือน ต่อมาหลายครอบครัวยึดเป็นอาชีพเสริมหารายได้นอกเหนือจากการทำนา และอีกอาชีพหนึ่งซึ่งถือเป็นอาชีพที่สำคัญของไทยพวนคือ การทอผ้าซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจนเป็นที่รู้จักในนาม "ผ้าหาดเสี้ยว"
ส่วนการค้าขายนิยมการค้าทางเรือมากที่สุดเนื่องจากตำบลหาดเสี้ยวนั้นตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำยม นอกจากนี้ ไทยพวนยังนิยมตัดไม้ ล่าสัตว์ เป็นอาชีพเสริมอีกด้วย ( หน้า 37-39, 336-337) |
|
Social Organization |
ลักษณะของการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวของไทยพวนมีหลายแบบด้วยกันได้แก่ แบบครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย และครอบครัวรวม ส่วนใหญ่นิยมอยู่กันแบบครอบครัวขยายคืออยู่รวมกันหลายครอบครัวที่เป็นเครือญาติกัน เมื่อแต่งงานแล้วก็จะมีการตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายชายหรือหญิงไปอยู่บ้านของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเรียกกันว่า "กินมูล" แต่ก็มีแนวโน้มว่าไทยพวนที่แต่งงานแล้วจะแยกตัวออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น แม้จะห่างไกลกับญาติพี่น้องแต่ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ (หน้า 300) ซึ่งลักษณะของครอบครัวเดี่ยวนี้จะปรากฎมากที่สุดในนิทานของไทยพวนตำบลหาดเสี้ยว (หน้า336) |
|
Political Organization |
ให้รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองการปกครองน้อยมากบอกแต่เพียงว่า อำเภอศรีสัชนาลัยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 ตำบลได้แก่ ตำบลหาดเสี้ยว ตำบลดงคู่ ตำบลท่าชัย ตำบลแก่ง ตำบลตึก ตำบลป่างิ้ว ตำบลแม่สำ ตำบลแม่สิน ตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลหนองอ้อ และตำบลสารจิตร (หน้า 28)
ส่วนตำบลหาดเสี้ยวนั้นแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหาดเสี้ยว1 บ้านหาดเสี้ยว 2 บ้านหาดสูง บ้านใหม่ และบ้านป่าไผ่ มีบ้านเรือนทั้งสิ้น 1,329 ครัวเรือน (ข้อมูลปี 2526 ) (หน้า 33) |
|
Belief System |
จากการวิเคราะห์ความเชื่อที่ปรากฎในนิทานไทยพวน พบว่ามีความเชื่อดังต่อไปนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา คนไทยพวนบ้านหาดเสี้ยวมีการนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดในปีหนึ่ง ๆ จะมีการทำบุญประจำวัน ทำบุญวันพระ ทำบุญตามเทศกาล และการทำบุญบวช มีความเชื่อว่าการให้ทานกับผู้ถือศีลอันบริสุทธิ์จะได้บุญมาก มีความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ และความเชื่อเรื่องบุญวาสนา บุพเพสันนิวาส (หน้า 315-319 )
ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือผู้มีอำนาจสามารถบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ (หน้า 319) เช่น
ความเชื่อเรื่องพระอินทร์ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยเหลือคนดีที่ตกทุกข์ได้ยาก ความเชื่อเรื่องพระยาแถนว่าเป็นผู้สร้างโลก ให้กำเนิดสิ่งต่าง ๆ และความเชื่อเรื่องเทวรูป
ความเชื่อเรื่องผีและคาถาอาคม ความเชื่อเรื่องผีเกิดขึ้นเพราะความกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติ จึงต้องหาหนทางปัดเป่าความกลัวเหล่านั้นด้วยการใช้เล่ห์กระเท่ห์เสกคาถาอาคมหรือลงเลขยันต์ เพื่อไม่ให้ผีมายุ่งวุ่นวายได้ ความเชื่อเรื่องผีของคนไทยพวนนี้จะมีแต่ผีร้ายไม่มีใครอยากพูดถึงเพราะเชื่อว่าถ้าพูดเรื่องผีแล้วผีจะตามมาหลอกหลอน ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน (หน้า 321-323 )
ส่วนประเพณีที่ปรากฎมีดังต่อไปนี้
ประเพณีศพ ไทยพวนไม่นิยมเก็บศพไว้หลายวัน จะรีบจัดการให้เสร็จในวันนั้น มีความเชื่อว่าห้ามให้แมวข้ามศพ ในการเผาศพญาติจะต้องตัดฟืนไปตั้งไว้บนกองฟอน ถ้ายังไม่ได้ฝังหรือเผาตอนกลางคืนจะมีการสวดมาติกา แล้วก็บังสุกุล เมื่อเสร็จพิธีกลับถึงบ้านต้องรีบอาบน้ำชำระร่างกาย (หน้า 323-324)
ประเพณีลงข่วง เป็นประเพณีการลงแขกทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสาวไทยพวน มักจะเป็นงานปั่นฝ้าย ถือเป็นโอกาสที่บ่าวสาวไทยพวนจะได้พบปะพูดคุยกันตามประสาหนุ่มสาว โดยมีการจุดไฟไว้ตรงกลางวง ผู้หญิงนั่งปั่นฝ้ายรอบ ๆ กองไฟ ผู้ชายจะมาพูดคุยหยอกเย้าจนกว่าจะปั่นฝ้ายเสร็จหรือเรียกว่าขึ้นข่วง (หน้า 324)
ประเพณีแต่งงาน เมื่อชายหญิงตกลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ฝ่ายชายก็จะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ฝ่ายหญิง โดยมีข้อแม้ว่าจะแต่งกันได้ก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบ บางคู่ฝ่าฝืนหนีตามกัน เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบก็จำเป็นต้องยินยอมให้อยู่กินกันได้แต่ต้องทำพิธีขอขมาก่อน (หน้า 325)
ประเพณีแห่บั้งไฟ ถือปฏิบัติกันในเดือน 6 เช่นเมื่อมีการฉลองถาวรวัตถุซึ่งสร้างไว้ในวัด ก็จะทำบั้งไฟจุดฉลองด้วยถือว่าเป็นเรื่องบุญกุศลด้วย เพราะเวลาไปจุดจะต้องกล่าวคำถวายเป็นพุทธบูชาก่อน คือเมื่อแต่ละวัดนำบั้งไฟมาพร้อมกันแล้ว ก็จะพากันแบกหามบั้งไฟรอบหมู่บ้าน รอบโบสถ์หรือพระเจดีย์ แล้วกล่าวคำถวายเป็นพุทธบูชา (หน้า 326) |
|
Education and Socialization |
การจัดระบบการศึกษาในตำบลหาดเสี้ยวมีตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (หน้า35) เมื่อวิคราะห์จากนิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวได้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางการศึกษาใน 2 ลักษณะคือ การศึกษาในวัดโดยมีพระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นผู้สอน ซึ่งผู้เรียนจะต้องเป็นชายเท่านั้น และการศึกษาในโรงเรียนโดยมีครูเป็นผู้สอน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งหญิงและชายมีโอกาสได้เรียนเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้นิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวยังสะท้อนให้เห็นว่า ไทยพวนนิยมส่งลูกเข้าเรียนหนังสือ ศึกษาหาความรู้ตามแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและนอกชุมชน โดยเฉพาะในเมืองหลวง เดิมทีผู้ชายมีโอกาสมากกว่าผู้หญิง แต่ปัจจุบันทั้งหญิงและชายมีโอกาสในการศึกษาเท่าเทียมกัน (หน้า327-328) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การทอผ้าหาดเสี้ยว ของไทยพวนหาดเสี้ยว แต่เดิมทอขึ้นเพื่อใช้เองในครัวเรือน แต่เนื่องจากมีลวดลายที่สวยงามมาก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น จึงทำให้เป็นที่นิยมของผู้คนต่างถิ่น การทอผ้าในปัจจุบันจึงกลายมาเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนเป็นการสร้างรายได้แก่ครอบครัวและชุมชน (หน้า 312) |
|
Folklore |
นิทานไทยพวนที่รวบรวมได้มี 61 เรื่อง จำแนกประเภทตามรูปแบบได้ดังนี้ นิทานทรงเครื่อง นิทานคติ นิทานเรื่องสัตว์ นิยาย และนิทานมุขตลก นิทานที่มีมากที่สุดคือนิทานมุขตลก นิทานที่มีน้อยที่สุดคือนิทานทรงเครื่อง นิทานทุกเรื่องมีลักษณะสอดคล้องกับกฎวรรณกรรมพื้นบ้านของเอกเซล ออลริค (หน้า 335)
นิทานเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของไทยพวน ได้แก่ สถาบันครอบครัว การประกอบอาชีพ ประเพณี ความเชื่อ และค่านิยมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความต้องการของคนในสังคมไทยพวนอย่างเด่นชัดในด้านพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดี ได้แก่ มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ มีสติปัญญา เฉลียวฉลาดสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี นิทานจึงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดแนวทางในการดำเนินชีวิตของคนในสังคมนอกจากจะเป็นการสอนคนโดยทางอ้อมแล้วยังเป็นเครื่องผ่อนคลายความตึงเครียดให้ความสนุกเพลิดเพลินกับคนในสังคมอีกด้วย (หน้า 336) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในนิทานไทยพวนตำบลหาดเสี้ยวปรากฎค่านิยมเรื่องเมียน้อย เมียหลวง ซึ่งแปลกไปจากความเป็นจริงในสังคมทั่วไปคือ นิยมยกย่องเมียน้อยให้เป็นคนดี และแก้ปัญหาช่วยเหลือสามีให้พ้นจากอันตรายได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเมียหลวงที่เป็นคนไม่ดี ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรสามีได้ ซึ่งความเป็นจริงในสังคมไทยพวนนั้นไม่นิยมมีเมียน้อย ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในนิทานอาจสันนิษฐานได้ 2 กรณีคือ เป็นนิทานที่ได้รับอิทธิพลจากท้องถิ่นอื่น และอาจเป็นความต้องการของไทยพวนเองที่ต้องการสอนเมียหลวงให้เป็นคนดีเพื่อป้องกันสามีไปมีเมียน้อยก็เป็นได้ (หน้า 340-341) |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้ใช้แผนที่ แผนผังและตาราง เพื่ออธิบายข้อมูลเชิงปริมาณให้เห็นภาพที่ชัดเจน ได้แก่
ตารางแสดงความหนาแน่นของประชากร อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 29)
ตารางแสดงพื้นที่และครัวเรือนของตำบลหาดเสี้ยว (หน้า 34)
ตารางแสดงข้อมูลการศึกษาในตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า36)
แผนที่จังหวัดสุโขทัย (หน้า368)
แผนที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 369)
แผนที่ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย (หน้า 370)
แผนที่จังหวัดสุโขทัย (หน้า368) |
|
|