|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ชาวเขา,คนต่างด้าว,สถานภาพทางกฎหมาย,เจ้าหน้าที่รัฐ,เชียงราย |
Author |
โชคชัย ศรีหิรัญรัตน์ |
Title |
ปัญหาในการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขาผู้อพยพ : กรณีศึกษาอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
97 |
Year |
2542 |
Source |
หลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการปกครอง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
เนื้อหางานวิจัยมุ่งประเด็นไปยังปัญหาของโครงการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย โดยต้องการศึกษาถึงความรู้ ความเข้าใจต่อโครงการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขาที่อพยพในพื้นที่อำเภอเชียง ของ จ.เชียงราย โดยแบ่งประเด็นการวิเคราะห์ออกเป็น 3 ประเด็น คือ 1. การวิเคราะห์เกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจต่อโครงการฯ 2. การวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาของการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการ ฯ 3. การวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับจากการดำเนินการ |
|
Focus |
ความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและชาวเขา ต่อโครงการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขา ปัญหาของการดำเนินงานและผลกระทบที่ชาวเขาได้รับจากโครงการและการดำรงชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการ (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
งานวิจัยเรียกว่า "ชาวเขา" และให้คำจำกัดความว่ามีความหมายถึง ชาวเขาที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และอาศัยอยู่ในพื้นที่ของอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง มูเซอ เย้า อีก้อ ลีซอ ขมุ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
อำเภอเชียงของเป็นอำเภอชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับ สปป.ลาว ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก โดยมีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดน ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร และมีประชากร 64,811 คน เป็นชาย 32,987 คน เป็นหญิง 31,824 คน ประกอบไปด้วยหลายชาติพันธุ์ เช่น ไทยพื้นเมือง ไทลื้อ จีนฮ่อ ม้ง เย้า มูเซอ ขมุ เป็นต้น (หน้า 27) |
|
Economy |
ประชากรในพื้นที่วิจัยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น ทำไร่ ทำนา สวนไม้ผล พืชผัก ไม้ดอก ส่วนพืชเศรษฐกิจที่สำคัญคือ ข้าว ข้าวโพด ถั่ว ไม้ผลต่างๆ เช่น ส้ม ลำไย และเลี้ยงสัตว์ เพื่อการใช้งานและบริโภค ได้แก่ โค กระบือ สุกร เป็ด ไก่ นอกจากนี้ยังมีการทำประมงเลี้ยงปลาบ่อ และจับปลาในแม่น้ำโขง (หน้า 28-29) |
|
Political Organization |
พื้นที่ในการศึกษาวิจัยทั้ง 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลสถาน ตำบลริมโขง ตำบลศรีดอนชัย ตำบลห้วยซ้อ และตำบลเวียง มีชาวเขาอพยพเข้ามาในระเทศจำนวน 2,009 คน ทั้งหมดนั้นยังไม่ได้รับสัญชาติไทยและในปี พ.ศ. 2536 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงได้จัดตั้งคณะทำงานพิจารณาปัญหาทางทะเบียนและดำเนินการให้สัญชาติแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย และจากผลสรุปของคณะทำงานเห็นว่า ควรจะแก้ปัญหาโดยการให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศ (ดูรายละเอียดโครงการในภาคผนวก 1) ขึ้นมาในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2538 |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ชาวเขาในพื้นที่วิจัยในอำเภอเชียงของ ประกอบด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประกอบอาชีพทางการเกษตรกรรมเป็นหลัก และจากความต้องการที่จะได้รับสิทธิ์หรือต้องการได้รับประโยชน์จากโครงการที่ทางราชการดำเนินการ จึงทำให้ชาวเขายื่นเรื่องขอสถานะคนต่างด้าว โดยการยื่นเรื่องขอสถานะคนต่างด้าวนั้น เป็นปัจจัยที่เป็นเหตุชักจูง (Pull Factors) แต่ก็มีชาวเขาอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ยื่นเรื่องขอสถานะคนต่างด้าว เนื่องจากมีปัจจัยผลักดัน (Push Factors) ในเรื่องของการตีความหมายของคำว่า "ต่างด้าว" เมื่อได้รับสถานะคนต่างด้าวแล้วจะทำให้รู้สึกว่าเป็นคนต่างขาติ ไม่ใช่คนไทย ดังนั้น จึงทำให้ชาวเขาไม่ยื่นเรื่องของสถานะคนต่างด้าว (หน้า 76) |
|
Other Issues |
การพิจารณาสถานะคนต่างด้าวมีสาเหตุมาจากรัฐต้องการจัดระเบียบดูแลควบคุมชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาอยู่ในประเทศ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2636 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้จัดตั้งคณะทำงานพิจารณาปัญหาทางทะเบียน และให้สัญชาติแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศ โดยประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมป่าไม้ สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ปปส.) กรมประชาสงเคราะห์ สำนักงานกลางทะเบียนราษฎร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) โดยที่คณะทำงานมีความเห็นเสนอ "โครงการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย" ขึ้นมา จากนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการของโครงการฯ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติ และมีวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ดังต่อไปนี้ 1. เพื่อให้ชาวเขาที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศมีความมั่นคงทางอาชีพ เคารพกฎหมาย และจงรักภักดีต่อองค์พระประมุข 2. เพื่อเป็นประโยชน์ในการควบคุม ตรวจสอบและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล 3. เพื่อให้ชาวเขามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ต้นน้ำลำธาร โดยอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง การดำเนินการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขา โดยมีสาระสำคัญดังนี้คือ ตรวจสอบประวัติ พิสูจน์ทราบตัวบุคคล พฤติกรรมและระยะเวลาการตั้งถิ่นฐาน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา (หน้า 4) ดูรายละเอียดของแผนดำเนินงานโครงการฯ (ภาคผนวก ก) ส่วนความเห็นของกลุ่มเป้าหมายที่ได้ทำการสัมภาษณ์ (เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ของรัฐ, ชาวเขาที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการ, ประชาชนในพื้นที่ดำเนินการ) สามารถสรุปความเห็นออกเป็น 3 ประเด็นหลักคือ 1. ความรู้ความเข้าใจต่อโครงการฯ มีระดับความเข้าใจที่แตกต่างกันคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนมากที่มีความรู้ ความเข้าใจเป็นอย่างดีและมีความเห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากทำให้ทางราชการสามารถควบคุม ดูแลตรวจสอบชาวเขาได้และช่วยให้ชาวเขาที่เป็นชนกลุ่มน้อยสามารถอยู่ร่วมกับชนกลุ่มใหญ่ได้ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งที่มีความเห็นว่าไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากเห็นว่ามาตรการควบคุมชาวเขานั้นมีอยู่แล้ว แต่ยังขาดการปฏิบัติอย่างจริงจัง ส่วนระดับความรู้ความเข้าใจของชาวเขาที่มีต่อโครงการฯ นั้นปรากฏว่าไม่ค่อยเข้าใจต่อโครงการฯ โดยให้เหตุผลว่าทางราชการไม่ได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้แก่ชาวเขาในพื้นที่ ส่วนประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจต่อโครงการ ฯ ในระดับดี และมีความเห็นว่ามีความเหมาะสม เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้กับชีวิตชาวเขา รวมทั้งสิทธิต่างๆ ของชาวเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน รวมทั้งง่ายต่อการควบคุมดูแล 2. ปัญหาการดำเนินงานส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาในเรื่องของหลักเกณฑ์การตรวจสอบคุณสมบัติที่บางหลักเกณฑ์นั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ ควรมีหลักเกณฑ์การตรวจสอบที่มีความชัดเจนและรัดกุม ส่วนในเรื่องของปัญหาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐนั้นมีปัญหาในเรื่องของวิธีคิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังติดกับระบบราชการ ส่งผลให้ขาดการติดต่อประสานงานที่ง่ายต่อความเข้าใจแก่ชาวเขาและประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่มีภาระหน้าที่ประจำอยู่แล้วจึงทำให้ไม่เต็มที่ในเรื่องของเวลา นอกจากนี้ยังขาดการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของโครงการฯ 3. ผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการ ฯ จากงานวิจัยสามารถสรุปความเห็น ออกเป็น 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก มองว่าไม่มีผลกระทบในด้านลบ แต่กลับเป็นในด้านบวกที่มองว่าช่วยให้สถานะของชาวเขาได้รับการยอมรับ ได้รับการดูแลและติดต่อกับทางราชการใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเป็นการเปิดโอกาสการสร้างสภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ประการที่สอง มองว่าการให้สถานะคนต่างด้าวแก่ชาวเขา ส่งผลให้ชาวเขามีสิทธิเพิ่มมากขึ้นทั้งทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความกังวลใจในเรื่องของการแย่งงาน แย่งอาชีพรวมถึงเรื่องปัญหายาเสพติด และอาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านได้ |
|
Map/Illustration |
แผนที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ภาคผนวก ข ) ตารางข้อมูลชาวเขาที่ยังไม่ได้สัญชาติไทยและมีชื่อในทะเบียนประวัติบุคคลบนพื้นที่สูง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (หน้า 7) |
|
|