|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),สตรี,บุหรี่,พม่า |
Author |
Denis D. Tidwell |
Title |
The Relationship of Smoking by Karen parents to the Mortality of Their Children During the First Year of Life |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
76 |
Year |
2532 |
Source |
Master of Primary Health Care Management, Faculty of graduate studies, Mahidol University |
Abstract |
การสูบยาสูบ ของพ่อแม่กะเหรี่ยง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของบุตรที่เพิ่งคลอด (หน้า i, ii) |
|
Focus |
ศึกษาผลกระทบของการสูบยาสูบ บุหรี่มวนและกล้องของพ่อแม่กะเหรี่ยงระหว่างการตั้งครรภ์ และการเสียชีวิตของบุตร |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้ศึกษากะเหรี่ยงสะกอที่อาศัยอยู่ในอำเภอ Kawkareike ในประเทศพม่า จากการสัมภาษณ์สตรีที่ตั้งครรภ์ และสัมภาษณ์ผู้ชายเพื่อหาความเกี่ยวพันในเรื่องของการสูบยาเส้น สูบยากล้อง สูบบุหรี่มวนที่มีผลต่ออัตราการตายของบุตร (หน้า 15) พบว่าสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่เริ่มสูบตั้งแต่อายุก่อน 10 ปี บุตรที่เกิดมาจะมีอัตราการตายสูงกว่าสตรีเจริญพันธุ์ที่เริ่มสูบทีหลัง ยิ่งสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่เริ่มสูบตั้งแต่อายุยิ่งน้อยเท่าไร อัตราการตายของทารกก็ยิ่งสูงขึ้น (หน้า I,ii) ผู้เขียนศึกษาสตรีกะเหรี่ยงวัยเจริญพันธุ์ใน 5 หมู่บ้าน ด้วยวิธีการสำรวจจากแบบสอบถาม (Appendix B หน้า 82) และด้วยวิธีการสัมภาษณ์ โดยผู้สัมภาษณ์เป็นกะเหรี่ยงที่ทำงานด้านสุขภาพอนามัย และมีความเข้าใจในคำถามของแบบสอบถาม (หน้า 17,18) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไม่ปรากฏข้อสรุปเชิงทฤษฎี แต่ผู้เขียนศึกษากะเหรี่ยงสะกอที่มีถิ่นฐานอยู่ในอำเภอ Kawkareik, รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า (หน้า i) โดยเก็บข้อมูลจากกะเหรี่ยงสะกอใน 5 หมู่บ้าน ที่อำเภอ Kawkareik (หน้า 16) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กะเหรี่ยงบอกไว้ว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีระบบภาษาเขียน แต่ก็สูญไปหลายชั่วอายุคน เพราะเหล่ามิชชันนารีนิกายแบบติสท์ เมื่อคริสตศตวรรษที่ 19 (หน้า 1) กะเหรี่ยงสะกอ มีภาษาที่มีไวยากรณ์ และศัพท์บางคำที่คล้ายคลึงกับกะเหรี่ยงโปว์ ซึ่งกะเหรี่ยงทั้งสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มหลัก ที่มีวัฒนธรรมและทัศนะคล้ายกัน (หน้า 2) |
|
Study Period (Data Collection) |
ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 ผู้วิจัยเริ่มทำแบบสอบถามที่แปลเป็นภาษากะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 18) กลางเดือนมีนาคม ค.ศ. 1989 การสัมภาษณ์ก็เสร็จสิ้น (หน้า 19) กลางเดือนเมษายนได้ทำการตรวจแบบสอบถามอย่างละเอียด (หน้า 20) |
|
History of the Group and Community |
จากโคลงกลอนของกะเหรี่ยงได้กล่าวว่า พวกเขามาจากผืนแผ่นดินที่เรียกว่า "Htee Set Mae Ywa" แต่ปรัมปราอื่นเรียกแผ่นดินนี้ว่า "Thibi Kawbi" คำว่า "Thibi" ออกเสียงคล้ายกับ Thibet และ "Kawbi" มีเสียงเดียวกัน Gobi (ที่หมายถึงทะเลทราย) เป็นไปได้ว่ากะเหรี่ยงมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในมองโกเลียและอาจจะเคยอยู่ในทิเบตมาก่อน ความเป็นชาติของกะเหรี่ยงปรากฏขึ้นเมื่อราว 739 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นช่วงเวลาที่กะเหรี่ยงอพยพลงใต้สู่ประเทศพม่า และตั้งถิ่นฐานอยู่แถบลุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ในปัจจุบันก่อนจะมีผู้อพยพเข้ามา รวมถึงชาวพม่าที่กดดันกะเหรี่ยงให้ออกจากที่ลุ่มตรงขึ้นไปสู่บนเขา กลางศตวรรษที่ 18 กะเหรี่ยงบางกลุ่มก็ได้อพยพเข้าสู่ทางด้านตะวันตกของประเทศไทย เพื่อหลบการสู้รบระหว่างไทยกับพม่า กะเหรี่ยงที่อยู่ในประเทศไทยมีจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกันจำนวนกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพม่า (หน้า 1,2) |
|
Settlement Pattern |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวในงานวิจัยว่ากะเหรี่ยงอาศัยอยู่บนพื้นที่ชนบทห่างไกลบนภูเขาและหุบเขา โดยเป็นทั้งที่ตั้งหมู่บ้าน ฟาร์ม และทำเกษตรกรรม (หน้า 2) |
|
Demography |
จากสำมะโนครัวประชากรของประเทศพม่า พบว่ามีกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในประเทศ 3.5 ล้านคน แต่กะเหรี่ยงบางคนก็ไม่เห็นด้วยกับข้อมูลอันนี้ เพราะอ้างถึงแต่กะเหรี่ยงที่เป็นชาวพุทธจะถือเป็นคนพม่า ผู้นำกะเหรี่ยงเชื่อว่าจริงๆ แล้วมีกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในประเทศพม่าเกือบ 5 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยมีจำนวนกะเหรี่ยงประมาณ 300,000 คน (หน้า 2 ) |
|
Economy |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวว่ามีรายได้ต่ำ (หน้า 5) กะเหรี่ยงสามารถสูบกล้องได้ โดยไม่เสียสตางค์ เพราะปลูกยาสูบ ได้เอง แต่บางคนก็ไม่มีเงินซื้อบุหรี่มวนเพราะรายได้ไม่พอ (หน้า 40) |
|
Social Organization |
ในสังคมกะเหรี่ยง เมื่อชายหนุ่มแต่งงานก็จะย้ายไปอยู่ที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว โดยทั่วไปแล้วคู่หนุ่มสาวจะย้ายไปอยู่บ้านของตนเองเมื่อสามารถหาเงินซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือน แต่ส่วนมากแล้วจะอยู่ที่บ้านของฝ่ายหญิงอย่างน้อยที่สุด 1 ปี หรืออาจมากกว่านี้ ก่อนจะย้ายครอบครัวออกไป (หน้า 3) |
|
Belief System |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ในงานวิจัยกล่าวถึงกะเหรี่ยงที่เชื่อเรื่องวิญญาณ เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าทุกสิ่งมีวิญญาณ และจะดื่มแอลกอฮอล์ปีละครั้งในพิธีติดต่อกับวิญญาณ (หน้า 59) |
|
Education and Socialization |
พบว่ามารดากะเหรี่ยงไม่มีการศึกษาจะสัมพันธ์กับการเสียชีวิตของบุตร แต่อาจสรุปได้ว่า การเสียชีวิตของทารกเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ หรือเพราะการขาดการศึกษา หรือทั้งสองประการ เพราะพบว่าต่างสัมพันธ์กัน แต่การศึกษาก็มีผลและเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องของการเสียชีวิตของเด็กกะเหรี่ยงที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี (หน้า 69) |
|
Health and Medicine |
ไม่ได้ระบุชัดเจน กล่าวถึงแต่ศูนย์อนามัยซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน (หน้า 65) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ปรากฏในการศึกษาที่กล่าวถึงโคลงกลอนของกะเหรี่ยง (hta) ที่มีเนื้อหาว่าพวกเขามาจากแผ่นดินที่ชื่อว่า "Htee Set Mae Ywa" (หน้า 1) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
มารดากะเหรี่ยงสูบกล้องมากกว่าบุหรี่มวน จะทำให้บุตรของมารดาที่สูบยากล้องอาจเสียชีวิตก่อนอายุ 1 ขวบ มากกว่าบุตรของมารดาที่สูบบุหรี่มวน จากการศึกษาพบว่า บุหรี่มวน ที่ซื้อกันบ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อมีแนวโน้มของรายได้สูงมากกว่าผู้ที่สูบยากล้อง จากการวิจัยพบว่ามารดากะเหรี่ยงเริ่มสูบตั้งแต่อายุได้ 2 ปี หรือร้อยละ 20 อาจสูบก่อนเข้าโรงเรียน บุตรของมารดากะเหรี่ยงที่เริ่มสูบก่อนอายุ 10 ปี มีโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนเป็น 2 เท่าของบุตรจากมารดากะเหรี่ยงที่สูบหลังจากอายุ 10 ปี ซึ่งพ่อแม่กะเหรี่ยงควรจะห้ามไม่ให้บุตรสูบขณะยังเยาว์หรือเลิกสูบ (หน้า 70,71) |
|
Map/Illustration |
แผนที่บริเวณศึกษาวิจัย (APPENDIX A) |
|
|