สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง,ความเชื่อ,เศรษฐกิจ,การคุมกำเนิด,แม่ฮ่องสอน,ตาก
Author Peerasit Kamnuansilpa, Peter Kunstadter, Nanta Auamkul
Title Hilltribe Health and Family Planning : Results of a Survey of Hmong (Meo) and Karen Households in Northern Thailand
Document Type หนังสือ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 91 Year 2530
Source Family Health Division, Department of Health Ministry of Public Health, Bangkok.
Abstract

มีเนื้อหาเกี่ยวกับม้งและกะเหรี่ยงเกี่ยวกับโรคติดต่อจากที่อยู่อาศัย โรคขาดสารอาหาร การคลอดบุตร และสุขภาพของเด็กๆ กับสุขภาพของครรภ์มารดาที่พบว่า งานสาธารณะสุขชุนชนมีน้อย รวมไปถึงเรื่องของการคุมกำเนิดของสตรีวัยเจริญพันธ์ที่แต่งงานแล้ว การให้นมบุตร และการบริการสุขภาพให้กับเด็ก

Focus

ศึกษาประชากร สภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ของกะเหรี่ยงและม้ง เพื่อเพิ่มบริการสาธารณะสุข

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยงและม้งเป็นกลุ่มศึกษา เนื่องจากกะเหรี่ยงเป็นกลุ่มที่มีมากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือม้ง นักวิจัยได้เลือกกะเหรี่ยงและม้งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และในอำเภอเมือง อำเภอท่าสูงยาง อำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก อำเภอเหล่านี้มีกะเหรี่ยงและม้งอาศัยอยู่มาก ในประเทศไทยมีกลุ่มกะเหรี่ยงอยู่ 2 กลุ่มหลัก คือ กะเหรี่ยงสะกอและกะเหรี่ยงโปว์ เชื่อว่ากะเหรี่ยงสะกอมีจำนวนมากกว่า งานศึกษานี้ ได้ศึกษากะเหรี่ยงสะกอใน 39 หมู่บ้าน และกะเหรี่ยงโปว์ในสองหมู่บ้าน ม้งและกะเหรี่ยงมีวัฒนธรรมที่ต่างกันอยู่มาก กะเหรี่ยงประกอบอาชีพเป็นชาวไร่ชาวนา อาศัยอยู่ในหมู่บ้านถาวร พวกเขาอาศัยอยู่บนที่สูง ทำเกษตรกรรมด้วยการปลูกข้าวหรือพืชผลต่างๆ ส่วนม้งจะตั้งถิ่นฐานอยู่ชั่วคราว โดยมีการทำเกษตรกรรมจนกระทั่งดินเสื่อมสภาพ หรือจนปลูกพืชไม่ได้ ม้งในประเทศไทยมีอยู่ 2 กลุ่มคือ ม้ง Njua ( Blue Meo) และม้ง Der (White Meo) (หน้า 2-5)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวถึงผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์อาจจะไม่รู้หนังสือ และพูดภาษาไทยไม่ได้ หญิงม้งและกะเหรี่ยงรุ่นปัจจุบันจะต้องเรียนภาษาท้องถิ่น (ภาษาม้งและภาษากะเหรี่ยง) (หน้า 26)

Study Period (Data Collection)

ผู้วิจัยออกแบบสอบถามในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ปี ค.ศ.1985 และออกภาคสนามในเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1986 การวิเคราะห์ข้อมูลและเขียนรายงานเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1986 (หน้า 8-10)

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

บ้านตามแบบประเพณีของม้งจะสร้างอยู่บนพื้นดิน ทำให้เกิดโรคติดต่อที่มาจากการสัมผัสกับพื้นดิน บ้านม้งจะสร้างด้วยฝาไม้และหลังคาเป็นไม้วางเหลื่อมกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ม้งจะสร้างบ้านที่ทันสมัยขึ้น เช่น มีการใช้พื้นไม้ และมีสองชั้น บ้านของม้งมีขนาดและพื้นที่ใหญ่กว่าบ้านกะเหรี่ยง และมักจะใช้วัสดุที่มีความคงทนกว่าอีกด้วย บ้านตามแบบประเพณีของกะเหรี่ยงบนพื้นที่สูงโดยมากจะมีเสาบ้านที่มีความสูง 1 เมตร หรือมากกว่านั้นเหนือพื้นดิน กะเหรี่ยงที่อาศัยในบ้านแบบชาวไทยสมัยใหม่ มีวัสดุที่เป็นหลังคา เช่น หญ้า ใบไม้ โลหะ สังกะสี (หน้า 11,12) และหากที่อยู่อาศัยมีความแออัด กะเหรี่ยงอาจเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการมีโรคติดต่อ (หน้า 75)

Demography

ในปี ค.ศ.1986 มีประชากรกะเหรี่ยงมากกว่า 260,000 คน ซึ่งมีจำนวนถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรชาวเขาทุกกลุ่ม และเป็นกลุ่มที่อยู่กันกระจัดกระจายมากที่สุดในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ในปี ค.ศ.1986 ม้งมีจำนวนประชากรมากกว่า 80,000 คน เป็นกลุ่มชาวเขาที่มีขนาดใหญ่รองเป็นอันดับสองจากกะเหรี่ยง เทียบกับในปี ค.ศ.1973 พบว่า ประชากรกะเหรี่ยงเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ต่อปี ขณะที่ประชากรม้งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 ต่อปี เป็นไปได้ว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรกะเหรี่ยง เนื่องจากอัตราการเกิดมากกว่าการตาย (หน้า 2) จากประวัติการสำรวจในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1986 คลอบคลุม 705 ครัวเรือนม้ง มีสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่แต่งงานแล้ว 1,051 คน รวมประชากร 6,702 คน ใน 12 ชุมชนของจังหวัดตาก และมี 1,275 ครัวเรือนกะเหรี่ยง รวมสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่แต่งงานแล้ว 1,104 คน รวมทั้งหมด 6,580 คน ใน 41 ชุมชน ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก ประชากรม้งมีจำนวนหนุ่มสาวที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ถึงร้อยละ 52 ส่วนประชากรกะเหรี่ยงมีร้อยละ 42 แสดงถึงภาวะเจริญพันธุ์สูง และการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากร โดยเฉพาะในกลุ่มม้ง (หน้า 77)

Economy

ม้งผลิตข้าวได้น้อยกว่ากะเหรี่ยง แต่ผลิตธัญพืชอื่น ๆ ได้มากกว่ากะเหรี่ยง เพราะม้งปลูกธัญพืชเพื่อเลี้ยงสัตว์และบริโภคเอง ทำให้ปลูกข้าวได้อย่างจำกัด ครอบครัวม้งจะรับประทานผักเกือบทุกวันมากกว่ากะเหรี่ยง ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคขาดวิตามินน้อย ขณะที่การรับประทานเนื้อของม้งและกะเหรี่ยงมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ 3 ครั้ง หรือมากกว่านี้ต่อสัปดาห์ (หน้า 77) ทั้งม้งและกะเหรี่ยงมีอาชีพทำไร่ไถนาซึ่งต้องอาศัยแรงงานในครัวเรือน ม้งเลือกที่จะมีครอบครัวใหญ่ เพื่อให้เด็กๆ เป็นเเรงงาน และเพื่อให้บุตรเป็นผู้ดูแลเมื่อแก่เฒ่า (หน้า 78,79) กะเหรี่ยงที่อาศัยบนพื้นที่ราบมีระบบเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการเกษตร ทำนาทดน้ำ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายพืชผล และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากป่า หรือการอุตสาหกรรม (หน้า3) ม้งอาศัยอยู่บนพื้นสูง และทำการเกษตรแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นแบบผสม มีการเพาะปลูกที่กินระยะเวลานานจนดินเสื่อมสภาพ หรือจนกระทั่งหญ้าขึ้นปกคลุมจนยากแก่การเพาะปลูก ม้งปลูกข้าวและข้าวโพดเป็นพืชหลัก เลี้ยงหมูเพื่อบริโภคและขาย และปลูกฝิ่นด้วย (หน้า 5)

Social Organization

ไม่ได้กล่าวชัดเจน แต่กล่าวว่าครอบครัวของกะเหรี่ยงส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว ส่วนม้งเป็นครอบครัวขยายที่มีคนหลายรุ่น (หน้า 77,88)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ศาสนาหลักของม้งและกะเหรี่ยงคือ การนับถือผีวิญญาณ รวมถึงม้งหรือกะเหรี่ยงที่เป็นชาวพุทธด้วย ความเชื่อที่ว่าผีวิญญาณเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการป่วยไข้จึงต้องมีหมอผีเป็นผู้รักษา พบว่ากะเหรี่ยงใช้น้ำมนต์ที่ได้จากพระในการรักษาโรคต่าง ๆ ส่วนประเพณีของม้งที่ให้ความสำคัญกับผีบรรพบุรุษและจำเป็นต้องสืบทอดต่อไป ทำให้เกิดแรงกระตุ้นความต้องการบุตรชายมาก เพื่อจะสืบทอดบรรพบุรุษต่อไปภายหลังจากที่บิดามารดาได้ตายไป (หน้า 79)

Education and Socialization

การศึกษาของม้งและกะเหรี่ยงอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยเฉพาะผู้หญิงพบว่า ม้งเพศชายอายุ 15-34 ปีมีเพียงร้อยละ 28 ที่มีการศึกษา ส่วนกะเหรี่ยงเพศชายในช่วงอายุเดียวกันมีร้อยละ 21 และม้งเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 15-34 ปี มีเพียงร้อยละ 4 ที่ได้รับการศึกษา ส่วนกะเหรี่ยงเพศหญิงมีร้อยละ 11 จากการศึกษาทำให้ทราบว่าผู้หญิงม้งมีสถานภาพต่ำ ในขณะที่การศึกษาในประเทศไทยได้ขยายไปทั่ว เพื่อให้ประชากรได้รับการศึกษาเท่าเทียมกันทั้งหญิงและชาย (หน้า 78)

Health and Medicine

จากการศึกษาพบว่าพวกเขายังเชื่อว่า ผีวิญญาณเป็นเหตุแห่งการเจ็บไข้ได้ป่วย (หน้า 58) ศูนย์สุขภาพประจำตำบลและโรงพยาบาลของอำเภอเป็นสถานที่รักษาโรค ผู้ทำงานด้านสุขภาพของชุมชนพบว่ามีน้อย (หน้า 83) การให้บริการด้านสุขภาพครรภ์ของมารดามีน้อย และการให้ภูมิคุ้มกันโรคกับเด็ก ๆ ยังมีจำนวนน้อยเพราะขาดความเข้าใจ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของเด็ก การป้องกันโรคต่าง ๆ จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องของน้ำดื่มที่นำมาใช้บริโภค เรื่องส้วม สุขนิสัยรักความสะอาด และการป้องกันโรคมาลาเรียที่ควรจะใช้มุ้งในหมู่บ้านกะเหรี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค (หน้า 90,91)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

การคุมกำเนิด ผู้ตอบคำถามทั้งม้งและกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ ( 96.4% และ 85.5% ตามลำดับ) บอกว่า รู้จักวิธีคุมกำเนิดแบบสมัยใหม่อย่างน้อย 1 วิธี วิธีที่รู้จักกันมากคือ ยาฉีดและยาเม็ด หากผู้ถามไม่ได้ให้ความรู้ก่อน แต่หลังจากอธิบายแล้ว ผู้ตอบส่วนใหญ่จะบอกว่ารู้จักเกือบทุกวิธี คู่สมรสที่คุมกำเนิดมีสัดส่วนที่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานระดับชาติ และวิธีที่ใช้มักเป็นยาฉีด การดูแลรักษาครรภ์ และการให้บริการคลอดบุตร จากการวิจัยพบว่าม้งและกะเหรี่ยงที่เป็นมารดาได้รับการดูแลสุขภาพครรภ์ ในสัดส่วนที่ต่ำเพราะขาดแคลนเจ้าหน้าที่ (หน้า 83,84) ประจำศูนย์หรือหน่วยแพทย์ที่จะมาให้บริการ นอกจากนี้พบว่ามีส่วนน้อย ที่มีความเข้าใจเรื่องของการฉีดภูมิคุ้มกันโรคให้กับเด็ก (หน้า 90) ทั้งม้งและกะเหรี่ยงให้กำเนิดบุตรโดยญาติหรือสามีเป็นผู้ทำคลอด ม้งและกะเหรี่ยงจะใช้บริการจากหน่วยแพทย์ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาที่ยุ่งยากในการคลอด (หน้า 84) สัดส่วนของเด็กม้งที่มีชีวิตรอดมาได้อายุ 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี มีจำนวนสูงกว่าเด็กกะเหรี่ยง พ่อแม่กะเหรี่ยงรายงานถึงอาการของโรคภัยไข้เจ็บมากกว่าที่พ่อแม่ม้งทำ ผลจากการวิจัยนี้ได้แนะนำให้ป้องกันโรคด้วยการดูแลเรื่องน้ำที่ใช้บริโภค สุขอนามัย และการป้องกันโรคมาลาเรีย (หน้า 90,91)

Map/Illustration

ไม่มี

Text Analyst กฤษฎาภรณ์ อินทรวิเชียร Date of Report 25 ก.ย. 2567
TAG ม้ง, ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง, ความเชื่อ, เศรษฐกิจ, การคุมกำเนิด, แม่ฮ่องสอน, ตาก, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง