|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เวียต,ญวน,วิถีชีวิต,มุกดาหาร |
Author |
ผล อัฐนาค |
Title |
วิถีชีวิตของคนไทยเชื้อสายเวียดนามในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
เวียด เหวียตเกี่ยว ไทยใหม่,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
88 |
Year |
2543 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา (เน้นสังคมศาสตร์) |
Abstract |
คนไทยเชื้อสายเวียดนามในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกับคนไทยโดยทั่วไป ทั้งสภาพชีวิตด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจ หากแต่ยังคงค่านิยมดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเวียดนามอยู่บ้าง อาทิ การให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว เคารพผู้อาวุโส ระบบความเชื่อที่เชื่อในวิญญาณเหนือธรรมชาติ รวมทั้งนับถือศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ และประกอบพิธีกรรมอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากคนไทยทั่วไป ตลอดจนการแต่งกายเมื่อมีพิธีกรรมสำคัญ คนไทยเชื้อสายเวียดนามรุ่นเก่าจะแต่งกายตามแบบดั้งเดิม อันมีรูปแบบเฉพาะตัวของชาวเวียดนาม |
|
Focus |
วิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร |
|
Ethnic Group in the Focus |
คนไทยเชื้อสายเวียดนามหรือญวนที่อพยพมาจากประเทศเวียดนามเข้ามาอยู่ในบริเวณภาคอีสาน รวมทั้งบริเวณจังหวัดมุกดาหารในปัจจุบันด้วย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
การอพยพคนญวนเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกมีขึ้นในสมัยพระเจ้าตากสินแห่งกรุงธนบุรี และในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้มีการรวบรวมกวาดต้อนผู้คนเข้าสู่อาณาจักรสยาม ญวนเป็นกลุ่มหนึ่งที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในภาคอีสาน ญวนกลุ่มแรกอพยพเข้ามาในสยามเมื่อสมัยเกิดกบฏไกรซิน ได้อพยพมาอยู่ตามหัวเมืองต่างๆแถบลุ่มแม่น้ำโขง เช่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ญวนกลุ่มที่สองอพยพมาจากประเทศเวียดนามระหว่างปี พ.ศ. 2488-2489 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องมาจากการกลับเข้ามายึดครองของฝรั่งเศสที่ใช้การปกครองอย่างเข้มงวดและทำการปราบปรามขบวนการชาตินิยมที่ต่อต้านฝรั่งเศส ในช่วงปี พ.ศ. 2492-2493 รัฐบาลไทยกำหนดถิ่นที่อยู่ของญวนไว้ 5 จังหวัด จนถึงปี พ.ศ. 2527-2537 กระทรวงมหาดไทยประกาศให้ 13 จังหวัดเป็นเขตที่พักอาศัยคนญวน รวมทั้งจังหวัดมุกดาหารด้วย ในจังหวัดมุกดาหารแบ่งคนญวนได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ญวนเดิม ที่บรรพบุรุษอพยพเข้ามาตั้งแต่อดีต จนลูกหลานได้ถือสัญชาติไทย กับญวนที่อพยพเข้ามาลี้ภัยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (หน้า 1-3) |
|
Settlement Pattern |
ญวนเดิมนิยมมีบ้านอยู่อาศัยแบบชั้นเดียวติดดิน โดยผนังก่ออิฐและปูพื้นด้วยอิฐ เมื่ออพยพข้ามมาอยู่ฝั่งไทยก็ยังนิยมปลูกบ้านชั้นเดียวติดดินแบบเดิมและนิยมรวมกันอยู่เป็นกลุ่มเป็นพวก จากการถูกจำกัดพื้นที่อยู่อาศัยและจำกัดสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินและโรงเรือน ญวนจึงต้องเช่าอาศัยหรือรับจ้างปลูกพืชสวนครัวตามที่ดินของคนไทย อาศัยกระต๊อบหรือโรงนาที่อยู่รอบๆ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ส่วนในเขตเทศบาลเมือง ญวนจะเช่าบ้านและอาคารไม้สำหรับประกอบอาชีพค้าขาย ในปัจจุบันที่อยู่อาศัยและขนาดครอบครัวของญวนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารมีครอบครัวขนาดเล็กและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง (หน้า 64) |
|
Demography |
จังหวัดมุกดาหารมีประชากรทั้งสิ้น 320,976 เป็นชาย 141,776 คน หญิง 179,200 คน คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2541-2542) (หน้า 46) |
|
Economy |
เมื่ออพยพเข้ามาครั้งแรก คนญวนจะทำงานทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงชีพ เช่น เป็นคนงานก่อสร้าง ช่างไม้ ค้าขาย บ้างก็เช่าที่ดินคนไทยเพื่อปลูกผัก เลี้ยงเป็ด รายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคให้องค์กรกลางนำส่งไปช่วยชาติในการต่อสู้เรียกร้องเอกราช ในปัจจุบันคนญวนเป็นกลุ่มที่มีฐานะดี เป็นนายทุน เจ้าของโรงงาน กิจการร้านค้า และขายสินค้าในตลาดสด (หน้า 62) |
|
Social Organization |
ญวนมีระบบครอบครัวเครือญาติที่แน่นแฟ้น มีความเคารพผู้อาวุโสและบรรพบุรุษ สมาชิกในครอบครัวมีความรักและผูกพันกัน มีความภาคภูมิใจในชีวิตครอบครัวและกลุ่มชาติพันธุ์ของตนสูง สมาชิกในครอบครัวมีบทบาทหน้าที่ที่เท่าเทียมกัน และผู้สูงอายุจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของครอบครัว รวมทั้งยังมีการรวมกลุ่มทางสังคมเฉพาะที่เป็นญวนด้วยกัน เช่น กลุ่มธุรกิจการค้า (หน้า 5,70) ผู้เขียนยังได้กล่าวถึงประเพณีการแต่งงานของญวน มีการประกอบพิธีตามขั้นตอนเริ่มจากขั้นดูฐานะทางครอบครัวแต่ละฝ่าย โดยฝ่ายเจ้าสาวจะไปดูตัวและฐานะของเจ้าบ่าวเป็นอันดับแรก ต่อมาฝ่ายเจ้าบ่าวจึงจะไปดูตัวและฐานะของเจ้าสาว หลังจากตกลงค่าสินสอดแล้วจะนำสินสอดมาใส่รวมกันในปี๊บ ในพิธีแต่งงานจะมีการดื่มน้ำชาและไหว้บรรพบุรุษ โดยฝ่ายเจ้าสาวจะจัดทำ "ขนมฮำ" เพื่อนำไปไหว้บรรพบุรุษทั้งสองฝ่าย (หน้า 69) |
|
Political Organization |
ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2541 จังหวัดมุกดาหารแบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ 52 ตำบล 475 หมู่บ้าน โดยมีอำเภอเมืองมุกดาหารเป็นเขตการปกครองใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่ปกครองถึง 1,235.066 ตารางกิโลเมตร รองลงมาคือ อำเภอดงหลวง ส่วนเขตปกครองเล็กที่สุด คืออำเภอกว้านใหญ่ มีพื้นที่ปกครอง 84.483 ตารางกิโลเมตร เทศบาลเมืองมุกดาหารเป็นส่วนหนึ่งของส่วนการปกครองราชการบริหารส่วนท้องถิ่น (หน้า 41-42) |
|
Belief System |
ญวนมีความเชื่อในเรื่องภูตผีวิญญาณหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ มีการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อคือ "หมอจิ๋น" เป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับการปัดรังควานของผีภัยให้ออกจากร่างกายของผู้ป่วยและเป็นการส่งเสริมสิ่งดีงามให้แก่ผู้คนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในเรื่องโชคลางหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับคนไทยในท้องถิ่น แต่แตกต่างกันในส่วนของการประกอบพิธีกรรม ส่วนในเรื่องศาสนามีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ (หน้า 5,68) ในส่วนของพิธีศพนั้น จะถูกจัดขึ้นตามขั้นตอนโดยพิธีสวดศพจะมีการจ้างตระกูลที่รับจ้างร้องไห้มาร้องไห้ต่อหน้าศพเพื่อแสดงการไว้อาลัย ญาติพี่น้องจะสวมชุดสีขาวมาร่วมขบวนแห่ศพและมีตัวแทนญาติของผู้ตายทำการเดินถอยหลังและใช้มือผลักรถบรรทุกศพเพื่อส่งวิญญาณ ในกรณีที่เป็นญวนที่นับถือศาสนาพุทธจะเผาศพ ส่วนญวนที่นับถือศาสนาคริสต์จะฝังศพ (หน้า 69-70) |
|
Education and Socialization |
ในระยะแรกที่ญวนอพยพเข้ามาในปะเทศไทยจะถูกจำกัดในเรื่องการศึกษา มีเพียงบางคนเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนญวนรุ่นแรก การเรียนรู้ศึกษาดังกล่าวเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตร่วมกับสังคมท้องถิ่นและสังคมไทย ทั้งเพื่อการค้าขายด้วย นอกจากนี้ยังมีการเรียนการสอนภาษาญวนให้แก่บุตรหลานโดยกระทำอย่างลับๆ ไม่มีสถานศึกษาที่แน่นอน ปัจจุบันได้รับการศึกษาโดยรัฐบาลเปิดโอกาสให้เรียนภายใต้การปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการศึกษาใหม่ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมญวนอพยพของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2539 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2539 (หน้า 3,60-61) |
|
Health and Medicine |
เมื่อคนญวนคนใดมีอาการไข้จะมีหมอยากลางบ้านมาทำการรักษาโดยใช้สมุนไพรและใช้ภูมิปัญญาจากการสังเกตอาการของผู้ป่วย เช่น การตรวจจับชีพจรจะรู้ว่ามีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคอะไร ขณะเดียวกันจะใช้ยาปฏิชีวนะควบคู่กันไปด้วยแต่เน้นรักษาด้วยสมุนไพรเป็นหลัก กรณีที่เกินความสามารถของหมอกลางบ้านแล้วจะจัดส่งโรงพยาบาลของรัฐต่อไป ปัจจุบันการรักษาพยาบาลของคนญวนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารที่เจ็บป่วยเล็กน้อยจะรักษาที่คลินิคแพทย์แผนปัจจุบัน หากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจะได้รับบริการและสวัสดิการเหมือนคนไทยทั่วไป (หน้า 4,61) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เดิมคนญวนมีบ้านพักอาศัยแบบชั้นเดียวติดดิน โดยผนังก่ออิฐและปูพื้นด้วยอิฐ เมื่ออพยพข้ามมาฝั่งไทยก็ยังนิยมปลูกบ้านชั้นเดียวติดดินแบบเดิม (หน้า 64) การแต่งกายแบบดั้งเดิมคล้ายของชาวจีน จะนุ่งกางเกงขายาวโดยใช้ผ้าบางๆ ทั้งหญิงและชาย เสื้อคลุมผ่าข้างยาวคลุมถึงเข่าและมีผ้าม้วนพันรอบศีรษะทั้งหญิงและชาย ในระยะแรกที่อพยพเข้ามา เด็กผู้หญิงญวนจะสวมใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อแขนสั้นหรือยาวตัดเย็บด้วยผ้าต่วนหรือผ้าแพรบาง มีสีฟ้า สีดำ หรือไม่มีสีและลวดลาย ขึ้นอยู่กับการดำเนินกิจกรรม เช่น ทำงานเกี่ยวกับการเกษตรจะสวมใส่กางเกงเสื้อผ้าสีดำหรือสีน้ำเงินซึ่งย้อมสี สวมหมวกญวนที่เรียกว่า "กุ๊บ" ส่วนการแต่งกายเมื่อมีพิธีกรรมต่างๆ นั้นจะนิยมสวมใส่ชุดพื้นเมืองของชาวเวียดนามที่เรียกว่า "โอได๋" หรือ "เอ๋าด่าย" สำหรับผู้ชายในวัยเด็กจะสวมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลม หรือเสื้อเชิ้ตติดกระดุมสีดำ สีขาวหรือสีอื่นๆ ตามฐานะและความพอใจ วัยหนุ่มจะแต่งกายเหมือนชาวไทยทั่วไป วัยชราจะสวมใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลม เสื้อกล้าม แต่ในงานพิธีกรรมต่างๆ จะสวมใส่เสื้อขาวแขนยาว กางเกงสีดำหรือสีน้ำเงิน ยกเว้นพิธีศพจะสวมใส่กางเกงขาก๊วยและเสื้อแขนยาวหรือแขนสั้นสีขาว (หน้า 4,65) ในพิธีแต่งงานเจ้าสาวจะสวมชุดสีแดง สวมหมวกกุ๊บ เจ้าบ่าวจะสวมเสื้อสีขาว กางเกงสีดำ ส่วนคู่แต่งงานที่อพยพมาจากเวียดนามใต้เจ้าสาวจะสวมชุดสีเหลือง สวมหมวกกุ๊บ เจ้าบ่าวจะสวมเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ (หน้า 69) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ในระยะแรกที่อพยพเข้ามา มีการสอนภาษาญวนให้แก่บุตรหลานของตน แต่เป็นไปอย่างลับๆ ครูผู้สอนจะเดินเท้าเปล่าไปสอนตามบ้านเรือนคนญวน ปัจจุบันยังมีการรวมกลุ่มทางสังคมเฉพาะคนญวนชั้นสูงเพื่อดำเนินกิจกรรมหลากหลาย เช่น กลุ่มธุรกิจการค้า กลุ่มนันทนาการ นอกจากนั้นยังมีการรวมกลุ่มในพิธีกรรมทางศาสนา ศูนย์กลางการรวมกลุ่ม คือวัดญวนที่ตั้งอยู่ในชุมชนหลังศูนย์ราชการจังหวัดมุกดาหาร ทำให้เกิดจิตสำนึกความเป็นญวน ซึ่งแตกต่างไปจากสังคมไทยในท้องถิ่นอย่างชัดเจน (หน้า 3, 70, 84, 87) |
|
Social Cultural and Identity Change |
คนญวนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารได้พยายามปรับตัวให้เป็นคนไทย ด้วยมีสาเหตุสองประการ คือ 1. คนญวนรุ่นเก่าได้ตายไป คนรุ่นใหม่ที่ปฏิเสธความเป็นญวนและเกิดความรู้สึกว่าเขาคือคนไทย พูดภาษาญวนน้อยลงหรือไม่พูดเลยและไม่ยอมพูดภาษาพื้นเมืองอีสานจนคนไทยเรียกขานว่า "ไทยใหม่" 2. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยได้เอื้อต่อการครอบงำจนกลืนญวนรุ่นใหม่ไปหมด โดยเฉพาะมีพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนญวนมีความภูมิใจ ถือว่าตนเป็นคนไทยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป (หน้า 64, 84) |
|
Other Issues |
ผู้เขียนกล่าวถึงอาหารญวนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาหารจีน อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของญวนก็คือ หมูยอ แหนมเนือง ฯลฯ บางพวกอาจนิยมรับประทานเนื้อสุนัขเช่นเดียวกับชาวจีน ชาวเวียดนามมีวัฒนธรรมการกินคล้ายกับชาวจีน คือบริโภคอาหารจำพวกเส้นซึ่งนิยมใช้ตะเกียบ อาหารส่วนมากมีรสชาติจืด ปัจจุบันคนญวนหรือคนไทยเชื้อสายเวียดนามนิยมบริโภคอาหารเหมือนกับคนไทยทั่วไป แต่จะเน้นอาหารจำพวกผักเป็นพิเศษ ผักจะเป็นส่วนประกอบของอาหารทุกมื้อ (หน้า 65-66) ในยุคแรกที่ญวนอพยพเข้ามา บ้านทุกบ้านจะมีหิ้งบูชาและภาพของโฮจิมินท์และมีการสวดบูชาโฮจิมินท์ทุกวัน ต่อมาเมื่อทราบว่ากรรมการองค์กรชาวเวียดนามบางคนยักยอกเงินไป ชาวญวนอพยพจึงเลิกความเชื่อถือดังกล่าว ปัจจุบันจะไม่พบเห็นหิ้งบูชาหรือภาพถ่ายโฮจิมินท์อีกแล้ว (หน้า 68) |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนแสดงข้อมูลแผนที่และรูปภาพไว้ในส่วนของภาคผนวกท้ายเล่ม เพื่อแสดงให้ห็นถึงวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายเวียดนามในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดมุกดาหารให้ชัดเจนขึ้น เช่น แผนที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร รูปภาพชุดประจำชาติเอ๋าด่าย รูปภาพการรวมกลุ่มออกกำลังกายของสตรีตอนเช้า |
|
|