|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลื้อ,ทอผ้า,ผ้าเช็ด,พะเยา,เชียงราย |
Author |
แก้วพรรณกัลยา กัลยาณมิตร |
Title |
การศึกษารูปแบบลวดลายผ้าเช็ดไทลื้อในเขตจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทลื้อ ลื้อ ไตลื้อ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
138 |
Year |
2542 |
Source |
หลักสูตรศิลปบัณฑิต(ศิลปะไทย) ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ผ้าเช็ดของไทลื้อสามารถจำแนกได้เป็น 3 อย่างคือ ผ้าเช็ดหลวง ผ้าเช็ดธรรมดาและผ้าเช็ดน้อย จำแนกตามขนาดและประโยชน์ใช้สอย โดยทั่วไปจะไม่มีขนาด ลวดลาย และสัดส่วนที่แน่นอน แต่พอสรุปได้ว่า ผ้าเช็ดจะมีลาย 2 ข้างที่เหมือนกัน โดยที่ตรงกลางจะเว้นว่างหรืออาจจะใส่ลายเล็กน้อยเพื่อให้รู้ว่าต้องทอลายเดิมกลับไปอีกด้านหนึ่ง โดยจะมีการแบ่งช่องลายไม่เท่ากันแล้วแต่ขนาดของลายดอกที่มาตกแต่ง โดยเห็นความสวยงามเป็นหลัก ผ้าเช็ดเป็นผ้าที่ใช้ในพิธีกรรมเป็นส่วนมาก ไม่นิยมใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เดิมผู้ชายไทลื้อจะใช้พาดบ่าเวลาไปงานบุญที่วัด ปัจจุบันจะทำเป็นครัวทานและกลายมาเป็นของที่ระลึกใช้เป็นของตกแต่ง รองภาชนะต่าง ๆ แต่ได้ดัดแปลงมาเป็นผ้าพาดไหล่ทั้งหญิงและชาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะการทำลวดลายให้เข้ากับผ้าซิ่น ปัจจุบันการใช้ผ้าพาดไหล่ลักษณะคล้ายสไบนั้น เริ่มจากที่ผู้ชายใช้พาดบ่าไปวัด ต่อมามิได้ใช้เฉพาะไปวัด ดังนั้นประโยชน์ในการเช็ดก็น้อยลงกลายเป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น ต่อมามีการทำเป็นลวดลายต่าง ๆ ที่ไม่เป็นตามความเชื่อและผู้หญิงเริ่มนำมาพาดบ่าด้วยโดยนำสีที่เข้ากับผ้าซิ่นและมีการทอให้มีลวดลายคล้ายผ้าซิ่น โดยไม่มีแบบแผนของผ้าเช็ดเดิม ส่วนลวดลายต่างๆ ก็มีการดัดแปลงเติมลวดลายตกแต่งมากขึ้นและมีการนำลายประยุกต์มาใส่มากขึ้น |
|
Focus |
ศึกษาประวัติความเป็นมา กระบวนการผลิต การใช้วัสดุ รูปแบบลวดลายแบบแผนทางศิลปกรรมและเทคนิคต่าง ๆ ในการทำผ้าเช็ดของไทลื้อในเขตจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา ตลอดจนแนวโน้มของการทำผ้าเช็ดและการนำมาประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
"ลื้อ" เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไท (หน้า 4) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
"ลื้อ" เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ตระกูลไท อาศัยในเขตสิบสองปันนา ตอนใต้ของมณฑลยูนนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและบริเวณภาคตะวันออกของรัฐฉาน ในเขตเมืองยอง ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพพม่า ไทลื้อได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานตามหัวเมืองต่าง ๆ ในภาคเหนือตามนโยบาย "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" ของเจ้าผู้ครองนครในอดีต ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีไทลื้อกระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือ ได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงรายและจังหวัดพะเยา นอกจากนี้ลื้อบางกลุ่มยังอพยพเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อลี้ภัยทางการเมืองจากจีน ที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบคอมมิวนิสต์และแสวงหาที่ทำกินที่เหมาะสม (หน้า 4) การศึกษาความเป็นมาของไทลื้อในอำเภอเชียงม่วนมีความเกี่ยวพันกับประวัติอันยาวนานของไทลื้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย อำเภอท่าวังผ้า จังหวัดน่าน การสอบถามผู้สูงอายุในปัจจุบัน ก็ไม่มีใครยืนยันหรือมีเอกสารบันทึกไว้ เพียงแต่มีการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา (หน้า 25) |
|
Settlement Pattern |
ไทลื้อตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำปลูกบ้านใต้ถุนสูง (หน้า 5-6) |
|
Demography |
ปี พ.ศ. 2399 พระเจ้าสุริยผริตเดชได้กวาดต้อนไทลื้อมาไว้ในเขตจังหวัดน่านประมาณ 2,000 คน (หน้า 26) |
|
Economy |
สังคมไทลื้อเป็นสังคมเกษตรกรรมเช่นเดียวกับล้านนา บ้านทุกหลังมีการปลูกผักไว้กินเอง เลี้ยงวัวควายไว้ไถนาและเลี้ยง หมู เป็ด ไก่ (หน้า 5-6) นอกจากนี้ ยังมีการทำไร่ยาสูบ ข้าวโพด ข้าวฟ่างและมะเขือเทศ (หน้า 29) |
|
Social Organization |
ไทลื้อเคารพและเชื่อฟังผู้อาวุโสกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงจะเคารพยกย่องผู้ชายมากเป็นพิเศษด้วยความเชื่อว่า ผู้ชายเป็นเพศพระ (หน้า 5) |
|
Political Organization |
ปี พ.ศ. 2504 บ้านท่าฟ้าได้มีการแบ่งการปกครองโดยแยกหมู่บ้านที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับลำห้วยข้าด้านทิศตะวันตก เป็นบ้านหล่าย หมู่ที่ 6 (หน้า 30) |
|
Belief System |
ไทลื้อมีการเลี้ยงผีฝายเพื่อเป็นสิริมงคล ถ้าปีไหนเห็นว่าข้าวไม่เจริญเติบโตเต็มที่จึงต้องมีการเรียกขวัญข้าว ถ้าในฤดูเก็บเกี่ยวข้าวได้ผลผลิตเป็นที่พอใจก็จะมีการทำพิธีสู่ขวัญข้าวใหม่ ไทลื้อมีการทำพิธีสืบชะตาคนและสืบชะตาหมู่บ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล วันขึ้นปีใหม่ของไทลื้อจะมีระหว่างวันที่ 13-18 เมษายนของทุกปี (หน้า 6) ไทลื้อนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 23) |
|
Education and Socialization |
ในเขตหมู่บ้านท่าฟ้า มีสถานที่ดูแลเด็กเล็กของศูนย์พัฒนาเด็ก กรมพัฒนาชุมชน ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2482 (หน้า 29) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เสื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของหญิงชราไทลื้อคือ "เสื้อปั๊ด" เป็นเสื้อสีดำครามแขนยาว ตัวเสื้อรัดรูป เอวลอย มีสาบหน้าเฉียงมาผูกติดกันด้วยด้านสั้นหรือแถบผ้าเล็กๆ ตรงมุมด้านซ้ายหรือขวาของลำตัว เสื้อของสตรีที่มาจากเมืองเงิน ประเทศลาวจะมีลักษณะพิเศษคือ นิยมแต่งสาบด้วยแถบผ้าลายจกซึ่งมี 2 แบบด้วยกัน ถ้าเป็นเสื้อที่ใส่ในโอกาสพิเศษหรือใส่ในฤดูหนาวจะมีผ้าสีแดงซับในเรียกว่า "เสื้อกับหลองแดง" เสื้อของชายไทลื้อจะมีลักษณะคล้ายเสื้อหม้อห้อมของไทยวนคือเป็นเสื้อแขนยาวสีดำคราม บางตัวมีลักษณะพิเศษคือเอวลอย ขลิบด้วยแถบผ้าสีต่างๆ มีผืนผ้าเย็บต่อจากสาบหน้าป้ายมาติดกระดุมเงินทั้งส่วนตรงใกล้รักแร้และส่วนเอว สำหรับเสื้อชายไทลื้อที่เมืองเงินจะเป็นเสื้อคอตั้งตกแต่งด้วยแถบผ้าที่มีลวดลายจก แต่โบราณ ไทลื้อนิยมโพกผ้าขาวแบบเคียนสำหรับไทลื้อเมืองเงินจะนิยมโพกผ้าสีดำ เป็นลักษณะเฉพาะและในโอกาสพิเศษจะสวมหมวกผ้าตกแต่งลวดลายแทนการโพกศีรษะ ไทเหนือและไทพวนมีภูมิลำเนาอยู่ในแถบที่มีอากาศหนาวเย็นในเขตประเทศลาวจึงนิยมสวมเสื้อสีดำครามแต่เมื่ออพยพเข้าล้านนาจึงรับเอาวัฒนธรรมการสวมเสื้อแบบคนไททั่วไปในล้านนา ผ้าทอมือสีน้ำเงินของไทลื้อเรียกว่า "ผ้าฮำ" ย้อมสีแบบสีม่อฮ่อมของคนไทล้านนา ส่วนผ้าถุงของไทลื้อเรียกว่าผ้าถุงลายน้ำไหล ลักษณะเด่นของผ้าซิ่นแบบไทลื้อ เป็นผ้าซิ่นแบบเย็บสองข้างติดกัน ลวดลายมักจะอยู่ตรงกลางของตัวซิ่น ส่วนตีนซิ่นมักจะเป็นสีพื้น ลวดลายขวางบนตัวซิ่นเกิดจากเส้นพุ่ง ลื้อแต่ละแห่งในล้านนาจะมีลักษณะการทอผ้าที่แตกต่างกันออกไป ผ้าซิ่นแบบไทยวนเป็นผ้าซิ่นแบบเย็บข้างเดียว มีลวดลายขวางบนตัวซิ่น ตีนซิ่นอาจเป็นผ้าพื้นธรรมดาสีแดงหรือดำหรือเป็นตีนจก ซึ่งมีลวดลายอยู่ตรงส่วนบนครึ่งท่อนของตีนซิ่น ผ้าซิ่นแบบลาว เป็นผ้าซิ่นแบบเย็บข้างเดียว ลวดลายบนตัวซิ่นเป็นลายทางยาวหรือเป็นลายมุก ตีนซิ่นอาจเป็นผ้าพื้นธรรมดาหรือตีนจกซึ่งมีลวดลายเต็มตลอดผืนของตีนซิ่น (หน้า 7-10 ) ผ้าเช็ดไทลื้อสามารถจำแนกได้เป็น 3 ขนาด ได้แก่ ผ้าเช็ดหลวง ลักษณะคล้ายตุง กว้าง 15-30 เซนติเมตร ยาว 2-3 เมตร นิยมทำถวายวัดเช่นเดียวกับตุง ไม่มีไม้ไผ่คั่นและไม่มีรูปราสาทแบบตุง ลวดลายบนผ้าใช้วิธีการเก็บขิดด้วยไม้ค้ำเป็นช่วงๆ ผืนผ้าเช็ดหลวงจะเป็นผ้าฝ้ายสีขาวลวดลายที่เกิดเส้นพุ่งจะมีหลายสี ลักษณะคล้ายกับผ้าเช็ดของไทลื้อที่สิบสองปันนา ผ้าเช็ด เป็นผ้าผืนยาวประมาณ 1-1.50 เมตร กว้างประมาณ 15-40 เซนติเมตร ใช้สำหรับผู้ชายพาดไหล่เวลาเข้าวัดหรืองานพิธีกรรมต่าง ๆ วิธีการพาดบ่า จะพับ 2-3 ทบ พับด้านยาวให้เหลือครึ่งหนึ่งแล้วพาดบนไหล่ ผ้าเช็ดน้อย เป็นผ้าฝ้ายสีขาว กว้างประมาณ 15-20 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร มีลายขิดขนาดเล็กเป็นริ้วตรงชายผ้า 2 ข้าง ใช้เป็นผ้าเช็ดหน้า ไทยวนทั้งผู้ชายและผู้หญิงเวลาไปวัดจะใช้ผ้าผืนสีขาวตกแต่งเป็นพิเศษ ผู้ชายจะพาดไหล่แบบเดียวกับการพาดเฉียงที่เรียกว่า "สะหว้ายแล่ง" หรือ "เบี่ยงบ้าย" ผ้าเช็ดเป็นเอกลักษณ์ของไทลื้อที่นิยมติดตัว มีลักษณะผ้าพื้นสีขาวมีลายสีแดงสลับดำหรือน้ำเงินเข้ม นิยมทำลายรูปสัตว์ สลับกับลายเรขาคณิต ลายดอกไม้เป็นแถวๆ ลายหงส์ ลายช้าง ลายม้า เป็นต้น โดยที่หญิงจะทอให้ชายคนรักใช้พาดบ่าไปวัด (หน้า 16-18) |
|
Folklore |
ไทลื้อมีประเพณีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ และเรียกชื่อวันต่าง ๆ ในเทศกาลนี้เหมือนล้านนา คือ วันสังขารล่อง วันเน่า วันปากปี เคยมีประเพณีแห่เจ้าฟ้าออกมาสรงน้ำเหมือนการแห่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ออกมาสรงน้ำในน้ำปิง มีประเพณีจุดบ้องไฟก่อนฤดูทำนา นิยมใช้คำนำหน้าชื่อผู้หญิงว่า "อี่" นำหน้าชายว่า "โอ่" เหมือนในล้านนา ส่วนการละเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทลื้อคือ การขับลื้อ เป็นการขับร้องที่มีจังหวะสัมผัสเป็นเอกลักษณ์ของไทลื้อโดยใช้ปี่เป็นดนตรีประกอบ การฟ้อนเจ้ง เป็นการฟ้อนก่อนการต่อสู้คล้ายการไหว้ครูก่อนชกมวย การเล่นมะกอน เป็นการเล่นสานสัมพันธ์รัก การเล่นโกงกาง ทำจากไม้ไผ่ต่อที่รองเหยียบสูงประมาณ 1 ฟุต การเล่นก้อปแก๊ป ทำจากกะลามะพร้าวร้อยเชือก (หน้า 6) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ผู้หญิงไทลื้อสุภาพเรียบร้อย ขยันทำงานบ้านและต้องทำนาทำไร่เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชาย (หน้า 5) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบันไทลื้อสวมเสื้อผ้าไม่แตกต่างจากคนไทอื่น ๆ ในล้านนา (หน้า 7) แต่เดิมผู้ชายไทลื้อจะใช้ผ้าเช็ดพาดบ่าเวลาไปงานบุญที่วัด แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นของที่ระลึกใช้เป็นของตกแต่ง รองภาชนะต่าง ๆ (หน้า 36) |
|
Other Issues |
เทคนิคการทอผ้ามีหลายแบบ เช่น - มัดก่าน (มัดหมี่) คือการมัดลายที่ด้ายพุ่งด้วยเชือกก่อนนำไปย้อมสี ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ บานด้ายเส้นพุ่งก่อนนำไปทอเป็นผืน - จก เป็นเทคนิคการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผ้า โดยใช้ไม้หรือขนเม่นหรือนิ้วมือยกหรือจกดานเส้นยืดขึ้นสอดใส่คล้ายเส้นพุ่งพิเศษเข้าไป - ขิด เป็นเทคนิคการเพิ่มเส้นด้ายเส้นพุ่งพิเศษเข้าไปเช่นเดียวกับจก แต่ลายขิดทำติดต่อตลอดหน้ากว้างของผืนผ้าโดยไม้ค้ำหรือเขาที่ทำเป็นพิเศษนอกจากเขาที่ทอแบบธรรมดา - ยกดอก เป็นเทคนิคการยกเขาแยกเส้นยืนขึ้นลงแต่ไม่ได้เพิ่มด้ายเส้นพิเศษเข้าไปในผืนผ้าเช่นการจก - เกาะหรือล้วง เป็นการทอที่ไม่ได้ใช้ด้ายเส้นพุ่งฮอดใส่จากริมผ้าด้านหนึ่งไปอยู่อีกริมผ้าด้านหนึ่งตามแบบพิธีการธรรมดา และไม่ใช้วิธีการทอโดยเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปในเนื้อผ้า เช่น เทคนิคการจก - มุก เป็นเทคนิคการทอผ้าให้เกิดลายโดยเพิ่มเส้นด้ายยืนพิเศษกระทำโดยใช้เขาขึงด้ายเส้นยืดพิเศษไว้เหนือด้านเส้นยืนธรรมดา ลวดลายจะเกิดจากด้ายเส้นยืนพิเศษ (หน้า 10) |
|
Map/Illustration |
ภาพ - ลายช้าง(37) - ลายม้า(44) - ลายนาค 2 หัว(55) - ลายสิงห์(60) - ลายหงส์(61) - ลายนกยูง(62) - ลายนกน้อย(64) - ลายคน(65) - ลายวิหาร(66) - ลายโบสถ์(67) - ลายโบสถ์หลวง(69) - ลายโบสถ์กาบ(70) - ลายปราสาท(71) - ลายโบสถ์ขอ(72) - ลายจันใหญ่(73) - ลายดอกไม้(74) - ต้นดอกไม้ 4 ดอก 4 ใบ(75) - ลายบัวเครือ(76) - ลายดอกกระดุมหลวง(79) - ลายแก้วต่อม(80) - ลายสายสร้อย(81) - ลายคู้ไข้(83) - ลายผ้ากั้ง(84) - ลายตอกตกแต่ง(86) - ลายจันน้อย(87) - ลายช่อฟ้าเมฆไหล(88) - ลายดอกกุด,ตัวธรรม(89) - ลายเป้าตั้ง(92) - ลายขอ(93) - ลายกุญแจ(94) - ลายกาบน้ำ(95) - ลักษณะรูปแบบต่างๆ ของผ้าเช็ดจากตัวอย่างที่หามาได้ในพื้นที่ต่างกัน(101) - ลักษณะผ้าที่คล้ายกับผ้าเช็ดหน้า(106) - กันต์มะพร้าว(110) - ครัวทาน(111) - ผ้าเช็ดน้อย(112) - ผ้าเช็ดน้อยไม่ตัดใช้แทนตุง(114) - กระสวยผ้าเช็ด(115) - วิธีพับ(116) |
|
|