|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,การเรียน,ประถมศึกษา,เยาวชน,ชายแดน,ภาคใต้ |
Author |
ทัศนีย์ พรหมไพจิตร |
Title |
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
192 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาประชากรศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล |
Abstract |
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้(ยะลา ปัตตานี นราธิวาสและสตูล) ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส ได้แก่ ปัจจัยด้านประชากร ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านจิตวิทยา และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจัยด้านประชากร พบว่า เพศชายมีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อในทางบวก ผู้ขาดโอกาสทางการศึกษาที่เป็นเพศชายมีแนวโน้มที่จะยอมรับโอกาสมากกว่าเพศหญิง อายุมีความสัมพันธ์ในทางลบกับการเรียนต่อคือกลุ่มเยาวชนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มจะเรียนต่อมากกว่าผู้ที่อายุมาก ลำดับของการเป็นบุตรและจำนวนสมาชิกในครัวเรือนไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ พบว่า ผู้ปกครองที่มีรายได้ต่ำและผู้ปกครองที่ประกอบอาชีพกรรมกรและผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการผลิต มีแนวโน้มจะส่งบุตรเรียนต่อ ขนาดของที่ดินทำกินไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ เยาวชนที่ผู้ปกครองมีผลผลิตที่คิดออกมาเป็นตัวเงินต่ำมีแนวโน้มจะเรียนต่อ ปัจจัยด้านสังคม พบว่า สถานภาพสมรสของผู้ปกครอง ระดับการศึกษาและการสนับสนุนผู้นำในชุมชน ไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ การสื่อด้วยภาษาไทยของผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ในทางลบกับการเรียนต่อของเยาวชน ปัจจัยด้านจิตวิทยา พบว่า ผลการเรียนต่อไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มการเรียนต่อ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ เจตคติต่อการเรียนต่อระดับวิทยาลัย เป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลโดยตรงกับการเรียนต่อระดับวิทยาลัย การคล้อยตามกลุ่มเพื่อนมีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ ความคาดหวังของผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาชีพการค้า ผู้ใช้วิชาชีพ อาชีพกรรมกรและผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการผลิต มีแนวโน้มไม่ส่งบุตรเรียนต่อในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส ค่านิยมทางการศึกษาของผู้ปกครองมีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ ส่วนความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับหลักสูตรและกิจกรรมมีความสัมพันธ์ในทางลบ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า การรู้ข่าวสารการศึกษาของผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการเรียนต่อ การแนะแนวครู ไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ ความสะดวกในการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียนของบุตร มีความสัมพันธ์ในทางลบกับการเรียนต่อ แม้ว่าการเดินทางของจากบ้านมาโรงเรียนของบุตรไม่สะดวกก็มีแนวโน้มว่าบุตรจะเรียนต่อ |
|
Focus |
ศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาสและสตูล) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาไทย ภาษามลายูท้องถิ่น (หน้า 28) ภาษามลายูในทัศนะของนักภาษาศาสตร์เชิงประวัติศาสตร์ มีที่มาดั้งเดิมจากภาษาออสโตรนีเซีย หรือเป็นที่รู้จักในชื่อของภาษามาเลย์โปลีนีเซีย ชนเชื้อสายอินโด-มลายูหรือออสโตรนีเซียซึ่งเข้ามาสู่ภูมิภาคมลายูในยุคแรก พูดภาษาเดียวกันคือ ภาษามลายูโปรโตหรือภาษามลายูต้นแบบ และได้มีพัฒนาการปรับเปลี่ยนไปในแต่ละพื้นที่จนเกิดเป็นภาษาท้องถิ่นและเปลี่ยนเป็นภาษาที่แตกต่างกัน เช่น ภาษาชวา ดายัค มินังกาเบา บาตัค เป็นต้น ภาษามลายูตระกูลของภาษาออสโตรนีเซียมีลักษณะสำคัญคือเป็นภาษาที่มีรากคำ 2 พยางค์ ส่วนการเขียนภาษามลายูจะใช้อักษร 2 ชนิด คือ อักษรยาวีและอักษรรูมี อักษรยาวีคืออักษรมลายูที่ได้โดยการเลียนแบบและคิดเพิ่มเติมจากอักษรอาหรับ ส่วนอักษรรูมี เป็นอักษรที่ได้มาโดยการยืมจากอักษรโรมันแล้วนำมาปรับใช้กับหน่วยเสียงที่ปรากฏในภาษามลายู (หน้า 28-30) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
แต่เดิมประมาณ พ.ศ.1149-1150 ดินแดนที่เรียกว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกว่า "อาณาจักรฉีตื้อ" บางกระแสก็เรียกว่า "อาณาจักรลังกาสุกะ" หรือเรียกตามภาษาจีนว่า "ลังย่าสิ่ว" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงเหมาะสำหรับจอดเรือและขนถ่ายสินค้ามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 8 ในปี พ.ศ. 2023 อาณาจักรลังกาสุกะได้หายไปจากประวัติศาสตร์ แต่มีชื่อเมืองปัตตานีปรากฏตามพงศาวดาร ประวัติความเป็นมาของเมืองปัตตานีมีหลายสำนวน ดังเช่น มีหมู่บ้านชาวประมงในชนบทแห่งหนึ่งอยู่ติดทะเล ได้ค่อยๆ กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมระหว่างทะเลกับทางบก ในที่สุดได้กลายเป็นท่าเรือที่แออัดไปด้วยผู้คน กษัตริย์ซึ่งครองเมือง "โกตามะฮลิฆัย" ทรงพระนาม พยา ตู อันตารา ได้ทรงโยกย้ายพระราชวังมาตั้งอยู่ที่เมืองใหม่แห่งนี้และตั้งชื่อว่า "ปัตตานี" ปัตตานีได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยคาดว่านับแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง สมัยกรุงสุโขทัย เพราะพิจารณาจากหลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงว่า "เบื้องหัวนอน รอดคนที พระบาง แพรก - สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว...." ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2328 เกิดสงครามเก้าทัพกับพม่า หัวเมืองปักษ์ใต้ได้เสียแก่พม่า ยกเว้นเมืองถลางที่ท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทรรักษาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพปราบพม่าที่รุกรานปักษ์ใต้ แต่เจ้าเมืองปัตตานีไม่ยอมขึ้นกับไทย กองทัพไทยจึงตามสู้รบกับสุลต่านมะหะหมัด ไทยจึงได้ยึดปัตตานีและแต่งตั้งเชื้อสายเจ้าเมืองตานีเป็นรายาปัตตานี แต่ให้อยู่ภายใต้การดูแลของเมืองสงขลา แต่เจ้าเมืองปัตตานีได้ก่อกบฏขึ้นอีกหลายครั้ง เช่นในปี พ.ศ. 2434 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการหัวเมืองต่างๆ เป็นมณฑลเทศาภิบาล ตั้งข้าหลวงประจำจังหวัดแทนผู้ครองเมืองทั้งเจ็ดหัวเมือง ต่อมาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2476 ได้จัดระเบียบบริหารออกเป็นการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น มณฑลปัตตานีจึงถูกแบ่งออกเป็น 3 จังหวัดคือ จังหวัดยะลา ปัตตานีและนราธิวาส ขึ้นตรงกับส่วนกลางมาถึงปัจจุบัน ในส่วนของจังหวัดสตูลในปัจจุบัน แต่เดิมชื่อตำบล "สะโตย" เป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทรบุรี เป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานเช่นเดียวกับเมืองปัตตานี ส่วนเมืองไทรบุรี ตามประวัติได้อยู่ภายใต้การปกครองของไทยประมาณสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยาและเป็นประเทศราชตลอดมาจนถึง พ.ศ.2330 เมื่อไทยเสียแก่พม่า เมืองไทรบุรีจึงตั้งตัวเป็นอิสระ หลังจากไทยได้ขับไล่พม่าและปราบปรามเมืองต่างๆ ได้สำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมืองไทรบุรีก็ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของไทยเช่นเดิม ต่อมาใน พ.ศ.2376 สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาไทรบุรี แข็งเมือง พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราชยกทัพไปปราบ และบุตรของเจ้าพระยานครศรีธรรมราชได้เป็นเจ้าเมืองไทรบุรี ซึ่งเป็นข้าราชการไทยคนแรกที่ปกครองไทรบุรี จึงเป็นเหตุให้เชื้อสายเจ้าเมืองไทรบุรีไม่พอใจ จึงก่อกบฏขึ้นอีก 2 ครั้ง แต่ก็ปราบสำเร็จ พ.ศ. 2402 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ รวมเมืองกูปังปาซูเข้ากับเมืองไทรบุรีตามคำขอของพระยาไทรบุรี และ พ.ศ. 2415 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ โปรดฯ ให้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาไทรบุรีและขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ.2440 ได้จัดให้ปกครองในรูปของมณฑลเทศาภิบาล ได้รวมเมืองไทรบุรีกับเมืองสตูลเป็นมณฑลไทรบุรี พ.ศ. 2452 ไทยถูกบีบคั้นจากอังกฤษจนต้องทำสัญญายอมยกดินแดนบางส่วน คือเมืองกลันตัน ไทรบุรี ปอร์ลิศให้แก่รัฐบาลอังกฤษ คงเหลือแต่เมืองสตูลเมืองเดียวที่เป็นของไทย ซึ่งต่อมาได้เป็นจังหวัดสตูล ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 (หน้า 39 - 45) |
|
Demography |
มุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อ พ.ศ. 2537 มีไทยมุสลิมร้อยละ 80 จำแนกเป็นจังหวัดคือ จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 81.93 ปัตตานี ร้อยละ 78.88 สตูลร้อยละ 78.73 ยะลา ร้อยละ 77.34 ความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย 142 คน/ตารางกิโลเมตร อัตราเพิ่มของประชากรเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2.28 (หน้า 24) กลุ่มเยาวชนตัวอย่าง 451 คน เป็นเพศหญิงจำนวน 242 คน (ร้อยละ 53.7) และเพศชาย 209 คน(ร้อยละ 46.3) ขนาดครัวเรือนของเยาวชน มีขนาดครัวเรือนประมาณ 6-7 คน จำนวน 170 คน คิดเป็นร้อยละ 37.7 รองลงมามีขนาด 4-5 คน จำนวน 144 คน คิดเป็นร้อยละ 21.9 (หน้า 151-152) ผู้ปกครองของเยาวชนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันทีจำนวน 400 คน คิดเป็นร้อยละ 88.7 (หน้า 157) |
|
Economy |
รายได้เฉลี่ยต่อบุคคลของประชากรในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อ พ.ศ.2536 ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยของภาคใต้ โดย จังหวัดยะลา 29,211 บาท/คน/ปี จังหวัดสตูล 28,961 บาท/คน/ปี จังหวัดนราธิวาส 27,198 บาท/คน/ปี จังหวัดปัตตานี 26,459 บาท/คน/ปี ขณะที่ รายได้เฉลี่ยของภาคใต้ 32,471 บาท/คน/ปี(หน้า 7) ส่วนใหญ่รายได้ของผู้ปกครองของกลุ่มเยาวชนมีรายได้ประมาณ 2,001-3,000 บาทต่อเดือน จำนวน 121 คน คิดเป็นร้อยละ 26.8 ผู้ปกครองที่มีรายได้ 3,001 - 4,000 บาทต่อเดือนจำนวน 91 คน คิดเป็นร้อยละ 20.2 ผู้ปกครองที่มีรายได้ 2,000 บาทต่อเดือนและน้อยกว่า มีจำนวน 85 คน คิดเป็นร้อยละ 18.8 อาชีพของผู้ปกครองของกลุ่มเยาวชน มีอาชีพเกษตรกรรมมากที่สุด จำนวน 316 คนคิดเป็นร้อยละ 70.1 รองลงมาคืออาชีพค้าขาย จำนวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 10.9 ส่วนใหญ่มีที่ดินประมาณ 1 -10 ไร่จำนวน 202 คนคิดเป็นร้อยละ 44.8 ส่วนผู้ปกครองที่ไม่มีที่ดิน มีจำนวน 108 คน คิดเป็นร้อยละ 23.9 (หน้า 155-157) |
|
Belief System |
คนไทยในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี พ.ศ.2537 มีไทยมุสลิมร้อยละ 80.0 เมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัดพบว่า จังหวัดนราธิวาสมีร้อยละ 81.9 ปัตตานี ร้อยละ 78.8 สตูลร้อยละ 78.7 และยะลา ร้อยละ 77.3 (หน้า 5) |
|
Education and Socialization |
ในปี พ.ศ. 2537 มีโรงเรียนประถมศึกษาตามโครงการขยายโอกาสชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 113 โรงเรียน มีนักเรียนจำนวน 5,338 คน และในเขตการศึกษา มีนักเรียนที่เรียนต่อต่ำที่สุดเพียง 2,703 คน นักเรียนในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ เขตการศึกษา 2 เพียง 8,151 คน โดยเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1, 2 และปีที่ 3 มีจำนวนเพียง 3,347 คน 2,497 คน และ 2,307 คนตามลำดับ(หน้า 11-12) เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนประถมศึกษาที่มีโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ปีการศึกษา 2536-2538 และกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ในปีการศึกษา 2539 ในโรงเรียนเดิม 4,356 คน และมีเยาวชนที่ไม่ได้เรียนต่อในโรงเรียนที่ตนเรียนจบจำนวน 6,330 คน การศึกษาครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 386 คน จำแนกเป็นเยาวชนที่เรียนต่อในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำนวน 229 คน และเยาวชนที่ไม่เรียนต่อในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำนวน 229 คน(หน้า 121-122) เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส ปีการศึกษา 2539 มีทั้งหมด 183 คน เข้าเรียนในปีการศึกษา 2539 มากที่สุด 85 คน(ร้อยละ 46.4) เยาวชนที่จบชั้นประถมศึกษา ปีการศึกษา 2538 แล้วไม่เรียนต่อระดับมัธยมศึกษา จำนวน 105 คน คิดเป็นร้อยละ 39.2 เยาวชนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ไม่ได้เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำนวน 268 คนแต่ได้เรียนต่อในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมากที่สุดจำนวน 166 คน คิดเป็นร้อยละ 61.9 คน(หน้า 145-147) การให้ความสำคัญในการเรียนรู้ศาสนาของชาวมุสลิมว่ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ดังนั้นผู้ปกครองจึงนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาหาความรู้ทางศาสนาจากผู้มีความรู้ด้านศาสนามากกว่าการเรียนวิชาสามัญในโรงเรียนของรัฐบาล (หน้า 5) การศึกในด้านศาสนาตามรูปแบบ "ปอเนาะ" (Pondok) มีโต๊ะครูเป็นผู้สอนโดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การสอนศาสนาอิสลามที่ว่าด้วยหลักการ เชื่อถือ ศรัทธาและหลักการปฏิบัติศาสนกิจ (หน้า 32-33) ระดับการศึกษาของผู้ปกครองของกลุ่มเยาวชนเรียนหนังสือจำนวน 337 คน คิดเป็นร้อยละ 74.7 (หน้า 157) ปัจจัยด้านประชากร (ตัวแปร เพศชายและอายุน้อย) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ (ตัวแปร ผู้ปกครองมีรายได้ต่ำ ผู้ปกครองประกอบอาชีพกรรมกร และผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการผลิตและผู้ปกครองมีปริมาณผลผลิตต่ำ) ปัจจัยด้านจิตวิทยา (ตัวแปร เยาวชนมีเจตคติต่อการเรียน การคล้อยตามกลุ่มเพื่อน ค่านิยมทางการศึกษาของผู้ปกครองมีแนวโน้มไปในทางเห็นด้วย) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (ตัวแปร ผู้ปกครองรับรู้ข่าวสารทางการศึกษาและการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียนของบุตรไม่สะดวก) มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อวิเคราะห์เฉพาะปัจจัยเป็นรายด้านพบว่า(ตัวแปร เพศชายและอายุน้อย)ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ(ตัวแปร ผู้ปกครองมีรายได้ต่ำ ผู้ปกครองประกอบอาชีพกรรมกรและผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการผลิตและผู้ปกครองมีปริมาณผลผลิตต่ำ) ปัจจัยด้านจิตวิทยา (ตัวแปร เยาวชนมีเจตคติต่อการเรียน การคล้อยตามกลุ่มเพื่อน ค่านิยมทางการศึกษาของผู้ปกครองมีแนวโน้มไปในทางเห็นด้วย) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (ตัวแปร ผู้ปกครองรับรู้ข่าวสารทางการศึกษาและการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียนของบุตรไม่สะดวก) มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เฉพาะด้านสังคมไม่มีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อ |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
คนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ (ชาวพุทธ) โดยมีภาษา และวัฒนธรรมของตนเอง มีการปฏิบัติศาสนากิจอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญในการเรียนรู้ศาสนาว่ามีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต (หน้า 5) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิมเป็นทางลบมากกว่าทางบวก ซึ่งเกิดจากเหตุ 2 ประการคือ ความไม่เข้าใจซึ่งกันแลกันกับความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน (หน้า 34) |
|
Map/Illustration |
ตาราง - จำนวนและร้อยละของนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามและนักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2536 ในเขตการศึกษา 2 (หน้า 4) - จำนวนนักเรียนที่เรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ(หน้า 12) - จำนวนนักเรียนที่เรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ออกกลางคันตามโตรงการขยายโอกาสทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ (หน้า 13) - จำนวนและร้อยละของนักเรียนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนที่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและของรัฐบาล ตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา ปีการศึกษา2538(หน้า 14) - จำนวนโรงเรียนที่เปิดสอนตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา จำแนกตามรายจังหวัดและจำนวนนักเรียน ปี พ.ศ.2537 และปี พ.ศ.2539 ของเขตการศึกษา 2(หน้า 63) - จำนวนและสัดส่วนของนักเรียนที่เรียนต่อและไม่เรียนต่อในโรงเรียนขยายโอกาสศึกษาจำแนกตามจังหวัด อำเภอและโรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง(หน้า 125) - จำนวนและร้อยละของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ในโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสที่เป็นตัวอย่างในปี พ.ศ. 2539 จำแนกตามปีการศึกษาที่เข้าเรียน(หน้า 145) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปร ในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านประชากร(หน้า 160) - ค่าต่างๆที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภทที่ได้ จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านประชากร(หน้า 161) - ผลการคาดประมาณโดยสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านประชากร(หน้า 163) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านเศรษฐกิจ(หน้า 165) - ค่าต่างๆที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภทจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านเศรษฐกิจ(หน้า 166) - ผลของการคาดประมาณโดยสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านเศรษฐกิจ(หน้า 168) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสังคม(หน้า 170) - ค่าต่างๆ ที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภทจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสังคม(หน้า 170) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านจิตวิทยา(หน้า 173) - ค่าต่างๆที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภทจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสังคม(หน้า 173) - ผลการคาดประมาณโดยสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านจิตวิทยา(หน้า 175) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม(หน้า 177) - ค่าต่างๆที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม(หน้า 178) - ผลการคาดประมาณโดยสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม(หน้า 180) - ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในสมการจำแนกประเภทของกลุ่มเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส รวมทุกตัวแปรในทุกปัจจัย(หน้า 182) - ค่าต่างๆที่ใช้ในการตัดสินสมการจำแนกประเภท จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยทั้ง 5 ด้าน(หน้า 184) - ผลการคาดประมาณโดยสมการจำแนกประเภทที่ได้ จำแนกตามตัวแปรในปัจจัยรวม ทั้ง 5 ด้าน(หน้า 187) ภาพ - แนวการจัดการศึกษาภาคบังคับต่ออีก 3 ปี(หน้า 59) - องค์ประกอบของทฤษฎีการกระทำทางสังคม(หน้า 65) - แบบพลวัตของเหตุและผลของกรอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครอง อำนาจการพยายามควบคุมและการยอมตามของบุตร(หน้า 76) - ตัวแบบการทำนายของลิสกา(หน้า 85) - กรอบแนวคิดในการวิจัย ปัจจัยด้านประชากร เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยาและสิ่งแวดล้อม ต่างมีความสัมพันธ์กับการเรียนต่อและไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสของเยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้(หน้า 199) - กรอบแนวคิดในการวิจัย ปัจจัยด้านประชากร เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยาและสิ่งแวดล้อม มีอิทธิพลร่วมกันในการจำแนกกลุ่มเยาวชน เรียนต่อและไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส(หน้า 120) - การจำแนกกลุ่มเยาวชน เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านประชากร(หน้า 162) - การจำแนกกลุ่มเยาวชน เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านเศรษฐกิจ(หน้า 162) - การจำแนกกลุ่มเยาวชน เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านจิตวิทยา(หน้า 174) - การจำแนกกลุ่มเยาวชน เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม(หน้า 179) - การจำแนกกลุ่มเยาวชน เยาวชนไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียนต่อ และไม่เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสจำแนกตามตัวแปรในปัจจัยทั้ง 5 ด้าน(หน้า 185) |
|
|