สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มุสลิม,ผู้นำศาสนา,การยอมรับ,การพัฒนาชุมชน,กรุงเทพฯ,ภาคกลาง
Author กุสุมา กูใหญ่
Title การรับรู้ความคาดหวัง ความพึงพอใจ และการยอมรับของชาวมุสลิม ในเขตหนองจอก ต่อบทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 292 Year 2540
Source หลักสูตร ปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตรพัฒนาการ ภาควิชาการประชาสัมพันธ์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

การวิจัยมุ่งศึกษาความพึงพอใจ ความคาดหวังของชาวมุสลิมที่สร้างบ้านเรือนรอบๆ มัสยิด ในแขวงต่างๆ แยกตามระดับการศึกษา ฐานะ อาชีพ ว่าคาดหวังพึงพอใจต่อบทบาทความเป็นผู้นำของอิหม่าม ผู้นำทางศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ ของเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ซึ่งมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่

Focus

ศึกษาเปรียบเทียบการรับรู้และศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างการรับรู้ (Perception) ความคาดหวัง (Expectation) ความพึงพอใจ (Satisfaction) และการยอมรับ (Acceptance) ในบทบาทการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม ในสายตาของชาวชุมชนมุสลิม ในเขตหนองจอก กทม. โดยคาดหวังว่าผลของการวิจัยจะส่งเสริมการพัฒนาชาติ และ กทม. หน่วยงานภาครัฐ และ เอกชน จะนำผลการวิจัยไปใช้เพื่อวางแผนการพัฒนาชุมชนในเขตหนองจอก และ เขตอื่นๆ ที่เป็นชุมชนมุสลิม เช่นเขตมีนบุรี,ประเวศ,บางกะปิ ต่อไป (หน้า 11,12,15) โดยตั้งสมมุติฐานเอาไว้ดังนี้ 1. ชุมชนที่ประชากรต่างกัน รับรู้ คาดหวัง บทบาท พึงพอใจ ในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม แตกต่างกัน 2. ชุมชนที่ประชากรต่างกัน ยอมรับความเป็นผู้นำของอิหม่ามแตกต่างกัน 3. การรับรู้บทบาท ในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม สัมพันธ์กับความคาดหวัง ความพึงพอใจ การยอมรับ ในบทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม 4. ความพึงพอใจในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม สัมพันธ์กับความคาดหวัง,การยอมรับ ในบทบาทการเป็นผู้นำของอิหม่าม 5. ความคาดหวังในบทบาท ในการพัฒนาชุมชน ของอิหม่าม มีความสัมพันธ์กับการยอมรับในความเป็นผู้นำ ของอิหม่าม (หน้า 61-63)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

มุสลิม ที่อยู่ในชุมชนมุสลิม เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร (หน้า 56)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

เก็บข้อมูลแบบสอบถาม ระหว่างเดือนธันวาคม 2540 ถึงปลายเดือน มกราคม 2541 (หน้า 66)

History of the Group and Community

ในอดีตพื้นที่เขตหนองจอกเป็นที่ดินรกร้างไม่มีคนอยู่อาศัย กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าให้พระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษาเป็นแม่กอง จ้างชาวจีนขุดลอกคลอง เริ่มจากปลายคลองพระโขนงหรือคลองตัน ไปบรรจบคลองบางขนาก เพื่อประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์และ การคมนาคม เมื่อขุดเสร็จในตอนแรกเรียกว่า "คลองเจ็ก" ภายหลังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "คลองแสนแสบ" ต่อมาภายหลังทางการ ได้ให้ไทยมุสลิม จาก 7 หัวเมืองปักษ์ใต้ มาสร้างบ้านเรือนตามบริเวณริมคลองแสนแสบ (หน้า 8)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

อัตราความหนาแน่นของเขตหนองจอก อยู่ที่อันดับ 36 จากทั้งหมด 38 เขตของ กทม. โดยคิดเป็นประชากร 300 คน ต่อ ตารางกิโลเมตร มีประชากรรวมทั้งหมด(พ.ค. 2540) 76,853 คน อาศัยอยู่ในแขวงต่างๆ ดังนี้ แขวงกระทุมแบน ประชากรชาย 8,700 คน หญิง 8,950 คน แขวงหนองจอก ชาย 5,317 คน หญิง 5,367 คน แขวงคลองสิบ ชาย 3,207 คน หญิง 3,321 คน แขวงคลองสิบสอง ชาย 3,034 คน หญิง 3,080 คน แขวงโตกแฝด ชาย 7,581 คน หญิง 7,603 คน แขวงคู้ฝั่งเหนือ ประชากรชาย 3,201 คน หญิง 3,279 คน แขวงลำผักชี ชาย 4,210 คน หญิง 4,337 คน แขวงลำต้อยติ่ง ชาย 2,842 คน หญิง 2,824 คน รวมประกรชายทั้งหมด 38,092 คน ประชากรหญิง 38,761 คน รวมประชากร ทั้งหมด 76,853 คน (ตารางหน้า 6)

Economy

ในเขตหนองจอก ประชาชนร้อยละ 70 ทำนา สวนผลไม้และเลี้ยงสัตว์ สำหรับอาชีพอื่นประกอบด้วย รับราชการ รับจ้าง ค้าขาย และอื่นๆ คิดเป็นเปอร์เซนต์ คือ ร้อยละ 10 ร้อยละ 16 ร้อยละ 4 (หน้า 7)

Social Organization

กรุงเทพมหานครได้นำโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง อันมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาจิตใจของคน ที่อยู่ในสังคม ให้มีคุณธรรม และ ดำเนินชีวิตตามความเชื่อทางศาสนาของตนเอง มาใช้ในแต่ละเขต โครงการนี้ มีแนวทางว่า "บรม" กับ"บวร" คำว่า "บวร" หมายถึง การประสานความร่วมมือในการพัฒนาชุมชนระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน สำหรับชุมชนมุสลิม ใช้คำว่า "บรม" คือ ความร่วมมือระหว่าง บ้าน โรงเรียน และมัสยิด (หน้า 3) มุสลิมจะมีความผูกพันกับศาสนาเน้นความมีเอกภาพทางสังคม เหมือนกับคำพูดที่ว่า "มุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องกัน " คนในชุมชนจะถือว่าอิหม่ามเป็นผู้นำชุมชนเพราะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นสื่อกลางในการติดต่อ ระหว่างคนในชุมชนกับรัฐ และเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการขอความร่วมมือคนในชุมชนมาร่วมพัฒนาชุมชน มุสลิมหนองจอกจะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่อยู่รวมกันเป็นเครือญาติ มีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมมลายู และศาสนาอิสลาม มัสยิดจะเป็นศูนย์กลางของชุมชนและเป็นสถานที่เผยแพร่ข่าวสารของคนในชุมชน เช่นการไปทำพิธีทางศาสนาในวันศุกร์ อิหม่าม หรือ กรรมการมัสยิดก็จะแจ้งข่าวสารต่างๆ แก่ผู้ที่ไปเข้าร่วมพิธี ผู้ชายจะมีบทบาทมากกว่าผู้หญิงในสังคม เนื่องจากว่าสังคมมุสลิม กำหนดให้ผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัวและสังคมโดยจะมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าผู้หญิง นอกจากนี้ มัสยิดยังมีความสำคัญคือ เป็นแหล่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร โดยจะเปิดหอกระจายข่าว เพื่อเชิญชวนให้ชาวมุสลิม ประกอบพิธีทางศาสนา วันละ 5 เวลา เป็นต้น ( หน้า 8,13, 52,186 ,196,200 ,202,205,230,231,246,247 )

Political Organization

ผู้นำศาสนา ได้แก่ อิหม่าม (ผู้นำศาสนาประจำมัสยิด) และ คอเต็บ (ผู้แสดงธรรมประจำมัสยิด) จะเป็นผู้มีบาทบาทสำคัญทางการเมือง เนื่องจากว่าเป็นผู้นำทางศาสนาจึงเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวมุสลิมในชุมชนโดยจะยอมรับในฐานะผู้นำทางโลก และทางธรรมไปพร้อมกัน ผู้นำที่มีบารมี ที่มุสลิมจะยอมรับ จะมีผลทางการเมืองเช่นเรื่องการพัฒนามัสยิด มีส่วนชักจูงหรือชี้นำ ให้คนในชุมชนไปลงคะแนนให้กับ นักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ (หน้า 13, 52, 195, 205, 237, 280)

Belief System

ศาสนามีส่วนส่งเสริมการรวมกันระหว่างสมาชิก ที่ศรัทธาในศาสนานั้น ๆ ทำให้มีค่านิยม รวมทั้งบทบาทที่จะรวมตัว เพื่อรักษาค่านิยมดังกล่าว ศาสนาทำให้สังคมมั่นคง เพราะเป็นสิ่งที่กำหนดค่านิยม ความเชื่อ และ พฤติกรรมต่างๆ ศาสนาเป็นกระบวนการอบรมสั่งสอนวินัย อันเป็นกระบวนการขัดเกลาทางสังคม (หน้า 2) ในประเทศไทย ศาสนาอิสลาม มีคนนับถือมากเป็นที่สอง รองจากศาสนาพุทธ ในเขตหนองจอกมีประชาชน นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 75 นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 20 และนับถือศาสนาคริสต์ร้อยละ 5 (หน้า 5,7) ชาวชุมชนมุสลิม คือผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีมัสยิดเป็นศูนย์กลาง ซึ่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 เรียกว่า "สัปปุรุษประจำมัสยิด" หมายถึง ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม (มุสลิม) คือ ผู้ยึดมั่นในศาสนา มีระเบียบแบบแผน ในการดำรงชีวิตและจารีตประเพณีต่างๆ เน้นความเป็นเอกภาพทางสังคม นอกจากจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ยังเป็นธรรมนูญแห่งชีวิต โดยจะมุ่นเน้นที่การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมศาสนา โดยผู้ที่เป็นอิหม่ามมีหน้าที่สำคัญ คือทำให้ชาวมุสลิมมีความสมบูรณ์ทางชีวิตในโลกนี้ (ดุนยา) และโลกหน้า (อาคิเราะห์) อันเป็นความเชื่อของมุสลิม (หน้า 8, 9, 10, 13, 14, 54, 55, 202, 222, 247, 248, 289) มัสยิด โดยความในพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 คือ สถานที่ที่ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีศาสนา เป็นที่สอนศาสนาอิสลาม มุสลิมจะไปละหมาดในวันศุกร์ เป็นสถาบันที่อยู่คู่กับชุมชนมุสลิม ทั้งนี้ มัสยิดเป็นศูนย์กลางของมุสลิม สถานที่ใดมีมัสยิดก็จะมีชุมชนมุสลิม (หน้า 8, 9, 280)

Education and Socialization

คนที่มีการศึกษาสูง เช่นคนที่จบ ม.6 หรือระดับปริญญาตรีจะมีโอกาสที่จะรู้เนื้อหาในบทบัญญัติทางศาสนา และพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 มากกว่าคนที่เรียนมาน้อย ในการวิจัยผู้เขียนระบุว่า ผู้ที่เรียนน้อยจะมีความยอมรับความเป็นผู้นำของอิหม่ามมากกว่าคนที่เรียนสูง เพราะคนที่เรียนน้อยจะไม่ค่อยกล้าคิดกล้าทำ ส่วนคนที่เรียนสูงๆ จะกล้าวิเคราะห์วิจารณ์สิ่งต่างๆ โดยจะนำประสบการณ์ที่เคยเห็นมาช่วยในการตัดสินใจ อิหม่ามเป็นผู้นำชุมชนที่มีส่วนสนับสนุนให้คนในชุมชนได้รับการศึกษา การอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ และสนับสนุนโครงการรณรงค์ เพื่อการรู้หนังสือแห่งชาติและร่วมมือเพื่อหาอาคาร สถานที่ สำหรับการเรียน การสอน การศึกษานอกระบบโรงเรียน (หน้า 50, 51, 53, 198, 210, 228)

Health and Medicine

อิหม่าม มีหน้าที่หลายอย่าง ในเรื่องสาธารณสุข เช่น พัฒนาความเป็นอยู่ของมุสลิม ส่งเสริมการรักษาสุขภาพอนามัยของคนในชุมชน ตลอดจนปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชน (หน้า 14)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ในชุมชนหนองจอก ประกอบด้วยคนหลายกลุ่ม เช่น มุสลิม พุทธศาสนิกชน และคริสตศาสนิกชน แต่ชาวมุสลิมจะอยู่มากที่สุดถึงร้อยละ 75 โดยจะทำอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เป็นส่วนใหญ่ (หน้า 7)

Social Cultural and Identity Change

มุสลิม มีลักษณะค่อนข้างอนุรักษ์นิยม และเคร่งศาสนา แต่สามารถเปลี่ยนตนเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้ ถ้าไม่เกี่ยวกับหลักศาสนา (หน้า 52)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

การยอมรับผู้นำ จากการศึกษาพบว่า ผู้ตอบรับรู้บทบาทในการพัฒนาของอิหม่าม ดังนี้คือ 1) เป็นผู้นำในการประกอบพิธีศาสนาในชุมชน 2) เป็นผู้ให้ความรู้ทางศาสนา และทั่วไป 3) เป็นผู้แนะนำให้คนในชุมชนอยู่ในหลักศาสนา บทบาทที่ปฏิบัติจริง 2 ใน 3 ของผู้ตอบคิดว่าอิหม่ามมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษาด้านสามัญและศาสนา และมากกว่าครึ่ง คิดว่า อิหม่ามให้สิทธิ์ในการวิจารณ์กิจการของชุมชน ด้วยความมีเหตุผล เป็นผู้นำต่อต้านอบายมุข เป็นต้น ในเรื่องคุณลักษณะของอิหม่าม ผู้วิจัยพบว่า ผู้ที่ตอบรับรู้มากที่สุดคือ เคร่งครัดในศาสนา รองลงมาคือเป็นผู้มีความรู้ดีด้านศาสนา รับรู้น้อยที่สุดคือ เป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาด มีความมั่นใจและมีความคิดสร้างสรรค์ การพบปะอิหม่าม ผู้ตอบเกินครึ่งหนึ่งได้พบปะอิหม่ามมากกว่าเดือนละครั้งแต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยพบปะอิหม่าม การรับข่าวสาร พบว่าอยู่ในระดับสูง เกือบครึ่งได้รับข่าวสารจากอิหม่ามบ่อยมาก หรือมากกว่าเดือนละครั้งน้อยที่สุดคือกลุ่มที่ไม่เคยได้รับข่าวสาร เนื้อหาข่าวสารที่ได้รับพบว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับกิจกรรมมัสยิดมากที่สุด น้อยที่สุดคือข่าวจากทางการช่องทางการได้รับข่าวสาร พบว่า มากที่สุดคือ ผ่านการละหมาดในวันศุกร์ อันดับสองจากเพื่อนบ้าน กรรมการมัสยิด หอกระจายข่าว เป็นต้น น้อยที่สุดคือ จดหมายข่าว ใบปลิว (หน้า 80-87) ในเรื่องความคาดหวังในบทบาท ในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับสูง คาดหวังมากที่สุดคือการส่งเสริมการศึกษา ทางศาสนา และสามัญ อันดับสองคือ เป็นผู้นำต่อต้านอบายมุข ให้ความรู้ชุมชน ในการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และไม่ขัดต่อหลักศาสนา เป็นต้น พบว่าคาดหวัง คือ เป็นผู้มีความรู้ทางศาสนาดีมีจำนวนมากที่สุด อันดับสอง คือ เคร่งศาสนา นอกจากนี้ ส่วนที่รองลงมา คาดหวังว่าจะพบอิหม่าม อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง คือ อย่างน้อยเดือนละครั้ง น้อยที่สุดคือ พบปะ 4-6 เดือนต่อครั้ง กับมากกว่า 6 เดือนต่อครั้ง การได้รับข่าวสาร พบว่า มากที่สุดคาดหวังว่าจะได้รับข่าวจากอิหม่าม สัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย น้อยที่สุด คือ 6 เดือนต่อครั้ง เนื้อหาของข่าวสาร พบว่า คาดหวังมากที่สุดคือ กิจกรรมมัสยิด หรือ ชุมชน 2.ความรู้ทางศาสนา 3.การแก้ปัญหาชุมชน 4.การขอความร่วมมือ และช่วยเหลือต่างๆ 5. กิจกรรมของอิหม่าม ช่องทางการได้รับข่าวสาร พบว่า ที่1 คือ ได้รับข่าวจากตัวอิหม่าม 2.หอกระจายข่าว 3. การละหมาดในวันศุกร์ 4. กรรมการมัสยิด 5. เพื่อนบ้าน หรือคนรู้จัก (หน้า 88-91) สำหรับความพึงพอใจบทบาท ในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม พบว่ามากที่สุด พอใจในบทบาทให้ความรู้กับชาวชุมชนในการกินอาหารให้ถูกสุขลักษณะและถูกหลักศาสนา อันดับสองคือ เป็นผู้นำต่อต้านอบายมุขในชุมชน และส่งเสริมการศึกษาด้านศาสนา และสายสามัญ ด้านคุณลักษณะ มากที่สุดคือ เป็นผู้มีความรู้ทางศาสนา น้อยที่สุดคือ ขยัน และมีความคิดสร้างสรรค์ การพบปะกับอิหม่าม พบว่ามากกว่าครึ่งพอใจผลการพบปะกับอิหม่าม มากที่สุด กลุ่มที่พอใจในระดับน้อย มีน้อยที่สุด การได้รับข่าวสาร ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง ครึ่งหนึ่งพอใจในการรับข่าวสารจากอิหม่าม ระดับมาก ระดับปานกลาง และน้อยตามลำดับ เนื้อหาข่าวสาร ภาพรวมอยู่ในระดับสูง มากที่สุดเป็นความรู้ทางศาสนา น้อยที่สุดคือปัญหาในชุมชน ช่องทางการได้รับข่าวสาร พบว่า มากที่สุด จากการละหมาดในวันศุกร์ น้อยที่สุด ผ่านจดหมายข่าว และใบปลิว (หน้า 92-96) สรุปโดยรวมส่วนใหญ่ยอมรับในความเป็นผู้นำของอิหม่าม ที่เป็นแบบอย่างในการประพฤติตน เชื่อมั่นในการทำงานเพื่อชุมชนโดยไม่มุ่งหวังผลประโยชน์ เป็นต้น (หน้า 96,97)

Map/Illustration

ตาราง ประชากรในเขตหนองจอกจำแนกตามแขวง (หน้า 6) ศาสนสถานในเขตหนองจอก (หน้า 7) ชื่อชุมชนที่ศึกษา ที่ตั้งจำนวนกลุ่มตัวอย่างจำนวนตามกลุ่ม (60) จำนวนและกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตาม เพศ อายุ และระดับการศึกษา (74) จำนวนและร้อยละกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามอาชีพ (75) กลุ่มตัวอย่างรายได้ส่วนบุคคลต่อเดือนและรายได้ของทั้งครอบครัวต่อเดือน (76) กลุ่มตัวอย่าง ความเป็นคนพื้นเพเดิมในชุมชน และการมีสถานภาพในชุมชน (77) ความบ่อยครั้งในการเปิดรับข่าวสารทั่วไป และความบ่อยครั้งในการไปละหมาดที่มัสยิด (หน้า 78) ระดับการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน การไปเลือกตั้ง และความเข้าใจในความหมายของการพัฒนาชุมชน (79) ความตะหนักในปัญหาชุมชน (80) การรับรู้ในบทบาท ที่เป็นข้อกำหนดตามหลักการศาสนา (80) ความรู้ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของอิหม่ามตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 (81) การรับรู้ในบทบาทที่เป็นข้อกำหนด ตามพระราชบัญญัติฯ (82) การรับรู้บทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (หน้า 83) ค่าเฉลี่ยของการรับรู้คุณลักษณะของอิหม่าม (84) ความบ่อยครั้งของการพบปะและรับข่าวสารกับอิหม่าม (85) การรับรู้เนื้อหาของข่าว ที่ได้รับจากอิหม่าม (86) การรับรู้ช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (87) ความคาดหวังในบทบาทของอิหม่าม (88) ความคาดหวังในคุณลักษณะของอิหม่าม (89) ความคาดหวังในความบ่อยครั้งของการพบปะและความบ่อยครั้งของการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (90) ข่าวสารที่ได้รับและช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (91) ความพึงพอใจบทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม (หน้า 92) ความพึงพอใจคุณลักษณะของอิหม่าม (93) ความพึงพอใจในการพบปะและการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (94) ข่าวสารที่ได้รับและช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (95) การยอมรับในความเป็นผู้นำของอิหม่าม (96) ค่าความแตกต่างของการรับรู้บทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่ามระหว่างชายกับหญิง (98) ความแตกต่างของการรับรู้แบ่งระหว่างกลุ่มอายุที่ต่างกัน (หน้า 99 -100) ความแตกต่างของการรับรู้บทบาทที่เป็นข้อกำหนดและบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (99) ความแตกต่างของการรับรู้คุณลักษณะของอิหม่าม (99) ความบ่อยครั้งในการพบปะการรับข่าวสารจากอิหม่าม (100) ความแตกต่างของข่าวสารและช่องทางที่ได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (101) ความแตกต่างแบ่งระหว่างกลุ่มที่มีการศึกษาต่างกัน (หน้า 101-103) ความแตกต่างของการรับรู้บทบาทที่เป็นข้อกำหนดและบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (101) คุณลักษณะของอิหม่าม (102) ความบ่อยครั้งในการพบปะการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (103) ข่าวสารและช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (103) แสดงค่าความแตกต่างแบ่งระหว่างกลุ่มอาชีพที่ต่างกัน (หน้า 104-106) การรับรู้บทบาทที่เป็นข้อกำหนด และบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (104) การรับรู้คุณลักษณะของอิหม่าม (105) ความบ่อยครั้งในการพบปะ และได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (105) ข่าวสารและช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (106) แสดงค่าความแตกต่าง แบ่งระหว่างกลุ่มที่มีรายได้ต่างกัน (หน้า 108-110) การรับรู้บทบาทที่กำหนด และบทบาทปฏิบัติจริงของอิหม่าม (110) การรับรู้คุณลักษณะของอิหม่าม (108) การพบปะและการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (108) ข่าวสารและช่องทางรับข่าวสารจากอิหม่าม (109) การรับรู้บทบาทของอิหม่าม ระหว่างกลุ่มที่เป็นคนพื้นเพเดิม และมีสถานภาพทางสังคมในชุมชนต่างกัน (110) แสดงค่าสหสัมพันธ์แบ่งจากพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่าง (หน้า 111-114) การรับรู้บทบาท ที่เป็นข้อกำหนด และบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (111) คุณลักษณะของอิหม่าม (112 ) การพบปะและได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (113) การได้รับข่าวสารและช่องทางการรับข่าวสารจากอิหม่าม (114) แสดงค่าความแตกต่างของความคาดหวัง,บทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม ระหว่างเพศชาย กับเพศหญิง (116) ระหว่างกลุ่มที่มีอายุต่างกัน,การพัฒนาชุมชนของอิหม่าม (หน้า 117) การพบปะและได้รับข่าวสารจากอิหม่าม ( 117) เนื้อหาของข่าวสารที่ได้รับจากอิหม่าม (118) ช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (119) ค่าความแตกต่างของความคาดหวังระหว่างกลุ่มที่มีการศึกษาต่างกัน, บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม ( หน้า 119) ความบ่อยครั้งในการพบปะและได้รับข่าวจากอิหม่าม (120) เนื้อหาข่าวที่ได้รับจากอิหม่าม (121) ช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (121) ค่าความแตกต่างของความคาดหวัง ระหว่างกลุ่มที่มีอาชีพต่างกัน, บทบาทอิหม่ามปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (หน้า 122) ความบ่อยครั้งในการพบปะและได้รับข่าวจากอิหม่าม (123) เนื้อหาข่าวที่ได้รับจากอิหม่าม (124) ช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (125) ระหว่างกลุ่มที่มีรายได้ต่างกัน,บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (หน้า 126 ) ความบ่อยครั้งในการพบปะอิหม่าม และ ได้รับข่าว (127 )เนื้อหาข่าวสารที่ได้รับจากอิหม่าม (128) ช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (129) แสดงค่าความแตกต่างของความคาดหวังในบทบาทพัฒนาชุมชนของอิหม่ามระหว่างกลุ่มที่เป็นคนพื้นเพเดิมในชุมชน และมีสถานภาพทางสังคมในชุมชนต่างกัน (130) แสดงค่าสหสัมพันธ์ระหว่างความคาดหวัง กับพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่าง, ความคาดหวังในบทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (หน้า 131) ความบ่อยครั้งของการพบปะกับและการได้รับข่าวกับอิหม่าม (132) เนื้อหาข่าวสารที่ได้รับจากอิหม่าม (134) ช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (136) แสดงค่าความแตกต่างของความพึงพอใจ,บทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม ระหว่างชายกับหญิง (138) แสดงค่าความแตกต่างของความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่มอายุที่ต่างกัน,บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (หน้า 139) การพบปะกับอิหม่าม และการได้รับข่าวจากอิหม่าม (140) เนื้อหาของข่าวสารที่ได้รับ และช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (141) แสดงค่าความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่มที่มีการศึกษาต่างกัน (หน้า 141-143) บทบาทที่ปฏิบัติจริงและคุณลักษณะของอิหม่าม (141) การพบปะและได้รับข่าวจากอิหม่าม (142) เนื้อหาของข่าวที่ได้รับ และช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (143) แสดงค่าความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่มที่มีอาชีพต่างกัน,บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (143) การพบปะกับอิหม่าม และการได้รับข่าวจากอิหม่าม (144) เนื้อหาข่าว และ ช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม (145) แสดงค่าความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่มที่มีรายได้ต่างกัน, บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (146) การพบปะและการได้รับข่าวจากอิหม่าม (146) เนื้อหาข่าวและช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (147) บทบาทในการพัฒนาชุมชนของอิหม่าม ระหว่างกลุ่มที่เป็นคนพื้นเพเดิมในชุมชนและมีสถานภาพทางสังคม ในชุมชนต่างกัน (148) แสดงค่าสหสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจกับพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่าง (หน้า 149-151) บทบาทที่ปฏิบัติจริง และคุณลักษณะของอิหม่าม (149) การพบปะกับอิหม่าม และการได้รับข่าวจากอิหม่าม (150) เนื้อหาของข่าว และช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (151) แสดงค่าความแตกต่างของการยอมรับในการเป็นผู้นำของอิหม่ามระหว่างเพศชายกับเพศหญิง (หน้า 153) ระหว่างกลุ่มที่เป็นคนพื้นเพเดิมในชุมชน และมีสถานภาพทางสังคมในชุมชนต่างกัน (153) ระหว่างกลุ่มที่มีอายุ ระดับการศึกษา และรายได้ต่างกัน (154 ) การยอมรับในความเป็นผู้นำของอิหม่าม ระหว่างกลุ่มที่มีอาชีพต่างกัน (156) แสดงค่าสหสัมพันธ์ ระหว่างการรับรู้บทบาทของอิหม่าม, ความคาดหวังในบทบาทของอิหม่าม (หน้า 157 ) ความคาดหวังในเนื้อหาของข่าวสาร ที่ได้รับจากอิหม่าม( 160) ความคาดหวัง ในช่องทางการได้รับข่าวสารจากอิหม่าม ( 161) ความพึงพอใจในบทบาทของอิหม่าม (164) การยอมรับในความเป็นผู้นำของอิหม่าม (167 ) แสดงค่าสหสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจ ในบทบาทของอิหม่าม กับความคาดหวังในบทบาทที่ปฏิบัติจริง คุณลักษณะของอิหม่าม ความบ่อยครั้ง ในการพบปะอิหม่าม และความบ่อยครั้งในการรับข่าวจากอิหม่าม (หน้า 168) ความคาดหวังในเนื้อหาข่าวที่ได้รับจากอิหม่าม ( 170 ) ความคาดหวังในช่องทางการได้รับข่าวจากอิหม่าม (173) การยอมรับ ในความเป็นผู้นำของอิหม่าม (176) แสดงค่าสหสัมพันธ์ระหว่างความคาดหวังในบทบาทของอิหม่ามกับการยอมรับในความเป็นผู้นำของอิหม่าม (177 ) แสดงจำนวน และร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามการรับรู้คุณลักษณะของอิหม่าม (หน้า 258) ความคาดหวังในบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (259) ความพึงพอใจในบทบาทที่ปฏิบัติจริงของอิหม่าม (260) ความพึงพอใจในคุณลักษณะของอิหม่าม (261) ความพึงพอใจในเนื้อหาของข่าวที่รับจากอิหม่าม (262) ความพึงพอใจในช่องทางการรับข่าวจากอิหม่าม (263) การยอมรับความเป็นผู้นำของอิหม่าม (264) แสดงข้อมูลชุมชนมุสลิมที่ศึกษาวิจัย ชื่อมัสยิด ที่ตั้ง และจำนวนสัปปุรุษประจำมัสยิด (หน้า 277) ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับสังคม (หน้า 2) แบบจำลองการสื่อสารระหว่างบุคคลของโรเบิร์ตซ์ (หน้า 5) การสื่อสารระหว่างบุคคล ของโดนัลด์สัน และเคิร์ทซ์ (หน้า 38) ความพึงพอใจ ในการสื่อสารของ แคทซ์ (Katz) และ คณะโดยปรับทฤษฎี เป็นแบบจำลองที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ของสมควร กวียะ (2532)(หน้า 49) ขั้นตอนการสุ่มตัวอย่าง (หน้า 59) ความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ในสมมติฐาน (หน้า 64) แผนที่ ที่ตั้งมัสยิดในเขตหนองจอก (หน้า 278)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG มุสลิม, ผู้นำศาสนา, การยอมรับ, การพัฒนาชุมชน, กรุงเทพฯ, ภาคกลาง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง