|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิม,มลายูมุสลิม,เยาวชน,การเมือง,การศึกษา,อาชีพ,ชายแดนภาคใต้ |
Author |
จิรวุฒิ อนุสรณ์นรการ |
Title |
ความไว้วางใจทางการเมืองของ เยาวชนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
83 |
Year |
2536 |
Source |
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
ศึกษาความไว้วางใจทางการเมืองของเยาวชนไทยมุสลิม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยศึกษาจากเยาวชนไทยมุสลิมของโรงเรียน 2 แห่งจำนวน 240 คน ว่าเยาวชนที่มีหลักสูตรการศึกษา เพศ ระดับการศึกษา อาชีพของบิดา และตำแหน่งทางศาสนาของบิดาที่ต่างกัน ระดับการศึกษาของบิดาที่ต่างกัน จะมีผลต่อระดับความไว้วางใจทางการเมืองของเยาวชนไทยมุสลิมหรือไม่ ซึ่งจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีค่าเฉลี่ยในระดับปานกลาง |
|
Focus |
ศึกษาระดับความไว้วางใจทางการเมือง ของเยาวชนมุสลิม ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวกับความไว้วางใจทางการเมือง เช่น หลักสูตรการศึกษา เพศ ระดับการศึกษา ความตั้งใจประกอบอาชีพ อาชีพของบิดา ระดับการศึกษาของบิดา การรับฟังข่าวสารของครอบครัว ตำแหน่งทางศาสนาของบิดา โดยคาดว่าการวิจัย จะทำให้ทราบระดับความไว้วางใจทางการเมืองของเยาวชนมุสลิม อันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการนำไปพิจารณาในการกำหนดนโยบาย ใน จ.ชายแดนภาคใต้ (หน้า 2, 3, 27-30) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยมุสลิม เชื้อสายมลายู ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล (หน้า 18 ,19) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
มุสลิมท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะพูดภาษามลายู หรือภาษายาวี ในชีวิตประจำวัน มากกว่าพูดภาษาไทย (หน้า 19,25,75) |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ได้ระบุเวลาอย่างชัดเจนว่า ทำการวิจัยเมื่อใด เพียงแต่ระบุว่าทำการวิจัย ที่เหมาะสมกับเวลาและเนื้อหาของการศึกษา (หน้า 3) |
|
History of the Group and Community |
มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีวัฒนธรรมเฉพาะตัวและนับถือศาสนาอิสลาม แตกต่างจากประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในประเทศ มาเลเซีย (หน้า 1) |
|
Demography |
มุสลิมทั่วประเทศมีประชากรประมาณ 2 ล้านกว่าคน แต่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ สตูล) ประมาณครึ่งหนึ่ง หรือล้านกว่าคน และถือว่าเป็นมุสลิมกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศ (18,19) ในการวิจัย เป็นการศึกษาเยาวชนไทย ได้ทำการทดสอบ นักเรียนเอกชนสอนศาสนา ชั้น ม.4 - 6 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อ.เมือง จ. ยะลา ที่มีจำนวน 321 คน และ โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนตาเบียตุลวาตัล ที่เรียนระดับชั้น 5-10 (ม. 4-ม.6) จำนวน 294 คน โดยการสุ่มตัวอย่างโรงเรียนละ 120 คน จากประชากรของโรงเรียนทั้งสอง(หน้า 29-30,38, 54) ปี 2525-2531 จำนวนประชากรใน 5 จ.ชายแดนภาคใต้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ต่อ ปี (หน้า 73) |
|
Economy |
ประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก โดยคิดเป็นผลผลิตรวมร้อยละ 90 ของผลผลิตยางทั่วประเทศ ส่วนอาชีพรองคือ ทำนา และทำสวนผลไม้ แต่ให้ผลผลิตน้อย เมื่อเปรียบเทียบรายได้ประชาชนใน 5 จ.ชายแดนภาคใต้ จะมีรายได้น้อยกว่าประชาชนในจังหวัดภาคใต้อื่นๆ (หน้า 20) ช่วง พ.ศ.2525-2531 ผลิตภัณฑ์มวลรวม ของ 5 จ.ชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปี (หน้า 73) |
|
Social Organization |
ไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความแตกต่างจากประชากรส่วนใหญ่ในภูมิภาคอื่นๆ ในแง่ที่ไม่ได้ผสมผสานวัฒนธรรมของศาสนาพุทธเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะใช้ความพยายามในการดำเนินการอาทิ ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ใน พ.ศ. 2481 ได้ดำเนินนโยบายแบบชาตินิยม โดย กำหนดให้ประชาชน ใช้ชื่อ-นามสกุลไทย และให้พูดภาษาไทยในสถานที่ราชการ นโยบายดังกล่าวทำให้ทวีความตรึงเครียดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิมที่เคร่งศาสนา และไม่สนใจจะใช้ภาษาไทย จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ราชการ (หน้า 21,22,25,26) |
|
Political Organization |
จากแบบทดสอบที่ใช้ในการศึกษาปรากฏว่า เยาวชนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความไว้วางใจทางการเมืองในระดับปานกลาง จากการทดสอบเรื่องความไว้วางใจทางการเมือง จำนวน 25 ข้อ คะแนนเต็ม 125 คะแนน (100 %) พบว่าจากจำนวนประชากร ที่ใช้ศึกษา 216 คน มีค่าคะแนนเฉลี่ยความไว้วางใจทางการเมือง 73.09 คะแนน หรือร้อยละ 58.47 เพศชายมีความไว้วางใจทางการเมืองมากกว่า เพศหญิง (หน้า 38-40,44,53-58) ประชาชนส่วนใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย (จชต.) นับถือศาสนาอิสลาม และมีความใกล้ชิดกับประชาชนของประเทศมาเลเซีย มีปัญหาทางการเมือง เพราะมีความแตกต่างในหลายอย่าง เช่น เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม นอกจากนี้ มุสลิมยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการก่อความไม่สงบ และการเรียกค่าคุ้มครองจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่างๆ (หน้า 1,20) |
|
Belief System |
ประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม หรือร้อยละ 56.3 และ มีประชาชนนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 42. 9 และ นับถือศาสนาอื่นๆ ร้อยละ 0. 8 ศาสนสถาน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศาสนสถานทั้งหมด 2,406 แห่ง โดยแยกเป็น มัสยิดจำนวน 1,590 แห่ง วัดจำนวน 710 แห่ง สำนักสงฆ์ 86 แห่ง ศาลเจ้า 3 แห่ง โบสถ์คริสต์ 15 แห่ง วัดญวน 1 แห่ง และ โบสถ์ฮินดู 1 แห่ง (หน้า 69) นักเรียนในระดับชั้นประถม ใน 4 จ.ภาคใต้ ปี พ.ศ. 2530 (ไม่รวม จ.สงขลา) จำนวน 205,400 คน นับถือศาสนาอิสลาม 160,520 คน หรือร้อยละ 78.1 และ นับถือศาสนาพุทธ 44, 880 คน หรือร้อยละ 21.9 สำหรับผลทดสอบของงานวิจัยพบว่า ตำแหน่งทางศาสนาของบิดา ไม่มีความสัมพันธ์ กับ ระดับความไว้วางใจทางการเมือง เพราะไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (หน้า 1, 52, 53, 55,ภาคผนวก 2 หน้า 68,71) |
|
Education and Socialization |
จากการทดสอบพบว่า หลักสูตรการศึกษา ระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของวัยรุ่นมุสลิม ไม่มีความสัมพันธ์กับความไว้วางใจทางการเมือง เนื่องจากสถิติไม่มีความแตกต่างกัน (หน้า 42,45,46, 54,55) สถานศึกษา ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีดังนี้ โรงเรียนสอนระดับชั้นประถมศึกษา จำนวน 1610 แห่ง สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา มีทั้งหมด 167 แห่ง โรงเรียนมัธยมสอนศาสนา มีทั้งหมด 134 แห่งโรงเรียนสอนศาสนา มีทั้งหมด 226 แห่ง วิทยาลัยและอาชีวะ มี 40 แห่ง และระดับมหาวิทยาลัย 2 แห่ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี พ.ศ. 2531 มีนักเรียนชั้นประถมศึกษา 344,836 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 75,371 คน หรือร้อยละ 21.9 ที่มีโอกาสเรียนชั้นมัธยมศึกษา สำหรับอัตราครูต่อนักเรียน ใน จ.ชายแดนภาคใต้ ในชั้นประถมคิดเป็น 1 ต่อ 16.8 คน ส่วนชั้นมัธยมศึกษาคิดเป็น 1 ต่อ 13.3 (หน้า 69-71,75) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกาย แต่งด้วยชุดแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม (หน้า 19) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะพูดและมีวัฒนธรรมคล้ายชาวมาเลเซีย แต่มุสลิมจะรู้สึกว่าชาวมาเลเซียมีสภาพความเป็นอยู่และฐานะที่ดีกว่า อีกทั้งยังรู้สึกว่ามีความเป็นอยู่ไม่ดีเท่าคนไทย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ รัฐบาลขาดความใส่ใจในการดูแลพัฒนาความเจริญเท่าที่ควร (หน้า 19,20,21,25,26) แต่ได้พยายามผสมผสานกลมกลืน เช่น ในสมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ได้ใช้นโยบายสร้างชาติ ซึ่งเป็นการเร่งรัดทางวัฒนธรรมเพื่อให้มุสลิมยอมรับความเป็นไทย เช่นให้เปลี่ยนชื่อ นามสกุลเป็นไทย เรียนภาษาไทยในโรงเรียน และไม่ให้สวมเครื่องแต่งการแบบมาเลย์ สนับสนุนพุทธศาสนา และไม่ให้มุสลิมพูดภาษามาเลย์ในการติดต่อกับราชการ ตลอดจนยกเลิกการใช้กฎหมายอิสลามในเรื่องการแต่งงาน และการแบ่งมรดก กระทั่งเกิดผลกระทบกับมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่พอใจต่อการปกครองที่เคร่งครัดของรัฐบาล (หน้า 22) แม้ว่ารัฐบาลบางสมัยได้พยายามประนีประนอม เช่น ในสมัยของนายปรีดี พนมยงค์ และจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ เป็นต้น แต่ก็ยังมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยๆ (หน้า 24-25 ) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง : หลักสูตรการศึกษา, กลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ (หน้า 31), จำแนกตามระดับการศึกษา (หน้า 32), จำแนกตามความตั้งใจประกอบอาชีพ, จำแนกตามอาชีพของบิดา (หน้า 33), ระดับการศึกษาของบิดา, การรับฟังข่าวสารของครอบครัว (หน้า 34), การมีตำแหน่งทางศาสนาของบิดา (หน้า 35) ระดับคะแนนความถี่และเปอร์เซ็นของคะแนนความไว้ใจทางการเมือง (หน้า 38), ระดับชั้นของตัวแปรด้านความไว้วางใจทางการเมือง (หน้า 41), ความไว้วางใจจำแนกตามหลักสูตรการศึกษา (หน้า 42), จำแนกตามเพศ (หน้า 43), ระดับการศึกษา (หน้า 45), ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา (หน้า 46), ความตั้งใจประกอบอาชีพ (หน้า 47) ระดับความไว้วางใจทางการเมือง : จำแนกตามอาชีพของบิดา (หน้า 48), จำแนกตามระดับการศึกษาของบิดา (หน้า 50), การรับฟังข่าวสารของครอบครัว (หน้า 51), การมีตำแหน่งทางศาสนาของบิดา (หน้า 52), ผลสรุปการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม (หน้า 56) แบบทดสอบส่วนที่ 2 (ภาคผนวก หน้า 64-67), ข้อมูลประชากรด้านศาสนาและการศึกษา (ภาคผนวก 2 หน้า 68), ประชากร 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำแนกตามอายุ (หน้า 72) |
|
|