สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,เครื่องแต่งกาย,เชียงใหม่
Author นันทลี นวลอ่อน
Title เครื่องแต่งกายชาวม้ง หมู่บ้านขุนกลาง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
Document Type อื่นๆ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 120 Year 2546
Source รายงานประกอบวิชา หลักสูตรศิลปะบัณฑิต (ศิลปะไทย) ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

ม้งในเมืองไทย แบ่งออกเป็น 2 พวก ตามลักษณะการใช้ภาษาและชื่อเรียกตัวเอง รวมทั้งการแต่งกาย ได้แก่ ม้งเขียวและม้งขาว เช่นเดียวกันกับบ้านม้งดอยปุย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นกลุ่มม้งเขียว ม้งเป็นพวกที่มีความรักและความต้องการอิสระ รักพวกพ้อง มีศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รูปแบบเครื่องแต่งกายชาวเขาเผ่าม้งมีหลายรูปแบบ มีการเย็บปักประณีตและมีเทคนิคผสมผสานกับเครื่องประดับได้อย่างสวยงาม ปัจจุบันความเจริญได้เริ่มแผ่กระจายไปยังกลุ่มชาวเขาเผ่าม้งหรือแม้แต่เผ่าอื่นๆ ก็ตาม ทำให้วัฒนธรรมความเชื่อ ความรู้ต่างๆ ที่เคยสืบทอดกันมาเริ่มจะสูญหาย

Focus

ศึกษาวัฒนธรรมการแต่งกายรวมถึงลวดลายรูปแบบการตกแต่งเครื่องแต่งกาย ศึกษากระบวนการผลิต รูปแบบลวดลายผ้า การเลือกใช้สีและเทคนิค ตลอดจนการศึกษาแนวโน้มที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมลวดลายเครื่องแต่งกาย และการประยุกต์ใช้รูปแบบลวดลายเพื่อการออกแบบร่วมสมัย ของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านขุนกลาง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ม้ง

Language and Linguistic Affiliations

ม้งไม่มีภาษาเขียน มีแต่ภาษาพูด(หน้า 6) นักภาษาศาสตร์จัดภาษาม้งให้อยู่ในสาขา เมี้ยว-เย้า ของตระกูลจีน-ธิเบต และพบคำที่ขอยืมมาจากภาษายูนนาน ลาวและไทยผสมอยู่ในภาษาม้งมาก เพราะม้งจะเรียนพูดภาษาของกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆ เช่น ลาว ไทยเหนือ กะเหรี่ยงและฮ่อ แล้วแต่ว่าจะไปตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้ใคร ส่วนภาษาม้งเองยังแยกออกเป็นภาษาม้งขาวกับม้งเขียวซึ่งมีแตกต่างกันมาก (หน้า 11, 32)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2546

History of the Group and Community

ม้งเป็นชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยตามภูเขาสูงในบริเวณภาคเหนือ ในการจัดประเภทชนกลุ่มน้อยตามลักษณะของเชื้อชาติ ม้งถูกจัดอยู่ในกลุ่มจีนธิเบต ประวัติศาสตร์จีนได้บันทึกไว้ว่าพวกม้งนั้นเคยมีถิ่นฐานอยู่ในมณฑลไกวเจา ฮุนหนำ กวางสีและมณฑลยูนนาน จีนถือว่าม้งเป็นอนารยชนพวกหนึ่ง ต้องพยายามปราบปรามให้เป็นเมืองขึ้น ปัจจุบันยังไม่รู้ว่าม้งมีถิ่นกำเนิดแน่นอนบริเวณใด ม้งได้อาศัยอยู่ในที่ต่างๆ ของประเทศจีนในลักษณะดังกล่าวมาหลายศตวรรษจนกระทั่งประมาณ คริตสศตวรรษที่ 17 พวกราชวงศ์แมนจู มีอำนาจในประเทศจีน กษัตริย์ราชวงศ์เหม็งได้เปลี่ยนนโยบายเป็นการปราบปรามให้ม้งยอมจำนนโดยสิ้นเชิง ในที่สุดม้งเริ่มอพยพถอยร่นสู่ทางใต้และพยายามเข้าไปลุ่มแม่น้ำแดงในมณฑลตังเกี๋ย แต่ในที่สุดม้งสู้อากาศร้อนในที่ราบและกองทัพญวนซึ่งมีช้างเป็นกำลังสำคัญไม่ได้ จึงแตกหนีกระจายเป็นกลุ่มย่อยๆ กลับขึ้นอยู่บนที่สูงป่าเขาในแคว้นสิบสองจุไทยและสิบสองปันนา ม้งได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณ พ.ศ.2400 เศษเป็นต้นมา ปัจจุบันม้งส่วนใหญ่ในประเทศไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาสูงหรือที่ราบเชิงเขาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น่าน เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก จังหวัดน่านเป็นถิ่นแรกที่ม้งเข้ามาลงหลักปักฐานในประเทศไทย(หน้า 6-7,10) สำหรับม้งที่ขุนกลางเล่ากันว่ามีถิ่นฐานเดิมอยู่ในมองโกเลียประเทศจีน เนื่องจากการสู้รบและการแย่งชิงของชนหลายกลุ่ม ทำให้ม้งจำนวนหนึ่งอพยพลงมาทางใต้เข้าสู่ประเทศลาวและบางส่วนก็เข้ามาในประเทศไทย เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2262 เมื่อประมาณปี พ.ศ.2391 มีหมู่บ้านขนาดใหญ่คือหมู่บ้านแม่เลา อำเภอเชียงดาวและหมู่บ้านปงซีมี้ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาคนในแต่ละหมู่บ้านได้แยกย้ายกระจัดกระจายไปอาศัยอยู่ตามเทือกเขาที่มีป่าทึบ อากาศเย็นเพื่อเหมาะแก่การประกอบอาชีพที่เรียบง่าย ในปี พ.ศ.2452 กลุ่มม้งที่โยกย้ายมาจากบ้านแม่เลาและบ้านปงซีมี้ จำนวนหนึ่งจึงได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณใต้น้ำตกสิริภูมิ (ในสมัยก่อนเรียกน้ำตกสองพี่น้อง) ปัจจุบันคือหมู่บ้านขุนกลาง ดอยอินทนนท์ (หน้า 48)

Settlement Pattern

ม้งชอบตั้งหมู่บ้านอยู่บนดอยสูง จะเลือกทำเลหลบลงจากยอดเขาเพื่อเป็นกำบังลมและพายุ หมู่บ้านม้งไม่มีแบบผังโดยเฉพาะ แต่มักจะตั้งกันเป็นรูปเกือกม้า ทุกเรือนหันหน้าออกจากภูเขา ไม่สร้างบ้านซ้อนกันเพราะเกรงว่าจะไปขวางทางผีเหย้า หมู่บ้านม้งประกอบด้วยกลุ่มเรือนหลายหย่อม แต่ละหย่อมจะมีราว 7-8 หลังคาเรือน โดยเรือนใหญ่ของคนสำคัญจะอยู่ตรงกลาง (หน้า 34) บ้านเรือนของม้งเป็นโรงคลุมพื้นดิน ยกพื้นสูงเพียงที่นอน ใช้วัสดุการปลูกสร้างที่หาง่ายในท้องถิ่น ฝาบ้านใช้ไม้ฟากตั้งเรียงกัน พวกมีฐานะดีจะใช้ไม้กระดานเรียงติดกันด้วยลิ่ม หลังคามุงด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก บางหลังมุงด้วยหญ้าคาหรือใบก้อ กลางบ้านมีเตาไฟอยู่บนพื้นดิน สำหรับผิงไฟ มีที่วางน้ำชาสำหรับแขก ครกตำข้าวอยู่ในบ้านด้านหน้า ข้างๆ ครกจะมียกร้านสูงประมาณ 1 ศอกใช้เก็บข้าวไร่ข้าวโพดและเครื่องใช้ในการเพาะปลูกนอกจากนี้ยังมีแท่นบูชาดวงวิญญาณบรรพบุรุษอยู่ที่ฝาตรงกลาง ในบ้านม้งทุกหลังจะต้องมีหิ้งบูชาบรรพชนอย่างน้อย 1 หิ้ง (หน้า 36,45)

Demography

ในประเทศไทยเมื่อกลางปี พ.ศ.2526 พบหมู่บ้านม้งกระจายอยู่ในประเทศไทยถึง 245 หมู่บ้าน มีประชากรม้งประมาณ 58,000 คน (หน้า 10,12) เมื่อประมาณปี พ.ศ.2391 หมู่บ้านแม่เลา อำเภอเชียงดาวและหมู่บ้านปงซีมี้ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ มีประชากรแต่ละหมู่บ้านจำนวน 2,000 คน หมู่บ้านขุนกลาง ดอยอินทนนท์ ในช่วงแรกมีประชากรมากประมาณ 50 หลังคาเรือน มีประชากรประมาณ 1,000 คน จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2540 รวม 165 ครัวเรือน รวมประชากรทั้งสิ้น 1,349 คน แยกเป็นชายจำนวน 330 คน เป็นหญิงจำนวน 245 คน เป็นเด็กชายจำนวน 245 คน เป็นเด็กหญิงจำนวน 225 คน มีผู้สูงอายุจำนวน 37 คน มีคนพิการจำนวน 6 คน (หน้า 49)

Economy

ในอดีตประชากรของหมู่บ้านส่วนใหญ่มีอาชีพหลักคือ การทำไร่เลื่อนลอย เช่น ปลูกข้าว ข้าวโพด ผัก ท้อและปลูกฝิ่นเพื่อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราใช้จ่ายในครอบครัว ต่อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ได้เลิกปลูกฝิ่นอย่างสิ้นเชิงและหันมาปลูกพืชผลเกษตรกรรมแผนใหม่ของโครงการหลวง (หน้า 50)

Social Organization

การแต่งงาน ผู้ชายม้งจะแต่งงานกับหญิงต่างตระกูลจะต้องไม่แต่งข้ามรุ่น คือไม่แต่งกับหญิงที่มีอายุคราวแม่หรือลูก จะไม่แต่งกับอาว์ชายหรือน้าสาว แต่อาจแต่งกับอาว์หญิงหรือน้าชายได้ และครอบครัวจะส่งเสริมการสมรสในทำนองนี้ ในอดีตมีธรรมเนียมหมั้นลูกหลานกันไว้แต่ยังเล็กๆ หนุ่มม้งมักจะแต่งงานเมื่ออายุ 17-18 ปี ช่วงเวลาหาคู่ของหนุ่มม้งจะเริ่มอย่างจริงจังในเทศกาลปีใหม่จนถึงต้นฤดูทำนา ซึ่งหนุ่มและสาวจะมาชุมนุมกันเล่นโยนผ้าที่ลานหมู่บ้านในเครื่องแต่งกายเอี่ยมลออเต็มที่ (หน้า 38)

Political Organization

หมอผีจะเป็นเสมือนผู้แทนของผีและชาวบ้านเป็นทั้งผู้นำและผู้ประกอบพิธีกรรม (หน้า 43) บ้านขุนกลางปัจจุบันมีผู้ใหญ่บ้านซึ่งแต่งตั้งจากทางราชการ (หน้า 49)

Belief System

ชีวิตม้งมีความเกี่ยวพันกับเทวดาและผีแทบทุกบท ดังเช่นในบ้านเรือนจะมีผีเหย้าผีเรือนคอยปกปักรักษาคนในบ้าน นอกจากนี้ ผีเหย้ายังคุ้มครองขวัญของพืชพันธุ์อาหารและสัตว์เลี้ยงต่างๆ เพื่อให้ครอบครัวนั้นอยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนี้ ม้งยังเชื่อว่ามี "เจ้าที่" สถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ชาวบ้านจะช่วยกันทำศาลไว้ที่ลำต้นไม้ใหญ่ในป่าเหนือหมู่บ้าน โดยทุกปีชาวบ้านจะต้องส่งผู้แทนเข้าร่วมพิธีเซ่นไหว้อีกด้วย (หน้า 45) สังคมม้งเป็นสังคมที่มีความเชื่อถือเคารพยำเกรงผีหลายประเภท การเจ็บไข้ได้ป่วยเชื่อว่าเกิดขึ้นจากผีร้ายทั้งสิ้น การประกอบพิธีกรรมของม้ง หมอผีจะเป็นเสมือนผู้แทนของผีและชาวบ้านเป็นทั้งผู้นำและผู้ประกอบพิธีกรรม ซึ่งโดยทั่วไปม้งจะเซ่นผีด้วย ข้าว ไก่และหมู ส่วนงานฉลองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นชีวิตจิตใจของม้งได้แก่ งานเทศกาลฉลองปีใหม่ โดยปกติจะเริ่มในวันแรม 15 ค่ำ เดือนธันวาคมของทุกปี ม้งจะหยุดทำงาน วันแรกของเทศกาลม้งจะฆ่าสัตว์เซ่นไหว้บรรพบุรุษ งานฉลองปีใหม่จะจัดติดต่อกันนาน 1 สัปดาห์หรือนานกว่านี้ ชีวิตม้งเกี่ยวพันอยู่กับเทวดาและภูติพราย เช่น ในบ้านเรือนมีผีเหย้าผีเรือนหลายตนคอยปกปักรักษา "ผีประตู" เป็นผีสำคัญมากเพราะเชื่อว่าเมื่อตาย วิญญาณจะต้องขออนุญาตผีประตูเพื่อจะลาจากบ้านออกไปสู่ปรโลกจึงต้องมีการเซ่นไหว้ทุกปี (หน้า 43,45) ฝ่ายชายจะเป็นผู้สืบทอด "ผี" ของบ้าน ถ้าเป็นงานศพจะยกแคร่วางศพผู้ตายตั้งตรงหน้า "ผีสืกลั๊ง" และจะผูกกลองแขวนไว้กับเสากลางบ้าน สำหรับผีที่ประตูหน้าบ้าน เตาไฟเล็กและเตาไฟใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญในการช่วยดูแลให้บ้านมีสภาพอยู่ดีกินดี "ผีสื่อกลั๊ง" อยู่บริเวณฝาบ้านด้านที่อยู่ตรงข้ามกับประตูหน้าบ้านของตัวบ้าน ลักษณะทั่วไปของหิ้งเป็นเพียงกระดาษสีขาวสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดไม่เกิน 12 นิ้ว ไม่มีหิ้งสำหรับวางเครื่องบูชาต่างๆ แต่ถ้าบ้านใดมีสมาชิกในบ้านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เช่น หมอผี หมอคาถาหรือหมอยาสมุนไพรจะมีหิ้งเพิ่มขึ้นมา เป็นหิ้งไม้มีเครื่องบูชา " ผีครู" วางเคียงข้างกับแผ่นกระดาษที่เป็น "ผีสืกลั๊ง" "ผีเสากลางบ้าน" มีความสำคัญมากในพิธีแต่งงานของบุตรสาวเจ้าของบ้าน จะมีพิธีบอกกล่าวกับ "ผี" ที่เสากลางบ้านให้รับรู้ว่า บุตรสาวคนนี้ได้ตัด "ผี" ที่บ้านแล้ว จะไปถือ "ผี" ที่บ้านฝ่ายชายต่อไป (หน้า 50-52) การเกิด ม้งเชื่อว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้เพราะ "เทพีแห่งทารก" ทรงประทานมา สามวันแรกหลังคลอด เด็กยังเป็น "ลูกผี" เมื่อผ่านมา 3 วัน บิดาจะเชิญผู้เฒ่ามาทำพิธี มีการเซ่นไก่ 2 ตัวไหว้เทพีและเชิญขวัญเด็กเข้าสถิตในร่างและในบ้านของบิดามารดา ถือเป็นการรับเด็กเป็น "ลูกคน" มีการตั้งชื่อให้เด็กและแจ้งแก่ผีเหย้าผีเรือน รกของทารกที่เป็นชายจะนำไปฝังใต้พื้นบ้านตรงโคนเสาเอกเพื่อให้ใกล้ชิดกับผีเหย้า หากเป็นหญิงจะนำรกฝังไว้ใต้พื้นตรงที่คลอดนั้น (หน้า 40) ในพิธีตั้งชื่อ ทารกม้งจะได้รับกำไลคอ คล้องไว้เพื่อรับขวัญเพื่อไม่ให้หนีไปจากร่างและเป็นเครื่องหมายว่า ทารกนี้มีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์ โลหะเงินเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและสุขสวัสดีแห่งชีวิต (หน้า 30) ประชากรในหมู่บ้านมีการนับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธและตามบรรพบุรุษ (หน้า 50)

Education and Socialization

ประชากรในหมู่บ้านได้รับการอบรมสั่งสอนด้านศาสนาให้มีศีลธรรมจากนักบวชในศาสนาที่ตนนับถือ (หน้า 50)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

เสื้อผ้าของสตรีม้งเขียว เสื้อผ้าของสตรีม้งเขียว เสื้อแขนยาวถึงข้อมือ ผ่าอก เสื้อยาวปิดเอว เสื้อเป็นผ้าฝ้ายพื้นสีดำ บางครั้งใช้กำมะหยี่ดำมี 3 แบบด้วยกัน ปกเสื้อมี 2 แบบ แบบแรกเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาด 10x16ซม. ธรรมดา อีกแบบหนึ่งมีชายธงแหลมลงมาจากมุมทั้งสอง กระโปรงจีบอัดกลีบรอบตัวยาวถึงเข่า ใช้ผ้าใยกัญชาหรือผ้าฝ้ายทอมือ ใช้ผ้าสามชิ้นต่อกันตามขวาง ชิ้นกลางเป็นชิ้นหลัก กว้าง 25-30 ซม. เขียนลายบาติคซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของม้ง ผ้าชิ้นบนจากเอวถึงสะโพกกว้างประมาณ 15 ซม. เป็นผ้าพื้น ส่วนชิ้นล่างจะปักประดับแพรวพรายด้วยไหมหลากสีเป็นลวดลายครอสติสแทรกสลับกับลายปะผ้าสีแดงและสีสดอื่นๆ ผู้หญิงม้งเขียว มวยผมตึงไว้บนกระหม่อม เกล้าเป็นมวยหนุนข้างในด้วยหมอนหางม้าหรือผมคน พันเสริมให้ดูใหญ่แล้วใช้ผ้าแถบเป็นตาๆ ประดับด้วยลูกปัดสีสวยโพกมวย ในงานปีใหม่บางนางจะสวมผ้าโพกศรีษะซึ่งทำด้วยแถบผ้าขาวตาดำ 14 ชิ้น เย็บเรียงซ้อนกันเป็นกระบังแหลมสูงด้านหน้า เสื้อผ้าของสตรีม้งขาว เสื้อผ้าของสตรีม้งขาว เสื้อผ่าอกแขนยาวดำ แต่งสาบทั้งสองข้างและปลายแขนด้วยแถบผ้าสีฟ้าสด เสื้องานใหญ่จะตกแต่งด้านหน้าด้วยลายปักและลายหนุน (คือลายประกับเอาผ้าหนุนด้านใน) หลังคอแต่งตลอดผืนด้วยลายปัก ลายปะและลายหนุน กระโปรงสีขาวจีบรอบเอวสั้นแค่หัวเข่า นิยมนุ่งในเวลาเข้าไปในเมืองหรือเวลามีพิธี หญิงม้งขาว นิยมพันมวยผมให้ล้ำย้อยมาด้านหน้าละกันเชิงผมด้านหน้าให้ดูมีหน้าผากกว้างขึ้นแต่ไม่นิยมเติมช้องผมมวย เสื้อผ้าของบุรุษม้งเขียวและม้งขาว - เสื้อผ้าของบุรุษม้งเขียวเสื้อแขนยาวรัดตัว แขนยาวถึงข้อมือ ผ่าอกสีดำ ผ่าอกข้างจากต้นคอมาทางเอวซ้ายากกว่าทางเอวขวา - บุรุษม้งขาวสวมกางเกงขายาวผ้าฝ้ายดำหลวมๆ เป้าสูงและไม่หลวมมากเท่าม้งเขียว กางเกงนุ่งป้ายหน้า ขมวดปมเหน็บเอาหรือคาดเข็มขัดตามโอกาสหรือความถนัด มีผ้าคาดเอวผืนกว้าง บางผืนยาว 6 เมตร เวลาคาดจะผูกทิ้งชายห้อยลงมาเสมอกัน ม้งขาวในจังหวัดเชียงใหม่ใช้หมวกทรงกะลา ทำด้วยแพรดำแบบจีนประดับปุยไหมพรมสีบานเย็น ส่วนเสื้อผ้าเด็กมีลักษณะเช่นเดียวกับเสื้อผ้าผู้ใหญ่เพียงแต่ตัวเล็กกว่า เครื่องประดับของม้งนิยมเป็นเครื่องเงินที่มีลักษณะรูปแบบที่หลากหลายประดับสวมตามร่างกาย (หน้า 16-30, 52-55)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ม้งมีรูปร่างลักษณะ ผิวพรรณ ท่าทางและการพูดจาคล้ายคนจีน แต่โดยทั่วไปผิวจะคล้ำกว่าคนจีนเล็กน้อย ผู้ชายค่อนข้างสูง ผู้หญิงรูปร่างได้สัดส่วน บางคนรูปร่างหน้าตาอยู่ในขั้นสวยมาก พวกม้งไวต่อความรู้สึก อยากรู้อยากเห็น แต่ค่อนข้างขี้อาย เป็นคนสุขภาพดีไม่กินหมากและชอบดื่มชาร้อน ดื่มเหล้าเก่งแทบทุกคน (หน้า 13)

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบัน ม้งผู้อาวุโสจะเป็นผู้รักษาจารีตประเพณีดั้งเดิมไว้ ส่วนรุ่นลูกรุ่นหลาน จะแสดงภาพลักษณ์ของ "ม้งทันสมัย" ค้าขายคล่องแคล่ว รู้จักกฎหมายไทย วางตัวได้อย่างกลมกลืนในบริบทค่านิยมของคนทั่วไป (หน้า 52) มีการเปลี่ยนแปลงบ้างในเรื่องการแต่งกาย เช่น ชุดวันปีใหม่ มีการนำผ้าที่มีความแวววาวมาตัดเป็นเสื้อแทนการใช้ผ้าสีพื้นสีเดียว (หน้า 72) ปัจจุบันผู้หญิงม้งสวมเสื้อข้างในเป็นเสื้อยืด แต่ยังสวมเสื้อข้างนอกเป็นเสื้อม้งอยู่ ปักประดับลวดลายที่สาบเสื้อ สีสันบนตัวเสื้อเริ่มมีการใช้สีอื่นเป็นพื้นแทนสีดำล้วนอย่างอดีต เช่น สีเขียว มีการเพิ่มลวดลายพิมพ์ตกแต่งบนตัวเสื้อ มีการตกแต่งลวดลายที่มีสีสันสะดุดตาและใช้ผ้าใยสังเคราะห์ตัดเย็บเสื้อผ้าแทนการใช้ผ้าใยกัญชงหรือผ้าฝ้ายอย่างอดีต นอกจากนี้รูปแบบการแต่งกายของผู้ชายม้งในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่สวมเสื้อ แต่จะสวมใส่เสื้อยืดกับกางเกงม้งแทนกางเกงขาก๋วยสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม (หน้า 83)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพ - ชาวเขาจีนที่แต่งกายคล้ายม้งในประเทศไทย(7) - แสดงเชื้อชาติเผ่าต่างๆ ในประเทศไทย(8) - แผนที่การกระจายหลักแหล่งที่ตั้งถิ่นฐานของเผ่าต่างๆ (หน้า 9) - หมู่บ้านม้ง(10) - ครอบครัวม้งเขียว(11) - ผู้หญิงและเด็กม้งขาวร่วมวงอาหาร(12) - สตรีม้งทำการฝีมือ(14) - ขั้นตอนที่ 1- 6 ในการเขียนลายผ้า(15) - หญิงม้งเขียวทอผ้าด้วยกี่กระตุกผูกหลัง(15) - เสื้อสตรีม้งเขียว(16) - กระโปรงสตรีม้งเขียว(17) - ผ้ากันเปื้อนของสตรีม้งเขียว(18) - ผ้าโพกผมของสตรีม้งเขียว(18) - เสื้อสตรีม้งขาว(19) - ปกเสื้อของม้งแสดงการแสดงการใช้สีสันและฝีเข็มแบบต่างๆ ในการประดิษฐ์ลวดลาย หลากหลาย(20) - กระโปรงสตรีม้งขาว(21) - ผ้าโพกศีรษะของสตรีม้งขาว(22) - ไถ้เงินของสตรีม้งขาว(22) - เสื้อผ้าบุรุษม้งเขียว(23) - กางเกงของบุรุษม้งเขียว(24) - ผ้าคาดเอวของบุรุษม้งเขียว 1(24) - เสื้อผ้าบุรุษม้งขาว(25) - กางเกงของบุรุษม้งขาว(26) - ผ้าคาดเอวของบุรุษม้งขาว(26) - หมวกของบุรุษม้งขาว(26) - ผ้าอุ้มเด็กของบุรุษม้งเขียวแบบที่ 1(27) - วิธีใช้ผ้าอุ้มเด็กขั้นตอนที่ 1(27) - หมวกเด็ก1(28) - เสื้อเด็กชายรุ่นเล็ก(29) - ด้านหน้าของเสื้อเด็กชาย พราวไปด้วยลายปักประดับ(29) - ด้านหลังของเสื้อเด็กชาย(29) - การทำงานของช่างเงินม้ง(30) - สร้อยคอม้ง(30) - สตรีม้งเขียวสวมกำไลคอห้อยโซ่เงินหนักอึ้ง(31) - จี้รูปสลักประแจ(31) - แหวนกระดองเต่า(31) - การศึกษาของเด็กม้งในปัจจุบัน(32) - หมู่บ้านม้งเขียว(34) - "สะพาน" บนทางเข้าหมู่บ้านม้ง(35) - เด็กชายนั่งเป่าจิ้งหน่อง(35) - แผนผังภายในบ้านม้ง(36) - หิ้งบูชาในบ้านม้ง(37) - เครื่องแต่งกายของม้ง(39) - เครื่องประดับบนศีรษะของหญิงสาวเผ่าม้ง(39) - มารดาม้งเขียวกับทารกสวมหมวกปีใหม่(40) - สตรีม้งเขียวในชุดสำหรับสวมในหลุมศพ(41) - มรณาภรณ์ ของสตรีม้งเขียว(42) - แห่ศพจากบ้าน(42) - ฆ่าวัวเพื่อให้ตามผู้ตายไปสู่แดนบรรพชน(42) - ศพรอการฝังที่ชายหมู่บ้าน(42) - เป่าแคนประสานจังหวะกับกลองมรณะ(42) - เปิดทางสู่ปรโลกด้วยศรจากหน้าไม้(42) - ไถ่ถามผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยไม้ทรง(42) - พิธีปัดรังควาญที่ชายหมู่บ้านขากลับจากสุสาน(42) - เสื้อกั๊กวันปีใหม่(43)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 04 พ.ย. 2549
TAG ม้ง, เครื่องแต่งกาย, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง